เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 11 ตอนที่ 316 สินเดิมเจ้าสาว
- Home
- เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ?
- เล่มที่ 11 ตอนที่ 316 สินเดิมเจ้าสาว
เล่มที่ 11 ตอนที่ 316 สินเดิมเจ้าสาว
ทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้นใต้เท้าหลินพลันผงะไป เห็นได้ชัดว่าเขาคาดไม่ถึงว่าหลิงมู่เอ๋อร์จะเอ่ยเช่นนั้นออกมา
มีเพียงหลินอวี่เตี๋ยเท่านั้นที่โกรธจนมิอาจอยู่นิ่งได้ “เจ้า เจ้ามีสิทธิ์อันใดมาบอกให้ข้าขอโทษ ข้าไปทำอันใดให้เจ้ากัน? อีกทั้งยามนี้เจ้ายังมิใช่พระชายาแห่งองค์ชายรอง มาทำทีวางท่าอันใด? แม้ว่าพระราชโองการจะถูกประกาศออกมาแล้ว ทว่าฮ่องเต้คือโอรสแห่งสวรรค์ ขอเพียงแค่พระองค์ตรัสยกเลิกออกมาสักคำ พระราชโองการนั้นก็ถือว่าเป็นโมฆะสิ้นสุดได้ หลิงมู่เอ๋อร์ เจ้าอย่าได้หยิ่งผยองนัก”
“เหอะ คนที่กำลังวางท่าหยิ่งผยองคือผู้ใดกันแน่? เป็นข้าหรือ?” หลิงมู่เอ๋อร์ชี้ไปที่ใบหน้าของตนเอง หลังจากหัวเราะเสียงเย็นแล้ว นางก็มองไปที่ใต้เท้าหลินอีกครั้ง “ใต้เท้าหลิน ได้โปรดกลับไปเถิด จวนสกุลหลิงของข้าเล็กนัก เกรงว่าจะมิอาจต้อนรับปรนนิบัติคุณหนูใหญ่สกุลหลินให้ดีได้”
เขาคิดไม่ถึงว่าบุตรสาวของตนจะตอบโต้อย่างไร้สมองเช่นนี้ ใต้เท้าหลินโมโหจนแทบจะอาเจียนเป็นเลือด ทว่าเขาไม่สามารถลงโทษบุตรสาวของตนเองต่อหน้าคนภายนอกได้ เพราะอย่างไรหลิงมู่เอ๋อร์ก็ดูไม่เหมือนคนที่จะสามารถยั่วยุได้
ใต้เท้าหลินถอนหายใจ ก่อนจะรีบแย้มยิ้มประดับใบหน้า “พระชายาโปรดระงับโทสะด้วย เป็นกระหม่อมที่ไม่อบรมบุตรสาวให้ดี ทั้งหมดเป็นความผิดของกระหม่อมเอง พระชายาแห่งองค์ชายรองได้โปรดอย่าถือสา ขอให้เห็นแก่หน้ากระหม่อม ปล่อยบุตรสาวของกระหม่อมไปสักคราเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
“หลิน…”
ครานี้หลิงมู่เอ๋อร์ตัดสินใจจะยกโทษให้นางจริงๆ ทว่าผู้ใดจะรู้ หลินอวี่เตี๋ยกลับเอ่ยไม่คิดอีกครั้ง “ท่านพ่อ เหตุใดท่านถึงยอมรับเป็นความผิดของตนกับนางด้วยเจ้าคะ?”
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็อย่าได้โทษนางแล้วกัน
“ขออภัยเจ้าค่ะ ดูเหมือนข้าจะไม่ได้รู้จักมักคุ้นใต้เท้าหลิน แล้วเหตุใดข้าต้องไว้หน้าใต้เท้าหลินด้วย?”
