เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 12 ตอนที่ 349 ตรวจรับ
- Home
- เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ?
- เล่มที่ 12 ตอนที่ 349 ตรวจรับ
เล่มที่ 12 ตอนที่ 349 ตรวจรับ
“มู่เอ๋อร์ ในที่สุดเจ้าก็กลับมาแล้ว มา ลองดูว่าชุดซิ่วเหอ [1] นี้เป็นอย่างไร”
ท่านยายเห็นหลิงมู่เอ๋อร์กลับมาก็รีบจับนางเข้าไปข้างใน เมื่อคืนชุดซิ่วเหอนี้ได้ลองใส่ไปครั้งหนึ่งแล้ว แต่ยังมีบางรายละเอียดที่ยังไม่สมบูรณ์อยู่บ้าง หลิงมู่เอ๋อร์คิดว่าแบบนี้ก็พอแล้ว แต่ท่านยายพูดว่า นี่เป็นวันมงคลของนาง ที่ประณีตงดงามอยู่แล้วจะต้องทำให้เลิศล้ำยิ่งขึ้นไปอีก
“ขอบคุณท่านยายเจ้าค่ะ ท่านต้องคอยใส่ใจเพราะเรื่องของมู่เอ๋อร์แล้ว” หลิงมู่เอ๋อร์ทางหนึ่งกล่าวอย่างปากหวาน อีกทางก็เดินออกมาจากฉากบังลม
ในยามที่ทุกคนเห็นหลิงมู่เอ๋อร์ในชุดวิวาห์สีแดงเพลิง ก็ดวงตาลุกโพลง ราวกับมองจนตะลึงงันไปแล้ว
“มู่เอ๋อร์งดงามยิ่ง” หลิงจือเซวียนชื่นชม
“นั่นสิเจ้าคะคุณหนู งดงามเหลือเกิน ท่านเป็นเจ้าสาวที่งดงามที่สุดในใต้หล้านี้จริงๆ เจ้าค่ะ เชื่อว่าพรุ่งนี้หลังจากแต่งงาน ท่านกับองค์ชายรองก็จะกลายเป็นตำนานแห่งความรักที่ผู้คนเล่าขานต่อกันอีกคู่เจ้าค่ะ” ซางจือกับเจี้ยงเซียงกล่าวชื่นชมพร้อมกัน
หลิงมู่เอ๋อร์ก้มศีรษะลงด้วยความเขินอาย มองตนเองที่แตกต่างออกไปในชุดวิวาห์ในกระจก อารมณ์ของนางก็พลันเปลี่ยนแปลงเป็นอ่อนโยนลง
นางจะแต่งงานแล้วจริงๆ หรือ?
จะแต่งให้กับบุรุษที่ตนชอบที่สุด?
ในชาติก่อน นางถือกำเนิดเป็นผู้สืบทอดของตระกูลแพทย์ มีเรื่องราวมากมายที่ไม่เป็นไปตามความต้องการของนาง ล้วนทำตามการจัดการของเหล่าผู้อาวุโสในตระกูล ไม่มีอิสระ ไม่มีอำนาจในการเลือก แต่ในชาตินี้ นางไม่เพียงสามารถควบคุมชีวิตของตนเองได้ ยังได้เดินมาถึงจุดสูงสุดด้วย!
“มีใครชมคนเหมือนพวกเจ้ากัน พวกเจ้าทำเช่นนี้จะทำให้ข้าลำพองเอาได้”
หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวจบ ก็กลับไปเปลี่ยนเป็นชุดปกติแล้ว หยางซื่อรีบเก็บชุดซิ่วเหอแล้วกล่าวว่า “ลำพองก็ลำพองสิ เจ้ามีคุณสมบัตินี้ กลัวอะไร?”
“ท่านแม่!” หลิงมู่เอ๋อร์ถูกคำพูดของหยางซื่อทำให้ตะลึงงันไปแล้ว ตั้งแต่เมื่อใดกันที่หยางซื่อก็หลงตนเองเช่นนี้ด้วย?
