เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 12 ตอนที่ 360 ลักพาตัวจื่ออวี้
- Home
- เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ?
- เล่มที่ 12 ตอนที่ 360 ลักพาตัวจื่ออวี้
เล่มที่ 12 ตอนที่ 360 ลักพาตัวจื่ออวี้
เด็กชายคนนี้เหตุใดจึงถือถุงหอมติดตัวของหลิงจื่ออวี้ไว้ หรืออามู่เต๋อเฝ้าดูนางอยู่แถวนี้?
หลิงมู่เอ๋อร์มองไปรอบด้านโดนพลัน แต่ไม่ว่านางจะหาอย่างไรก็ไม่มีเงาร่างของอามู่เต๋อเลย
ถุงหอมนั้นเป็นของที่นางส่งให้หลิงจื่ออวี้ ภายในบรรจุยาผงที่นางผสมเป็นพิเศษซึ่งมีเพียงหนึ่งเดียวบนโลก หลิงจื่ออวี้ปกป้องมันอย่างทะนุถนอมยิ่งมาโดยตลอด แม้แต่ท่านแม่อยากขอดูก็ยังไม่ให้ ดูท่าเขาคงตกอยู่ในเงื้อมมือของอามู่เต๋อจริงๆ
หาได้สนใจจะไปตรวจสอบความจริงที่สถานศึกษาอีก นางรีบออกเดินทางไปยังสถานที่ที่อยู่ในจดหมาย
ภูเขาหลังชานเมืองตะวันตก
คืนนี้ลมแรงยิ่งใบไม้ก็ส่งเสียงไปตามสายลมกระโชก รอบด้านมีเสียงร้องของสัตว์ป่าอย่างคลุมเครือ
หลิงมู่เอ๋อร์เดินเข้ามาถึงในป่าลึกก็ไม่เห็นเงาของผู้ใด นางเงี่ยหูทั่วทั้งร่างระแวดระวังภัย และบอกเขาตามตรงว่ามีคนเฝ้ามองเขาอยู่ตลอด
“อามู่เต๋อออกมาเสียข้ามาแล้ว เหตุใดเจ้าต้องทำตัวเป็นเต่าหัวหดด้วยเล่า?”
หากคนผู้หนึ่งมีเจตนาหลบซ่อนจะทำอย่างไรก็ย่อมหาไม่เจอ หลิงมู่เอ๋อร์ถือโอกาสเลิกค้นหาและยืนอยู่ที่เดิมอย่างผ่าเผย
เป็นไปดังคาด ทางด้านหลังมีเสียงกรอบแกรบดังขึ้นมา หลิงมู่เอ๋อร์หันกลับไปโดยพลัน เห็นเพียงร่างของอามู่เต๋อที่สวมชุดดำอีกทั้งยังสวมหน้ากากบนหน้ายืนอยู่เฉียงไปทางฝั่งตรงข้าม และบนไหล่กำลังแบกเด็กกึ่งเด็กกึ่งผู้ใหญ่ไว้อยู่คนหนึ่ง ซึ่งก็คือหลิงจื่ออวี้ที่หมดสติ
“ปล่อยจื่ออวี้เสีย!” หลิงมู่เอ๋อร์พยายามพุ่งเข้าไป
“หยุด!” เสียงแผ่วเบาของอามู่เต๋อเปล่งออกมาจากริมฝีปาก ทั้งยังยื่นแขนออกมาห้ามไม่ให้นางเข้าใกล้ “หากเจ้าเข้ามาตอนนี้เขาจะต้องตาย เจ้าแน่ใจแล้วหรือ?”
เฉียงจากเขาเล็กน้อย หลิงมู่เอ๋อร์สามารถมองเห็นกริชเล่มหนึ่งที่จ่ออยู่บนคอเล็กของหลิงจื่ออวี้ได้อย่างชัดเจน
“อย่าทำร้ายเขา!” หลิงมู่เอ๋อร์ตึงเครียดอย่างถึงที่สุดขึ้นมาโดยพลัน มองท่าทีหน้าซื่อใจคดของอามู่เต๋ออีกครา หลังจากนางสูดหายใจเข้าลึกอยู่หลายครั้งก็ควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ “เจ้าคิดจะทำอันใด?”
