เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 15 ตอนที่ 436 คลอดลูก
- Home
- เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ?
- เล่มที่ 15 ตอนที่ 436 คลอดลูก
เล่มที่ 15 ตอนที่ 436 คลอดลูก
“สามหาว!” ซั่งกวนเซ่าเฉินตะโกนอย่างเดือดดาล
อย่าว่าแต่ชีพจรของภรรยาเขามิใช่ผู้ใดก็จะสามารถมาจับได้
ตาเฒ่าสามคนนี้ไร้ความสามารถเอง เขาจึงไม่สนใจจะยุ่งเกี่ยวกับพวกเขาอีก
“ไสหัวไป!”
แม้แต่ยามที่ไปดูอาการประชวรให้ฮ่องเต้ก็ยังไม่เคยได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ แต่ไหนแต่ไรการมีอยู่ของสำนักหมอหลวงในวังหลวงก็ล้วนเป็นตัวตนที่พิเศษ
หากลองถามเหล่าผู้สูงศักดิ์ไหนเลยจะไม่เคยป่วย? ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นฮ่องเต้ผู้สูงส่ง หรือบ่าวรับใช้ผู้ต่ำต้อยก็ล้วนปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างนับถือ จำต้องทราบว่าพวกเขาตรวจอาการคนไข้อย่างจริงจังเพื่อให้อีกฝ่ายทรมานน้อยลง แต่วันนี้องค์ชายรองกลับฉุนเฉียวใส่พวกเขาเช่นนี้!
“องค์ชายรองพ่ะย่ะค่ะ ร่างกายของเจิ้งเฟยขององค์ชายรองมีความผิดปกติ กระหม่อมมีชีวิตอยู่มาหลายสิบปีแต่ไหนแต่ไรมิเคยเห็นชีพจรที่แปลกประหลาดเช่นนี้ ขอองค์ชายรองโปรดให้โอกาสพวกกระหม่อมได้ตรวจสอบอย่างละเอียดอีกคราด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”
เยี่ยนพั่นตะโกน ในขณะที่ถูกบ่าวรับใช้ลากออกไปไกลแล้วก็ยังสามารถได้ยินเสียงที่ไม่ยินยอมพร้อมใจของเขาได้ “องค์ชายรองท่านจะต้องเสียใจภายหลังเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ เจิ้งเฟยขององค์ชายรองหาใช่คนปกติ องค์ชายรอง…”
เห็นว่าองค์ชายรองมีสีหน้าโกรธเกรี้ยวขึ้นมาโดยพลันเพราะเสียงตะโกนของเยี่ยนพั่น คนที่เหลืออยู่ภายในห้องต่างพากันกลั้นหายใจ แต่กลับยังคงรู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกอันแปลกประหลาดทางด้านหลัง ราวกับกำลังจะบีบคอพวกเขาจากข้างหลัง
“พวกเจ้าสองคนก็คิดเช่นเดียวกับเขาหรือ?”
