เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 14 ตอนที่ 420 ความลุ่มหลง
- Home
- เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ?
- เล่มที่ 14 ตอนที่ 420 ความลุ่มหลง
เล่มที่ 14 ตอนที่ 420 ความลุ่มหลง
หมิ่นกุ้ยเฟยมองเซิงเอ๋อร์ จากนั้นมองหลินเล่อเซิงอีกครั้ง แม้นางไม่เต็มใจที่จะเชื่อคำพูดของหลิงมู่เอ๋อร์อย่างมาก แต่การแสดงออกเมื่อครู่ของหลินเล่อเซิงและการแสดงออกของเซิงเอ๋อร์ ก็ทำให้นางไม่อาจไม่สงสัยว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมานั้นตนได้มองคนผิดไป
“หลินเล่อเซิง เจ้าทำให้ข้าผิดหวังเกินไปแล้ว!”
“เสด็จแม่!” เมื่อได้ยินคำนี้ หลิงเล่อเซิงก็ตระหนกอย่างยิ่งแล้ว นางคว้าแขนเสื้อของหมิ่นกุ้ยเฟยไว้แน่น “ไม่ใช่หม่อมฉันนะเพคะ ไม่ใช่หม่อมฉันจริงๆ เพคะ เหตุใดจึงทรงไม่เชื่อเล่อเซิงเล่า? เป็นหลิงมู่เอ๋อร์ผู้นี้ เป็นนางร่วมมือกับเซิงเอ๋อร์ใส่ร้ายหม่อมฉันเพคะ เสด็จแม่!”
“หากข้าสามารถเชิญพระชายาขององค์ชายรองมาร่วมวางแผนทำร้ายท่าน แล้วจะถูกท่านทำร้ายจนเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร หากมิใช่ก่อนหน้านี้ เอ้อร์หวางจื่อเฟยใช้ยาช่วยข้าบำรุงร่างกาย เกรงว่ายามนี้ข้าคงเป็นหนึ่งศพสองชีวิตแล้ว พี่สาว เหตุใดท่านจึงต้องพยายามสังหารข้าอยู่ตลอด!” เสียงแผ่วเบาของเซิงเอ๋อร์ลอยมา แฝงไปด้วยความโศกเศร้าอันไร้ที่สิ้นสุด
“เป็นเพราะข้าแค้นเจ้า แค้นที่เหยียทรงรักเจ้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น!” ราวกับไม่แม้แต่จะคิดก็ตะโกนคำนี้ออกมา ทว่าหลังจากตะโกน หลินเล่อเซิงก็เสียใจแล้ว
แย่แล้ว นี่นางมิใช่กำลังยอมรับการกระทำทั้งหมดของตนในอีกรูปแบบหนึ่งหรือ?
นางหวาดหวั่นยิ่งแล้ว รีบหันกายกลับไป “เสด็จแม่?”
“ใครเข้ามา จับตัวหลินเล่อเซิงไว้!” ไม่อาจทำให้สตรีที่ชั่วร้ายอำมหิตเช่นนี้อยู่ข้างกายถิงเอ๋อร์ของนางได้จริงๆ หมิ่นกุ้ยเฟยอดกลั้นต่อความปวดใจขณะออกคำสั่ง
เห็นองครักษ์เข้าใกล้นาง หัวใจของหลินเล่อเซิงก็พุ่งขึ้นมาอยู่ที่ลำคอ “อย่านะ ไม่ใช่ข้า เป็นเซิงเอ๋อร์ คนที่พวกเจ้าต้องจับควรเป็นเซิงเอ๋อร์จึงจะถูก!”
น่าเสียดายที่ไม่ว่านางจะต่อต้านอย่างไร สตรีที่มือไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะฆ่าไก่จะเป็นคู่ต่อสู้ขององครักษ์ได้อย่างไร?