“ทำไมกัน บุตรสาวของข้าสมบูรณ์แบบเยี่ยงนี้ ยังไม่อนุญาตให้ผู้เป็นมารดาชื่นชมหรือ?” บนใบหน้าของหยางซื่อมีรอยยิ้มที่ระงับไม่อยู่
นางเดินไปอยู่ข้างกายหลิงมู่เอ๋อร์อย่างมีลับลมคมใน “ชุดวิวาห์ซิ่วเหอนี้ในเมื่อกำหนดได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็รอเป็นเจ้าสาวอย่างสบายใจเถิด แม่ยังมีของขวัญที่จะมอบให้เจ้าอีก”
“ของขวัญอะไรหรือเจ้าคะ?” หลิงมู่เอ๋อร์ไม่รู้ว่าท่านแม่กำลังกล่าวสิ่งใด แต่เห็นนางมีท่าทางลึกลับ นางก็รู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก
“แน่นอนว่าเป็นภารกิจที่เจ้ามอบให้แม่นะสิ”
หยางซื่อกล่าวจบ ฝ่ามือก็แบออก กุญแจที่คุ้นเคยดอกหนึ่งนอนอยู่ในฝ่ามือของนาง “นี่มิใช่กุญแจเรือนที่อยู่ด้านข้างหรือเจ้าคะ” หลิงมู่เอ๋อร์จำได้ในทันทีเห็น
“ไม่ผิด เจ้าให้แม่ช่วยปรับปรุงเรือนหลังนั้น โชคดีที่ปรับปรุงแก้ไขทั้งหมดเรียบร้อยก่อนวันมงคล ไปเถอะ พวกเราไปดูกัน”
มองดูใบหน้าของหยางซื่อที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ เห็นได้ว่านางพอใจกับการปรับปรุงเรือนหลังนั้นมาก หลิงมู่เอ๋อร์ก็อยากรู้อยู่บ้างเช่นกัน
ตอนนั้นนางเพียงแต่มอบหนังสือแผนการปรับปรุงให้หยางซื่อชุดหนึ่งเท่านั้น ล้วนแต่เป็นสิ่งที่นางต้องการ ทว่าต่อมาเพราะเรื่องของหลิงจือเซวียน นางจึงได้ลืมเรือนหลังนั้นไปเสียสิ้น
ความคิดของท่านแม่กับของนางจะอยู่ในระนาบเดียวกันได้อย่างไร? คิดว่าคงไม่มีสิ่งใดให้ประหลาดใจ
หลิงมู่เอ๋อร์คิดเช่นนี้ แต่นางไม่กล้าทำลายความกระตือรือร้นของหยางซื่อ คนทั้งกลุ่มจึงมุ่งตรงไปยังเรือนที่อยู่ด้านข้าง
เรือนที่อยู่ด้านข้างกับจวนสกุลหลิงเดิมมิได้เชื่อมต่อกัน แต่เป็นเพราะหลิงมู่เอ๋อร์เรียกร้องด้วยตนเอง หยางซื่อจึงได้เปิดกำแพงด้านหนึ่งออก ตั้งใจเหลือประตูเล็กๆ ไว้บานหนึ่ง “มู่เอ๋อร์ เยี่ยงนี้วันหลังเจ้าจะกลับบ้านตอนใดก็จะสะดวกขึ้นมาก แต่เจ้าวางใจ ครั้งนี้ กุญแจประตูทางด้านนี้มีเพียงดอกเดียวเท่านั้น ไม่ว่าผู้ใดก็มิอาจเข้าไปได้”
หลิงมู่เอ๋อร์มองประตูข้างที่หยางซื่อสร้างขึ้นมาอย่างพอใจ ในใจพลันรู้สึกรอคอย “ท่านแม่ ในเวลาที่ท่านวุ่นกับร้านอาหาร ยังต้องมายุ่งกับการปรับปรุงเรือนหลังนี้อีก ท่านแม่ต้องเหน็ดเหนื่อยแล้วจริงๆ”
น้อยนักที่จะได้ยินมู่เอ๋อร์ออดอ้อนตน หยางซื่อถูกชมจนหน้าแดง “เจ้าสาวน้อยคนนี้ ยากนักที่จะมอบภารกิจให้แม่ แน่นอนว่าจะต้องทำให้ดีถึงจะถูก นั่น ไปลองดูสิ”
หลังจากคนทั้งหลายเดินเข้าไปในเรือน ในเสี้ยววินาทีก็ถูกทุกสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าทำให้ตกตะลึงไปแล้ว
