เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 11 ตอนที่ 321 จัดการให้อยู่หมัด
- Home
- เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ?
- เล่มที่ 11 ตอนที่ 321 จัดการให้อยู่หมัด
เล่มที่ 11 ตอนที่ 321 จัดการให้อยู่หมัด
“ด้านนอกไม่มีคนรั้งข้าเอาไว้ ข้าจึงเดินเข้ามา ข้าไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังนะ”
เมื่อถูกพบเข้า หลิงมู่เอ๋อร์ก็รู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย นางเอ่ยปากอธิบายทันที ก่อนมองไปทางซั่งกวนเซ่าเฉินอย่างสงสัย “เพราะเหตุใดท่านถึงมาอยู่ที่นี่ได้เล่า”
“ในจวนเสียนหวางมีผู้ใดกล้าหยุดเจ้ากันเล่า?” ซูเช่อมองหลิงมู่เอ๋อร์ด้วยสายตารักถนอม จากนั้นก็หันสายตาไปมองซั่งกวนเซ่าเฉิน “แน่นอนว่าจุดประสงค์ของเขาย่อมเหมือนเจ้า ทว่าในเมื่อเจ้ามาถึงแล้วก็พาผู้ชายของเจ้ากลับไปเถิด จวนเสียนหวางของข้ายินดีต้อนรับเจ้า แต่ไม่ต้อนรับเขา!”
ซูเช่อสะบัดแขนเสื้อ ตั้งใจที่จะลุกขึ้นยืนและจากไป
หลิงมู่เอ๋อร์รู้ว่าเขาพูดเช่นนี้เพราะจงใจจะบ่ายเบี่ยงความสนใจของพวกเขา แม้ว่าซูเช่อจะเป็นสุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ ทว่าเขาก็เก็บทุกอย่างไว้ในใจเสมอ
“เซ่าเฉินพูดถูก เรื่องระหว่างเราสองคนไม่ต้องการให้ท่านต้องมาเสียสละ แม้ว่าเราจะรักกันไม่ได้ แต่เราจะลากท่านเข้ามาลำบากแต่งงานกับสตรีที่ท่านไม่ได้ชอบ และยังต้องใช้ชีวิตร่วมกับนางได้อย่างไร?”
ยิ่งหลิงมู่เอ๋อร์คิด นางก็ยิ่งรู้สึกผิด
ซูเช่อคือคุณชายอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวง ผู้หญิงที่คู่ควรกับเขาควรเป็นผู้หญิงที่สง่างามหรือคนที่คิดเหมือนกันกับเขา ทว่าองค์หญิงแห่งซีอวี้นั้นดื้อด้านและเอาแต่ใจ ชอบเผด็จการเป็นอย่างยิ่ง การที่ต้องอาศัยอยู่กับคนแบบนี้ไปตลอดชีวิต เกรงว่าน่าจะบ้าไปเสียก่อน
นอกจากนี้ ทันทีที่เขาเข้าไปพัวพันข้องเกี่ยวกับซีอวี้ ซูเช่อจะไม่ได้รับพระราชบัญชาจากฮ่องเต้อีกตลอดชีวิต เขาเสียสละเพื่อเรื่องนี้มากเกินไป
“ข้าตัดสินใจแล้ว เจ้าไม่ต้องพูดอันใด” ซูเช่อหาวอย่างเอื่อยเฉื่อย “ต้องขออภัย หากไม่มีธุระอันใดแล้ว พวกเจ้าทั้งสองกลับไปเถิด เพราะพวกเจ้ากำลังรบกวนเวลาพักผ่อนของข้า”
พูดจบ เขาก็ตะโกนสั่งออกไปด้านนอก “ใครก็ได้ ส่งแขก!”
ดูเหมือนว่าช่วงนี้ซูเช่อจะชอบโจมตีนาง? และนั่นทำให้หลิงมู่เอ๋อร์ไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง
นางเดินผ่านเขาไปยืนขวางประตูเอาไว้ ป้องกันไม่ให้คนรับใช้วิ่งเข้ามา ก่อนจับจ้องมองเขาด้วยสายตาที่โกรธเกรี้ยว “หากความสุขของข้าสร้างความเจ็บปวดให้กับเจ้า เช่นนั้นข้าก็จะ…”
“เจ้าจะทำอันใด ยกเลิกการแต่งงานกับองค์ชายรองหรือ?” ซูเช่อแย่งนางพูด เขาก้มหัวลงมาใกล้มากจนเหมือนจะได้ยินเสียงลมหายใจของเขา
ซูเช่อเม้มริมฝีปากอย่างตั้งใจ เอ่ยอย่างเหยียดหยันว่า “เอาสิ เจ้าเข้าวังตอนนี้ เพื่อทูลฮ่องเต้ให้ยกเลิกการหมั้นหมายกับเขา หากเจ้าไม่แต่งงานกับเขา ข้าก็จะไม่แต่งงานกับมั่วจวินเหยาเช่นกัน ว่าอย่างไร?”
