เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 14 ตอนที่ 403 อารามชี
- Home
- เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ?
- เล่มที่ 14 ตอนที่ 403 อารามชี
เล่มที่ 14 ตอนที่ 403 อารามชี
“เหยีย?”
ผ่านไปนานไม่เห็นไท่จื่อมีการตอบสนอง หลันเชี่ยนหยิ่งร้อนใจขึ้นมาบ้างแล้ว
แม้นางจะแต่งเข้ามาในตำหนักรัชทายาทได้ระยะเวลาหนึ่งแล้ว แต่จนแล้วจนรอดไท่จื่อก็ไม่มาพบนาง นางจึงไม่มีเวลาไปทำความเข้าใจเขา ยิ่งไม่รู้ว่าเมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้เขาจะจัดการอย่างไร
แต่หากเรื่องนี้ไม่อาจทำให้ไท่จื่อเฟยล้มลงได้ นางไม่มีทางยินยอมเป็นแน่
“เหยีย พี่สาวพระชายาได้รับความรักใคร่โปรดปรานจากพระองค์แต่กลับทรยศพระองค์ มีครั้งแรกก็จะต้องมีครั้งที่สอง แม้เชี่ยนหยิ่งจะไม่รู้ว่านางมีเจตนาใด แต่ทำเรื่องเช่นนี้ออกมาย่อมมิอาจให้อภัยโดยง่ายนะเพคะเหยีย”
ได้ยินคำพูดจอแจที่อยู่ข้างหู ไท่จื่อถูกลากกลับมาสู่ความเป็นจริง เมื่อมองท่าทางร้อนใจของหลันเชี่ยนหยิ่งอีกครั้ง เขาอดเยาะหยันไม่ได้ว่า “เช่นนั้นจากที่เจ้าดู เปิ่นไท่จื่อควรจะจัดการอย่างไร?”
“เชี่ยนหยิ่งมิได้จงใจเป็นปรปักษ์กับพี่สาว เชี่ยนหยิ่งเพียงแต่กล่าวไปตามความเป็นจริงเท่านั้น เพราะถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ผิดที่พี่สาว เชี่ยนหยิ่งคิดว่าควรจะปลดตำแหน่งพระชายาของนางก่อน”
“หึ!” ราวกับว่าทันทีที่นางพูดจบ ไท่จื่อก็ส่งเสียงเยาะเย้ยออกมาจากโพรงจมูก “ปลดนางออก จากนั้นแต่งตั้งเจ้าเป็นเอก ข้าเดาไม่ผิดกระมัง?”
หลันเชี่ยนหยิ่งคล้ายกับไม่แม้แต่จะคิดก็อยากกล่าวว่าใช่ แต่ในยามที่นางเงยหน้าขึ้นเห็นแววตาที่ร้ายกาจของไท่จื่อ นางก็ตระหนักได้ว่าสถานการณ์ไม่ถูกต้อง รีบส่ายหัวอย่างลนลาน “แน่นอนว่าเชียนหยิ่งย่อมไม่มีคุณสมบัติรับตำแหน่งพระชายาเอกนี้ เชี่ยนหยิ่งเพียงคิดว่าควรจะมอบบทเรียนให้พี่สาวสักครั้งเท่านั้น ตำแหน่งพระชายานี้แน่นอนว่ายังต้องเป็นของพี่สาวอย่างแน่นอน”
“หึ ถือว่าเจ้ายังรู้จักความเป็นจริง!”
ได้รับคำตอบที่พึงพอใจ ไท่จื่อกระแทกตัวนางออกไป เปิดประตูออก บัดนี้ได้ก้าวออกจากห้องไปแล้ว
หลันเชี่ยนหยิ่งไม่ได้สติกลับมาเป็นเวลานาน จะอย่างไรก็ฟังไม่เข้าใจว่าไม่กี่คำสุดท้ายของไท่จื่อหมายความเช่นใดกันแน่ เห็นว่าไท่จื่อกำลังจะออกไปจากระยะสายตาแล้ว นางรีบไล่ตามออกไปอย่างลนลาน “เหยีย คำพูดนี้ของพระองค์หมายความเช่นใดกันเพคะ หรือพระองค์ไม่คิดจะลงโทษพี่สาวหรือเพคะ?”
