เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 14 ตอนที่ 411 ขอความช่วยเหลือ
- Home
- เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ?
- เล่มที่ 14 ตอนที่ 411 ขอความช่วยเหลือ
เล่มที่ 14 ตอนที่ 411 ขอความช่วยเหลือ
หลินเล่อเซิงถูกคำพูดนี้ของนางทำให้โมโหจนเสียสติไปอย่างสมบูรณ์แล้ว
นางไม่สนใจที่จะไปจับเสี่ยวหลันอีก ยื่นมือไปหยิบเครื่องทรมานในคุกอย่างไม่สนใจว่าเป็นสิ่งใด แล้วสาวเท้ายาวเข้าหาเซิงเอ๋อร์
ส่วนเสี่ยวหลันที่ได้รับสัญญาณจากเจ้านายก็รู้ว่า มีเพียงหาคนช่วยพบจึงจะสามารถช่วยนายหญิงออกไปได้ นางถือโอกาสในจังหวะที่หลินเล่อเซิงเข้าใกล้เจ้านายนั่นเอง นางก็พุ่งเข้าใส่หลินเล่อเซิงอย่างแรง
หลินเล่อเซิงคิดไม่ถึงเลยว่าเสี่ยวหลันจะพุ่งเข้าใส่นาง นางเบี่ยงกายหลบและกรีดร้อง ส่วนเสี่ยวหลันก็ถือโอกาสในเวลาเดียวกับที่สาวใช้ไปประคองหลินเล่อเซิง ใช้โอกาสในความวุ่นวายกรีดสาวใช้นางหนึ่งจนได้รับบาดเจ็บ แล้วหนีออกจากคุกได้สำเร็จ
เห็นเสี่ยวหลันหนีออกไปได้สำเร็จ เซิงเอ๋อร์จึงได้ถอนใจอย่างโล่งอก แต่นางก็รู้ว่า ครั้งนี้หลินเล่อเซิงยิ่งไม่มีทางปล่อยนางไปแล้ว
“เปิดประตู เปิดประตู ข้าขอร้อง พวกเจ้าเปิดประตูเถิด” เสี่ยวหลันที่หนีออกมาจากจวนองค์ชายเจ็ดได้อย่างไม่ง่ายเลย ออกแรงตบประตูจวนองค์ชายรองสุดชีวิต
ผ่านไปครู่หนึ่ง มีบ่าวรับใช้เปิดประตูจวนออก เมื่อเห็นว่าเป็นสาวใช้ที่ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลนางหนึ่ง ยังคิดว่าเป็นขอทานที่หนีภัยธรรมชาติมาจากที่ใด บ่าวรับใช้เหลือบมองนางครั้งหนึ่ง “ขอทานตัวเหม็นจากที่ใดกัน ไสหัวไปซะ!”
เห็นว่าประตูกำลังจะถูกปิดลง เสี่ยวหลันไม่อาจห่วงว่าจะถูกหนีบอีก ร่างกายครึ่งส่วนของนางรีบบุกเข้าไป “ข้ามาหาพระชายาขององค์ชายรองเจ้าค่ะ ข้าเป็นสาวใช้ของจวนองค์ชายเจ็ด มีเรื่องสำคัญมาเข้าเฝ้าเอ้อร์หวางจื่อเฟย รบกวนพวกท่านช่วยรายงานสักครั้ง”
บ่าวรับใช้จึงได้เบิกตาอันสะลึมสะลือออก มองสำรวจนางขึ้นลงใหม่อีกรอบ “อาศัยเจ้า ขอพบเอ้อร์หวางจื่อเฟย?”
ได้ยินเสียงเย็นชาของบ่าวรับใช้ เสี่ยวหลันจึงได้นึกถึงสิ่งของซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่หลิงมู่เอ๋อร์มอบให้นางในตอนกลางวัน นางรีบค้นหา “นี่ นี่เป็นป้ายหยกประดับของพระชายาองค์ชายรอง พวกท่านคงจะไม่อาจไม่รู้จักกระมัง ข้าต้องการเข้าเฝ้าเอ้อร์หวางจื่อเฟย รบกวนพวกท่านเร็วหน่อย หากช้าไปอีกก้าว เจ้านายของพวกเราก็จะไม่มีชีวิตแล้ว!”
