เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 12 ตอนที่ 358 คุกเข่า
- Home
- เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ?
- เล่มที่ 12 ตอนที่ 358 คุกเข่า
เล่มที่ 12 ตอนที่ 358 คุกเข่า
หากหมิ่นกุ้ยเฟยยอมรับว่าจงใจทำให้เจิ้งเฟยขององค์ชายรองลำบาก พวกเขาจะสามารถนำเรื่องนี้ไปทูลต่อฮ่องเต้ได้
นางไม่อาจยอมรับ ในใจนางไม่สามารถกล้ำกลืนฝืนทนเรื่องนี้ได้
เห็นได้ชัดว่าหลิงมู่เอ๋อร์ผู้นี้จงใจ นางยกสถานะของอี้กุ้ยเฟยให้สูงขึ้นเช่นนี้ นี่ไม่ใช่ว่าทำให้นางอับอายหรือ?
เห็นสายตายิ้มเยาะของเหล่าพี่สาวน้องสาวข้างหลัง นางก็รู้สึกเพียงแค่ว่าศักดิ์ศรีของนางทั้งหมดล้วนหายไปจนสิ้นแล้วในวันนี้
“เหอะ สามารถมีฐานะเท่าเทียมกันได้แต่กลับลดสถานะของตัวเองลง เจิ้งเฟยขององค์ชายรองดูท่าคงเต็มใจคุกเข่าให้ผู้อื่นกระมัง!” หมิ่นกุ้ยเฟยจงใจหัวเราะเยาะนาง
“เพราะหม่อมฉันนับถืออี้กุ้ยเฟยเหนียงเหนียงเหมือนเป็นมารดาของตัวเอง แน่นอนว่าการถวายน้ำชาก็ต้องคุกเข่าทำความเคารพอย่างนอบน้อม หรือหมิ่นกุ้ยเฟยแม้แต่กฎเกณฑ์เช่นนี้ก็ไม่รู้หรือเพคะ?” หลิงมู่เอ๋อร์ไม่ได้หันศีรษะกลับไป แต่แม้จะเป็นเช่นนั้นก็ยังสามารถจินตนาการถึงใบหน้าที่บิดเบี้ยวเป็นอย่างยิ่ง เพราะความโกรธของหมิ่นกุ้ยเฟยได้
“ถูกต้อง แม้มู่เอ๋อร์จะเป็นเจิ้งเฟยขององค์ชายรอง แต่ในใจเปิ่นกงก็ยังปฏิบัติต่อนางเหมือนเป็นลูกสาวคนหนึ่งเช่นกัน หมิ่นกุ้ยเฟยไม่มีลูกสาวเป็นธรรมดาที่จะไม่เข้าใจความรู้สึกเช่นนี้ มู่เอ๋อร์เจ้าก็อย่าไปถือสานางเลย” อี้กุ้ยเฟยกล่าว สายตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาตมาดร้ายพุ่งเข้ามาโดยพลัน
เป็นไปดังคาดคำพูดนี้ทิ่มแทงใจของหมิ่นกุ้ยเฟย ในวังหลวงจะมีผู้ใดไม่รู้ว่าในยามนั้นสองปีหลังหมิ่นกุ้ยเฟยให้กำเนิดองค์ชายเจ็ด ก็ตั้งครรภ์องค์หญิงองค์หนึ่ง น่าเสียดายที่องค์หญิงเกิดมาได้ไม่ถึงสามวันก็เสียชีวิตอย่างกะทันหัน เพราะเหตุนี้หมิ่นกุ้ยเฟยจึงเจ็บปวดรวดร้าวใจสลายอยู่นานแสนนาน
อี้กุ้ยเฟยจงใจพูดเช่นนี้เป็นการเปิดแผลที่หายสนิทได้ยากของนางขึ้นมา แทงใจให้นางเจ็บปวด
“อี้กุ้ยเฟยเจ้า!” หมิ่นกุ้ยเฟยโกรธเกรี้ยว รีบลุกขึ้นมาหมายจะพุ่งเข้ามาหาอี้กุ้ยเฟยเพื่อคิดบัญชีกับนาง
ซั่งกวนเซ่าเฉินเห็นเช่นนั้นก็ขวางเบื้องหน้าของอี้กุ้ยเฟยและหลิงมู่เอ๋อร์โดยพลัน ขัดขวางหมิ่นกุ้ยเฟยเอาไว้ “หมิ่นกุ้ยเฟยที่นี่คือวังหลวง เปิ่นหวางจื่อยังอยู่ที่นี่ท่านต้องการจะก่อกบฏหรือ?”