หมอหลวงอีกสองคนที่เหลืออยู่ถูกถามก็รีบคุกเข่าลงไปบนพื้นดัง ‘ปึก’ โขกศีรษะอย่างร้องขอความเมตตา “กระหม่อมมิกล้าพ่ะย่ะค่ะ! พวกกระหม่อมไม่ทราบว่าเยี่ยนพั่นพูดอันใด ทราบเพียงว่าเจิ้งเฟยขององค์ชายรองตั้งครรภ์มังกร ขอแสดงความยินดีกับองค์ชายรอง และขอแสดงความยินดีกับเจิ้งเฟยขององค์ชายรองด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
เห็นตาเฒ่าคร่ำครึสองคนนี้มีท่าทีมองสถานการณ์เป็น ซั่งกวนเซ่าเฉินก็แค่นเสียงโบกมือไล่พวกเขาออกไปอย่างหมดความอดทน
ในห้องเหลือเพียงหลิงมู่เอ๋อร์ ซางจือ และเจี้ยงเซียง
“คุณหนูอย่าไปฟังคำพูดเหลวไหลของตาเฒ่านั่นเลยเจ้าค่ะ เขามองอาการป่วยไม่ออกจึงปฏิเสธความรับผิดชอบ หมอด้อยฝีมือ เป็นแค่หมอด้อยฝีมือธรรมดาผู้หนึ่งเจ้าค่ะ” ซางจือยกชาร้อนเข้ามาพลางกล่าวปลอบโยน
“ใช่เจ้าค่ะคุณหนู ยามนี้ร่างกายของท่านอยู่ในช่วงสำคัญ อย่าได้คิดถึงเรื่องเหลวไหลเป็นอันขาด ยิ่งไปกว่านั้นอย่าได้ให้คนที่ไม่สำคัญมามีผลกระทบต่อจิตใจเลยเจ้าค่ะ ร่างกายแปลกอันใด ตั้งครรภ์แล้วจะไม่แปลกไปได้อย่างไรเจ้าคะ? เจี้ยงเซียงขอแสดงความยินดีกับคุณหนูเจ้าค่ะ ขอแสดงความยินดีกับเหยียด้วยเพคะ” เจี้ยงเซียงโค้งกายให้ทั้งสองคนด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยการแสดงความยินดีอย่างจริงใจ
“สมกับเป็นคนที่มู่เอ๋อร์สอนมา ทักษะแพทย์ก็เรียนรู้ถึงแก่นแท้จนสามารถช่วยตรวจอาการป่วยของอาจารย์ได้” ซั่งกวนเซ่าเฉินเห็นได้ชัดว่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง “อีกเดี๋ยวพวกเจ้าอย่าลืมไปรับรางวัลที่ฝ่ายบัญชีด้วย”
ซางจือและเจี้ยงเซียงสบสายตากันก่อนจะพากันคุกเข่าโขกศีรษะอย่างตกใจระคนดีใจ “ซางจือ / เจี้ยงเซียง ขอบพระทัยองค์ชายรองสำหรับรางวัลเป็นอย่างยิ่งเพคะ!”
“เช่นนั้นข้าจะไปต้มน้ำแกงที่มีคุณค่าทางอาหารสูงที่จะช่วยบำรุงชี่ทั้งยังทำให้ร่างกายได้พักผ่อนมาเจ้าค่ะ”
“คุณหนูท่านพักผ่อนให้มากหน่อยเถิดเจ้าค่ะ ที่โรงหมอมีพวกเราอยู่ ท่านบำรุงร่างกายอย่างสบายใจเถิดเจ้าค่ะ”
หลังจากซางจือและเจี้ยงเซียงได้รับรางวัลแล้วก็ไม่กล้ารบกวนโลกของนายท่านทั้งสองคนอีกจึงรีบจากไป
จนกระทั่งในห้องกลายเป็นความเงียบงัน หลิงมู่เอ๋อร์จึงเพิ่งแตะบนท้องแบนราบอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ตรงนี้…มีชีวิตใหม่อยู่จริงหรือ?”
“เจ้าฉลาดเฉลียวมาโดยตลอดเหตุใดจึงมีช่วงที่เลอะเลือนด้วยเล่า แม้แต่ยามที่ตั้งครรภ์แล้วก็ยังไม่รู้หรือ?” ซั่งกวนเซ่าเฉินลูบผมนางอย่างรักใคร่ขณะที่โอบกอดนางไว้จากข้างหลัง
พูดตามตรงในใจเขารู้สึกเสียใจภายหลังอยู่บ้าง “ยังดีที่ช่วงนี้มิได้ให้เจ้าตามข้าไปตามใจชอบ”
“ตั้งแต่องค์ชายเจ็ดทำตัวเป็นขโมยร้องจับโจรจนกระทั่งเขาตายไป รวมถึงฉินรั่วเฉินที่แข็งแกร่งขึ้นมาอย่างกะทันหัน ช่วงนี้เกิดเรื่องราวขึ้นมากมายถึงเพียงนั้น ไหนเลยข้าจะยังมาดูแลร่างกายตัวเองได้” หลิงมู่เอ๋อร์บ่นพึมพำ ความจริงช่วงนี้นางก็รู้สึกว่าเหนื่อยจริงๆ
แต่คำพูดของเยี่ยนพั่นก็มิได้ผิด ร่างกายของนางหากไม่ได้ผิดปกติเมื่อตั้งครรภ์แล้ว นางจะรู้สึกไม่สบายถึงเพียงนี้หรือ?
