เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 11 ตอนที่ 309 ช่วยชีวิต
- Home
- เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ?
- เล่มที่ 11 ตอนที่ 309 ช่วยชีวิต
เล่มที่ 11 ตอนที่ 309 ช่วยชีวิต
หลิงมู่เอ๋อร์กำลังจะอธิบาย ทว่าทันใดนั้นหางตาของนางก็สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติบางอย่างบนร่างของซั่งกวนเซ่าเฉิน
ชั่วขณะนั้นนางเห็นจุดสีแดงเหมือนของนางปรากฏขึ้นบนนิ้วนางข้างขวาของเขา
จุดสีแดงของนางคือสัญลักษณ์ของพื้นที่ของมิติเทพ สำหรับคนอื่นๆ มันจะเป็นเพียงแค่จุดสีแดง ทว่ามีเพียงนางเท่านั้นที่สามารถมองออกว่ามันเป็นแหวนวิเศษ
ซั่งกวนเซ่าเฉินจะมีพื้นที่มิติเทพได้อย่างไร?
ยามที่หลิงมู่เอ๋อร์กำลังรู้สึกสงสัย จู่ๆ ประโยคหนึ่งก็แวบเข้ามาในหัวสมองของนาง
ที่แท้แล้วหลังจากที่ซั่งกวนเซ่าเฉินและนางได้หลอมรวมเป็นคนคนเดียวกัน เขาก็จะได้พื้นที่มิติเทพเฉกเช่นของนางด้วย ซึ่งหมายความว่าเขาเองก็จะมีพื้นที่มิติเทพเป็นของตัวเอง ทว่ายามนี้ความลับนี้ยังไม่ถูกเปิดเผย ชั่วขณะนี้ตราบใดที่เขายังไม่ค้นพบมัน เขาก็จะเปิดใช้งานมันไม่ได้
เหตุใดถึงได้มหัศจรรย์นัก?
หลิงมู่เอ๋อร์ไม่เคยรู้ว่าพื้นที่เสมือนจริงของแหวนวิเศษจะมีวิธีการใช้เช่นนี้ด้วย กล่าวคือพื้นที่ของซั่งกวนเซ่าเฉินเทียบเท่ากับการสำเนาพื้นที่มิติเทพของนาง ทว่าขอเพียงแค่เขาทราบวิธีเปิดใช้ เขาก็จะสามารถใช้งานมันได้ทันที
“มู่เอ๋อร์?”
ซั่งกวนเซ่าเฉินบีบใบหน้าของนาง ดึงความนึกคิดของนางกลับมา “ยามนี้เจ้ายังเหม่อลอยได้อยู่อีก บอกข้าว่าเจ้ากำลังคิดอันใดอยู่?”
หลังจากบอกแล้วท่านจะไม่ตกใจตายใช่หรือไม่?
จู่ๆ หลิงมู่เอ๋อร์ก็อารมณ์ดี “หลังจากนี้ท่านจะได้รู้เองเจ้าค่ะ”
“ก็ได้ ในเมื่อเจ้าไม่พูด เช่นนั้นข้าก็จะหาทางให้เจ้าพูดออกมาเอง”
หลังจากที่ซั่งกวนเซ่าเฉินพูดจบ เขาก็กดนางไว้ใต้ร่างเขาอีกครั้ง แม้ว่านางจะรู้ว่าเขาจงใจทำ ทว่าหลิงมู่เอ๋อร์ก็ยังหวาดกลัวจนต้องร้องขอความเมตตา
ความทรมานเมื่อครู่นี้ทำให้ร่างกายของนางหมดแรงจนเกลี้ยงแล้ว หากเกิดขึ้นอีกครั้ง นางกลัวว่านางอาจจะตายบนเตียงนี้ก็เป็นได้
“พี่ใหญ่ไม่เอานะเจ้าคะ มู่เอ๋อร์ผิดไปแล้ว มู่เอ๋อร์รู้ตัวว่าผิดแล้วเจ้าค่ะ”
เมื่อเห็นว่าเขาหยุดเพราะสงสาร นางก็รีบกอดแขนเขาไว้ทันที “มีบางอย่างที่ข้าไม่สามารถบอกท่านได้ในตอนนี้ ทว่าข้าเชื่อว่าท่านจะรอข้า ใช่หรือไม่?”