หากนางกล้าขยับอีกนิดเดียวจะเป็นการทำตามคำพูดขององค์ชายรอง
นางจะกล้าสวมหมวกที่เรียกว่ากบฏได้อย่างไร! แม้ในใจจะยังเดือดดาลไม่หายแต่นางก็จำต้องข่มกลั้นความโกรธ ชีวิตนี้นางเคยต้องอดกลั้นความอัดอั้นตันใจเช่นนี้เสียที่ไหน
“เหอะ พวกเจ้าคอยดูเถอะ” หมิ่นกุ้ยเฟยโกรธเกรี้ยวจริงๆ แต่ก็ไร้ซึ่งหนทาง ทำได้เพียงออกไปจากที่นี่ด้วยความกรุ่นโกรธ ไม่เช่นนั้นนางรู้สึกว่านางจะถูกความโกรธทำให้ระเบิดเป็นแน่
คนน่ารังเกียจออกไปแล้วอารมณ์ของหลิงมู่เอ๋อร์จึงดีขึ้นเป็นอย่างยิ่ง หลังจากทักทายอี้กุ้ยเฟยอีกสองสามประโยคก็ถวายชาให้กุ้ยเฟยคนอื่นอีกสองคน เมื่อได้รับความเคารพจากเหล่านางสนม การแสดงความเคารพหลังแต่งงานดำเนินไปถึงช่วงสายจึงเพิ่งสิ้นสุด
“คงเหนื่อยแย่แล้ว ไปเถอะ พวกเรากลับบ้านดีหรือไม่?” ซั่งกวนเซ่าเฉินปวดใจหาใดเปรียบ บีบนวดคอเพื่อคลายความเมื่อยล้าให้นาง และจูงมือนางคิดจะกลับบ้าน
ได้ยินที่เขาไม่ได้พูดว่ากลับตำหนักแต่เป็นกลับบ้าน ในใจของหลิงมู่เอ๋อร์ก็รู้สึกสบายใจอย่างถึงที่สุดรู้สึกพอใจเป็นพิเศษ
“ได้”
หลังจากบอกลาอี้กุ้ยเฟยแล้วทั้งสองคนก็ออกจากประตูวังหลวง แต่น่าเสียดายที่ระหว่างทางออกจากเมืองหลวง กลับพบกับคนผู้หนึ่งที่ไม่อยากพบที่สุด
“เฉินถวายความเคารพองค์ชายรองและ…เจิ้งเฟยขององค์ชายรองพ่ะย่ะค่ะ” หลังจากซูเช่อถวายความเคารพซั่งกวนเซ่าเฉิน ยามที่มองหลิงมู่เอ๋อร์ก็ลังเลอยู่นานยิ่ง แต่สุดท้ายก็ยังเอ่ยสถานะของนางออกมา
เห็นสีหน้าของเขาที่ดีกว่าที่คิดไว้มากก็คาดว่ายาที่ให้ซางจือส่งไปเมื่อวานคงได้ผล แต่ท่าทางที่ไม่แม้แต่จะชำเลืองมองนางของเขาทำให้ในใจนางยิ่งรู้สึกเสียใจ
มองมั่วจวินเหยาที่อยู่ข้างหลังเขาอีกคราซึ่งไม่ได้สวมใส่เครื่องประดับของแคว้นซีอวี้แล้ว นางกลายเป็นลูกสะใภ้ของราชวงศ์เทียนแล้ว แต่จะมองอย่างไรก็รู้สึกว่าไม่เข้าที
“เสียนหวางกับหวางเฟยมาถวายความเคารพเสด็จพ่อหรือ?”