หลังออกมาจากจวนเสียนหวางเมื่อวาน นางก็รู้สึกไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาอย่างกะทันหัน เมื่อกลับมาถึงตำหนักยังไม่ทันได้ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าก็นอนแล้ว อีกทั้งยังรู้สึกว้าวุ่นทั้งคืนราวกับไม่ว่าสิ่งใดก็ไม่รับรู้ ทว่าก็ราวกับสามารถรับรู้ได้ทุกอย่าง
แล้วไหนเล่าคือปฏิกิริยาแรกเริ่มของการตั้งครรภ์?
“เซ่าเฉิน คำพูดของเยี่ยนพั่นแม้จะไม่น่าฟังแต่ก็มิได้ผิด ร่างกายข้า…”
“ร่างกายเจ้าหาได้มีปัญหาอันใด อย่าได้คิดเรื่องเหลวไหล!” ซั่งกวนเซ่าเฉินพูดขัดจังหวะด้วยท่าทีแฝงไปด้วยอำนาจ
หลิงมู่เอ๋อร์ยังอยากพูดอันใดแต่ความกังวลซึ่งติดอยู่ที่ริมฝีปากก็กลับไปอยู่ในลำคอ
จะไม่มีปัญหาได้อย่างไร?
นางและซั่งกวนเซ่าเฉินตบแต่งกันมานานแล้ว แม้จะหาได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันทุกค่ำคืนแต่นานแล้วก็ยังมิมีข่าวดี นางมิใช่ว่าไม่เคยกังวลใจ ทว่าขอเพียงนึกถึงความพิเศษของนางก็ทำให้ไม่กล้าคิดให้มากความ
แต่เมื่อถึงยามที่เด็กคนนี้มาจริงๆ นางก็อดไม่ได้ที่จะครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วน
ในร่างกายมีมิติลี้ลับเช่นนี้ พื้นที่นั้นมีคูเมืองแห่งหนึ่งอยู่ พื้นที่ลับเช่นนี้หากมีเด็กคนหนึ่งขึ้นมาจะเป็นเช่นไร?
จะไม่ส่งผลกระทบอันใดต่อชีวิตอันบริสุทธิ์ที่จะเกิดมาใช่หรือไม่?
จะทำให้ในร่างกายของเขาเกิดความแปลกประหลาดหรือไม่?
“เหยีย มีคนจากจวนตระกูลหลิงมาเชิญเจิ้งเฟยขององค์ชายรองพ่ะย่ะค่ะ” ที่นอกประตูมีบ่าวรับใช้เร่งรุดมารายงาน
“เกิดอันใดขึ้น?” หลิงมู่เอ๋อร์มีปฏิกิริยาตอบสนองแทบจะกระโดดขึ้นมาจากเตียง ซั่งกวนเซ่าเฉินเห็นเช่นนั้นก็รีบลุกตามมาพยุงร่างกายของนางไว้ให้มั่นคง เมื่อยืนยันแล้วว่านางหาได้มีอันตรายอันใดจึงเพิ่งถอนหายใจอย่างโล่งอก กำลังคิดจะสั่งสอนนางสักสองประโยคแต่จิตใจของแม่นางน้อยล้วนไม่อยู่ที่เขาเลย
“จวนตระกูลหลิงเกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ? แล้วคนเล่า?” หลิงมู่เอ๋อร์ซักไซ้บ่าวรับใช้
“เป็นคนที่ชื่อว่าหยางต้าหนิวอยู่ข้างนอกพ่ะย่ะค่ะ” บ่าวรับใช้กล่าว
“ท่านลุงหรือ?”