“ข้าต้องการพบเหยีย เหยียจะต้องมอบความเป็นธรรมให้ข้าแน่ พวกท่านไม่อาจทำเช่นนี้กับข้าได้ เหยียยังไม่กลับมา เหยียทรงไม่มีทางยอมให้พวกท่านทำร้ายข้าแน่ ข้าต้องการพบหน้าเหยีย” หลินเล่อเซิงตะโกน
เห็นท่าทางของนางที่ความตายมาเยือนแล้วยังคิดว่าตนเป็นฝ่ายถูกอยู่อีก หลิงมู่เอ๋อร์อดรู้สึกว่าน่าขบขันไม่ได้ “น่าเสียดายนัก เหยียของเจ้ายามนี้ก็อยู่ในคุกคุมขังนักโทษประหารเช่นกัน เจ้ามิใช่ว่าจะมิได้พบเขาอีกแล้วกระมัง?”
เมื่อได้ยินสองสามคำสุดท้าย ในเสี้ยววินาทีนั้น ความหวังสุดท้ายของหลินเล่อเซิงก็ราวจะดับสลายลง
นางเบิกตาโตขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อ “เจ้าพูดว่าอย่างไรนะ?”
อย่างรวดเร็ว นางมองไปที่เสด็จแม่ เมื่อเห็นท่าทางของเสด็จแม่ที่ปวดใจจนพูดไม่ออกและเคียดแค้น นางก็รู้ว่าหลิงมู่เอ๋อร์มิได้โกหก
หรือว่า หรือว่าแผนการที่เหยียทรงวางไว้มาโดยตลอดได้ล้มเหลวลงแล้วอย่างนั้นหรือ?
“หลิงมู่เอ๋อร์ เจ้าจงใจให้ข้าได้เห็นทุกสิ่งในวันนี้ รอดูเถอะ เปิ่นกงไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่!”
สะบัดแขนเสื้อ หมิ่นกุ้ยเฟยทิ้งคำพูดรุนแรงไว้ก็สาวเท้าจากไปอย่างเกรี้ยวกราด
แม้ว่าหลินเล่อเซิงจะถูกนำตัวไปด้วย แต่หลิงมู่เอ๋อร์รู้ว่า ถึงหลินเล่อเซิงจะไม่มีจุดจบที่เลวร้ายเท่าใด แต่นางก็จะไม่มีโอกาสได้รังแกเซิงเอ๋อร์อีกแล้ว
นางรีบเดินไปยังเบื้องหน้าของเซิงเอ๋อร์ “พี่เซิงเอ๋อร์…”
“บอกข้าว่าคำพูดเมื่อครู่ของเจ้าใช่เรื่องจริงหรือไม่!”
เซิงเอ๋อร์จับข้อมือของนางไว้แน่น เงยหน้า มองตาของนางอย่างไม่อยากเชื่อ
เห็นผู้หญิงที่ลมหายใจกำลังรวยรินคนนี้ ในยามที่ได้ยิน ‘ฉินเสียนถิง’ สามคำ ดวงตากลับทอประกาย หลิงมู่เอ๋อร์รู้ว่า นางถูกกำหนดให้ต้องเสียพี่น้องที่ดีเพียงคนเดียวหลังจากทะลุมิติมาแล้ว
“พี่เซิงเอ๋อร์…” น้ำเสียงของนางอ่อนแรง
“เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว!” เป็นอีกครั้งที่ไม่ให้โอกาสหลิงมู่เอ๋อร์ได้พูดจบ เพราะแค่น้ำเสียงที่รู้สึกผิดนั่น นางก็รู้ถึงผลลัพธ์สุดท้ายแล้ว
แต่ทันใดนั้น นางก็ราวกับเสียสติไป พุ่งเข้าหาหลิงมู่เอ๋อร์อย่างฉับพลัน “มู่เอ๋อร์ เจ้ารับปากข้าแล้ว เจ้ารับปากข้าแล้วว่าจะมอบทางถอยให้เขาสายหนึ่ง เพราะเหตุใด เพราะเหตุใดเจ้าจึงต้องกลับคำ เป็นข้าช่วยเจ้านะ เป็นข้ามอบข้อมูลร่องรอยของหลิ่วฉางอวี้แก่เจ้า เจ้าได้รับปากเงื่อนไขแลกเปลี่ยนกับข้า นั่นเป็นสามีของข้า เป็นความศรัทธาชั่วชีวิตของข้า เป็นชายในดวงใจของข้า เจ้า เพราะเหตุใดกัน!”เพราะการเคลื่อนไหวของนางเกิดอย่างกะทันหันเกินไป ส่วนหลิงมู่เอ๋อร์ก็มิได้ระมัดระวังนาง ดังนั้นจึงได้ถูกพุ่งเข้าใส่แล้ว
ต่อให้ซั่งกวนเซ่าเฉินจะตอบสนองได้ในทันที แต่คอของหลิงมู่เอ๋อร์ก็ยังคงถูกข่วนเป็นรอยแล้ว
เมื่อเห็นว่าเซ่าเฉินคิดจะบันดาลโทสะ หลิงมู่เอ๋อร์ก็รีบจับเขาไว้ ทั้งยังส่ายหัวให้เขา เมื่อมองเซิงเอ๋อร์อีกครั้ง นางพูดอย่างรู้สึกผิดว่า “พี่เซิงเอ๋อร์ ท่านใจเย็นลงสักเล็กน้อยก่อน ให้ข้ารักษาท่านก่อนดีหรือไม่?”