หลังโบกมือส่งสัญญาณให้เขาลุกขึ้น ซั่งกวนเซ่าเฉินก็ถามอย่างสุภาพ
“ยังไม่ถวายความเคารพองค์ชายรองกับเจิ้งเฟยขององค์ชายรองอีก!” ซูเช่อไม่ได้ตอบกลับคำพูดของซั่งกวนเซ่าเฉินก่อนเป็นอันดับแรก แต่จ้องมองไปยังมั่วจวินเหยาอย่างไม่สบอารมณ์ สายตานั้นราวกับจะกล่าวว่า ‘ช่างไร้กฎเกณฑ์เสียจริง’
“ข้าเป็นเสียนหวางเฟยเหตุใดต้องทำความเคารพนางด้วย?” มั่วจวินเหยากล่าวอย่างไม่ใคร่จะพอใจนัก
ยามที่เห็นหลิงมู่เอ๋อร์คราแรก ดวงตาทั้งสองข้างของนางก็เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวและไอสังหารรุนแรง ยังมาให้นางทำความเคารพอีกฝ่ายอีกเช่นนั้นไม่สู้ฆ่านางไปเสียคงดีกว่า!
มีแต่สวรรค์ที่รู้ว่านางผ่านเมื่อคืนก่อนมาอย่างทรมานเช่นไร ในฐานะเจ้าสาวใหม่กลับต้องอยู่เฝ้าห้องอันว่างเปล่าเพียงลำพังทั้งคืน เช้านี้ยามที่นางเปิดประตูห้องออกมาก็ได้ยินเหล่าบ่าวรับใช้และสาวใช้พากันวิพากษ์วิจารณ์ ว่าเป็นนางที่ไม่ได้รับความโปรดปรานเพิ่งตบแต่งเข้ามาจึงได้รับการปฏิบัติอย่างเย็นชา
ทั้งหมดนี้เป็นหลิงมู่เอ๋อร์ที่สมควรตาย!
“สามหาว! กฎเกณฑ์ในวังหลวงนอกจากกุ้ยเฟยของฝ่าบาททุกคนต้องทำความเคารพเจิ้งเฟยขององค์ชาย เจ้ายังไม่รีบคุกเข่าอีก!” ซูเช่อเดือดดาลแต่ยามที่สายตามองหลิงมู่เอ๋อร์อีกครา ก็แปรเปลี่ยนเป็นความอ่อนโยนยิ่ง
เห็นเพียงเขาโค้งริมฝีปากยิ้มจางๆ “ภรรยากระหม่อมไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ขอเจิ้งเฟยขององค์ชายรองโปรดอย่าถือสาพ่ะย่ะค่ะ”
พูดจบซูเช่อก็ค้อมกายเล็กน้อยราวกับขอโทษนางแทนมั่วจวินเหยา
เห็นได้ชัดว่าเป็นคุณชายผู้สะโอดสะองแต่หลังได้รับบาดเจ็บครานี้ ทั้งตัวคนก็น้ำหนักลดลงทั้งยังเปลี่ยนไปมีความเหนื่อยล้าอยู่หลายส่วน หาได้มีบุคลิกอ่อนโยนราวกับหยกอีกแล้ว
เห็นเขาทำความเคารพตัวเองอีกคราในใจหลิงมู่เอ๋อร์ก็ยิ่งรู้สึกเสียใจ นางอยากยกมือพยุงเขาขึ้นมาอยู่หลายคราแต่ก็เกรงว่าจะตกเป็นขี้ปากผู้อื่น
“เสียนหวางเกรงใจเกินไปแล้ว เสียนหวางเฟยมาจากแคว้นซีอวี้มีกฎเกณฑ์มากมายของราชวงศ์เทียนที่ไม่เข้าใจ ไม่เป็นไรหรอก” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวสายตามองตรงไปยังซูเช่อราวกับมีคำพูดมากมายที่อยากกล่าวกับเขา
มั่วจวินเหยาเห็นสายตานั้นก็ระเบิดลงโดยพลัน “หลิงมู่เอ๋อร์เจ้าช่างเป็นสตรีที่จิตใจโลเลนัก เจ้าก็ตบแต่งกับองค์ชายรองแล้วยังมาจ้องสามีคนอื่นเขาอีก เหตุใดเจ้าจึงไร้ยางอายถึงเพียงนี้ เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าหากเจ้ายังมองอีกข้าจะควักลูกตาเจ้าออกมาเสีย!”