“เหตุใดต้องลงโทษ?” ไท่จื่อถามตามตรง
“พี่สาวทรยศท่าน!” หลันเชี่ยนหยิ่งกล่าวซ้ำถึงความผิดของนางอีกครั้ง
“เช่นนั้นที่เจ้าวางยาเปิ่นไท่จื่อ ควรจะว่าอย่างไร?” ราวกับทันทีที่นางพูดจบ ไท่จื่อก็ตรัสถามอย่างเย็นชาขึ้นมาทันที
มองสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงด้วยความตกใจในเสี้ยววินาทีของหลันเชี่ยนหยิ่ง ไท่จื่อโค้งริมฝีปากอย่างชั่วร้าย “เปิ่นไท่จื่อได้ตามหาผู้ที่แอบส่งข่าวผู้นั้นอยู่ตลอดก็จริง และเคยคิดจริงๆ ว่า ทันทีที่ถูกข้าหาพบ จะนำคนผู้นั้นไปแล่เนื้อสังหาร! แต่มีจุดหนึ่งที่เจ้าเดาผิดแล้ว”
“หมาย หมายความเยี่ยงไรเพคะ?” หลันเชี่ยนหยิ่งลนลาน นางยิ่งพบว่านางมองคนเบื้องหน้าไม่ออกแล้ว
“หามานานขนาดนี้ ยังหาไม่พบว่าผู้ร้ายเป็นใคร ทั่วทั้งตำหนักรัชทายาททั้งบนและล่างเปิ่นไท่จื่อล้วนหาจนหมดแล้ว แต่ยังคงมิได้เบาะแสใด เจ้าลองเดาดูว่า ข้าเคยสงสัยนางหรือไม่?”
นางในที่นี้ แน่นอนว่าย่อมหมายถึงไท่จื่อเฟย
หลันเชี่ยนหยิ่งพลันตระหนักได้ในทันที “ดังนั้น เหยียพระองค์ทรงทราบนานแล้ว?”
“ไม่ผิด แม้ว่าจะไม่มีหลักฐาน แม้จะเป็นเพียงการคาดเดา แต่เปิ่นไท่จื่อก็มิใช่คนโง่” มอบสายตาว่าปัญญาอ่อนให้นาง ยามนี้ไท่จื่อได้เข้าไปในตำหนักหน้าแล้ว เมื่อมองด้านข้างที่นั่งของตนอีกครั้ง ไท่จื่อเฟยได้กลับมาแล้ว เขายิ้มอย่างอ่อนโยนให้นาง
ไม่ว่าอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่า ไท่จื่อที่รู้ความจริงจะสามารถยิ้มออกมาให้ไท่จื่อเฟยได้ หลันเชี่ยนหยิ่งเคียดแค้นอย่างยิ่งแล้ว
“เหยีย เพราะเหตุใด?” นางคิดไม่ตก คิดไม่เข้าใจ เพราะเหตุใดตนเองเดาได้นานแล้ว อีกทั้งบัดนี้ก็ได้รับหลักฐานแล้ว เหตุใดยังคงไม่ลงโทษคนร้ายอีก?
ที่แท้ไท่จื่อเฟยมีสิ่งใดดีกันนะ?
ไท่จื่อมักจะพูดว่านางดุร้ายเอาแต่ใจ แต่ไท่จื่อเฟยก็มิใช่เช่นกันหรือ?
นางก็มิใช่แค่ถือดีที่คลอดพระราชนัดดาน้อยออกมาหรือ มีสิ่งใดยอดเยี่ยมนักหรือ หรือว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนสามารถชดเชยต่อการทรยศในอดีตของนางได้อย่างนั้นหรือ!