“ซูเช่อ?” หลิงมู่เอ๋อร์คาดไม่ถึงว่าเขาจะพูดคำเหล่านี้ออกมา นางถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ยืนนิ่งพิงประตู อยากจะเอ่ยอันใดสักอย่าง ทว่ากลับถูกเขาขัดจังหวะอีกครั้ง
“เจ้าคงมิอาจหักใจได้ใช่หรือไม่? ทำไม่ได้ใช่หรือไม่? เช่นนั้นก็แค่เป็นเด็กดีแต่งงานกับเขาอย่างเชื่อฟัง ได้แต่งงานกับชายที่คิดถึง คนเดียวในดวงใจ ขอเพียงแค่เจ้ามีความสุข ข้าจะถึงจะรู้สึกว่าการเสียสละของข้าไม่ได้ไร้ประโยชน์ หลิงมู่เอ๋อร์ เจ้าเข้าใจหรือยัง!”
ซูเช่อพูดเร็วเป็นอย่างยิ่ง เขากดเสียงต่ำคำรามก้อง ท่าทางดุร้ายก้าวร้าวเป็นอย่างยิ่ง
หลิงมู่เอ๋อร์ตกใจกับเสียงคำรามของเขา ซั่งกวนเซ่าเฉินจึงรีบเข้ามาจับไหล่ของนางจากด้านหลัง จากนั้นก็มองไปที่ซูเช่อ เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “ซูเช่อ ตามข้าเข้าวัง ข้ารับรองว่าเรื่องนี้จะได้รับการแก้ไขให้สวยงามสมบูรณ์แบบได้”
หลิงมู่เอ๋อร์ไม่รู้ว่าซั่งกวนเซ่าเฉินจะทำอันใด ทว่ายามที่เห็นซูเช่อเป็นเช่นนี้ นางรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง คนผู้นี้ไม่เหมือนคุณชายเจ้าสำราญที่นางรู้จักมาโดยตลอด เขาไม่ใช่เทพเซียนผู้หล่อเหลาที่มักจะสวมเสื้อผ้าสีขาวน้ำเงินพร้อมเตาอุ่นมือในอ้อมแขน ทว่ากลับดูเหมือนอันธพาลที่มีอารมณ์ร้ายกาจ
“ท่านตามเซ่าเฉินเข้าวังเถิด ในเมื่อเขาบอกว่าหากมีหนทางก็ย่อมต้องมีทางแน่ ยามนี้เข้าวังย่อมยังไม่สายเกินแก้”
“สายเกินไปแล้ว!” ซูเช่อคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว เสียงคำรามของเขาดังก้องราวกับเสียงกลองเสียดหูที่สามารถทิ่มแทงหัวใจของคนฟังได้ ทว่าเพียงไม่นานเขาก็สงบลงอีกครั้ง ทว่าน้ำเสียงและท่าทีของเขากลับชั่วร้ายเป็นอย่างยิ่ง
เขามองไปที่หลิงมู่เอ๋อร์ ก่อนจะหัวเราะเยาะตนเอง “มั่วจวินเหยาและข้ามีความสัมพันธ์ทางกายกันแล้ว ข้าจึงต้องรับผิดชอบนาง หากข้าไม่แต่งงานกับนาง จะให้ข้าแต่งงานกับเจ้าหรือ เจ้าจะแต่งงานกับข้าหรือ? ดี หากเจ้าตอบตกลง ข้าจะต่อต้านพระราชโองการทันที แล้วเจ้าเล่า กล้าตกลงหรือไม่?”
ชั่วขณะนั้น หลิงมู่เอ๋อร์ต้องการที่จะหันหลังกลับและวิ่งหนีไป
นางกลัวซูเช่อคนนี้เหลือเกิน
ดวงตาที่เบิกถลนของเขาราวกับท่านแม่ทัพที่ฟื้นคืนความตายกลับมาจากนรก เสียงคำรามแหบแห้งของเขาทำให้หูของนางชา
ทว่านางรู้ว่าซูเช่อโกหก
ในตอนนั้น มีคนสั่งให้สาวงามวางยาซูเช่อ ทว่าเขากลับไม่ฉวยโอกาสเอาเปรียบผู้อื่น มีหญิงงามกี่คนกันในเมืองหลวงที่อยากโผเข้าสู่อ้อมอกของเขา ทว่าเขาเคยมองใครหรือไม่?