แม้ว่าซั่งกวนเซ่าเฉินจะอยากรู้อยากเห็น ทว่าเขาเคยบังคับขู่เข็ญนางเสียเมื่อใด?
“แน่นอนว่าทุกคนล้วนมีความลับ เจ้ามีสิทธิ์ที่จะเก็บเป็นความลับ รอจนกระทั่งเจ้าอยากเอ่ย ข้าจะตั้งใจฟัง” เมื่อรู้ว่านางกระหายน้ำ เขาก็ลุกจากเตียงยื่นถ้วยชาให้นาง หลังจากนั้นก็ทำตัวเป็นนักเรียนดีเด่นนั่งลงข้างๆ เตียง “บอกข้ามาก่อน เจ้าสัญญาอะไรกับน้องเจ็ด?”
“มันเป็นความลับที่ข้าเพิ่งบอกไป ทว่าไม่ต้องห่วง องค์ชายเจ็ดแค่อยากรู้อยากเห็น เขาไม่รู้ว่ามันคืออันใด และเขาไม่เคยเห็นสิ่งนี้มาก่อน ทว่าเขาอยากจะได้มันมาเหลือเกิน ส่วนข้าเพียงแต่ใช้ประโยชน์จากความอยากได้ของเขาตรงนี้ เพื่อให้เขาช่วยข้าและครอบครัวตระกูลหลิงให้ออกจากเมืองหลวงได้สำเร็จ” หลิงมู่เอ๋อร์เอ่ยอย่างเรียบง่าย นางเป็นห่วงความปลอดภัยของคนบนเรือมากที่สุด
“ทว่าข้าบอกเขาไว้ล่วงหน้าแล้วว่าหากข้าออกจากที่นี่ได้สำเร็จ ข้าถึงจะให้เขาตามที่สัญญา ทว่าจู่ๆ เจ้าก็ปรากฏตัวขึ้นและพาข้าจากไป เขาเลยไม่ได้ตามที่ตกลง ตามนิสัยของเขา ข้ากังวลว่าเขาจะเอาเปรียบครอบครัวของข้า”
ซั่งกวนเซ่าเฉินนึกว่านางจะกังวลเรื่องอันใด ยามนี้เขาจึงขมวดคิ้วแน่น
“อย่ากังวลไป ถึงเขาอยากจะทำจริงๆ เขาก็ไม่กล้า”
ในเช้าตรู่ของวันถัดไป คนของซั่งกวนเซ่าเฉินได้ไปสืบข่าวสอบถามและส่งข่าวกลับมาได้สำเร็จ องค์ชายเจ็ดกักขังทุกคนจากตระกูลหลิงไว้ในจวนของตนเอง
ยามเห็นว่าหลิงมู่เอ๋อร์กังวลใจ ซั่งกวนเซ่าเฉินก็พานางไปที่จวนองค์ชายเจ็ดด้วยกันทันที
ยามรู้ว่าหลิงมู่เอ๋อร์ปรากฏตัว องค์ชายเจ็ดก็รีบร้อนไปที่โถงหน้าราวกับว่าไม่มีแม้แต่เวลาจะเปลี่ยนเสื้อผ้า เมื่อเห็นซั่งกวนเซ่าเฉินกำลังกุมมือของนางไว้ เขาก็รู้สึกราวกับว่าตนเองถูกกลั่นแกล้ง
“เสด็จพี่รอง ท่านหมายความว่าอย่างไร?” องค์ชายเจ็ดกัดฟัน กลิ่นอายเย็นชาแผ่ซ่านออกมาจากร่าง เบิกดวงตากว้างนึกอยากจะกินหลิงมู่เอ๋อร์เข้าไปทั้งตัว
เห็นเพียงซั่งกวนเซ่าเฉินที่ฉีกยิ้มมองไปทางองค์ชายเจ็ด “เรื่องที่เมื่อวานเปิ่นหวางถูกลอบทำร้ายในวัง คาดว่าน้องเจ็ดคงได้ยินมาบ้างแล้ว เมื่อวานนี้ข้าพบมือสังหารที่เข้ามาทำร้ายข้าแล้ว นั่งก็คือหลิงมู่เอ๋อร์ สตรีผู้อยู่ข้างกายข้า ตามรับสั่งของเสด็จพ่อ ข้าต้องพาทุกคนที่อยู่รอบตัวนางกลับไปที่วังเพื่อสอบปากคำอย่างละเอียด ทว่าข้าได้ยินมาว่าสมาชิกในครอบครัวของนางทั้งหมดถูกเจ้าขังไว้ในจวน”