“เพราะในตอนที่เปิ่นไท่จื่อตกต่ำที่สุด อารมณ์รุนแรงที่สุด ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าจนถึงยามที่หลับสนิทไป ในยามที่ทุกเวลาทุกนาทีเอาแต่ตะคอกคำรามใส่นางด้วยความโมโหตลอดนั้น นางก็ยังคงยิ้มปลอบประโลมข้าอย่างอ่อนโยน เพราะนางรู้ว่า มีเพียงทำเช่นนั้นจึงจะสามารถลดความรู้สึกผิดได้มากที่สุด อาศัยเพียงแค่สิ่งนี้ นางก็ควรได้รับการอภัย”
ไท่จื่อกล่าว น้ำเสียงอ่อนโยนเป็นอย่างยิ่ง ในดวงเนตรคู่โตประดุจธารดารานั้นราวจะมีแต่การคงอยู่ของพระชายาเอกเท่านั้น
หลันเชี่ยนหยิ่งอิจฉาอย่างยิ่งแล้ว ในเวลาเดียวกันก็ยิ่งคับแค้น นางกำลังเตรียมจะตะเบ็งเสียงนำสิ่งที่ได้ยินทั้งหมดเมื่อครู่ตะโกนเสียงดังออกมา ให้แขกทั้งหมดในที่นี้ได้ลองฟังดู แต่ไท่จื่อดูเหมือนจะมองเจตนาของนางออก
เขาพลันหันสายตากลับมา ทิ้งความอ่อนโยนไปจนหมด จ้องนางอย่างอำมหิต “คำพูดเมื่อครู่ หากเจ้ากล้ากล่าวต่อบุคคลที่สาม เปิ่นไท่จื่อก็จะสังหารเจ้าซะ!”
สิ้นคำว่า ‘สังหาร’ นางนั้นกัดฟัน ผสานความเกลียดชังอันไร้จุดสิ้นสุด ราวกับระหว่างพวกเขาแล้วมีความแค้นที่ลึกล้ำดุจทะเลกระนั้น
ไม่รอให้หลันเชี่ยนหยิ่งได้แสดงความในใจ ไท่จื่อได้หมุนตัวเดินไปยังข้างกายของไท่จื่อเฟยแล้ว มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนอย่างที่สุดอีกครั้ง
“น่ารังเกียจนัก น่ารังเกียจนัก!”
หลันเชี่ยนหยิ่งโมโหจนมือทั้งคู่กำเป็นหมัดแน่น นางจ้องมองทุกสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า แค้นจนแทบอยากจะบุกเข้าไปฉีกกระชากดวงหน้านั้นของไท่จื่อเฟยเป็นชิ้นๆ!
อาศัยอะไรในยามที่ไท่จื่อกล่าววาจากับนางเต็มไปด้วยความเคียดแค้น แต่ในยามที่ปฏิบัติต่อไท่จื่อเฟยกลับอ่อนโยนเช่นนี้
ตัวนางหลันเชี่ยนหยิ่ง ชั่วชีวิตนี้ที่แท้ทำสิ่งใดผิดกันแน่ มิอาจแต่งให้กับบุรุษที่ตนชื่นชอบ และมิอาจควบคุมความเป็นสุขของตน!
นางไม่ยินยอม ไม่ นางไม่ยินยอม!
“จับของเสี่ยงทายแล้ว พระราชนัดดาน้อยจับของเสี่ยงทายแล้ว”
ข้างหูพลันมีเสียงทุกคนดังวุ่นวายขึ้นมา ในยามที่หลันเชี่ยนหยิ่งดึงความคิดกลับมานั้น ก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งรายล้อมพระราชนัดดา
เห็นเขาหยิบตราประทับทางการชิ้นหนึ่งขึ้นมา จากนั้นก็หยิบพู่กัน ทุกคนต่างก็พากันหัวเราะไม่หุบ สายตารักใคร่เอ็นดูของทุกคนนั้นราวกับกำลังมองดูบุตรหลานของตนอยู่ก็ไม่ปาน
ส่วนไท่จื่อเฟยอุ้มพระนัดดาตัวน้อยรับคำอวยพรจากทุกคน ไท่จื่อที่อยู่ด้านข้างโอบพวกนางสองแม่ลูกไว้ ภาพนั้นดูเป็นสุขอย่างยิ่ง และก็บาดตาอย่างยิ่งเช่นกัน
“เชี่ยนหยิ่ง” น้ำเสียงที่คุ้นเคยดังมาทางด้านหลัง
หลันเชี่ยนหยิ่งหันสายตาไป ก็เห็นท่านอัครเสนาบดียืนอย่างน่าเกรงขามอยู่เบื้องหลัง ความน้อยใจทั้งหมดผุดพุ่งขึ้นมาในใจ น้ำตาก็ร่วงลงมาอย่างไม่เอาไหน “ท่านพ่อ…”
“บัดซบ! ตัวเจ้านั้นเป็นถึงธิดาแห่งจวนอัครเสนาบดีของข้า ตำหนักรัชทายาทของเขาปฏิบัติต่อเจ้าเช่นนี้ได้อย่างไร ถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นพระชายารองของเขาเช่นกัน เหตุใดจึงได้เป็นเยี่ยงนี้!”