ไม่ต้องพูดถึงจวนเสียนหวาง นอกจากสาวใช้ธรรมดาแล้ว มีสมาชิกคนใดที่เป็นสตรีบ้าง?
ทว่านางไม่รู้ว่าจะเอ่ยปากอย่างไร
“ดูเหมือนว่าพวกเจ้าสองคนจะชอบจวนของข้าเป็นอย่างยิ่ง เอาเถิด ออกไปเลี้ยวซ้ายแล้วจะพบกับห้องรับแขก หากเจ้าสองคนโปรดปรานการอยู่ที่นี่ก็ไม่มีปัญหา ทว่าจำไว้ว่าอย่าส่งเสียงดัง มิฉะนั้นจะรบกวนเวลาพักผ่อนของข้า” ซูเช่อพูดอย่างชั่วร้าย เอ่ยจบเขาก็เปิดประตูและเดินจากไป
มองดูเงาร่างด้านหลังที่เดินออกไปอย่างเอื่อยเฉื่อย หลิงมู่เอ๋อร์อยากจะเอื้อมมือออกไปคว้าเขาเอาไว้ ทว่ากลับคว้าได้เพียงความว่างเปล่า
เห็นได้ชัดว่าเป็นระยะทางที่สามารถวิ่งตามทันได้ ทว่าจู่ๆ หลิงมู่เอ๋อร์กลับรู้สึกเหมือนจะมีช่องว่างกั้นกลางระหว่างพวกเราเอาไว้
“ไปสู้กับองค์ชายเจ็ดกันเถิด” จู่ๆ หลิงมู่เอ๋อร์ก็เอ่ยออกมา ท่าทีของนางตั้งใจแน่วแน่เป็นอย่างยิ่ง
ซั่งกวนเซ่าเฉินตกตะลึง เห็นได้ชัดว่าไม่เข้าใจความหมายในคำพูดนาง
“ข้าต้องการให้ท่านไปสู้กับองค์ชายเจ็ด สู้กับองค์ชายรัชทายาท และข้าต้องการให้ท่านได้ครองบัลลังก์!” หลิงมู่เอ๋อร์หันขวับกลับมาทันที ก่อนจ้องตาเขาอย่างแน่วแน่
ซั่งกวนเซ่าเฉินรีบดึงนางกลับเข้าไปในห้อง ปิดปากนางเอาไว้ ก่อนกระซิบเสียงต่ำ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังเอ่ยถึงสิ่งใด?”
“ข้าจริงจัง” หลิงมู่เอ๋อร์เอามือที่ปิดปากนางออก และวิเคราะห์อย่างจริงจังว่า “แม้ว่าฐานะองค์รัชทายาทจะเป็นตำแหน่งสูงสุดขององค์ชาย ทว่าเขากลับเป็นกลาง และฮ่องเต้เองก็ไม่ได้ความสำคัญกับเขา ดังนั้น นอกจากชื่อตำแหน่งแล้ว เขาย่อมไม่เป็นภัยต่อท่าน และแม้ว่าองค์ชายหกจะมีความสามารถสูง ทว่าด้วยนิสัยที่โลภและทะเยอทะยานมากเกินไป มีความเป็นได้สูงที่องค์ฮ่องเต้จะไม่มอบบัลลังก์ให้กับคนเช่นนี้ ดังนั้นองค์ชายคนเดียวที่สามารถแข่งขันกับท่านได้ก็เหลือเพียงองค์ชายเจ็ดแล้ว”
หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวต่อว่า “องค์ชายเจ็ดมีความสามารถที่โดดเด่น ต่อหน้าพระพักตร์เขามีวาจาที่เด็ดเดี่ยวคมคาย ด้วยการช่วยเหลือจากหมิ่นกุ้ยเฟย ขอเพียงแค่นางเป่าหูข้างหมอนทุกวันก็สามารถเปลี่ยนแปลงพระดำริของฮ่องเต้ได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นองค์ชายเจ็ดจะเป็นศัตรูตัวฉกาจของท่านในอนาคต แม้ว่าตอนนี้ฮ่องเต้จะให้ความสำคัญและตั้งใจที่จะส่งต่อบัลลังก์ให้กับท่าน แต่อย่างไรก็ตามสถานะของท่านก็เปลี่ยนไปก่อนหน้านี้และท่านก็จากไป เมืองหลวงไปในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา องค์ชายเจ็ดตั้งใจเอาชนะใจคนไว้ตั้งแต่แรกแล้ว หากท่านต้องการเอาชนะเขาอย่างสมบูรณ์ ก็ยังเป็นเรื่องยากอยู่แน่นอน”
ซั่งกวนเซ่าเฉินยิ้ม ยามที่เห็นแม่นางน้อยคุยเรื่องนี้กับเขาอย่างจริงจัง จู่ๆ เขาก็รู้สึกสบายใจเป็นอย่างยิ่ง เขายิ้มก่อนส่ายหัว “เด็กโง่ ข้าขอถามเจ้าอีกครั้ง เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังพูดเรื่องอันใดอยู่?”