ได้ยินคำพูดนี้คนทั้งสามที่อยู่ตรงนั้นก็มีโทสะขึ้นมาโดยพลัน ทั้งร่างของทุกคนล้วนเย็นเยือก
“เมื่อครู่เจ้าพูดอันใด?” ซั่งกวนเซ่าเฉินถามอย่างเย็นชาเขาค่อยๆ เดินไปหามั่วจวินเหยา สายตาที่ราวกับจะกินคนนั้นราวกับต้องการกลืนนางเข้าไป
มั่วจวินเหยาหวาดกลัวอย่างถึงที่สุดนางรีบถอยหลังไปหลายก้าว แต่คนที่ไม่ยกโทษให้นางมากที่สุดกลับเป็นสามีของนาง
“สารเลว!” ซูเช่อตะคอกอย่างเดือดดาล “มั่วจวินเหยาเจ้าในฐานะเสียนหวางเฟยเหตุใดไร้มารยาทต่อเจิ้งเฟยขององค์ชายรองเช่นนี้? เจ้าน่าจะรู้ว่าข้าสามารถแต่งเจ้าเข้ามาเป็นเจิ้งเฟยได้ ก็สามารถหย่าและปลดฐานะของเจ้าออกได้ หรือเจ้าอยากจะลอง?”
ถึงอย่างไรก็คาดไม่ถึงว่าซูเช่อที่เพิ่งตบแต่งจะพูดคำพูดเช่นนี้ออกมา
ละครตลกทางด้านนี้ดึงดูดความสนใจของผู้อื่นมานานแล้ว หลิงมู่เอ๋อร์ไม่อยากให้ซูเช่อลำบากเพราะตนจนถูกผู้อื่นนินทาลับหลัง นางกำลังคิดจะหาทางจบเรื่องด้วยดี ใครจะคิดว่ามั่วจวินเหยาจะยังโกรธเกรี้ยวกว่าเขาเสียอีก
“เจ้าพูดอันใด? ตกลงเจ้าอยากหย่ากับข้าหรือ?” มั่วจวินเหยาเย้ยหยัน ยิ้มเยาะไม่หยุด “ดีซูเช่อ พวกเราเพิ่งตบแต่งกันเจ้ากลับต้องการหย่ากับข้าแล้ว”
ไม่รอให้ซูเช่อตอบกลับมั่วจวินเหยาก็พุ่งตัวโผเข้ามาหาหลิงมู่เอ๋อร์โดยพลัน มือทั้งสองข้างของนางพยายามจะบีบคอของอีกฝ่าย
น่าเสียดายที่มือยังไม่ทันแตะหลิงมู่เอ๋อร์คนก็ถูกซั่งกวนเซ่าเฉินผลักออกแล้ว “บังอาจนักเสียนหวางเฟยนี่เจ้าคิดจะลอบสังหารชายารักของข้าหรือ?”
“ข้าอยากฆ่านาง ข้าอยากฆ่านางจิ้งจอกตัวนี้ นางมีสามีแล้วแต่กลับยังมาจ้องมองสามีผู้อื่นไม่วางตา ซั่งกวนเซ่าเฉินเจ้าไม่ใช่ว่าชอบนางหรือ ที่แท้ความชอบของเจ้าก็คือสามารถอดกลั้นให้สตรีของเจ้าจ้องมองชายอื่นได้หรือ?”