“ข้าคิดจะทำอันใดหรือ? เหอะ วันนี้ในวังหลวงเจ้ากลั่นแกล้งเหยาเหยา เจ้าว่าข้าคิดจะทำอันใดเล่า!” อามู่เต๋อกัดฟันกล่าว ทันใดนั้นก็โยนหลิงจื่ออวี้ลงพื้นอย่างรุนแรง
หลิงจื่ออวี้ยังสลบไสลราวกับหุ่นกระบอกที่ไร้ความรู้สึก
“จื่ออวี้!” หลิงมู่เอ๋อร์กังวลอย่างถึงที่สุด นางไม่รู้ว่าปีศาจตนนี้ทำอันใดกับจื่ออวี้ “ข้าขอเตือนเจ้าหากเจ้ากล้าทำร้ายจื่ออวี้ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไว้เด็ดขาด!”
“เจ้าวางใจเถอะ เขาแค่กินผงยาชาที่ข้าคิดค้นขึ้นเอง ภายในสามชั่วยามนี้จะไม่รู้สึกอันใดและจะไม่ตื่นขึ้นมา อ้อ ดูเหมือนจะหลับไปแล้วด้วย” อามู่เต๋ออธิบายพลางเลิกคิ้วขึ้น “เป็นอย่างไรข้าปฏิบัติต่อน้องชายเจ้าอย่างดียิ่งใช่หรือไม่?”
“เจ้ามีเรื่องอันใดก็พุ่งเป้ามาที่ข้า จับจื่ออวี้ที่บริสุทธิ์มาจะนับว่ามีความสามารถอันใดได้?”
หลิงมู่เอ๋อร์โกรธเกรี้ยว แต่ในช่วงเวลาคับขันเช่นนี้นางก็ไม่ลืมที่จะลอบสังเกตโดยรอบ ยืนยันว่านางจะสามารถพาคนกลับไปได้หรือไม่
อามู่เต๋อราวกับมองจุดประสงค์ของนางออก “ไม่ต้องมองหรอก แต่ไหนแต่ไรข้าจะลงมือก็ไม่จำเป็นต้องยืมมือผู้อื่น คืนนี้มีเพียงข้าคนเดียว เพราะการจะจัดการเจ้าใช้แค่คนเดียวก็พอ!”
เขายกริมฝีปากอย่างลำพองใจเผยรอยยิ้มชั่วร้ายที่ทำให้คนหวาดผวา “หากข้าไม่พาน้องชายที่เจ้ารักที่สุดมามัดไว้ที่นี่ เจ้าจะมาพบข้าตามลำพังได้อย่างไร?”
อามู่เต๋อกล่าว เสียงหัวเราะชั่วร้ายดังขึ้นมาก้องป่าลึกทำให้คนรู้สึกหวาดหวั่นอย่างถึงที่สุด!
“จุ๊ๆๆ อย่างที่คิดพอกลายเป็นสตรีที่แต่งงานแล้วก็ต่างออกไป ทั้งตัวดูมีเสน่ห์ดึงดูดทีเดียว!” เขามองพิจารณาหลิงมู่เอ๋อร์ขึ้นลงคราหนึ่ง ดวงตาทั้งสองข้างเผยความโลภและความรู้สึกอยากครอบครองขึ้นมา
หลิงมู่เอ๋อร์ถูกเขามองพิจารณาก็รู้สึกเพียงแต่ความขยะแขยง “เจ้าคิดจะแก้แค้นให้มั่วจวินเหยาหรือ? อามู่เต๋อเจ้าน่าจะรู้ว่าเป็นข้าที่อดทนกับนางมาโดยตลอด ไม่เช่นนั้นจากเรื่องทั้งหมดที่นางทำกับข้า ต่อให้นางตายไปสิบครั้งก็ยังไม่พอ! ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าสามารถทำร้ายจื่ออวี้ได้ แล้วคิดว่าข้าจะทำร้ายมั่วจวินเหยาไม่ได้หรือ?”
น้ำเสียงหาได้แสดงความอ่อนแอแม้แต่น้อย หลิงมู่เอ๋อร์ไม่กลัวสายตาชั่วร้ายของเขาแม้แต่นิดเดียว กลับยิ่งข่มขู่เขาอย่างโหดเหี้ยม
ใช่ หลังจากอามู่เต๋อจากเมืองหลวงไป มั่วจวินเหยาก็จะอยู่ตัวคนเดียวไร้ที่พึ่งที่ต่างแดน เขาอยากจะทำอันใดก็หาใช่เรื่องง่ายแล้ว!