ทันทีที่หลิงมู่เอ๋อร์เอ่ยออกมาเช่นนี้ สีหน้าของใต้เท้าหลินก็เปลี่ยนไปทันที
ยามที่ฮองเฮายังทรงเรืองอำนาจอยู่ ลองถามดู มีผู้ใดบ้างที่เคยชักสีหน้าใส่เขาเช่นนี้ ไม่ว่าเขาจะไปที่ใดก็มิใช่ว่าไปเพื่ออวดอ้างอำนาจบาตรใหญ่ทั้งสิ้นหรือ?
ทว่ายามนี้อำนาจแห่งองค์ฮองเฮาได้ล่มสลายไปแล้ว ผู้ที่สนับสนุนเขาในอดีตได้โยนข้อกล่าวหาใส่หัวเขาไม่น้อย และปากของบุตรสาวเขาก็ไปล่วงเกินคนมากมายไม่น้อยเช่นกัน ทำให้ยามนี้เขาลำบากอับจนหนทางจริงๆ
ด้วยความสิ้นหวังเขาต้องการเลียนแบบคนประจบสอพลอเหล่านั้น และเริ่มต้นจากพระชายาแห่งองค์ชายรองก่อน ยามที่รู้ว่าบุตรสาวของเขาเคยล่วงเกินนาง เขาก็โมโหแทบบ้าแล้ว ทว่าไม่เป็นไร ปากชั่วร้ายของเขาสามารถเอ่ยกลับดำให้เป็นขาวได้ เขาจึงพาลูกสาวมาขอรับโทษที่นี่
เขาคิดว่านางเป็นเพียงสาวชาวนาธรรมดาคนหนึ่งก็แค่นั้น ยังมิได้เป็นพระชายาแห่งองค์ชายรองจริงๆ บางทีนางอาจจะยังไว้หน้าเขาบ้าง เพราะอย่างไรเสีย เขาก็เป็นถึงเสนาบดีกรมพิธีการด้วย
ทว่าผู้ใดจะรู้ว่าสาวชาวนาผู้นี้หยิ่งยโสและไม่ง่ายที่จะยั่วยุ “ใช่ๆๆ ท่านเป็นถึงพระชายาแห่งองค์ชายรอง แล้วเหตุใดถึงต้องไว้หน้าเสนาบดีกรมพิธีการตัวเล็กๆ เช่นข้าด้วย นอกจากนี้ การที่กระหม่อมมาในวันนี้ก็เพื่อพาบุตรสาวมาขอโทษด้วย”
ใต้เท้าหลินบังคับหลินอวี่เตี๋ยให้คุกเข่าลงกับพื้น “ยังไม่รีบขออภัยพระชายาแห่งองค์ชายรองอีก?”
แน่นอนว่าหลินอวี่เตี๋ยปฏิเสธที่จะก้มหัวให้หลิงมู่เอ๋อร์ นางอ้าปากพะงาบๆ คิดจะเอ่ยอันใดบางอย่าง ทว่ากลับถูกใต้เท้าหลินก็อุดปากเอาไว้ “ล้วนเป็นความผิดของบุตรสาวข้า บุตรสาวของข้าไม่ควรหมิ่นเกียรติแห่งพระชายาครั้งแล้วครั้งเล่า ยังขอให้พระชายาอย่าได้คิดเล็กน้อยหาความกับนาง ท่านโปรดวางใจ ท่านจะลงโทษนางเช่นไรก็ได้ทั้งนั้น ขอเพียงแค่สามารถกำจัดโทสะของท่านให้หมดไปได้ก็พอ”
คำก็ท่านสองคำก็ท่าน ยกย่องราวกับนางเป็นผู้อาวุโส ใต้เท้าหลินคนนี้ช่างปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ได้ดีจริงๆ
ทว่าสายตาคู่นั้นกลับเต็มไปด้วยการจดบัญชีแค้นราวกับจะเตือนนางตลอดเวลาว่าคนตรงหน้านางไม่ใช่คนดี ไม่รู้ว่าในใจกำลังวางแผนอันใดอยู่
“เมื่อสองเดือนก่อนยามที่อยู่ในวัง นางยืนกรานใส่ร้ายข้าว่าเป็นคนร้ายที่ผลักนางตกลงไปในทะเลสาบ และขอให้ฮองเฮาในเวลานั้นสั่งประหารข้า ใต้เท้าหลิน ในเมื่อท่านล้วนทราบเหตุการณ์เรื่องนี้ดี ท่านก็น่าจะรู้ว่าวันนั้น หากอี้กุ้ยเฟยไม่ปรากฏตัวเพื่อปกป้องข้า เกรงว่าข้าคงตายไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ดังนั้นท่านลองบอกข้าดูสิ ว่าข้าจะให้อภัยนางได้อย่างไร?”