“สตรีไม่ได้รับอนุญาตให้พูดเรื่องราชสำนัก และวังหลังไม่ได้รับอนุญาตให้แทรกแซงการปกครอง ข้าเข้าใจสิ่งเหล่านี้ดี ทว่าหากท่านได้ขึ้นครองบัลลังก์ ท่านจะสามารถยกเลิกมาตราที่ไม่ยุติธรรมเหล่านั้นได้ นับเป็นการปลอบโยนผู้ที่ไม่ยุติธรรม หรือว่ามิใช่เช่นนั้นหรือ?” หลิงมู่เอ๋อร์ตอบกลับด้วยการตั้งคำถาม
ซั่งกวนเซ่าเฉินเข้าใจแล้ว ที่แท้แล้วการกระทำของแม่นางน้อยของเขาล้วนเป็นไปเพื่อเสียนหวางผู้ที่เพิ่งเดินจากไปคนนั้น
หลิงมู่เอ๋อร์คิดว่าเขาหึงหวง กลัวว่าเขาจะคิดมากจึงรีบอธิบายว่า “เขาสละความสุขชั่วชีวิตของเขาเพื่อเติมเต็มความสุขให้กับท่านและข้า เราควรจะตอบแทนเขาบ้างไม่ใช่หรือ?”
“ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น” ซั่งกวนเซ่าเฉินพยักหน้า “ทันทีที่เขาเข้าพิธีอภิเษกกับองค์หญิงแห่งซีอวี้ เพื่อที่จะป้องกันซีอวี้ ฮ่องเต้จะต้องขีดเส้นให้ซูเช่ออย่างแน่นอน ในปีนั้นซูเช่อนำทัพล้างบางศัตรูได้สำเร็จด้วยความกล้าหาญ นั่นเป็นเหตุผลว่าเพราะเหตุใดเสด็จพ่อถึงให้ความสำคัญกับเขามาก ทว่าข้าเกรงว่าตั้งแต่เดือนหน้าคงจะไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว เลือดร้อนในกายของเขา การแก้แค้นของเขาจะถูกเรื่องนี้กลบฝังอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นการที่เจ้าต้องการให้ข้าบัญชาเขาอีกครั้งหลังจากที่ข้าประสบความสำเร็จในการครองบัลลังก์ มู่เอ๋อร์เจ้ารู้หรือไม่ว่านั่นมีเพียงการตัดสินใจอย่างเดียวไม่ได้”
นั่นคือการตัดสินใจตลอดชีวิต เป็นจุดหมายปลายทางของชีวิต
เมื่อซั่งกวนเซ่าเฉินขึ้นครองบัลลังก์ในฐานะฮ่องเต้ สิ่งที่นางต้องแบกรับคือความยุ่งวุ่นวายในการขึ้นเป็นฮ่องเต้ ยอมรับการอภิปรายของข้าราชบริพาร จัดการวังหลังอันยุ่งเหยิงให้เขา และคอยระวังอุบายและแผนการต่างๆ อยู่เสมอ
สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่สามารถแก้ไขได้ในชั่วข้ามคืน และไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ด้วยการวิ่งหนี
นางต้องยอมรับสภาพแวดล้อมที่นางไม่ชอบ และต้องอยู่ในเมืองหลวงอันน่าเบื่อหน่ายแห่งนี้ไปตลอดชีวิต
ทว่าชีวิตของซูเช่อต้องพังพินาศ หากนางต้องการชดใช้ให้เขาบ้างจะนับเป็นอันใดได้?
ซูเช่อมีพรสวรรค์ที่หาได้ยาก เขามีความแค้นที่ยิ่งใหญ่ และเขามีความทะเยอทะยานสูง หากเขาถูกกลบฝังไว้ทั้งๆ อย่างนี้ มันจะไม่เป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ของราชวงศ์เทียนหรือ!