“หากไม่ใช่เพราะเจ้ากับซูเช่อใกล้ชิดกันเกินไปเหยาเหยาจะทำเรื่องสุดโต่งกับเจ้าหรือ?” อามู่เต๋อพ่นเสียงเย็น “หลิงมู่เอ๋อร์เจ้ามีความสามารถจริงๆ ก่อนหน้านี้ก็ทำให้ซั่งกวนเซ่าเฉินหลงหัวปักหัวปํา ทั้งยังมีซูเช่อที่ทำเพื่อเจ้าอย่างสุดหัวใจ ข้าได้ยินว่าองค์ชายเจ็ดฉินเสียนถิงเขาก็สนใจเจ้าเป็นอย่างยิ่งด้วยมิใช่หรือ?”
“อีกไม่นานก็ฟ้าสางแล้วข้าไม่สนใจจะพูดไร้สาระกับเจ้าอยู่ที่นี่ ตกลงเจ้าคิดจะทำอันใด?”
เมื่อไม่ได้คำตอบตามตรงของเขา ก็เห็นได้ชัดว่าหลิงมู่เอ๋อร์ทนไหวแล้ว
“เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า?” อามู่เต๋อถามกลับ เขาก้าวเข้าไปใกล้หลิงมู่เอ๋อร์ “เจ้าน่าจะรู้ว่าหากข้าลงมือกับเจ้าจริงๆ เจ้าก็หาใช่คู่ต่อสู้ของข้า แต่เจ้ามีสมบัติล้ำค่านั่นที่ช่วยให้เจ้ามารถหลบซ่อนตัวไปได้ทุกเมื่อ นั่นทำให้ข้าอิจฉาทีเดียว!”
เขายิ้มชั่วร้ายพลางกล่าว “หลิงมู่เอ๋อร์ขอเพียงเจ้าส่งสมบัติล้ำค่าของเจ้ามาให้ข้าอย่างว่าง่าย ข้าก็รับปากว่าจะไม่รบกวนชีวิตเจ้ากับครอบครัวของเจ้าอีก เป็นอย่างไร?”
“ถุย!”
หลิงมู่เอ๋อร์ยิ้มเยาะ “เกรงว่าหลังจากที่เจ้าได้ของที่ต้องการแล้วคงได้หักคอข้าเพื่อฆ่าปิดปากทันทีเลยกระมัง เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อเจ้าหรือ?”
“จุ๊ๆๆ เจ้าคิดว่าเจ้าฉลาดแล้วอย่างไร? ไม่มีใครเคยบอกเจ้าหรือว่าผู้หญิงต้องอย่าฉลาดเกินไป!”
อามู่เต๋อพูดไปมือทั้งสองข้างที่ซ่อนอยู่ข้างหลังก็ราวกับกำลังทำอันใดอยู่
หลิงมู่เอ๋อร์มองการกระทำเล็กๆ นั้นออกนานแล้ว “อย่าเสียแรงเปล่าเลย เจ้าจะสร้างพิษใดขึ้นมาข้าก็ล้วนมียาแก้พิษทั้งนั้น! เชื่อว่าเจ้าคงเคยได้ยินเรื่องของไป่หลิงเซียนกระมัง? ข้าทำให้มันกลายเป็นส่วนผสมหมดแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังคิดค้นยาผงออกมาอย่างเหมาะสม แม้ว่าประสิทธิภาพจะเหลือเพียงครึ่งเดียวของไป่หลิงเซียน แต่ก็เพียงพอที่จะใช้แก้ยาพิษของเจ้าได้”
เห็นท่าทางมั่นใจในตัวเองของนาง อามู่เต๋อก็โยนของในมือทิ้งอย่างโกรธเกรี้ยว “เป็นไปไม่ได้! ไป่หลิงเซียนเป็นยาวิเศษเจ้าจะเอามันไปทำผงยาจนหมดได้อย่างไร? บอกมาเป็นเพราะสมบัติล้ำค่าของเจ้าใช่หรือไม่”
“ใช่!” หลิงมู่เอ๋อร์ยอมรับอย่างใจกว้าง “น่าเสียดายที่ทั้งชีวิตนี้เจ้าจะไม่มีทางได้มันไป!”
“เพราะเหตุใด!” อามู่เต๋อตื่นตระหนก เขายิ่งโกรธเกรี้ยวมากขึ้นเพราะเขาเห็นความหนักแน่นในดวงตาของหลิงมู่เอ๋อร์
“เพราะมันเติบโตในร่างกายของข้าหลอมรวมเข้ากับโลหิตของข้า อย่าว่าแต่เจ้าเลยไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจเอามันไปได้ต่อให้ข้าตายก็ตาม!” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย
เป็นไปดังคาด วินาทีต่อมานางก็เห็นสายตาของอามู่เต๋อที่มีไอสังหารแผ่อยู่
“เป็นไปไม่ได้ เจ้าหลอกข้า เจ้าต้องหลอกข้าเป็นแน่!” อามู่เต๋อไม่อยากจะเชื่อความจริงนี้ เขาพยายามมาอย่างยาวนานถึงเพียงนี้ ทั้งยอมจำนนอย่างไม่นึกเสียดายเพื่อให้ได้สมบัติของนางมา แต่ไม่เป็นไรหากเขาไม่อาจเอาสมบัตินั่นมาได้ เช่นนั้นก็ต้องเอาตัวนางมา!