“เจ้าอย่าแตะต้องข้า!”
ปฏิเสธการเข้าใกล้ของหลิงมู่เอ๋อร์โดยสิ้นเชิง เซิงเอ๋อร์ปัดมือของนางทิ้งอย่าไร้ไมตรี “ข้าเห็นเจ้าเป็นพี่น้องที่ดี ช่วยเจ้าหลายครั้ง แต่ข้าขอร้องเจ้าครั้งนี้เพียงครั้งเดียว เจ้ากลับไม่รับปาก! เจ้าส่งเขาเข้าไปในคุก เจ้ารู้หรือไม่ว่าเขาจะต้องผ่านคืนวันเยี่ยงหนึ่งวันประดุจหนึ่งปี”
“แต่หากข้าไม่ทำเช่นนี้ ที่ตายก็จะเป็นผู้บริสุทธิ์คนอื่น พี่เซิงเอ๋อร์ ท่านรู้หรือไม่ว่า ท่านบาดเจ็บถึงเพียงนี้ก็ยังคิดถึงเขา แต่ในยามที่เขารู้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในจวน กลับไม่สนใจความเป็นตายของท่านเลยแม้แต่น้อย? ท่านรู้หรือไม่ว่า วันนี้ในท้องพระโรงมีคนไปรายงานเรื่องสถานการณ์ที่เลวร้ายของท่าน แต่เขากล่าวเพียงคำเดียวว่าให้คนผู้นั้นไสหัวไป!”
หลิงมู่เอ๋อร์ตะโกน หวังว่าเซิงเอ๋อร์จะมองเห็นตัวตนที่แท้จริงของฉินเสียนถิง
“ข้าไม่เชื่อ ข้าไม่เชื่อ!”
ไม่เชื่อคำพูดของหลิงมู่เอ๋อร์โดยสิ้นเชิง เซิงเอ๋อร์ดิ้นรนลุกขึ้นมา จากนั้นยังคิดจะพุ่งเข้าหานางอีก แต่ผู้ที่หยุดนางไว้กลับเป็นเสี่ยวหลัน
“เพี๊ยะ”
ฝ่ามือที่ก้องกังวานตบลงบนใบหน้าของเซิงเอ๋อร์อย่างแรง ทำให้ทุกคนตกตะลึงไปแล้ว
เซิงเอ๋อร์ก็มองสาวใช้ข้างกายของตนอย่างไม่อยากเชื่อเช่นกัน “สาวใช้สารเลว เจ้า…”
“นายหญิง ท่านเสียสติไปแล้วจริงๆ หรือ? ทรงมองให้ชัดเจนสิเพคะ ผู้ที่อยู่เบื้องหน้าของท่าน คือเอ้อร์หวางจื่อเฟยที่ช่วยท่านไว้ หากวันนี้ไม่มีความช่วยเหลือจากนาง เกรงว่าท่านกับข้าสองนายบ่าวคงตายไปนานแล้ว! ยังมี นางกล่าวไม่ผิด เหยียทรงทราบสถานการณ์ในจวนนานแล้วจริงๆ แต่กลับไม่ทรงสนพระทัยที่จะถามไถ่ถึงท่าน เหยียมิได้ทรงรักท่านดังเดิมมานานแล้ว”
“เจ้าพูดเหลวไหล!”