“ท่านแน่ใจว่าจะสามารถเอาชนะองค์ชายเจ็ดได้ใช่หรือไม่?” หลิงมู่เอ๋อร์เงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างยุแหย่ยั่วเย้า
ซั่งกวนเซ่าเฉินบีบจมูกของนาง “แม่นางน้อย เจ้ากำลังคิดอันใดอยู่ในหัวสมองน้อยๆ ของเจ้ากัน?”
“หากเจ้าคุมให้อยู่หมัดได้ ก็ไม่จำเป็นต้องให้ข้าจัดการ ทว่าหากท่านทำไม่ได้ ข้าก็คิดว่าข้าควรทำอันใดสักอย่าง” หลิงมู่เอ๋อร์เชิดหน้าด้วยความได้ใจ “องค์ชายเจ็ดเคยส่งคนมาทำร้ายท่านและข้า ทว่าข้าไม่ได้ล้างแค้นเขา ครั้งหนึ่งเขาเคยขู่ฆ่าพี่ชายของข้า และข้าจดจำความแค้นนี้ไว้ได้ดี ข้าคิดว่าเขาจะเคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่งในอนาคต ดังนั้นพวกเราจะต้องคอยระแวดระวังอยู่เสมอ ไม่ใช่แค่ข้า ครอบครัวของข้า ไม่ใช่แค่ท่าน ทว่าเป็นคนรอบตัวเราทุกคน ทว่าหากจัดการเขาได้ แล้วพวกเราจะต้องทำเรื่องให้มันยุ่งยากไปเพื่ออันใด?”
เขารู้อยู่เสมอว่าผู้หญิงของเขานั้นไม่ธรรมดา ซั่งกวนเซ่าเฉินพาดแขนของเขาไว้บนไหล่ของนาง ก่อนใช้นิ้วชี้เกี่ยวคางของนาง “น้องเจ็ดพูดไม่ผิดเลย หากเจ้าเป็นผู้ชาย ข้าจะต้องเป็นเสาหลักของราชสำนักแน่ อย่างไรก็ตาม ข้าดีใจที่เจ้าเป็นผู้หญิง”
“เพราะเหตุใด?” หลิงมู่เอ๋อร์ไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร
“หากเจ้าไม่ใช่ผู้หญิง ข้าจะแต่งงานกับเจ้าได้อย่างไร?” ซั่งกวนเซ่าเฉินมองดูนางราวกับคนโง่งม “เจ้าคิดว่าข้าดูเหมือนคนที่ขาดแคลนพี่น้องหรือไม่?”
หลิงมู่เอ๋อร์ถูกยั่วเย้าด้วยคำพูดของเขา ก่อนจะเขกหัวเขาจนบวมเป็นลูกเกาลัด ไม่ช้านางก็กลับเข้าเรื่อง “เราแค่ไม่พบหลักฐานใดๆ สำหรับคดีลอบทำร้ายท่านขององค์ชายเจ็ด หากพบหลักฐาน ข้าเชื่อว่าฮ่องเต้จะประหารชีวิตเขาแน่ เซ่าเฉิน องค์ชายเจ็ดจะไม่ยอมแพ้ในการต่อสู้เพื่อชิงบัลลังก์อย่างแน่นอน ท่านพร้อมหรือยัง?”
“ในเมื่อเป็นสิ่งที่ฮูหยินขอร้องข้ามา ข้าย่อมทำให้ดีที่สุดแน่” ซั่งกวนเซ่าเฉินหยักยิ้มมุมปากช้าๆ “ไม่ทราบว่าฮูหยินพอใจหรือไม่?”
“ข้ายังไม่ได้แต่งงานกับท่านนะ ฮูหยินกับผีนะสิ”
หลิงมู่เอ๋อร์ดุเขา ฉวยโอกาสยามที่เขายังไม่ทันได้ตั้งตัว รีบออกจากจวนเสียนหวางทันที
ซั่งกวนเซ่าเฉินส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะไล่ตามไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่ได้สังเกตเห็นคนทั้งสองที่แอบฟังอยู่ข้างๆ
“คุณชาย เรื่องนี้…” จื่อถงถอนหายใจเฮือกใหญ่
ใช่แล้ว ห้องหนังสือของซูเช่อได้รับการออกแบบจากเขาเอง ในนั้นมีทางลับที่นำไปสู่ห้องนอนใหญ่ของเขา ดังนั้นเขาจึงได้ยินบทสนทนาของพวกนั้นอย่างชัดเจน
“แม้ว่ามันจะเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือด แต่ในยามที่มันมาถึง ข้าจะหลีกเลี่ยงมันได้อย่างไร?”
ซูเช่อวางพัดในมือลง “ข้าจะช่วยเขาขึ้นครองบัลลังก์”