อัครเสนาบดีเห็นท่าทีที่ไท่จื่อปฏิบัติต่อบุตรสาวอยู่นานแล้ว เมื่อครู่ติดที่ไท่จื่ออยู่ บัดนี้สายตาของทุกคนถูกพระราชนัดดาน้อยดึงดูดไปแล้ว เขาจึงกล้าเข้ามาไต่ถาม
หลันเชี่ยนหยิ่งจะกล้าพูดถึงเรื่องน่ารังเกียจที่ตนทำพวกนั้นได้อย่างไร เพียงเอาแต่ร้องไห้ “ล้วนเป็นลูกไร้ความสามารถ เป็นลูกทำให้ท่านพ่อขายหน้าแล้ว ท่านพ่อ ลูกควรทำเช่นใดเจ้าคะ ท่านพ่อ!”
เคยเห็นบุตรสาวร้องไห้อย่างน่าเวทนาเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อได้กัน ความสงสัยในหัวใจของท่านอัครเสนาบดีเปลี่ยนเป็นเพลิงพิโรธทันที “รังแกคนเกินไปแล้ว! ตำหนักรัชทายาทของเขารังแกคนเกินไปแล้ว ข้าจะไปถกกับไท่จื่อเดี๋ยวนี้”
“อย่าไปเจ้าค่ะท่านพ่อ!” เกรงว่าท่านพ่อจะทำให้เรื่องราวย่ำแย่ หลันเชี่ยนหยิ่งรีบดึงเขาไว้ “ท่านพ่อ ไม่เกี่ยวข้องกับไท่จื่อเจ้าค่ะ เป็นนางคอยกดลูกอยู่ทุกเรื่อง ไท่จื่อทรงมีความเข้าพระทัยผิดในตัวลูกอยู่ จึงได้เป็นเช่นนี้ ท่านพ่อ ท่านจะต้องช่วยลูกนะเจ้าคะ!”
“ไท่จื่อเฟย?” สายตาของเฉินเซี่ยงมองไป ก็เห็นเพียงสตรีที่ยิ้มอย่างรักใคร่ไปทั่วใบหน้า ในดวงตามีแต่พระราชนัดดา มองอย่างไรก็ไม่คล้ายสตรีที่ชั่วร้าย แต่เรื่องที่ไท่จื่อเฟยเคยทำในอดีตพวกนั้นเขาก็รู้เช่นกัน
“ไท่จื่อเฟยทรงเป็นสตรีที่มีแผนการจริงๆ มิเช่นนั้นตอนนั้นพ่อคงไม่เตือนเจ้าว่าต้องระวังให้มาก อีกทั้งจะต้องได้รับความโปรดปรานจากไท่จื่อให้ได้” คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายแล้วเขาจะประเมินสตรีผู้นี้ต่ำเกินไป “เมื่อกลับไป พ่อจะเข้าวังไปทูลสถานการณ์ของเจ้าต่อฝ่าบาทให้กระจ่าง ฝ่าบาททรงเห็นแก่หน้าของพ่อ จะต้องไม่ทรงเพิกเฉยต่อเรื่องนี้แน่”
มีท่านพ่อคอยช่วยนางจะยังกลัวสิ่งใดเล่า?