“หลิงมู่เอ๋อร์ ขอบคุณเจ้ามากที่บอกข่าวนี้กับข้า ที่วังหลังของข้ากลับมีสนมอยู่เพียงคนเดียว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็จะพาเจ้าไป ทั้งชีวิตนี้เจ้าอย่าได้คิดจะกลับมาที่แคว้นเทียนเฉาอีกเลย!”
อามู่เต๋อพุ่งเข้ามาหานางด้วยความเร็วที่รวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ
หลิงมู่เอ๋อร์แปลกใจเป็นอย่างยิ่งที่เขาเร็วมากถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าไม่เคยประมือกับเขา ทักษะการต่อสู้ของเขานางล้วนเข้าใจทั้งหมด แต่ยามนี้ดูท่าว่าในช่วงเวลานี้กำลังภายในของเขาจะแกร่งกล้าขึ้นมาก ความเร็วของเขาแทบจะทำให้นางมองตามไม่ทัน
เห็นเขาพุ่งเข้ามาเกือบจะมาถึงตรงหน้านาง หลิงมู่เอ๋อร์ก็ลอบพูดว่าท่าไม่ดีแล้ว ทันใดนั้นเองก็มีเงาร่างหนึ่งเข้ามาขวางเบื้องหน้านาง
“มู่เอ๋อร์ระวัง!”
เพียงชั่วพริบตาทางด้านหลังก็มีคนในชุดดำสิบกว่าคนปรากฏตัวขึ้น
“เซ่าเฉิน?” หลิงมู่เอ๋อร์ประหลาดใจเป็นอย่างยิ่งที่ซั่งกวนเซ่าเฉินปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน
“กล้าทำร้ายแล้วยังจะพาตัวผู้หญิงของข้าไปอีกหรือ? อย่าเพ้อฝันไปหน่อยเลย!” หลังจากส่งสายตาให้หลิงมู่เอ๋อร์วางใจ ซั่งกวนเซ่าเฉินก็เริ่มโจมตีเขา เพียงพริบตาทั้งสองคนก็เข้าต่อสู้กัน
คนชุดดำสิบกว่าคนที่เขาพามามีสี่คนที่ปกป้องหลิงมู่เอ๋อร์ไว้ข้างหลัง ส่วนที่เหลือทั้งหมดเข้าไปร่วมต่อสู้ด้วย
ถึงแม้อามู่เต๋อจะเพิ่มระดับวรยุทธ์ขึ้นแล้วแต่ก็ยากจะต่อกรกับศัตรูด้วยสองมือจึงค่อยๆ เพลี่ยงพล้ำ
“จื่ออวี้?” หลิงมู่เอ๋อร์ฉวยโอกาสยามที่สถานการณ์วุ่นวายไปพาหลิงจื่ออวี้มาอยู่ข้างกาย ในตอนนั้นเองอามู่เต๋อถูกซั่งกวนเซ่าเฉินซัดฝ่ามือหนึ่ง จนร่างลอยไปชนกับต้นไม้ข้างหลังและส่งเสียงครวญครางออกมา
แต่เขาไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ และลุกขึ้นมาราวกับปลาหลีฮื้อที่กำลังดิ้นรนอย่างดื้อดึง เห็นท่าทางกังวลของหลิงมู่เอ๋อร์ เขาก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง “ฮ่ะ ฮ่าๆๆ หลิงมู่เอ๋อร์เจ้ายังคงไร้เดียงสาเสียจริง เจ้าคิดว่าเมื่อครู่ข้าพูดความจริงหรือ? ที่หลิงจื่ออวี้โดนไม่ใช่ยาชาแต่เป็นยาพิษที่ข้าตั้งใจปรุงขึ้นมา! บนโลกนี้มีเพียงข้าที่สามารถแก้พิษได้ เจ้ารอเก็บศพน้องชายของเจ้าเถอะ!”
“ไอ้สารเลว!”