จำต้องยอมรับว่าคำพูดประโยคนี้ของมั่วจวินเหยาเจตนายั่วยุกันเป็นอย่างยิ่ง
หากซั่งกวนเซ่าเฉินไม่พูดก็จะกลายเป็นการพิสูจน์ว่าชายารักของเขามีเจตนาโปรยเสน่ห์ใส่ชายอื่น
แต่หากเขาพูดก็จะเป็นไปตามแผนการของมั่วจวินเหยาทำให้ชายารักของตัวเองต้องกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
หลิงมู่เอ๋อร์กลับไม่เอาเรื่องนี้มาไว้ในสายตา นางเม้มปากตั้งแต่ต้นจนจบ “เปิ่นเฟยได้รับพระราชทานนามหัตถ์เทพเซียนแพทย์จากฝ่าบาท ข้ามีสถานะเป็นหมอในสายตาของข้าย่อมมองเพียงอาหารบาดเจ็บและอาการเจ็บป่วย สีหน้าของเสียนหวางเหลืองเหมือนเทียนไขเห็นได้ว่าร่างกายไม่สบาย ข้าเพียงแค่อยากดูให้ชัดเจนเพื่อตรวจและรักษาเขาให้ดี แต่ยามนี้มองดูแล้วเสียนหวางเฟยคงไม่เป็นห่วงร่างกายของเสียนหวางแม้แต่น้อยเลยกระมัง ดูท่าความสัมพันธ์ของเสียนหวางและเสียนหวางเฟยจะธรรมดามากทีเดียวกระมัง?”
เห็นได้ชัดว่าเป็นนางที่ใส่ร้ายหลิงมู่เอ๋อร์ก่อน แต่คาดไม่ถึงว่ามันหวานร้อนนี้จะถูกเอากลับมาที่มือของตัวเองอีกครา
มั่วจวินเหยาหาคำพูดตอกกลับไม่ได้ไปชั่วขณะ “เจ้า…”
แต่นางก็ไม่ยอมรับความพ่ายต่อหน้าหลิงมูเอ๋อร์
“ใครบอกว่าความสัมพันธ์สามีภรรยาของข้ากับเสียนหวางไม่ดี ตัวเขาเสียนหวางเข้าวังหลวงมาด้วยตัวเองเพื่อทูลขอสมรสพระราชทานให้ข้าได้เป็นเจิ้งเฟย ไม่เหมือนใครบางคนที่ไร้ยางอายอยู่ข้างองค์ชายรองไม่ยอมไปที่ใด ไม่รู้ใช้ความสามารถอันใดล่อลวงให้ได้ตำแหน่งเจิ้งเฟยขององค์ชายรอง!”
ได้ยินคำพูดนี้ซั่งกวนเซ่าเฉินก็คิดอยากตะคอกใส่มั่วจวินเหยาด้วยความเดือดดาล แต่กลับถูกหลิงมู่เอ๋อร์ห้ามไว้
“ใช่ ข้าใช้ความสามารถล่อลวงองค์ชายรองจริงๆ แต่เสียนหวางเฟยดูไม่ได้มีความสุขเช่นที่ตัวเองกล่าวกระมัง เจ้ายังบริสุทธิ์อยู่หรือ?”
ในเมื่อมั่วจวินเหยาไม่เกรงใจเช่นนั้นก็อย่ามาโทษว่านางไม่มีมารยาท
เหล่าขันทีและนางกำนัลมากมายที่มุงดูอยู่ข้างหลัง เรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้าปกติไม่ต้องให้ถึงหนึ่งชั่วยามก็แพร่ไปทั่ววังหลวงแล้ว ข่าวเรื่องที่หลังจากเสียนหวางเฟยตบแต่งให้เสียนหวางแต่ร่างกายยังบริสุทธิ์หากแพร่ออกไป ก็จะเป็นการยืนยันข่าวลือที่ว่าเสียนหวางไม่รักใคร่เสียนหวางเฟย
มั่วจวินเหยาจะกลายเป็นหัวข้อสนทนายามว่างหลังอาหารของทุกคนอย่างรวดเร็ว
สตรีผู้หนึ่งคืนที่เพิ่งตบแต่งกลับได้รับการปฏิบัติอย่างเย็นชาจากสามี เช่นนั้นมันทำให้นางทุกข์ใจยิ่งกว่าฆ่านางเสียอีก
“หลิงมู่เอ๋อร์จะเกินไปแล้วนะ!” มั่วจวินเหยาโกรธจนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี ยามที่นางหันกลับไปขอความช่วยเหลือเสียนหวาง กลับเห็นว่าเขายิ้มอย่างสดใสท่าทีราวกับดูการแสดงสนุกๆ อยู่
เหตุใดทุกคนจึงล้วนช่วยเหลือหลิงมู่เอ๋อร์ ทำไม!