วินาทีที่ต้องเผชิญกับความเป็นและความตาย ไม่มีอันใดสำคัญไปกว่าชีวิตอีกแล้ว
ใต้เท้าหลินผงะไปครู่หนึ่ง เขาคิดไม่ถึงว่านางจะเอ่ยออกมาตรงๆ เช่นนี้ ชั่วขณะนั้นชายชราคิดไม่ออกว่าจะเอ่ยอันใดกลับไป
อย่างไรก็ตาม หลินอวี่เตี๋ยกลับฝืนเปิดปากที่บิดาของนางอุดเอาไว้ “คราก่อน ในวังหลวงเจ้าโบยข้าสามสิบไม้ เจ้าเกือบฆ่าข้าไปแล้ว เจ้ายังคิดจะลงโทษอันใดข้าอีก?”
“จริงด้วย ข้าลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทเลย ข้าได้สอนบทเรียนให้แก่เจ้าไปแล้ว ดังนั้นใต้เท้าหลินก็ลุกขึ้นเถิด พวกเราเสมอภาคเท่ากันแล้ว ท่านไม่ต้องให้นางขอโทษข้าอีกต่อไป” หลิงมู่เอ๋อร์จงใจเอ่ยเช่นนี้ จุดประสงค์มีเพียงทดสอบลมปากของใต้เท้าหลิน
แน่นอนว่าเขาเพียงตกตะลึงไปชั่วครู่ ก่อนจะรีบเอ่ยเสียงสุภาพกับนางว่า “กระหม่อมตกใจกลัวเป็นอย่างยิ่ง โทษจากเจตนาที่มุ่งร้ายของบุตรสาวของกระหม่อมเพียงถูกโบยสามสิบไม้จะถือว่าเลิกแล้วต่อกันได้อย่างไร นอกจากนี้ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องที่ท่านใช้โซ่ตรวนกับนางแล้ว แต่นั่นก็เป็นเพราะบุตรสาวของกระหม่อมไม่รู้ความ ขัดขวางไม่ให้ท่านรักษาฮองเฮา เป็นบุตรสาวของกระหม่อมที่ล่วงเกินท่าน ไม่รู้ว่าต้องทำเช่นไรถึงจะทำให้ท่านยกโทษให้บุตรสาวของกระหม่อมได้?”