เดิมเป็นเพียงเรือนโบราณที่อายุมากหลังหนึ่งเท่านั้น แต่หลังจากการปรับปรุงของหยางซื่อ ก็เปลี่ยนไปจนไม่เหลือเค้าเดิม
ทั่วทั้งเรือนไม่เพียงถูกเพิ่มความสูงขึ้นอีกสองชั้น ยังถูกกั้นห้องและตกแต่งใหม่ ลานบ้านที่เดิมว่างเปล่ามีการเพิ่มภูเขาจำลองและสระน้ำเข้ามา ยังมีพวกชิงช้าและเครื่องเล่นที่หลิงมู่เอ๋อร์ร้องขอเป็นพิเศษ
ที่สำคัญที่สุดคือ สิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องนั้นเหมือนกับตอนที่พวกนางอยู่ที่เมืองไม่ผิดเพี้ยน
ยังจำได้ว่า ในตอนที่พวกนางจากหมู่บ้านสกุลหลิงมาปักหลักในเมืองนั้น หลิงมู่เอ๋อร์ใส่ใจเป็นอย่างมาก ไม่เพียงจัดให้มีห้องน้ำด้านใน ยังมีน้ำพุร้อน เตียงอุ่น และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ แม้หลังจากมาถึงเมืองหลวง จวนสกุลหลิงที่พวกนางพักอาศัยก็อยู่ในชั้นแนวหน้า แต่ในเวลานั้น เพื่อที่จะรีบเปิดร้านอาหารและโรงหมอ นางไม่มีเวลาออกแบบมากนัก ทุกสิ่งล้วนทำเพียงคร่าวๆ
แต่เรือนที่ปรับปรุงใหม่นี้แตกต่างกันอย่างยิ่ง สิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดล้วนทำตามการกำชับของหลิงมู่เอ๋อร์ แม้กระทั่งในจุดที่นางคิดไม่ถึง หยางซื่อก็ได้ช่วยนางคิดแล้ว
“นี่ นี่มู่เอ๋อร์ไม่กล้าเชื่อเลยว่าเป็นฝีมือของท่านแม่ ท่านแม่ ท่านช่างเก่งกาจเหลือเกินเจ้าค่ะ!”
หลิงมู่เอ๋อร์พุ่งเข้าไปในอ้อมกอดของหยางซื่อ นางพอใจจนไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดีแล้ว
“นั่นสิขอรับท่านแม่ ท่านทำได้อย่างไรกัน เมื่อก่อนท่านไม่รู้เรื่องพวกนี้แม้แต่น้อย ตัวอักษรท่านก็รู้ไม่กี่ตัว ท่าน…” หลิงจือเซวียนก็ตะลึงจนมึนไปเช่นกัน หากมิใช่เห็นด้วยตาของตนในวันนี้ เขาไม่มีทางเชื่อว่า นี่เป็นผลลัพธ์จากการควบคุมงานของหยางซื่อ
หลายวันมานี้ ท่านแม่วุ่นอยู่กับการดูแลเขาและมักจะออกไปข้างนอก หลังจากเขาสอบถามจึงได้รู้ว่าที่แท้เป็นมู่เอ๋อร์มอบหมายภารกิจให้นาง ในตอนนั้นเขายังคิดว่า รอเขาบาดแผลหายดีก็จะรับช่วงภารกิจนี้ เพราะอย่างไรนี่ก็เป็นบ้านหลังใหม่ของมู่เอ๋อร์ มอบให้ท่านแม่มาจัดการเขามักจะรู้สึกไม่วางใจ
แต่คิดไม่ถึงว่า การป่วยครั้งนี้ถูกลากยาวมาถึงเพียงนี้ และในยามที่เขาเห็นทุกสิ่งที่นี่ด้วยตาตนเองนั้น เขาก็ยิ่งประหลาดใจจนพูดไม่ออก
“ตอนนี้พี่ชายคงรู้แล้วว่าความสามารถทางบุ๋นของข้ามาจากผู้ใดกัน ที่แท้ก็มาจากท่านแม่” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวชม
ทั่วทั้งใบหน้าของหยางซื่อแดงก่ำ “พวกเจ้าทั้งสองคนช่างหัวใสเหลือเกิน พากันยอแม่จนกลายเป็นเช่นใดแล้ว?”