ราวกับจะร้องตะโกนจนลำคอแตก
เซิงเอ๋อร์ไม่ยอมเชื่อความจริงเช่นนี้อย่างสิ้นเชิง นางถอยหลังไปสองสามก้าว นั่งยองลงกับพื้นกอดแขนไว้แน่น “ไม่หรอก เหยียไม่มีทางทำกับข้าเช่นนี้ เหยียเขาไม่มีทางเป็นเช่นนี้!”
“นายหญิง หากเหยียทรงปฏิบัติต่อท่านอย่างจริงใจจริงๆ ต่อให้หลินเล่อเซิงจะพูดเก่งเพียงใด เหยียก็ไม่มีทางไม่มาพบท่าน เห็นได้ว่าเหยียทรงเปลี่ยนใจไปนานแล้ว” เสี่ยวหลันกล่าวจบ ก็พูดทุกเรื่องที่เกิดในช่วงนี้ให้นางฟังอีกครั้ง
ราวกับบาดแผลที่สมานแล้วถูกคนเปิดออกอย่างไร้ปราณี โลหิตหลั่งริน
เซิงเอ๋อร์ยิ่งฟังอารมณ์ก็ยิ่งพลุ่งพล่าน แต่ยิ่งฟังก็ยิ่งโศกเศร้า น้ำตาของนางไหลลงมาไม่หยุด นางอยากบุกออกไปถามเหยียให้ชัด แต่ก็ไร้เรี่ยวแรง คนเมื่อลุกขึ้นมาก็ล้มลงไปอีกครั้ง
“พี่เซิงเอ๋อร์” หลิงมู่เอ๋อร์รีบพุ่งเข้าไป
“เจ้าไสหัวไป!” ผลักหลิงมู่เอ๋อร์ออกไปอย่างไร้ไมตรี เกรงว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่นางพูดคำว่าไสหัวกับหลิงมู่เอ๋อร์
แต่หลังจากกล่าวจบ นางก็เสียใจแล้วเช่นกัน
เซิงเอ๋อร์มิใช่ผู้ที่ไม่แยกแยะเหตุผล ต่อให้อารมณ์จะพลุ่งพล่านเพียงใด นางก็รู้ว่าผู้ใดดีต่อนาง ผู้ใดไม่ดีต่อนาง
ที่เมื่อครู่พุ่งเข้าใส่นางก็เป็นเพราะสูญเสียการควบคุมทางอารมณ์เท่านั้น แต่ในยามที่เสี่ยวหลันกล่าวทุกสิ่งออกมา นางก็เข้าใจแล้ว บางที ในก้นบึ้งของหัวใจนางก็เข้าใจมาโดยตลอด
“หลิงมู่เอ๋อร์ เจ้าไร้น้ำใจเกินไปแล้ว ข้าไม่อยากเห็นเจ้าอีก…” กล่าวจบ เซิงเอ๋อร์ก็คิดหมุนกาย แต่สุดท้ายแบกรับน้ำหนักของร่างกายไว้ไม่ไหว จึงล้มลงในอ้อมกอดของนาง
“เร็วเข้า รีบวางนางให้ราบพื้น!” หลิงมู่เอ๋อร์ไม่ได้แค้นเคืองต่อการตะโกนด้วยโทสะของนาง แต่กลับช่วยรักษานางในทันที
ครึ่งชั่วยามให้หลัง หลิงมู่เอ๋อร์จึงได้ถอนหายใจครั้งหนึ่งอย่างโล่งอก
“ยังดีที่พื้นฐานร่างกายไม่เลว แม้ว่าบนร่างกายจะมีบาดแผลหลายแห่ง แต่ยังดีที่ทารกในครรภ์ไม่เป็นไร เช่นนี้แล้วกัน ข้าจะออกใบสั่งยาให้เจ้าใบหนึ่ง หลายวันนี้เจ้าจะต้องคอยดูแลนางอยู่ข้างกาย อีกทั้งคอยจับตาให้นางกินยาตรงเวลา เข้าใจหรือไม่?”