นางเอ่ยว่าพวกเราเสมอกัน เลิกแล้วต่อกันแล้ว ทว่าใต้เท้าหลินคนนี้ยังคงยืนกรานขอให้นางลงโทษบุตรสาวของเขา มีพ่อแม่คนใดไม่สงสารลูกของตัวเองบ้าง? เช่นนั้นก็บอกได้เพียงว่าเขามีแรงจูงใจอื่น
ดูท่าแล้วเขาคงมีเรื่องขอร้องบางอย่าง
“ขอเพียงแค่นางไม่คิดที่จะยั่วโมโหข้าอีกในอนาคต ข้าสามารถวางตัวราวกับว่าเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดขึ้นได้ และเราสองคนจะไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีก ทว่า…” หลิงมู่เอ๋อร์ช้อนสายตามองขึ้น สายตาของนางมองตรงไปที่ใต้เท้าหลิน “หากใต้เท้าหลินยังต้องการจะเอ่ยอันใดอีก คิดว่าเวลานี้คงไม่สะดวก ประเดี๋ยวข้าจะไปจวนของหนิงกั๋วโหวเพื่อไปแสดงความเคารพต่อท่านแม่บุญธรรม เกรงว่าข้าจะเหลือเวลาไม่มากนักแล้ว”
ยามที่ได้ยินว่านางจงใจใช้ชื่อเสียงของหนิงกั๋วโหว ทำให้แผนเดิมที่ตั้งใจไว้ของใต้เท้าหลินล้มเหลว ทว่าหลังจากมองไปที่หลินอวี่เตี๋ยแล้ว ใต้เท้าหลินก็รู้สึกไม่ใคร่จะยินยอมนัก
บุตรสาวคนนี้เคยถูกเขาเอาอกเอาใจตั้งแต่ยังเด็ก ทำให้นางมีนิสัยดุร้ายและเอาแต่ใจตัวเอง ยามที่เติบโตขึ้น นางชอบไปก่อเรื่องล่วงเกินผู้อื่นเสมอ ในอดีตนางอยู่ภายใต้การคุ้มครองดูแลจากฮองเฮา จึงสามารถทำอันใดก็ได้ตามที่นางต้องการโดยปราศจากความละอายใจใดๆ ทว่ายามนี้ฮองเฮาถูกโยนเข้าไปในตำหนักเย็น ร่มที่เคยกางปกป้องของนางก็แตกเป็นเสี่ยงๆ หากไม่หาที่พึ่งให้นาง ในไม่ช้าก็เร็ว ชีวิตน้อยๆ ของนางก็จะถูกทำร้ายเพราะนิสัยของนางเองแน่นอน
“สมแล้วที่เป็นพระชายารอง ทรงฉลาดเฉลียวเหลือเกินพ่ะย่ะค่ะ ไม่แปลกใจเลยที่ฮ่องเต้จะทรงยกย่องท่านมากขนาดนี้”
ใต้เท้าหลินชมเชย และลุกขึ้นเดินเข้าไปหาหลิงมู่เอ๋อร์ “นับว่าไม่ตบตีไม่สนิทกัน การที่พระชายาแห่งองค์ชายรองและบุตรสาวของกระหม่อมได้เกิดเรื่องให้พัวพันกันก็นับว่าเป็นโชคชะตาฟ้าลิขิต แม้ว่าท่ามกลางเหตุการณ์เหล่านั้นจะยุ่งยากไม่มีความสุข ทว่าในเมื่อวันนี้ท่านเอ่ยว่าเรื่องราวทั้งหมดได้รับการแก้ไขแล้ว เหตุใดพวกเราไม่เปลี่ยนการต่อสู้ให้กลายเป็นความร่วมมือ และจับมือเป็นสหายที่ดีต่อกันนับจากนี้เล่า?”
ที่แท้แล้วจุดประสงค์ของใต้เท้าหลินก็อยู่ตรงนี้นี่เอง
หลิงมู่เอ๋อร์ส่ายศีรษะด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อใต้เท้าหลินพูดเช่นนั้น ข้าก็ขอบังอาจเอ่ยตามตรงเช่นกัน ใต้เท้าหลินต้องการหาที่พึ่งพิงให้กับหลินอวี่เตี๋ย เพราะอดีตที่พึ่งพิงอย่างฮองเฮาทรงล้มลงจากอำนาจแล้ว และบังเอิญว่าข้าได้กลายเป็นพระชายาแห่งองค์ชายรอง ช่างความคิดที่ท่านต้องการให้ข้ายกโทษให้นางไปก่อน แต่ท่านยังคิดจะให้พวกเราคืนดีเป็นพี่น้องกัน และยังต้องการให้ข้าปกป้องนางจากภัยร้ายในเมืองหลวงต่อจากนี้ไปด้วยหรือ?”