ได้ยินเสี่ยวหลันกล่าวอย่างเร่งร้อน บ่าวรับใช้ก็มิได้ใส่ใจ แต่ในยามที่เขาเห็นป้ายหยกประดับในมือของเสี่ยวหลัน บ่าวรับใช้จึงได้เบิกตากว้าง ท่าทีก็เปลี่ยนไปร้อยแปดสิบองศา “เชิญแม่นางรอสักครู่ บ่าวจะไปรายงานเดี๋ยวนี้ขอรับ”
“ขอบคุณมาก!”
เสี่ยวหลันยืนรออยู่นอกจวนอย่างสงบ แต่นางเป็นห่วงชีวิตของเจ้านาย เพียงครู่เดียวก็รอไม่ไหว
เงยหน้ามองแสงจันทร์ที่อยู่เหนือศีรษะอีกครั้ง แม้แต่ดวงจันทร์ก็จะลงจากฟ้าแล้ว ฟ้ากำลังจะสว่างแล้ว แต่นางกลัวว่านายหญิงจะอดทนจนเห็นดวงอาทิตย์ของวันพรุ่งไม่ไหวนะสิ!
ในที่สุด ในที่สุดนางก็ได้เห็นบ่าวรับใช้ออกมา นางรีบพุ่งเข้าไป แต่ความว่างเปล่าที่เบื้องหลังของบ่าวรับใช้ มีเงาร่างของพระชายาองค์ชายรองที่ใดกัน?
เสี่ยวหลันผิดหวังอย่างยิ่งแล้ว “เอ้อร์หวางจื่อเฟยเล่า? หรือว่าไม่ทรงอยู่จวนหรือ?”
“ช่างไม่พอดีกันจริงๆ เมื่อครึ่งชั่วยามก่อน เอ๋อร์หวางจื่อเฟยกับองค์ชายรองทรงเสด็จเข้าวังไปแล้ว” บ่าวรับใช้กล่าวอย่างเคารพ “ไม่ทราบว่าแม่นางมีเรื่องสำคัญใดหรือไม่ขอรับ? ไม่สู้ท่านเข้าไปรอ?”
“เข้าวัง? เหตุใดจึงเข้าวังกัน?” เสี่ยวหลันรู้สึกเพียงว่าความหวังที่มีอยู่เต็มหัวใจพังทลายลงไปในนาทีนี้อีกครั้ง ก็ราวกับน้ำเย็นอ่างหนึ่งถูกราดลงบนยอดกระหม่อมไปจนถึงกลางฝ่าเท้า ความหวังเดียวที่เหลืออยู่ก็พังทลายลงแล้ว
“ยังมีเวลาเหลืออีกไม่ถึงสองชั่วยามฟ้าก็จะสว่างแล้ว วันนี้มิใช่วันมงคลที่หมิ่นกุ้ยเฟยจะได้รับการสถาปนาหรือ เกรงว่าคงจะไปแสดงความยินดีร่วมกับองค์ชายรองแล้ว” บ่าวรับใช้กล่าว เสี่ยวหลันจึงค่อยๆ ระลึกขึ้นได้
แต่นางมีฐานะเป็นบ่าว แม้แต่ประตูวังก็เข้าไปไม่ได้ แล้วจะหาเอ้อร์หวางจื่อเฟยจนพบเพื่อไปช่วยนายหญิงได้อย่างไร?