ซั่งกวนเซ่าเฉินได้ยินเรื่องนี้ก็ไม่รอให้หลิงมู่เอ๋อร์ตอบสนอง เข้าไปโจมตีอามู่เต๋ออีกครา
เห็นได้ชัดว่าอามู่เต๋อก็เตรียมตัวเข้ามาเช่นกัน เขารู้ตัวว่าสู้ไม่ได้ทันใดนั้นก็ทะยานตัวพุ่งขึ้นไปบนต้นไม้โดยพลัน และใช้เล่ห์เหลี่ยมโจมตีซั่งกวนเซ่าเฉินอยู่หลายครา
“ปกป้องเจิ้งเฟย!” ซั่งกวนเซ่าเฉินออกคำสั่งเขาพัวพันอยู่กับการต่อสู้ทั้งยังมองไปทางหลิงมู่เอ๋อร์อย่างตึงเครียด จนกระทั่งนางกับหลิงจื่ออวี้มาถึงสถานที่ปลอดภัย เขาจึงเพิ่งวางใจและเข้าต่อสู้กับอามู่เต๋อ
แต่ตอนนั้นเองไม่รู้ว่าอามู่เต๋อทำอันใด พื้นดินที่แต่เดิมหาได้มีปัญหาอันใดกลับเกิดรอยร้าวขึ้นมาอย่างกะทันหันสายหนึ่ง ทั้งยังขยายกว้างขึ้นเรื่อยๆ
“ซั่งกวนเซ่าเฉินเจ้าจับข้าไม่ได้หรอก ยามนี้เจ้ากลับไปดูสตรีของเจ้าให้ดีเถอะ น้องชายนางถูกยาพิษของข้าไปนอกจากข้าก็ไม่มีผู้ใดแก้พิษได้!”
อามู่เต๋อหัวเราะอย่างบ้าคลั่งแม้ที่มุมปากจะมีเลือดสดๆ แต่เขาก็หาได้เกรงกลัวแม้แต่น้อย “ว่าอย่างไรหลิงมู่เอ๋อร์ ขอเพียงเจ้าร่วมมือกับข้า ข้าจะให้ยาถอนพิษกับเจ้าดีหรือไม่?”
หลังตรวจชีพจรหลิงจื่ออวี้ก็ยืนยันได้ว่าในร่างของเขามีพิษร้ายแรงอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นยังแทบจะสิ้นลมหายใจแล้วอีกด้วย ดวงตาทั้งสองข้างของหลิงมู่เอ๋อร์เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว “อามู่เต๋อเจ้ามันต่ำช้าไร้ยางอาย เอายาถอนพิษมาเสีย!”
“อยากได้ยาถอนพิษก็เอาสมบัติของเจ้ามาแลก แต่เจ้าจะต้องจับข้าให้ได้เสียก่อน!” เห็นอีกฝ่ายจะทำอย่างไรก็ผ่านมาไม่ได้ อามู่เต๋อจึงส่ายศีรษะอย่างลำพองใจ
“เจ้าในฐานะทูตของแคว้นซีอวี้วันนี้ก็ออกจากแคว้นเทียนเฉาแล้ว คิดไม่ถึงว่ากลับมาแอบซ่อนอยู่ชั่วครู่ถึงขั้นคิดจะจับตัวชายารักของข้าไป อามู่เต๋อเป็นเจ้าที่ทำลายความสัมพันธ์ของทั้งสองแคว้น ขอเพียงเปิ่นหวางจื่อออกคำสั่งให้ตามสังหาร เจ้าคิดว่ายังจะสามารถวิ่งหนีไปที่ใดได้อีก?” ซั่งกวนเซ่าเฉินกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว หางตากลับลอบมองหาช่องโหว่ของเล่ห์กลนี้
คาดไม่ถึงว่าอามู่เต๋อกลับไม่มีท่าทีเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย “ฮ่องเต้แคว้นเทียนเฉาจะรู้ได้อย่างไรว่าข้าไม่ได้ออกไปจากแคว้นเทียนเฉา? ยิ่งไปกว่านั้นถึงเจ้าจับข้าได้จะมีประโยชน์อันใด อีกไม่ถึงสามชั่วยามหลิงจื่ออวี้ก็จะตายแล้ว พวกเจ้ามีเวลาให้คิดเพียงสามชั่วยาม คว้าโอกาสเอาไว้เสียเถอะ!”
สิ้นคำพูดอามู่เต๋อก็ใช้กำลังภายในเบี่ยงตัวจากไปอย่างรวดเร็ว ส่วนลึกในป่าทึบยังคงมีเสียงอันจองหองของเขาดังขึ้นมา “เวลาสามชั่วยามไม่ได้มาก หลิงมู่เอ๋อร์ข้าจะรอเจ้า!”