หลิงมู่เอ๋อร์กำชับเสี่ยวหลัน
“เอ๋อร์หวางจื่อเฟย นายหญิงปฏิบัติต่อพระองค์เช่นนี้ พระองค์ทรงไม่โกรธจริงๆ หรือเพคะ?” เสี่ยวหลันกังวลอยู่บ้าง
“โกรธ แต่นางเป็นพี่น้องที่ดีของข้า ข้าเชื่อว่านางจะเข้าใจข้าแน่” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าว ยามนี้ได้ลุกขึ้นยืนแล้ว “เกรงว่าตอนนี้ ผู้ที่นางไม่อยากเห็นมากที่สุดก็คือข้า ดังนั้น ช่วงนี้ต้องรบกวนเจ้าให้ดูแลนางดีๆ”
“ทรงวางพระทัยเถิดเพคะ นายหญิงเป็นเจ้านายของบ่าว บ่าวจะต้องทำหน้าที่ของตนให้ดี เพียงแต่…” เสี่ยวหลันอ้ำๆ อึ้งๆ “เอ้อร์หวางจื่อเฟย เหยียทรง…”
“ไม่ผิด ฉินเสียนถิงทำเรื่องชั่วช้าไว้มากมาย ได้ถูกฝ่าบาทมีพระราชบัญชาให้ขังในคุกประหารแล้ว เกรงว่าชั่วชีวิตนี้คงไม่ได้ออกมาอีก ดังนั้น จงดูแลพี่เซิงเอ๋อร์ให้ดี จากนั้นเจ้าส่งคนไปแจ้งข้า ข้าจะจัดที่อยู่ใหม่ให้นาง”
ได้ยินคำนี้เสี่ยวหลันก็ไม่รู้ว่าเหตุใดจึงได้รู้สึกยินดีเล็กน้อย แต่ก็โศกเศร้าอย่างมากเช่นกัน
เหยียไม่อยู่แล้ว จวนองค์ชายเจ็ดแห่งนี้ก็จะมิใช่จวนองค์ชายเจ็ดอีก เช่นนั้น นายหญิงก็จะมิใช่นายหญิงอีกต่อไป นอกจากนี้ ตามกฎหมายของแคว้นเทียนเฉา เกรงว่าทุกคนในจวนทั้งบนล่างล้วนต้องร่วมฝังไปด้วย
เสี่ยวหลันจึงเพิ่งเข้าใจความหมายในคำพูดของหลิงมู่เอ๋อร์ ที่แท้หลิงมู่เอ๋อร์ต้องการจะปกป้องชีวิตของพวกนางสองนายบ่าว
“บ่าวขอบพระทัยเอ้อร์หวางจื่อเฟยแทนนายหญิงเพคะ” เสี่ยวหลันคุกเข่าลงกับพื้น โขกศีรษะขอบพระคุณนางอย่างนอบน้อม
“เจ็ดวันให้หลังข้าค่อยมาดูพวกเจ้า”
หลังจากหลิงมู่เอ๋อร์พยักหน้า ก็ออกจากจวนองค์ชายเจ็ดไปพร้อมกับซั่งกวนเซ่าเฉิน
นางอยากอยู่เป็นเพื่อนพี่เซิงเอ๋อร์ ยิ่งอยากพาเซิงเอ๋อร์กลับไปดูแลที่จวนองค์ชายรอง แต่เกรงว่าเซิงเอ๋อร์คงไม่อยากเห็นนางแม้แต่นิดเดียว
อีกอย่าง ฉินเสียนถิงก็ยังไม่ถูกกำหนดโทษ แต่เชื่อว่าฝ่าบาทก็คงไม่ทรงทำร้ายผู้บริสุทธิ์ เพราะถึงอย่างไรในท้องของนางก็ยังมีทายาทของฉินเสียนถิง
“เซ่าเฉิน ข้าทำผิดไปแล้วจริงๆ หรือ?”