ดูจากไอสังหารที่กดดันผู้คนตอนที่นางหนีออกมาของหลินเล่อเซิงแล้ว เกรงว่านายหญิงคงอดทนได้อีกไม่นานแล้ว
ในขณะที่กำลังร้อนใจนั่นเอง ในสมองของเสี่ยวหลันพลันมีแสงสว่างแวบขึ้นมาเป็นชื่อของคนผู้หนึ่ง เสี่ยวหลันมิได้กล่าวสิ่งใดอีกหมุนกายได้ก็วิ่งทันที
“เอ๊ะ แม่นาง ท่านไม่รอแล้วหรือขอรับ?” บ่าวรับใช้ยังไม่ทันได้สติกลับมา ก็พบว่าเสี่ยวหลันได้วิ่งไปไกลแล้ว
จวนเสียนหวาง มิผิด คล้ายกับว่าในลมหายใจเพียงเฮือกเดียว เสี่ยวหลันจะอ้อมครึ่งเมืองหลวงมาถึงจวนเสียนหวาง
ไม่มีเวลามาสนใจปอดที่แทบจะระเบิด นางเค้นเรี่ยวแรงสุดท้ายตบประตูจวน เพียงครู่เดียว ประตูจวนก็เปิดออกแล้ว มีชายหนุ่มที่สง่างามผู้หนึ่งเดินออกมา
แต่ในยามที่นางมองเห็นใบหน้าของชายหนุ่มอย่างชัดเจนนั้น ดวงตาของนางก็เริ่มจะพร่าเลือนแล้ว ไม่ได้ นางไม่อาจเป็นลมหมดสติไปได้ แต่จะทำเช่นใดดี นางไม่มีเรี่ยวแรงแล้วจริงๆ
“ข้า ข้าต้องการพบเสียน…”
“แม่นาง!” จื่อถงรีบพุ่งออกมาและพยายามเรียกชื่อนาง แต่น่าเสียดายที่เสี่ยวหลันได้เข้าสู่สภาวะกึ่งหมดสติไปแล้ว
เห็นว่าคนที่แต่งกายเช่นสาวใช้ผู้นี้มีบาดแผลอยู่ทั่วร่าง คิ้วกระบี่ที่น่ามองของจื่อถงก็ขมวดแน่น ในขณะที่กำลังคิดจะหาบ่าวรับใช้สักคนมาส่งนางไปที่ใดสักแห่ง แต่ในยามที่เขาหมุนกายจากไปนั้น ก็เห็นป้ายหยกประดับชิ้นหนึ่งที่สาวใช้กำไว้ในมืออย่างมิได้ตั้งใจ
“คุณชาย มีสาวใช้นางหนึ่งต้องการพบคุณชาย แต่ยามนี้นางได้หมดสติอยู่นอกจวน ขอคุณชายสั่งการด้วยขอรับ” จื่อถงเคยชินแล้วกับสภาพการที่ดึกมากแล้วแต่คุณชายยังไม่พักผ่อน ดังนั้นเขาจึงมารายงานเรื่องนี้ที่ห้องตำราทันที
“สาวใช้?”
ริมฝีปากบางของซูเช่อเผยอเล็กน้อย ทว่าแม้แต่ศีรษะก็ไม่เงยขึ้นมา “ผู้ที่อยากพบเปิ่นหวางมีเต็มไปหมด หรือว่าเปิ่นหวางต้องพบทีละคนด้วย? ในเมื่อเป็นลมไปแล้วก็ส่งตัวไปเถอะ”
จื่อถงกลับมิได้จากไปในทันที แต่กลับนำป้ายหยกประดับที่ได้จากมือของสาวใช้ยื่นไปที่โต๊ะทำงาน “แต่ผู้น้อยพบของสิ่งนี้ในมือของสาวใช้ขอรับ”
เดิมซูเช่อมิได้รู้สึกสนใจ แต่เขาเพิ่งจัดการเอกสารเบื้องหน้าเสร็จพอดี ในยามที่กำลังคิดว่าจะเงยหน้าดื่มชาสักถ้วย หางตาไม่ทันระวังสังเกตเห็นตัวอักษร ‘มู่’ บนหยกเสียได้
เขาแทบจะวางถ้วยชาลงแล้วหยิบหยกประดับขึ้นมาโดยสัญชาตญาณทันที
“เป็นคนของสาวน้อยผู้นั้น?” ซูเช่อถามอย่างกังวลใจ
“ไม่เหมือนขอรับ แต่บนใบหน้าของนางมีบาดแผล ทำให้คนมองรูปหน้าไม่ออก แต่ผู้น้อยค่อนข้างจะรู้สึกว่าคล้ายคนของจวนองค์ชายเจ็ดขอรับ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ซูเช่อก็ครุ่นคิดทันที เหตุใดคนของจวนองค์ชายเจ็ดจึงได้มาที่จวนเสียนหวางของเขา ทั้งยังต้องการพบเขา? หรือว่าพระชายารองนางนั้นพบกับอันตรายใดอีกแล้ว?