หลิงมู่เอ๋อร์ตะลึงงัน มีเรื่องร้ายแรงอันใดถึงต้องให้ท่านลุงมาหานางที่ตำหนักด้วยตัวเองเช่นนี้?
“จะไปที่ใด?” เห็นหลิงมู่เอ๋อร์ไม่สนใจร่างกายตัวเองกำลังจะพุ่งออกไป ซั่งกวนเซ่าเฉินยื่นแขนยาวออกไปคว้าเอวนางกลับมา
“ไม่ได้ยินหรือว่าจวนตระกูลหลิงเกิดเรื่อง? ข้าจะกลับไปดู” หลิงมู่เอ๋อร์เคร่งเครียดอย่างถึงที่สุดทั้งยังพยายามขัดขืน
“เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าเมื่อคืนไม่สบายอยู่ทั้งคืนจนอ่อนแอเพียงใด?” ซั่งกวนเซ่าเฉินก็ถึงขีดจำกัดแล้วเช่นกัน เขาออกคำสั่งโดยมิได้หันกลับไปที่นอกประตู “ให้คนไปเชิญหยางต้าหนิวเข้ามา”
ไม่รอให้หลิงมู่เอ๋อร์ได้ตอบสนอง ร่างกายของนางก็ลอยไปกลางอากาศ เพียงชั่วพริบตาก็ถูกซั่งกวนเซ่าเฉินกดลงบนเก้าอี้แล้ว
“อย่าลืมว่าเจ้าเป็นเจิ้งเฟยขององค์ชายรองเช่นข้าแล้ว เจ้าเป็นเพียงสตรีผู้หนึ่งมิใช่ว่าเรื่องใดก็ล้วนเป็นเจ้าที่สามารถแก้ไขได้ ทว่าเรื่องที่เจ้าแก้ไขไม่ได้ก็ยังมีสามีของเจ้าอยู่ เรื่องนี้ส่งต่อให้ข้าเถอะ”
ซั่งกวนเซ่าเฉินกล่าวอย่างทรงอำนาจทั้งยังมีความเคร่งขรึม กล่าวโดยง่ายคือครานี้ไม่อยากให้หลิงมู่เอ๋อร์ยุ่งเรื่องของผู้อื่นมากนัก
หลิงมู่เอ๋อร์อ้าปากอยากจะพูดอันใด แต่ซั่งกวนเซ่าเฉินมองนางด้วยสายตาเย็นเฉียบ นางจึงทำได้เพียงหดคออย่างว่าง่าย และนั่งรอท่านลุงเข้ามาอย่างเงียบๆ
“มู่เอ๋อร์ มู่เอ๋อร์เจ้ารีบไปดูเร็ว ทั้งครอบครัวล้วนรอเจ้าอยู่ อย่ามัวรีรออีกเลยรีบไปกับข้าเร็ว”
หยางต้าหนิวยังไม่ทันมาถึงตรงหน้า เสียงคนก็ดังเข้ามาแล้ว
ได้ยินน้ำเสียงร้อนรนของเขา หลิงมู่เอ๋อร์ก็ทนนั่งต่อไปไม่ไหว นางรีบลุกขึ้นแต่เห็นสายตาเย็นเฉียบของซั่งกวนเซ่าเฉินพุ่งเข้ามาอีกครา นางจึงลดความเร่งรีบแปรเปลี่ยนเป็นเชื่องช้าและระมัดระวัง “ข้ารู้ขอบเขตดี”
น้อยครั้งที่นางจะอ้อนแต่ก็ล้วนได้ผลอยู่ทุกครา
ซั่งกวนเซ่าเฉินอยากลงโทษนางแต่กลับตัดใจทำไม่ลง ทำได้เพียงมองนางโผเข้าไปที่ประตู
ด้วยเกรงว่านางจะล้ม ซั่งกวนเซ่าเฉินจึงรีบตามไปคุ้มครองจากข้างหลัง เมื่อยืนยันว่านางมิได้หายใจหอบจึงเพิ่งวางใจ
“ท่านลุง ที่บ้านเกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือเจ้าคะ?”