รีบเก็บน้ำตากลับมา หลันเชี่ยนหยิ่งพยักหน้าติดๆ กัน “ขอบคุณท่านพ่อ ขอบคุณท่านพ่อเจ้าค่ะ”
“เอาเถอะ ต่อให้คนเขาไม่ชมชอบเจ้า เจ้าก็มิอาจยืนอยู่ที่นี่คนเดียว เพราะถึงอย่างไรก็เป็นสตรีของตำหนักรัชทายาท ที่ไม่รู้ยังคิดว่าเจ้าเป็นหญิงรับใช้ในตำหนักรัชทายาทเสียอีก ไป ไปอยู่ข้างกายของไท่จื่อซะ รอข่าวดีของพ่อเถิด”
กล่าวจบ อัครเสนาบดีก็หมุนกายจากไปแล้ว
“เจ้าค่ะ เชี่ยนหยิ่งขอบคุณท่านพ่อมากเจ้าค่ะ” หลังได้รับการรับรอง หลันเชี่ยนหยิ่งก็รีบเข้าไปอยู่ข้างกายไท่จื่อ ท่านพ่อกล่าวไม่ผิด ไม่ว่าไท่จื่อจะชอบนางหรือไม่ นางก็จะต้องแสดงถึงฐานะของผู้เป็นเจ้านายออกมา
เช้าวันถัดมา หลันเชี่ยนหยิ่งก็รอจนพระราชโองการของฮ่องเต้มาถึงจริงๆ
ในยามที่ข้ารับใช้มาแจ้งนางว่าด้านนอกมีขันทีมาประกาศราชโองการ ให้นางต้องออกไปรับราชโองการด้วยตนเองนั้น นางคิดว่าคำพูดของท่านพ่อสำเร็จผลแล้ว เป็นดังคาด ฝ่าบาททรงไว้หน้าท่านพ่อจริงๆ จะทรงมอบความเป็นธรรมแก่นางแน่
แต่สิ่งที่ทำให้นางคิดไม่ถึงเลยก็คือ พระราชโองการของฮ่องเต้มิได้เป็นการทวงความยุติธรรมแก่นาง แต่เป็นการมอบอเวจีให้นาง!
“พระชายารองขององค์รัชทายาท หลันเชี่ยนหยิ่ง มีเจตนาวางแผนร้ายต่อองค์ไท่จื่อ มีหลักฐานเป็นที่ประจักษ์ เจิ้นเห็นแก่หน้าของอัครเสนาบดี กับสตรีผู้นี้ โทษตายละเว้นได้ทว่าโทษเป็นมิอาจละเว้น นับจากวันนี้ไป หลันเชี่ยนหยิ่งให้ปลงผมเป็นชี ปลดฐานะเข้าสู่อารามชี ตลอดชีวิตไม่อนุญาตให้ออกมาอีก!”
ในยามที่ขันทีอ่านเนื้อหาทั้งหมดในราชโองการเสร็จนั้น หลันเชี่ยนหยิ่งยังไม่ได้สติกลับมาจากความตกตะลึง
ในตอนที่องครักษ์สองคนจับตัวนางจะลากออกจากตำหนักรัชทายาทไปนั้น นางจึงได้ค่อยๆ ตอบสนองกลับมาว่า นางมิใช่จะได้รับความโปรดปรานจากไท่จื่อ แต่กลับจะสูญเสียไท่จื่อไปตลอดกาลแล้ว?
“ไม่ นี่มิใช่ความจริง พวกเจ้าปลอมแปลงราชโองการ นี่เป็นของที่พวกเจ้าปลอมแปลงออกมา!” นางพยายามต่อต้าน ดิ้นรนสุดชีวิต น่าเสียดายที่องครักษ์มิให้โอกาสนางได้พูดจบ
ออกมาจากเรือนของตน ไท่จื่อและไท่จื่อเฟยได้รออยู่ด้านนอกนานแล้ว มองดูสายตาไร้ไมตรีของพวกเขาทั้งสองคน หลันเชี่ยนหยิ่งส่ายหัวไม่หยุด “เป็นพวกเจ้าทำร้ายข้า เหตุใดพวกเจ้าต้องทำกับข้าเช่นนี้ ใครก็ได้ ช่วยข้า ช่วยข้าด้วย!”