แต่วันนั้นในร้านอาภรณ์เด็กนางแสดงออกอย่างชัดเจนและตรงไปตรงมาว่าไม่ต้องการให้เขายุ่งเกี่ยว นอกจากนี้ เหตุใดสาวใช้ของจวนองค์ชายเจ็ดจึงมีป้ายหยกประดับของหลิงมู่เอ๋อร์ได้
“เร็ว รีบพานางเข้ามา”
ในยามที่ซูเช่อเห็นเสี่ยวหลันเป็นครั้งแรกก็จำฐานะของนางได้ทันที ถึงแม้ว่าองคาพยพทั้งห้าของนางจะถูกคนทุบตีตนเปลี่ยนรูป
“หาหมอมาคนหนึ่ง” ซูเช่อสั่งการ
“ขอรับ”
จื่อถงรีบออกไปทันที ราวครึ่งชั่วยามให้หลัง ท่านหมอที่อายุมากแล้วก็รีบเดินเข้ามาอย่างเร่งร้อน
“เหล่าฟูคารวะเสียน…”
“ไม่ต้องเกรงใจแล้ว มาดูบาดแผลของแม่นางคนนี้ก่อน เหตุใดนางจึงเป็นลมได้” ซูเช่อพยักหน้าให้ท่านหมอ ส่งสัญญาณให้เขาไม่ต้องมากมารยาท
ท่านหมอเห็นเช่นนั้นก็ขยับไปข้างกายเสี่ยวหลันทันที ยามนี้ นางนอนอยู่บนเตียงในห้องรับแขกแล้ว
หลังจากท่านหมอจับชีพจรให้นางคร่าวๆ แล้ว ก็ตรวจลูกตาของนาง การกระทำทั้งหมดลื่นไหลติดต่อกัน
“ทูลท่านอ๋อง แม่นางท่านนี้แม้จะดูบาดเจ็บไม่น้อย แต่ดีที่ล้วนเป็นบาดแผลภายนอก เพียงแค่ใช้ยาทาภายนอกเท่านั้นก็พอ ส่วนที่หมดสติเป็นเพราะเหน็ดเหนื่อยเกินไป หากเหล่าฟูเดาไม่ผิดแล้วละก็ ก่อนหน้านางจะหมดสติจะต้องวิ่งเป็นเวลานาน ทำให้อวัยวะภายในทำงานหนักมากเกินไป ทว่าไม่ร้ายแรงมากพ่ะย่ะค่ะ”
กล่าวจบ ท่านหมอก็หยิบขวดสีดำออกมาจากกล่องยา วางไว้ใต้จมูกของเสี่ยวหลันให้ดม
ซูเช่อกับจื่อถงรู้สึกเพียงว่ามีกลิ่นเหม็นที่ชวนให้คนอาเจียนสายหนึ่งลอยมา ไม่ทันให้พวกเขาได้ถามว่าของนี้คือสิ่งใด เสี่ยวหลันก็ฟื้นแล้ว
“เสียนหวาง? ขอเสียนหวางทรงโปรดช่วยเจ้านายของข้าด้วยเพคะ!”
ทันทีที่เสี่ยวหลันลืมตาก็พบว่าผู้ที่อยู่เบื้องหน้าคือซูเช่อ นางไม่อาจสนใจสิ่งอื่นรีบปีนขึ้นมาคุกเข่าลงบนพื้น การกระทำนั้นกะทันหันเป็นอย่างมาก
ซูเช่อเห็นเช่นนั้นก็รีบส่งสายตาให้จื่อถง เป็นสัญญาณให้เขาพาหมอออกไป นอกห้อง เหลือเพียงเขากับเสี่ยวหลันสองคนเท่านั้น
“หากเปิ่นหวางจำไม่ผิดแล้วละก็ เจ้าเป็นสาวใช้ของจวนองค์ชายเจ็ด เหตุใดจึงมาที่จวนเสียนหวางของข้าขอให้ช่วยนายของเจ้า?” ซูเช่อถาม น้ำเสียงแม้จะเย็นชาทว่าอ่อนโยน ทำให้คนฟังเดาอารมณ์ไม่ออก
เสี่ยวหลันกำลังคิดจะเอ่ยปาก แต่ก็รู้สึกศีรษะวิงเวียน ราวกับจะล้มลงไปอีกครั้ง นางรีบหยิกตนเองครั้งหนึ่ง จึงได้มีสติขึ้นกว่าเดิมมาก “ทูลท่านอ๋อง นายหญิงของข้ากำลังถูกพระชายาเอกรังแก หากยังไม่ไปช่วยแล้วละก็ เกรงว่าชีวิตคงจะหาไม่แล้ว ยังขอให้ท่านอ๋องตอบแทนบุญคุณที่ครั้งนั้นได้ช่วยเหลือไว้ด้วยเถิดเพคะ!”