ซั่งกวนเซ่าเฉินกล่าวไปพลาง แสดงป้ายทองคำไปด้วย องค์ชายเจ็ดคุกเข่าลงบนพื้นทันทียามที่เห็นสิ่งนี้ “ขอฮ่องเต้ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นหมื่นปี”
“นี่คือป้ายทองอาญาสิทธิ์ของฮ่องเต้ ข้าสั่งให้เจ้าส่งมอบทุกคนจากจวนตระกูลหลิงมา ห้ามให้มีข้อผิดพลาดใดเด็ดขาด”
“เสด็จพี่รอง!” องค์ชายเจ็ดร้อนรน ไม่เคยคิดว่าในมือของเขาจะได้ป้ายทองอาญาสิทธิ์ละเว้นโทษตาย เสด็จพ่อเคยอธิบายว่าหากเห็นป้ายทองนี้ก็เหมือนเห็นพระองค์ด้วย คำพูดที่เอ่ยออกมานั้นเท่ากับเป็นพระราชโองการจากขององค์ฮ่องเต้
“ทำไมหรือ หรือน้องเจ็ดไม่คิดจะปล่อยคนมา? หากเป็นเช่นนั้น ข้าขอคาดเดาอย่างอาจหาญได้หรือไม่ว่าเจ้าเองก็มีส่วนในการลอบสังหารครั้งนี้ด้วย?”
ตราบใดที่องค์ชายเจ็ดยืนกรานไม่ปล่อยคนมา เขาก็มีสิทธิ์จับองค์ชายเจ็ดเช่นกัน
“เสด็จพี่อย่าได้กลั่นแกล้งรังแกคนอย่างไม่เป็นธรรม!” องค์ชายเจ็ดลุกขึ้นคุกเข่าบนพื้นอีกครั้ง เขาขังคนในจวนหลิงเพียงเพื่อขู่ให้หลิงมู่เอ๋อร์มอบสิ่งที่เขาต้องการให้ ทว่าซั่งกวนเซ่าเฉินกลับปรากฏตัวเพื่อขู่เข็ญพาคนไป ยิ่งมองไปที่มือของทั้งสองคนที่จับกุมกันแน่น มุมปากของเขาก็สั่นสะท้าน “เสด็จพี่รองเพิ่งเอ่ยว่านางคือนักฆ่าที่ลอบสังหารท่าน ทว่าท่านสนิทใกล้ชิดกับนักฆ่าถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”
องค์ชายเจ็ดไม่จำเป็นต้องเดาก็รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับพวกเขาสองคนหลังจากที่หลิงมู่เอ๋อร์ถูกเขาพาตัวไปเมื่อคืนนี้
เมื่อมองดูรูปร่างหน้าตาที่งดงามยั่วเย้าของหลิงมู่เอ๋อร์ ไฟในใจของเขากลับยิ่งปะทุมากขึ้น เขาแทบอยากจะพุ่งเข้าไปหักคอนางให้รู้แล้วรู้รอด
มารดามันเถอะ นางกลั่นแกล้งเขา!
“นักฆ่าคนนี้เจ้าเล่ห์เป็นอย่างยิ่ง หากข้าไม่จับจูงนางไว้ข้างกายตลอดเวลา เกรงว่าข้าคงมิอาจอธิบายให้เสด็จพ่อฟังได้หากนางหนีไป” ซั่งกวนเซ่าเฉินเพียงหาเหตุผลที่จะอ้างเขาอย่างส่งๆ อย่างไรก็ตามเขามีป้ายทองอาญาสิทธิ์อยู่ในมือ หากองค์ชายเจ็ดไม่ปล่อยนางไป ย่อมเป็นการต่อต้านพระราชโองการ ย่อมเป็นการแสดงความไม่เคารพ
“เสด็จพี่รอง ท่านคิดว่าข้าโง่หรือ?” องค์ชายเจ็ดกัดฟัน เขาอยากจะระเบิดความโกรธออกมาเต็มทีแล้ว “แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าพวกท่านสองคนเล่นกลอุบายอันใดในการสมรู้ร่วมคิดกัน ทว่าวันนี้ไม่เพียงแต่ท่านจะมิอาจพาครอบครัวของนางไป… แต่ท่านยังต้องทิ้งนางไว้ที่นี่อีกด้วย!”