ยามที่ถูกเปิดโปงจุดประสงค์หลักของเรื่องอย่างโผงผ่างเช่นนี้ ใบหน้าของใต้เท้าหลินพลันน่าเกลียดทันที ทว่าในไม่ช้าเขาก็แย้มยิ้มเย้ยหยันเอ่ยว่า “บุตรสาวของกระหม่อมอารมณ์ร้าย ไม่รู้ว่าที่ผ่านมาล่วงเกินผู้ใดไปมากมายเท่าใดแล้ว และมีเพียงพระชายาเท่านั้นที่ใจกว้างไม่คิดเล็กคิดน้อยกับนาง ดังนั้นแล้วกระหม่อมจึงคิดว่าบางทีพวกท่านอาจเป็นสหายที่ดีต่อกันได้ ไม่สิ เตี๋ยเอ๋อร์จะเป็นดั่งน้องสาวของท่านในอนาคต หากท่านมีเรื่องอันใดก็สามารถสั่งการให้นางไปจัดการได้ ท่านว่าดีหรือไม่?”
“ไม่ดี”
หลิงมู่เอ๋อร์ปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมาทันที “ในเมื่อใต้เท้าหลินก็ทราบดีว่าบุตรสาวทองพันชั่งของท่านมีนิสัยดื้อรั้น แล้วเหตุใดข้าต้องหาเรื่องใส่ตัวหาเหาใส่หัวตัวเองด้วย?”
“เจ้า!” หลินอวี่เตี๋ยหมดความอดทนแล้ว นางมองหลิงมู่เอ๋อร์ด้วยสายตาอาฆาตแค้น “เจ้าคิดว่าข้าอยากเป็นน้องสาวของเจ้าหรือ ถึงเจ้าจะต้องการ ข้าก็ไม่ยอม เจ้ามีสิทธิ์อันใดมาสั่งให้คุณหนูเช่นข้าปรนนิบัติเจ้ากัน”
“บังอาจ!” ใต้เท้าหลินตวาดด้วยความโกรธ ฝ่ามือสะบัดตบลงบนใบหน้าของหลินอวี่เตี๋ยอย่างรุนแรงยิ่งกว่าเดิม
“ท่านพ่อ!” หลินอวี่เตี๋ยตกตะลึง “ท่าน ท่านตีข้าเพราะนางหรือ?”
“เพราะข้าไม่ตีสั่งสอนเจ้าอย่างเข้มงวด ถึงได้ทำให้เจ้าติดนิสัยอารมณ์ร้ายเช่นนี้ ข้าอยากตีเจ้าให้ตายนัก!” ใต้เท้าหลินยกมือขึ้น ต้องการจะสะบัดลง ทว่าคิดไปคิดมา เขากลับอดทนเอาไว้ อย่างไรเสียเขาก็มีบุตรสาวเพียงแค่คนเดียว
ยามที่มองไปยังหลิงมู่เอ๋อร์อีกครั้ง สีหน้าของใต้เท้าหลินกลับเต็มไปด้วยความเศร้าโศกเสียใจ “พระชายาแห่งองค์ชายรองคงไม่ทราบ เตี๋ยเอ๋อร์เสียแม่ไปตั้งแต่ยังเด็ก และข้าก็ยุ่งกับงานราชการเกินกว่าจะดูแลนาง ดังนั้นนางจึงติดนิสัยดื้อรั้นมาตั้งแต่เด็ก เมื่อเทียบกับคุณหนูทั่วไปแล้วก็ดูจะไร้กฎเกณฑ์ ทว่าในความเป็นจริงเตี๋ยเอ๋อร์นั้นมิได้เลวร้ายอันใด ขอบังอาจเอ่ยตามตรงไม่ปิดบัง กระหม่อมเห็นว่าพระชายาแห่งองค์ชายรองสามารถผลักดันตนเองจากสาวชาวนาจนขึ้นมาเป็นหญิงสาวรู้ความรู้กฎเกณฑ์ได้ กระหม่อมจึงอยากให้เตี๋ยเอ๋อร์ได้เรียนรู้จากท่าน ข้าเห็นว่าข้างกายพระชายาไร้ซึ่งสาวใช้ประจำตัว เช่นนั้นมิสู้เก็บเตี๋ยเอ๋อร์ไว้เถิด?”