หากมิใช่เพราะสถานการณ์บีบบังคับ เสี่ยวหลันไม่มีทางพูดเรื่องถึงในตอนนั้นแน่ ดีไม่ดีเสียนหวางท่านนี้ เป็นเพราะถูกคนพูดเปิดโปงความลับจะให้คนมาเด็ดหัวนาง!
แต่นางไม่มีวิธีอื่นแล้วจริง กล่าวจบ ก็โขกศีรษะลงอย่างแรงต่อเสียนหวาง
ใบหน้าของซูเช่อดำคล้ำ แต่เห็นท่าทีของนางมีความจริงใจ เพลิงโทสะในใจก็ค่อยๆ สลายไป
เซิงเอ๋อร์มีบุญคุณต่อเขา ตามหลักเขาควรไปช่วยเหลือ แต่หากเขายังไม่รู้ที่ไปที่มาก็ส่งคนไปที่จวนองค์ชายเจ็ด ก็ไม่เหมาะสมจริงๆ
“หลินเล่อเซิงขัดตาที่ฉินเสียนถิงโปรดปรานเซิงเอ๋อร์ จึงหาวิธีรังแกนาง ก่อนหน้านี้เปิ่นหวางได้ช่วยพวกเจ้าไปครั้งหนึ่งแล้ว บุญคุณในครั้งก่อนก็ถือได้ว่าคืนแล้ว แต่เจ้ากลับมาอีก? เช่นนั้นเจ้าจงบอกเปิ่นหวาง ว่าเหตุใดในมือของเจ้าจึงมีป้ายหยกประดับของพระชายาแห่งองค์ชายรอง?” นี่จึงเป็นสิ่งที่เขาสงสัย
“ทูลท่านอ๋อง เป็นนายหญิงเพคะ ผู้ที่นายหญิงนึกออกว่าสามารถช่วยนางได้เพียงคนเดียวก็คือเอ้อร์หวางจื่อเฟยเพคะ แต่เมื่อครู่บ่าวไปที่จวนองค์ชายรองมา ข้ารับใช้กล่าวว่าเอ้อร์หวางจื่อเฟยและองค์ชายรองทรงเข้าวังไปแต่เช้าเพื่อแสดงความยินดีต่อการสถาปนาของหมิ่นกุ้ยเฟยแล้วเพคะ บ่าวก็เพราะไร้หนทางอื่นจึงได้มาที่จวนเสียนหวางเพื่อขอร้องท่านอ๋องเพคะ!”
เสี่ยวหลันกลัวอย่างยิ่งว่าซูเช่อจะไม่ยอมช่วยคน นางด้านหนึ่งโขกศีรษะด้านหนึ่งร้องไห้ “วิงวอนท่านอ๋องโปรดเมตตา ช่วยนายหญิงของข้าด้วยเพคะ เสี่ยวหลันเต็มใจเป็นวัวเป็นม้าขอบคุณท่านอ๋อง ขอร้องท่านอ๋องเถิดเพคะ”
“แม้ข้าจะเป็นเสียนหวาง แต่พระชายาเอกขององค์ชายเจ็ดสั่งสอนชายารอง นั่นเป็นเรื่องในครอบครัวของจวนองค์ชายเจ็ด หากข้าไปช่วยคนในยามวิกาล ไม่เพียงมิอาจช่วยเจ้านายของเจ้า ยังจะทำลายชื่อเสียงของนางด้วย เช่นนี้แล้วกัน ข้าจะส่งคนไปติดต่อพระชายาขององค์ชายรองในวังเดี๋ยวนี้ เจ้ารอก่อนเถอะ”
กล่าวจบ ซูเช่อก็ได้ออกจากห้องไปแล้ว
เสี่ยวหลันยังคิดจะกล่าวสิ่งใด แต่ก็ทำได้เพียงเบิกตามองเขาเดินจากไปไกล
นอกประตู จื่อถงที่พาท่านหมอจากไปได้กลับมาแล้ว “คุณชาย ท่านจะเข้าวัง?”