นั่งอยู่ในรถม้า หลิงมู่เอ๋อร์พิงอยู่ที่ไหล่ของซั่งกวนเซ่าเฉิน แค่คิดถึงการแสดงออกเมื่อครู่ของพี่เซิงเอ๋อร์ นางก็รู้สึกผิดอย่างมาก
“สาวน้อยที่โง่งม เจ้ามิได้ผิด”
น้ำเสียงที่ราบเรียบแต่อ่อนโยนของซั่งกวนเซ่าเฉินดังมา ราวกับนำพลังอันเข้มข้นมาด้วย
เขายื่นแขนยาวออกไปโอบนางไว้ในอ้อมกอดแน่น วางคางไว้บนผมของนาง “เจ้าพูดไม่ผิด ฉินเสียนถิงก่อกรรมทำชั่วไว้มากมาย ช้าเร็วเขาจะต้องชดใช้ เซิงเอ๋อร์เพียงลุ่มหลงอยู่ในโลกของตนเองเท่านั้น เชื่อว่าอีกไม่ช้านางก็จะเข้าใจ”
“แต่ฉินเสียนถิงเป็นทุกสิ่งของพี่เซิงเอ๋อร์จริงๆ หากฉินเสียนถิงเกิดเรื่อง ผืนฟ้าของพี่เซิงเอ๋อร์ก็จะถล่มลงมาจริงๆ” หลิงมู่เอ๋อร์เสียใจอยู่บ้างแล้วจริงๆ นางกำลังคิดว่า ควรจะขอร้องให้ฮ่องเต้ลงโทษด้วยวิธีอื่นดีหรือไม่
“เช่นนั้นเหยียก็ไม่ใช่แผ่นฟ้าของเจ้าหรือ? หากฉินเสียนถิงไม่ตาย เหยียก็จะตาย อย่างไรกัน เจ้าหวังว่าผู้ที่อยู่ข้างในจะเป็นข้าหรือ?” ซั่งกวนเซ่าเฉินถาม น้ำเสียงออกจะไม่สบอารมณ์อยู่บ้าง
“แน่นอนว่าไม่ใช่!” ไม่แม้แต่จะคิดก็เงยหน้าขึ้นอธิบาย ทว่าคำพูดยังกล่าวไม่จบ ก็ถูกคนปิดริมฝีปากสีแดงชาดไว้
หลิงมู่เอ๋อร์คิดดิ้นรนโดยสัญชาตญาณ แต่กลับถูกเจ้าคนนี้จับไว้แน่นยิ่งกว่าเดิม
ใช่สิ นานเท่าใดแล้วนะที่พวกนางไม่ได้สนิทสนมกันแบบนี้?
นับตั้งแต่ผู้ชายตรงหน้าโดนจับไปอย่างกะทันหัน พวกนางก็มีชีวิตอยู่ในความไม่สบายใจทุกวัน ทั้งยังร้อนใจจะหาหลักฐานของฉินเสียนถิงให้เจอ พวกนางไม่ได้ผ่อนคลายเลยแม้แต่วันเดียว
สัมผัสได้ถึงความกระตือรือร้นของซั่งกวนเซ่าเฉิน หลิงมู่เอ๋อร์ไม่อาจแข็งใจให้คนข้างกายต้องผิดหวัง จึงยื่นมือทั้งสองข้างโอบรอบเอวเขา เปลี่ยนจากการรับเป็นการรุก
ยามหนึ่งจุมพิตจบลง นางไม่มีเรี่ยวแรงเหลืออยู่แล้ว ซุกอยู่ในอ้อมกอดของเขาราวถูกดูดวิญญาณไปจนเหือดแห้ง
“เซ่าเฉิน แต่ในใจของข้ายังคงรู้สึกผิดต่อพี่เซิงเอ๋อร์”
“เยี่ยงนั้นเจ้าคิดจะทำสิ่งใด?” ซั่งกวนเซ่าเฉินรู้ว่า ต่อให้เขาไม่เห็นด้วย สาวน้อยของเขาก็จะต้องไปทำอย่างแน่นอน ดังนั้นแทนที่จะให้นางไปเสี่ยงอันตรายเพียงผู้เดียว ไม่สู้ไปพร้อมกับนางด้วย
“ผู้ที่อยู่ในคุกประหาร ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจเข้าเยี่ยม แต่คิดว่าคนที่พี่เซิงเอ๋อร์อยากพบที่สุดในตอนนี้ก็คือฉินเสียนถิง ข้าอยากพาพี่เซิงเอ๋อร์ไปพบเขา”