เฮ้อ นี่คือละครเรียกร้องคุณธรรมหลังจากที่ใช้วิธีปลุกระดมไม่สำเร็จหรือ?
ไม่เพียงแต่เอ่ยถึงประสบการณ์ชีวิตอันกล้ำกลืนฝืดขมของหลินอวี่เตี๋ย ทั้งยังจงใจดูแคลนตนเองว่ามิอาจสู้แม้แต่สาวชาวนาได้ ใต้เท้าหลินผู้นี้นี่ช่างไม่ยอมเสียลูกก็ไม่ได้หมาป่า [1] จริงๆ
“ใต้เท้าหลินชมเกินไปแล้ว ข้าเป็นเพียงสาวชาวนาธรรมดาเท่านั้น และไม่มีพี่สาวน้องสาวอย่างที่ท่านกล่าวจริง ทว่าข้ากำลังจะเข้าพิธีอภิเษกกับองค์ชายรองในเร็วๆ นี้ แม้ว่าข้าจะยอมรับนางเป็นน้องสาว ข้าก็มิอาจดูแลนางได้” หลิงมู่เอ๋อร์ปฏิเสธอย่างมีไหวพริบ ใต้เท้าหลินฉลาดเป็นอย่างยิ่ง นางเชื่อว่าเขาสามารถเข้าใจได้ทันทีที่ได้ยิน
น่าเสียดายที่แผนการลูกคิดของชายชราไม่ได้อยู่ตรงจุดนี้
“พระชายาเอ่ยอันใดกันเล่า ในเมื่อเป็นน้องสาวของท่านแล้ว นางย่อมติดตามท่านไปในฐานะคนจากบ้านเจ้าสาว ขอให้ท่านวางใจ เตี๋ยเอ๋อร์จะประพฤติตัวตามกฎเกณฑ์อย่างดีหลังติดตามเข้าจวนองค์ชายรอง จะไม่มีวันสร้างปัญหาให้กับท่าน และหากเป็นไปได้…”
“ตู้ม!”
ไม่รอให้ใต้เท้าหลินจะเอ่ยจบ กำปั้นของหลิงมู่เอ๋อร์ก็กระแทกเข้ากับโต๊ะอย่างรุนแรง
ไอ้แก่บ้าเอ๊ย นางยังไม่ทันเดินผ่านประตูวิวาห์ด้วยซ้ำ กลับคิดจะส่งผู้หญิงมาแข่งแย่งชิงผู้ชายกับนาง!
นางหยัดกายลุกขึ้น มองสองพ่อลูกสาวตระกูลหลินอย่างโหดเหี้ยม “เหอะ ข้าว่าแล้ว ใต้เท้าหลินจะยอมก้มหัวให้ข้าซึ่งเป็นเพียงหญิงสาวชาวบ้านธรรมดาๆ ได้อย่างไร ทั้งยังพาบุตรสาวล้ำค่ามาเพื่อรับผิดกับข้าอีก ที่แท้แล้วท่านก็ปรารถนาในเรื่องนี้นี่เอง! ท่านต้องการยืมมือข้าส่งบุตรสาวของตนเองเข้าจวนขององค์ชายรอง ไม่ใช่สิ ท่านต้องการส่งนางไปให้องค์ชายรองตรงๆ เลยกระมัง?”