รู้ว่าแต่ไรมาจื่อถงก็ชาญฉลาด รู้ใจเขาเป็นที่สุด ซูเช่อก็มิได้คิดจะปิดบัง “หลิงมู่เอ๋อร์กับซั่งกวนเซ่าเฉินเลือกเข้าวังในเวลานี้ เกรงว่าจะกุมหลักฐานที่แน่นหนาไว้แล้ว คิดจะโจมตีฉินเสียนถิงอย่างไม่ทันตั้งตัว บางทีพวกเขาอาจมีที่ใดที่ใช้ประโยชน์จากข้าได้”
ซูเช่อใช้สายตาชี้ไปทางสาวใช้ที่อยู่ในห้องรับแขกทางด้านหลังอีกครั้ง “หาคนมาเฝ้านางไว้ อย่าให้นางเดินสะเปะสะปะไปทั่ว ส่วนเจ้า หาคนสองคนไปที่จวนองค์ชายเจ็ดสักครั้ง คิดวิธีเผาเรือนของหลินเล่อเซิงผู้นั้น สรุปแล้ว ขอเพียงสามารถหยุดไม่ให้หลินเล่อเซิงสร้างความลำบากให้คนผู้นั้นได้ก็พอ”
“ขอรับ คุณชาย”
เห็นจื่อถงรับคำสั่งจากไปอีกครั้ง ซูเช่อหายใจเข้าลึกครั้งหนึ่ง แหงนหน้ามองท้องฟ้า
แม้เขาจะไม่สามารถไปช่วยคนที่จวนองค์ชายเจ็ดด้วยตนเอง แต่เขาสามารถหาคนไปหยุดมิให้สตรีนางนั้นก่อกรรมได้ นี่เป็นวิธีเดียวในการช่วยเหลือผู้มีพระคุณที่เขาคิดออก
ฟ้ากำลังจะสว่างแล้ว สิ่งที่เขาสามารถทำได้ก็ควรลงมือเตรียมการแล้ว!
จวนองค์ชายเจ็ด ในกรงขัง
หลินเล่อเซิงมองเซิงเอ๋อร์ที่ลมหายใจรวยรินอย่างพอใจ เห็นว่าชีวิติของนางแขวนอยู่บนเส้นด้าย ใกล้ความตายแล้ว นางกระดิกนิ้วให้ซิ่วเถา
“ยังเหม่ออะไรอยู่อีก ไป วันนี้นางกล้าผลักข้าเจตนาจะทำร้ายทารกในครรภ์ของข้า เจ้าไปผลักกลับให้ข้า ผลักเด็กในท้องของนางออกมาทั้งเป็น!”
ซิ่วเถาเมื่อได้ยินคำพูดก็ตะลึงไป แม้จะรู้สึกว่าโหดเหี้ยม แต่ก็ยังฝืนหนังศีรษะเดินเข้าไป
เซิงเอ๋อร์ที่เหลือเพียงลมหายใจเฮือกหนึ่ง เมื่อได้ยินคำพูดนี้ก็ราวกับมีเรี่ยวแรงขึ้นมา นางเบิกตากว้างตะโกนใส่หลินเล่อเซิงไม่หยุด “ข้าไม่ได้จะผลักเจ้า หลินเล่อเซิง เจ้าทำร้ายข้า!”
ถูกตะโกนใส่เสียงดังเช่นนี้ หลินเล่อเซิงราวกับไม่ได้ยินก็มิปาน แต่กลับยังเร่งซิ่วเถา “รีบลงมือสิ!”
“ไม่ดีแล้วเพคะเหนียงเหนียง เรือนของพระองค์ไฟไหม้แล้วเพคะ!” นอกประตู ข้ารับใช้พลันมารายงาน
หลินเล่อเซิงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “เจ้ากล่าวสิ่งใด?”
มองซิ่วเถาที่ถอยกลับมาอีกครั้ง นางรีบประคองร่างของนางออกไปด้านนอก ก่อนจากไปยังไม่ลืมมองมาทางเซิงเอ๋อร์อย่างดุร้าย “นางหญิงแพศยาชั้นต่ำ รอข้ากลับมาค่อยเอาชีวิตไร้ค่าของเจ้า!”