แม้ว่านางจะตะโกนจนคอแตก ทว่าน่าเสียดายที่ไท่จื่อไม่แม้จะขยับสักก้าว
มองดูนางดิ้นรนต่อต้าน เพียงครู่เดียวกลายสภาพจากคุณหนูสูงศักดิ์ตกต่ำเป็นผู้ที่ไม่อาจเปรียบแม้หญิงรับใช้ ไท่จื่อเฟยก็ถอนหายใจลึกครั้งหนึ่ง
“รอก่อน ให้ข้าพูดกับนางสักคำหนึ่ง” สุดท้ายถึงอย่างไรก็เป็นสตรี นางไม่อยากให้นางถึงตาย
“หลันเชี่ยนหยิ่ง เจ้ารู้ความผิดหรือไม่?” ไท่จื่อเฟยกล่าว น้ำเสียงไม่ร้อนไม่เย็น แต่ในใจได้ตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่า หากสตรีนางนี้นับจากนี้สำนึกในความผิด ไม่สร้างเรื่องอีก นางสามารถให้อภัยนางได้ และสามารถไปขอร้องฝ่าบาทให้เก็บพระบัญชากลับไปได้
“เป็นเจ้า เป็นเจ้าที่ทำร้ายข้าใช่หรือไม่? นางหญิงสารเลว ทั้งที่เป็นเจ้าที่ทรยศต่อไท่จื่อ เหตุใดไท่จื่อจึงทรงไม่ลงโทษเจ้า ทุกสิ่งนี้ล้วนเป็นเพราะเหตุใด เป็นเพราะเหตุใดกันแน่!” หลันเชี่ยนหยิ่งกรีดร้องตะโกน บุกฝ่าการจับกุมของเหล่าข้ารับใช้ออกมา จะลงมือกับไท่จื่อเฟย ยังดีที่ข้ารับใช้ที่อยู่ด้านหลังสายตาและมือเท้าว่องไว รีบพุ่งเข้าชนกระแทกนางออกไปอย่างรวดเร็ว
ไท่จื่อเห็นเช่นนั้นก็รีบบุกเข้าไปอย่างร้อนรน “หลันเชี่ยนหยิ่ง เจ้ามันหญิงสารเลว อย่างไรกัน จะทำร้ายคนต่อหน้าเปิ่นไท่จื่อหรือ?”
เห็นไท่จื่อดุร้ายกับตนเช่นนี้ จากนั้นมองดูจุดจบของตนเองอีกครั้ง ในใจของหลันเชี่ยนหยิ่งน้อยใจอย่างยิ่งแล้ว “เพราะเหตุใด ผู้ที่ทรยศพระองค์คือนางชัดๆ เหตุใดจึงทรงปฏิบัติต่อหม่อมฉันเช่นนี้! หม่อมฉันปฏิบัติต่อพระองค์ด้วยน้ำใสใจจริง หรือว่าทรงทอดพระเนตรไม่เห็นหรือเพคะ?”
“เจ้าจริงใจหรือไม่ มีเพียงในใจของเจ้าเท่านั้นที่รู้ ที่เจ้าต้องการคือความรักของข้า หรือตำแหน่งไท่จื่อเฟยกันแน่ ในใจของเจ้ายิ่งรู้ชัดดี! เดิมข้าไม่คิดเอาความกับการกระทำต่างๆ ของเจ้าในตำหนักรัชทายาทในช่วงที่ผ่านมา แต่เจ้ากลับวางยาข้า เชื่อหรือไม่ว่า วันหนึ่งยากระตุ้นราคะนั้นก็จะกลายเป็นยาพิษแทน?” ไท่จื่อแค่นเสียงเย็น “นี่เป็นพระบัญชาของเสด็จพ่อ ข้าก็ไม่มีวิธี เดิมชายารักคิดจะช่วยเจ้า แต่เป็นเจ้าเองที่ไม่เห็นค่า ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พาตัวไป!”
ไท่จื่อทรงโบกพระหัตถ์ องครักษก็พุ่งเข้ามาอีกครั้ง
“ฉินอวี้เหิง ท่านไม่อาจทำเช่นนี้กับข้าคนที่ท่านควรส่งไปเป็นแม่ชีคือนาง เป็นนาง!”
แม้จะถูกลากออกไปไกลแล้ว ก็ยังคงได้ยินเสียงร้องตะโกนของหลันเชี่ยนหยิ่ง แต่ในเวลาเดียวกันไท่จื่อเฟยก็ได้ยินอย่างชัดเจนว่า ที่แท้ไท่จื่อทรงรู้เรื่องในอดีตที่นางช่วยหลิงมู่เอ๋อร์อยู่นานแล้ว
“ไท่จื่อเหยีย…”