องค์ชายเจ็ดผู้ชั่วร้ายดูเหมือนจะต้องการบอกซั่งกวนเซ่าเฉินว่าเขาไม่ง่ายที่จะกลั่นแกล้ง
ทว่าซั่งกวนเซ่าเฉินก็ไม่ใช่คนที่ทานมังสวิรัติ ถูกกลั่นแกล้งอย่างง่ายดายเช่นกัน
“โอ้? ดูเหมือนว่าน้องเจ็ดจะเกี่ยวข้องกับการลอบสังหารจริงๆ เสด็จพ่อทรงตรัสว่าผู้ใดก็ตามที่เกี่ยวข้องกับการลอบสังหาร แม้จะเป็นคนในราชวงศ์ ก็ห้ามปล่อยมันไปอย่างเด็ดขาด!”
เขาเอ่ยทุกถ้อยคำอย่างชัดเจน ก่อนโบกมือใหญ่ขึ้นมา “ทหาร เข้ามาจับองค์ชายเจ็ดเดี๋ยวนี้!”
ทหารองครักษ์นับสิบรีบกรูเข้ามาล้อมรอบเขาทันที
เมื่อเห็นเช่นนี้ องค์ชายเจ็ดก็ถอยไปสองสามก้าวและพยายามจะชักกระบี่ออกมา ทว่าก่อนที่เขาจะได้เคลื่อนไหว มีดพร้าในมือของกองกำลังรักษาพระองค์ก็ฟันเข้าที่คอของเขาทันที
“พี่รอง ท่านกำลังจะฆ่าน้องชายของตนเองหรือ? ทั้งๆ ที่ท่านรู้ว่าข้าไม่ได้มีส่วนร่วมในการลอบสังหาร ทว่าเพื่อช่วยเหลือครอบครัวของนาง ท่านถึงกับจะเอาชีวิตข้าเลยหรือ ข้าต้องการพบเสด็จพ่อ!” องค์ชายเจ็ดพยายามดิ้นรนขัดขืน
“เสด็จพ่อมอบอำนาจเต็มที่ให้ข้าจัดการเรื่องลอบสังหาร หากเจ้าไม่ปล่อยคนมา ข้าจะลงโทษเจ้าจริงๆ น้องเจ็ดต้องขบคิดให้ดีแล้ว”
ซั่งกวนเซ่าเฉินไม่กลัวเขาเลยแม้แต่ แถมยังมีสีหน้าขี้เล่นอีกด้วย
ยามเห็นว่าเขายังมีท่าทีปฏิเสธที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ ชายหนุ่มก็ขยับไปด้านข้าง ก่อนเอ่ยขู่ “ข้าถูกลอบสังหารระหว่างทางกลับเมืองหลวง คนของข้าพบตัวนักฆ่าแล้ว หากข้าส่งคนคนนั้นไปหาเสด็จพ่อ ลองเดาดูสิว่าหากเสด็จพ่อผู้ทรงรังเกียจการที่พี่น้องฆ่าฟันกันเองมาโดยตลอดทราบเรื่องเข้า พระองค์จะทรงทำเช่นไร?”