“นี่เป็นความจริง จะเป็นคำยกยอได้อย่างไรเจ้าคะ?” หลิงมู่เอ๋อร์เอียงหัว “ท่านแม่ร้ายกาจจริงๆ ท่านแม่ ในอนาคตหากท่านเต็มใจก็สามารถออกแบบเรือนให้ผู้อื่นได้เลยเจ้าค่ะ ฝีมือการออกแบบนี้สูงส่งยิ่งนักเจ้าค่ะ” หลิงมู่เอ๋อร์พลันนึกหนทางร่ำรวยสำหรับมารดาโดยเฉพาะออกมาได้
“ออกแบบไม่ออกแบบอะไรกัน หากไม่มีแบบแปลนสิ่งที่เจ้าร้องขอ แม่จะทำของพวกนี้ออกมาได้อย่างไร? เจ้าก็รู้จักแต่หัวเราะเยาะแม่” หยางซื่อถูกชมจนรู้สึกว่าอยู่ต่อไม่ได้แล้ว ทว่าอย่างรวดเร็ว รอยยิ้มบนใบหน้าของนางก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นหยดน้ำตา
“ลูกสาวโตแล้ว สุดท้ายก็จะแต่งงาน ชั่วชีวิตนี้ของแม่ไม่เคยทำสิ่งใดเพื่อมู่เอ๋อร์ของข้า นี่เป็นเรื่องเดียวที่แม่ได้ทำ แม่ย่อมต้องทำให้ดีจึงจะได้!” หยางซื่อด้านหนึ่งกล่าววาจา อีกด้านก็ปาดหยาดน้ำตาบริเวณหางตา นางจับมือของหลิงมู่เอ๋อร์ไว้แน่น “มู่เอ๋อร์ขอบคุณเจ้า แม้แต่เรือนหลังแต่งงานก็เลือกอยู่ข้างบ้านแม่ ไม่เช่นนั้นแม่จะต้องคิดถึงเจ้ามากเพียงใดกัน”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ โลหิตทั่วร่างของหลิงมู่เอ๋อรก็ไหลย้อนกลับ นางกอดหยางซื่อไว้ในอ้อมกอดแน่น “ท่านแม่! ท่านวางใจ ต่อให้มู่เอ๋อร์แต่งงานแล้ว ก็จะเป็นมู่เอ๋อร์ของท่านตลอดกาล ไม่มีทางแยกจากท่านตลอดไปเจ้าค่ะ”
เมื่อเห็นภาพนี้ ท่านยาย หลิงจือเซวียน ซางจือ และเจี้ยงเซียงที่ตามมาอยู่เบื้องหลังพากันตื้นตันจนเช็ดน้ำตา
แม้จะเป็นวันมงคล แต่สาวน้อยในบ้านของตนจะแต่งไปบ้านของผู้อื่น นับจากนี้ผู้ที่ต้องคลอดบุตรชายบุตรสาวคือนาง ผู้ที่ต้องซักผ้าทำกับข้าวคือนาง เดิมเป็นแก้วตาดวงใจ เป็นของวิเศษที่ประคองไว้ในฝ่ามือ แต่เมื่อไปถึงเรือนของผู้อื่นแล้ว จะกลายเป็นคนรับใช้ที่ใครๆเรียกใช้หรือไม่ ผู้ที่เป็นมารดา เป็นครอบครัวจะวางใจได้อย่างไร?