“สามหาว! เจ้ายังเป็นเสียนหวางเฟยต่อหน้าเปิ่นหวางจื่อเฟยยังไร้มารยาทเช่นนี้ เมื่อครู่เสียนหวางมิได้เตือนเจ้าแล้วหรือ? ยามที่พบเปิ่นหวางจื่อเฟยต้องถวายความเคารพ!” หลิงมู่เอ๋อร์หาได้สนใจสายตาอาฆาตมาดร้ายของนาง และได้ทีขี่แพะไล่อย่างต่อเนื่อง ฟนางจะกดให้จมไปเลย
เดิมทีนางไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแต่นางทำตัวหยิ่งผยองก่อนจะมาโทษนางที่หัวแข็งทีหลังได้อย่างไร
“ข้า…” มั่วจวินเหยาไม่เต็มใจ
“ทหาร เสียนหวางเฟยไม่รักษากฎเกณฑ์ของวังหลวงพานางออกไป ส่งนางกำนัลที่ดูแลเรื่องมารยาทให้ไปสอนให้ดี!” ซั่งกวนเซ่าเฉินสั่งออกไปเสียงดัง บ่าวรับใช้ก็พุ่งเข้ามาโดยพลัน
มั่วจวินเหยาตกใจแทบแย่แต่เสียนหวางก็ไม่ยอมช่วยนาง นางหมดหนทางทำได้เพียงคุกเข่าลงเบื้องหน้าของหลิงมู่เอ๋อร์ “ขอเจิ้งเฟยขององค์ชายรองโปรดให้อภัยด้วย มั่วจวินเหยารู้ตัวว่าผิดไปแล้วจะถวายความเคารพแก่เจิ้งเฟยขององค์ชายรองเพคะ”
“ดี”
มุมปากน่ามองของหลิงมู่เอ๋อร์ยกขึ้น กะพริบตาอย่างชั่วร้าย มองไปยังซูเช่ออีกครานางก็กล่าวอย่างอ่อนโยน “ได้ยินว่าช่วงนี้ร่างกายเสียนหวางไม่สบายนักไม่ทราบว่าสถานการณ์เป็นเช่นไร หากไม่ถือสาให้ข้าดูอาการให้เจ้าดีหรือไม่?”
นางกับซูเช่อไม่ได้พูดคุยกันมานานมากแล้ว
เขาหลบหน้านางอยู่ตลอด นางรู้ว่านั่นเป็นการปกป้องนาง
แต่เห็นท่าทางนี้เช่นนี้ของซูเช่อ หลิงมู่เอ๋อร์ก็ยังปวดใจจริงๆ
ซูเช่อ นางติดหนี้เขาอยู่ตลอดเลย
“รบกวนเจิ้งเฟยขององค์ชายรองแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ซูเช่อพยักหน้ายื่นแขนออกมาด้วยตัวเอง
เดิมทียังคิดว่าเขาจะปฏิเสธ แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะเห็นด้วยจริงๆ หลิงมู่เอ๋อร์มองไปทางซั่งกวนเซ่าเฉินหลังจากอีกฝ่ายเข้าใจก็พาซูเช่อก้าวเดินไปทางหน้าโต๊ะหินด้านข้างโดยพลัน
มั่วจวินเหยาเห็นเช่นนั้นก็คิดจะลุกขึ้น ขันทีด้านข้างตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดโดยพลัน “สามหาว เจิ้งเฟยขององค์ชายรองยังมิได้ให้ท่านลุกขึ้น เหตุใดท่านจึงไร้มารยาทนัก รบกวนเสียนหวางเฟยคุกเข่าต่อไปด้วย”