เมื่อวานเสด็จแม่ของเขาเพิ่งส่งข่าวมาว่าเสด็จพ่อได้มอบอำนาจในการควบคุมวังหลังให้นางแล้ว เพื่อที่เขาจะได้พักผ่อนอย่างสงบสุขมากขึ้นในช่วงเวลานี้ ตราบใดที่เขาทำได้ดี ตำแหน่งขององค์รัชทายาทก็จะเป็นของเขาในไม่ช้า เสด็จแม่เตือนเขาว่าในช่วงเวลาสำคัญนี้อย่าทำพลาดเป็นอันขาด
เมื่อเห็นท่าทางพึงพอใจของซั่งกวนเซ่าเฉิน องค์ชายเจ็ดก็อยากจะต่อกรกับเขาสักยกจริงๆ ทว่าเพื่อตำแหน่งนั้นแล้ว สุดท้ายเขาก็ยอมอดทน
“ทหาร ปล่อยคนจากตระกูลหลิงทั้งหมดสิบสามคนออกมา”
ทันทีที่เอ่ยจบ หลิงมู่เอ๋อร์ก็วิ่งไปที่เรือนหลังจวนทันที ทว่าก็ถูกองค์ชายเจ็ดห้ามไว้ทันควัน “ได้เวลาที่เจ้าต้องให้สิ่งที่เจ้าสัญญาไว้กับข้าแล้ว”
หลิงมู่เอ๋อร์กลับมิได้หยิ่งยโสแต่ก็มิได้ทำตัวให้ต่ำต้อย “ข้าเกรงว่าองค์ชายเจ็ดจะลืมไปว่าข้อตกลงของเราคือข้าจะออกจากเมืองหลวงได้อย่างปลอดภัย ทว่าตอนนี้ข้ายังอยู่ในเมืองหลวง ท่านยังทำตามสัญญาไม่สำเร็จ ดังนั้นแล้ว เพราะเหตุใดข้าต้องรักษาสัญญาด้วย”
ยามมองไปที่สีหน้าได้ใจของหลิงมู่เอ๋อร์ องค์ชายเจ็ดก็โกรธจัดจนรู้สึกว่าใบหน้าของตนถูกนางเหยียบย่ำอยู่บนพื้น
“หลิงมู่เอ๋อร์ เจ้าไม่กลัวตายจริงๆ หรือ?”
“คนที่ไม่กลัวความตายเป็นเจ้าจึงจะถูก” ซั่งกวนเซ่าเฉินปรากฏตัวด้านหลังหลิงมู่เอ๋อร์ทันเวลา เขายกแขนยาวขึ้นมาโอบกอดนางให้เข้าสู่อ้อมอกอย่างเผด็จการ “กล้าข่มขู่พี่สะใภ้ของเจ้าในอนาคต น้องเจ็ด เจ้าต่างหากที่ขวัญกล้าเทียมฟ้า”
หากเขาไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้น องค์ชายเจ็ดก็คงจะเป็นคนโง่ไปแล้ว
เขามองท่าทางที่หยิ่งผยองของทั้งสองคนที่อยู่ตรงหน้า ท่าทีที่กลั่นแกล้งจนน่าโมโห เขาไม่สนภาพลักษณ์ของตน คำรามใส่ทั้งสองคนทันที “พวกท่านสองคนร่วมมือกันเพื่อเล่นงานข้า? แล้วพวกท่านจะเสียใจ!”
“หลิงมู่เอ๋อร์ไม่เคยหลอกลวงองค์ชายเจ็ด ข้าตั้งใจแล้วว่าจะมอบให้ท่าน ทว่าจู่ๆ องค์ชายรองกลับปรากฏตัวขึ้นและจับตัวข้าไปไม่ยอมปล่อย ข้าไม่มีทางเลือก ขอบพระทัยองค์ชายเจ็ดสำหรับการดูแลครอบครัวของข้าในคืนวาน ในอนาคต หากมีโอกาส มู่เอ๋อร์จะมาที่นี่อีกครั้งเพื่อขอบคุณท่าน”
เรื่องที่อยู่ทางนี้ก็ส่งต่อให้สองพี่น้องจัดการไป หลิงมู่เอ๋อร์รีบวิ่งไปที่เรือนหลังจวนทันที นางจำเป็นต้องตรวจสอบความปลอดภัยของครอบครัวนางให้ทันท่วงที เกรงว่าท่านพ่อท่านแม่ของนางคงจะตกใจกลัวแทบแย่แล้ว
องค์ชายเจ็ดคำรามใส่หลังของนาง “เจ้าไม่สนใจตัวเอง แต่เจ้าจะไม่สนใจ หลิงจือเซวียนกับจูฉีแล้วหรือ?”