แต่ยังดี พวกเขาได้ทดสอบซั่งกวนเซ่าเฉินด้วยตนเอง พวกเขาเชื่อว่าเจ้าหนุ่มเฉินจะต้องดีต่อมู่เอ๋อร์แน่
“มู่เอ๋อร์ แม้ข้าจะเชื่อในนิสัยของเจ้าหนุ่มเฉินมาก แต่เจ้าจำไว้ บ้านของแม่เจ้าจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป!”
หยางซื่อกอดหลิงมู่เอ๋อร์ไว้ในอ้อมกอดแน่นอีกครั้ง ตัวนางในยามนี้ร้องไห้จนไม่เป็นเสียงแล้ว
กล่าวกันว่าบุตรสาวที่แต่งออกไปนั้นไม่มีบ้าน หยางซื่อต้องการจะบอกนางว่า ต่อให้นางแต่งออกไปแล้ว บ้านก็ยังคงอยู่ตลอดไป
“ขอบคุณท่านแม่ ขอบคุณท่านยาย ขอบคุณพี่ชายเจ้าค่ะ”
หลิงมู่เอ๋อร์รู้สึกเพียงว่า น้ำตาทั้งหมดของวันนี้จะไหลหมดแล้ว ที่แท้การแต่งงานครั้งหนึ่งเจ็บปวดเช่นนี้หรือ?
ไม่ เป็นความเจ็บปวดระคนสุข นางเชื่อว่าเซ่าเฉินจะดีกับนางอย่างมาก มากๆ นางเชื่อว่าการเลือกของนางไม่มีทางผิด
“มู่เอ๋อร์ จือเซวียน พวกเจ้าอยู่ที่ใดกัน?” ด้านหลังมีเสียงของจูฉีดังมา
ในยามที่ทุกคนหันกลับมามองนั้น ก็เห็นในมือของเขาถือกล่องผ้างดงามยืนอยู่ในจุดที่ห่างออกไปหกจั้ง
“พี่จู ท่านก็มาแสดงความยินดีกับข้าหรือเจ้าคะ?” หลิงมู่เอ๋อร์เดินเข้าไปใกล้เขาก่อน
จูฉีที่ติดตามทำงานให้องค์ชายรอง ช่วงเวลาสั้นๆ นี้เป็นเพราะงานยุ่งเห็นได้ชัดว่าดูผอมลงไปมาก ทั่วทั้งร่างก็เปลี่ยนจากสุภาพอ่อนโยนในอดีตกลายเป็นเย็นชาขึ้นมาอยู่บ้าง ทว่าในยามที่เขาเห็นหลิงมู่เอ๋อร์ขยับเข้ามาใกล้นั้น ก็ยังอมยิ้มก้มศีรษะลง
“พรุ่งนี้จะเป็นวันมงคลของเจ้าแล้ว เจ้าเรียกข้าว่าพี่จู ข้าย่อมเป็นพี่ชายใหญ่ของเจ้าตลอดไป น้ำใจเล็กน้อยอย่าได้รังเกียจ” กล่าวจบ จูฉีก็มอบกล่องผ้าในมือออกไป
หยางซื่อและท่านยายที่อยู่ด้านหลังเมื่อเห็นเช่นนี้ ก็พาซางจือและเจี้ยงเซียงจากไป นี่เป็นพื้นที่ของพวกเขาคนหนุ่มสาว พวกเขาไม่สะดวกที่จะไปรบกวน
หลิงมู่เอ๋อร์เปิดกล่องผ้าออก เห็นปิ่นหยกขาวบริสุทธิ์ชิ้นหนึ่งบนนั้น กะทัดรัดประณีตงดงามเป็นอย่างมาก ยามเปิดออกดู ด้านบนยังสลักตัวอักษรมู่ไว้ตัวหนึ่งด้วย
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นจูฉีทำให้นางด้วยตัวของเขาเอง “พี่จู ของขวัญชิ้นนี้ล้ำค่าเกินไปแล้ว”