ทันทีที่สิ้นเสียงของหลิงมู่เอ๋อร์ หยางต้าหนิวก็เพิ่งมาถึงตรงหน้า “เป็นเจาหยาง เจาหยางน้ำคร่ำแตกกะทันหันกำลังใกล้จะคลอด พ่อกับแม่เจ้าล้วนรู้สึกไม่วางใจจึงไม่อาจปลีกตัวออกมาได้ ทำได้เพียงให้ข้ามาหาเจ้า เจ้ารีบไปกับข้าเถอะ”
กล่าวจบหยางต้าหนิวก็คว้ามือนางพยายามจะพานางไป แต่กลับถูกซั่งกวนเซ่าเฉินขวางไว้
“มู่เอ๋อร์แม้จะเป็นหมอแต่ก็หาใช่หมอตำแย พานางไปจะมีประโยชน์อันใดขอรับ?” น้ำเสียงของเขาเย็นชา
หยางต้าหนิวตกตะลึง หลานเขยผู้นี้พูดอย่างเย็นชาเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด?
เขาหันกลับไปมองหลิงมู่เอ๋อร์ทั้งยังมองไปทางซั่งกวนเซ่าเฉิน ก่อนจะหันกลับมาอย่างกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง “มู่เอ๋อร์ตอนนี้เจ้า…สะดวกหรือไม่?”
“ไม่สะดวก!” ไม่รอให้หลิงมู่เอ๋อร์เปิดปาก ซั่งกวนเซ่าเฉินก็ตอบกลับไปแทนนางแล้ว ด้วยท่าทางแข็งกร้าวและน้ำเสียงที่ยากจะปฏิเสธ
หยางต้าหนิวตกเข้าสู่ความกลืนไม่เข้าคายไม่ออกโดยพลัน จะก้าวไปข้างหน้าหรือจะถอยหลังก็ทำไม่ได้ ไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไร
หลิงมู่เอ๋อร์กำลังคิดจะขอร้องชายข้างกาย แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะเปิดปากกล่าวอีกครา “ทหาร ไปพาหมอตำแยทั้งหมดในเมืองหลวงไปที่จวนตระกูลหลิง!”
หลังจากนั้นสองก้านธูปในลานของจวนตระกูลหลิงก็มีคนนับร้อยมารวมตัวกัน
ยามที่หลิงต้าจื้อและหยางซื่อเห็นหมอตำแยยืนอยู่เต็มลาน อารมณ์วิตกกังวลก็สงบลงโดยพลัน
ดึงแขนเสื้อของหลิงมู่เอ๋อร์ “มู่เอ๋อร์ นี่มัน…”
“ท่านแม่ แม้ข้าจะเป็นหมอแต่ถึงอย่างไรก็หาใช่หมอตำแยเจ้าค่ะ เซ่าเฉินเป็นห่วงว่าหมอตำแยจะมีประสบการณ์ไม่มากพอจึงหาหมอตำแยทั้งเมืองหลวงมา ยามนี้สถานการณ์ของพี่สะใภ้เป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ?”