หลิงมู่เอ๋อร์หยุดชะงัก ทว่าในไม่ช้านางก็หันศีรษะกลับมาเพื่อเอ่ยเสียงเบาว่า “องค์ชายรองทรงตรัสว่าหลังจากนี้เป็นต้นไป ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับข้าจะเป็นทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเขา ท่านควรจะปรึกษาเรื่องนี้กับองค์ชายรองแทนนะเจ้าคะ”
“หลิงมู่เอ๋อร์!”
องค์ชายเจ็ดกัดฟันด้วยความโกรธ เขากำมือแน่น ปรารถนาจะพุ่งเข้าไปฆ่านางทันที ทว่าทันใดนั้นก็มีฝ่ามือขนาดใหญ่และทรงพลังวางบนไหล่ของเขาทันควัน
“เหตุใดน้องเจ็ดต้องโกรธด้วยเล่า ยังไงเสีย นางก็เป็นพี่สะใภ้ในอนาคตของเจ้า” ซั่งกวนเซ่าเฉินเอ่ยหยอกแรงๆ
“กับผีนะสิ!” องค์ชายเจ็ดโกรธจัด จึงมิได้ประเมินกำลังของตัวเอง “ซั่งกวนเซ่าเฉิน ท่านคิดหรือว่าเสด็จพ่อจะยอมให้หญิงสาวชาวนาอย่างนางยืนเคียงข้างท่าน หากท่านปกป้องนางเช่นนี้ ไม่กังวลว่าเสด็จพ่อจะทรงไต่ถามหรือ?”
“นั่นมันเรื่องของข้า ต้องรบกวนให้น้องเจ็ดเป็นกังวลแล้ว” บนริมฝีปากของซั่งกวนเซ่าเฉินมีรอยยิ้มพึงพอใจ “อย่างไรก็ตาม หากเสด็จพ่อทรงรู้ว่าคนร้ายตัวจริงที่ลอบสังหารข้าคือเจ้า ข้าเชื่อว่าพระองค์จะไม่ปล่อยเจ้าไปอย่างแน่นอน”
สิ่งที่เขาบอกเป็นนัยก็คือเขาจะยังคงทูลฮ่องเต้เกี่ยวกับการลอบสังหารที่เกิดขึ้น
ไม่ใช่ว่าการที่เขาปล่อยตระกูลหลิงไปจะเป็นการปล่อยไปโดยเปล่าประโยชน์หรือ
“ได้ พวกท่านจะเล่นกับข้าใช่หรือไม่? ท่านกับสตรีคนนั้นร่วมมือกันเพื่อกลั่นแกล้งข้าใช่หรือไม่?” องค์ชายเจ็ดตัวสั่นเทาเพราะความโกรธ “ท่านคิดว่าการปกป้องนางได้สำเร็จครั้งหนึ่ง จะเป็นการปกป้องนางไปตลอดชีวิตหรือ? ข้าแตะต้องท่านไม่ได้ ทว่านางก็เป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง!”
“ไม่ นางจะละทิ้งฐานะนั้นในไม่ช้า และจะกลายเป็นพระชายาแห่งองค์ชายรอง” ซั่งกวนเซ่าเฉินเอ่ยแก้ มองไปที่ใบหน้าที่โกรธของเขา ชายหนุ่มก็ไม่รังเกียจที่จะให้ข้อมูลบางอย่างเพิ่มเติม ถือว่าเป็นการตอบแทนสำหรับหการถูกลอบสังหารนั่น
“ถึงข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าต้องการสิ่งใดจากนาง ทว่าพี่สะใภ้ของเจ้าขอให้ข้าบอกเจ้าว่าหากนางตาย สิ่งที่เจ้าอยากได้ก็จะหายไปจากโลกใบนี้ด้วยเช่นกัน”
กล่าวอีกนัยหนึ่ง แม้ว่าเขาจะโกรธอย่างไร เขาก็ไม่สามารถฆ่าหลิงมู่เอ๋อร์ได้
“ข้าจะไม่ปล่อยนางไป ไม่เด็ดขาด!”
“บังเอิญเหลือเกิน ข้าเองก็เช่นกัน”