เห็นนางจะส่งกลับมา จูฉีรีบปฏิเสธ “หากมิใช่เจ้า ดวงตาคู่นี้จนถึงบัดนี้ก็ยังคงมืดบอด เป็นเจ้าที่ทำให้ข้ามองเห็นความงดงามบนโลกใบนี้ และเป็นเจ้าที่ทำให้ข้ารู้ว่า ที่แท้จิตใจของมนุษย์ก็สามารถมีเมตตาเช่นนี้ได้ มู่เอ๋อร์ ของขวัญชิ้นนี้เจ้าคู่ควรโดยมิต้องละอาย”
เห็นเขายืนกรานเช่นนี้ หลิงมู่เอ๋อร์ก็ไม่เหมาะที่จะปฏิเสธอีก นางมองหลิงจือเซวียน จากนั้นมองจูฉีอีกครั้ง มุมปากที่งดงามโค้งขึ้น “มู่เอ๋อร์มีความสุขจริงๆ ไม่เพียงมีพี่จือเซวียน ยังมีพี่จูอีก ชาตินี้มีโชคได้เป็นน้องสาวของพวกท่าน นับเป็นวาสนาของมู่เอ๋อร์”
“สาวน้อยที่โง่งม ได้เป็นพี่ชายของเจ้าจึงเป็นวาสนาของข้า” หลิงจือเซวียนเดินไปถึงข้างกายของหลิงมู่เอ๋อร์ โอบนางเข้าสู่อ้อมกอดอย่างรักใคร่ สายตาสบเข้ากับจูฉี “พี่จูว่าถูกหรือไม่?”
“แน่นอน!” จูฉีหัวเราะอย่างอ่อนโยน ในยามที่ดวงตาทั้งคู่ของเขามองหลิงมู่เอ๋อร์อีกครั้ง ในใจก็เผยความเศร้าออกมาจางๆ
เขากำลังคิด ตอนนั้น หากเขากล้าหาญขึ้นอีกหน่อย ใช่ว่าผลลัพธ์จะไม่เหมือนเดิมหรือไม่?
“มู่เอ๋อร์ ในเมื่อนี่เป็นการเลือกของเจ้า พี่จูขออวยพรให้ทุกผลลัพธ์ของเจ้าไม่ทำให้เจ้าผิดหวังตลอดไป ครองคู่กับองค์ชายรองไปจนผมขาว!”
หลังจูฉีกล่าวจบ มือทั้งคู่ประสานคำนับ อวยพรนางอย่างตั้งใจ
หลิงมู่เอ๋อร์รีบประคองเขาขึ้นมา “ขอบคุณพี่จูมาก แต่ท่านไม่ต้องเกรงใจเช่นนี้”
สัมผัสได้อย่างลึกซึ้งถึงนิ้วอันอ่อนนุ่มทั้งห้าของนางที่วางอยู่บนข้อมือของเขา จูฉีเหม่อลอยไปครู่หนึ่ง แต่เขารู้ว่า ยามนี้เขาไม่มีฐานะใดให้คิดเกินเลยไปได้อีกแล้ว
ถอยหลังไปหลายก้าว สุดท้ายรักษาระยะห่างหนึ่งฝีก้าวจากนาง เขาไม่อยากให้ผู้ที่ตนรักอย่างแท้จริงถูกคนเข้าใจผิด ถูกคนติฉินนินทา
หลิงมู่เอ๋อร์มิได้เห็นความผิดปกติใดในการกระทำของจูฉี แต่หลังจากนางจากไปนั้น มือที่หนาและกว้างของหลิงจือเซวียนก็วางลงบนไหล่ของเขา “พี่จู…”
เชิงอรรถ
[1] ชุดซิ่วเหอ เป็นชุดแต่งงานแบบจีน มีแบบคอตั้งกระดุมผ่าหน้าตามสมัยโบราณ และแบบคอกลม ใช้สีแดงและทองเป็นหลัก ชุดซิ่วเหอส่วนใหญ่จะมีทรงหลวม แบบเรียบ ทว่ามีแบบทรงเข้ารูปด้วยเช่นกัน