หลิงมู่เอ๋อร์ถูกแผนการชั่วร้ายของใต้เท้าหลินคนนี้ยั่วจนระเบิดโทสะแล้ว “อย่าเพิ่งเอ่ยถึงเรื่องที่ข้ายังไม่ได้อภิเษกเข้าจวนขององค์ชายรอง ดังนั้นข้าจึงมิอาจตัดสินใจอันใดได้ แต่แม้ว่าข้าจะอภิเษกเข้าไปแล้ว ท่านคิดว่าข้าจะยอมให้หญิงอื่นใช้สามีคนเดียวกันหรือ?”
เมื่อเห็นว่าหลิงมู่เอ๋อร์กำลังโกรธ ใต้เท้าหลินก็พยายามกดข่มโทสะอย่างสุดความสามารถ มุมปากของเขาก็กระตุกอย่างรุนแรง เขาผลักหลินอวี่เตี๋ยออกไป บ่งบอกว่าถึงเวลาที่นางต้องเอ่ยแล้ว
“หลิงมู่เอ๋อร์ เจ้าพูดเกินไปแล้ว ในราชวงศ์เทียนของข้า เป็นธรรมเนียมที่ผู้ชายจะมีสามภรรยาสี่อนุ นอกจากนี้ ในวังหลังจะมีเจ้าเพียงคนเดียวได้อย่างไร? ในเมื่อเจ้าได้เป็นพระชายาในองค์ชายรอง เช่นนั้นเจ้าก็ควรจะพิจารณาเผื่อองค์ชายรอง ต้องให้ควาสำคัญกับคำสอนเรื่องสามโอวาทสี่คุณธรรมแห่งสตรี ทว่าเจ้ากลับห้ามไม่ให้องค์ชายรองรับอนุหรือสาวอุ่นเตียง เจ้ามีเจตนาร้ายอันใด เชื่อหรือไม่ข้าจะฟ้องเรื่องนี้ต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้!” หลินอวี่เตี๋ยชี้ไปที่ใบหน้าของนางและดุด่าด้วยความโกรธ ราวกับว่านางทำเรื่องใดผิดอย่างไรอย่างนั้น
ครั้งนี้หลิงมู่เอ๋อร์เข้าใจแล้ว การร้องรำทำเพลงเล่นละครของสองพ่อลูกนี้ได้ถูกกำกับเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว
“ได้สิ เช่นนั้นเจ้าก็ไปเสีย ข้าอยากจะดูนักว่าฮ่องเต้จะส่งเจ้าเข้าจวนขององค์ชายรองเพื่อเป็นพระชายารอง ก่อนที่ข้าจะเดินผ่านประตูวิวาร์หรือไม่!” หลิงมู่เอ๋อร์ย่างกรายเข้าหาหลินอวี่เตี๋ยทีละก้าว “ข้าไม่เข้าใจจริงๆ คำสอนสามโอวาที่คุณธรรมแห่งสตรีอะไร ในเมื่อวันนี้เจ้าพูดออกมาแล้ว เช่นนั้นข้าก็ขอบอกเอาไว้ตรงนี้ว่า ในเมื่อเป็นผู้ชายของข้าแล้ว ชาตินี้เขาจะแต่งข้าได้เพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่ต้องเอ่ยถึงพระชายารอง แม้แต่อนุหรือสาวใช้อุ่นเตียงก็ไม่ได้! อีกทั้ง ตัวข้าเองยังไม่ทันได้ชิมเขา เรื่องอันใดถึงต้องปล่อยให้เจ้าได้ชิมกัน?”
หลิงมู่เอ๋อร์โมโหยิ่งนัก “ใครก็ได้ ไล่สองคนนี้ออกไปเดี๋ยวนี้!”
เชิงอรรถ
[1] ไม่ยอมเสียลูกก็ไม่ได้หมาป่า (舍不得孩子套不住狼) หมายถึง หากต้องการบรรลุวัตถุประสงค์บางอย่าง ย่อมต้องเผชิญกับความเสี่ยง คล้ายกับสำนวนไทยที่ว่า ไม่เข้าถ้ำเสือ ใยจะได้ลูกเสือ