ที่แท้ในห้องของหลิงจือเซวียนที่จวนตระกูลหลิงก็ปิดประตูห้องสนิทแล้ว แต่บางครั้งก็มีเสียงร้องเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดของสตรีดังออกมาจากในห้อง
ทันใดนั้นประตูห้องก็เปิดออก มีสาวใช้ยกอ่างใส่เลือดเดินออกมา ทั้งยังมีสาวใช้ที่ถูกเรียกจึงรีบเข้าไป
หลิงจือเซวียนรู้สึกไม่วางใจจึงเดินวนไปวนมาอยู่นอกห้องอยู่ตลอด และที่ข้างกายยังมีท่านยายจุดธูปอธิษฐานขอให้สวรรค์คุ้มครองให้เจาหยางทำการคลอดลูกได้อย่างราบรื่น
“วันนี้เจาหยางและจือเซวียนเดิมกลับมากินข้าวที่บ้าน ร่างกายนางอยู่ในช่วงเวลาสำคัญและไม่ได้กลับมานานแล้ว ข้าจึงคิดจะถามถึงสภาพร่างกายเพื่อเตรียมตัวสำหรับการคลอดลูก แต่คาดไม่ถึงว่ายามที่ไม่ทันระวังนางจะล้มลงไปทั้งยังเห็นสีแดง การคลอดลูกอย่างกะทันหันเช่นนี้ในใจข้ายังมิได้เตรียมรับมือแม้แต่น้อย จึงกังวลใจจนให้ลุงของเจ้าไปพาเจ้ามา” หยางซื่ออธิบายพลางจับมือหลิงมู่เอ๋อร์ไว้แน่น “แม่รู้ว่าเจ้าย่อมช่วยคนได้ แต่แม่ไม่วางใจเลย หากเจาหยาง…”
“ไม่มีหากเจ้าค่ะ!”
หลิงมู่เอ๋อร์มองผู้ที่อยู่ใกล้ที่สุดซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นหมอตำแยที่เก่งกาจที่สุดในเมืองหลวง “ป้าหวัง รบกวนท่านเตรียมตัวให้พร้อมทุกเมื่อด้วย”
เดิมป้าหวังไม่อยากมาแต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคือเจิ้งเฟยขององค์ชายรอง อีกทั้งผู้ที่กำลังจะคลอดยังเป็นจวิ้นจู่ นางก็รีบวิ่งมาแทบไม่ทันและยังมีความสุภาพเป็นอย่างยิ่ง “ท่านโปรดวางใจเถิดเพคะเจิ้งเฟยขององค์ชายรอง มีข้าอยู่รับรองได้ว่าจวิ้นจู่น้อยจะปลอดภัยเพคะ”
“แย่แล้ว แย่แล้ว จวิ้นจู่คลอดยาก”
ประตูที่ปิดสนิทเปิดออกอย่างกะทันหัน หมอตำแยผู้หนึ่งที่ในมือเต็มไปด้วยเลือดเดินออกมา
นางกวาดสายตามองไปรอบๆ หาหยางซื่อ “โธ่ถัง พี่สาว หาใช่ว่าข้าไม่มีฝีมือมากพอแต่ความจริงตำแหน่งทารกในครรภ์ของสะใภ้บ้านท่านผิดปกติเกินไป พวกท่าน พวกท่านเตรียมใจให้พร้อมก่อนเถิด”
กล่าวจบหมอตำแยก็รีบถอยกลับไปที่ห้อง โดยไม่ทันสังเกตแม้แต่น้อยว่าในจวนมีคนมากมายถึงเพียงนี้
หยางซื่อได้ยินก็ตกใจแทบแย่แล้ว “มู่เอ๋อร์ จะทำเช่นไรดี?”
“ป้าหวังรบกวนท่านแล้ว” หลิงมู่เอ๋อร์สงบเป็นอย่างยิ่ง
ป้าหวังกล่าวว่าโปรดวางใจ ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปในห้อง
คนนอกห้องยิ่งรู้สึกตึงเครียดขึ้นมา
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านลุงเจ้าคะ ผู้ที่มีวาสนาย่อมไม่เป็นอันใด พวกท่านอย่าได้กังวลเลยเจ้าค่ะ” หลิงมู่เอ๋อร์ปลอบโยน แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดร่างกายนางจึงรู้สึกซวนเซ รู้สึกเพียงว่าหลังศีรษะรู้สึกหนักๆ ทั้งยังเหมือนจะหลับไปอีกครา
แปลก ร่างกายนางเหตุใดจึงอ่อนแอลงอย่างกะทันหันถึงเพียงนี้?