เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 11 ตอนที่ 303 รักเจ้า
- Home
- เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ?
- เล่มที่ 11 ตอนที่ 303 รักเจ้า
เล่มที่ 11 ตอนที่ 303 รักเจ้า
“มู่เอ๋อร์!”
ซั่งกวนเซ่าเฉินบินร่อนลงมาตรงหน้าหลิงมู่เอ๋อร์ มือทั้งสองข้างจับไหล่ของนางเอาไว้แน่น พยายามดึงนางเข้าสู่อ้อมกอดของเขา “เจ้าเชื่อในตัวข้านะ แล้วข้าจะแก้ปัญหานี้ให้ได้ ให้เวลากับข้าหน่อย”
“ท่านไม่ได้รับอนุญาตให้มาที่นี่!” หลิงมู่เอ๋อร์ขัดขืน นางกางแขนออกเพื่อรักษาระยะห่างระหว่างเรา หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึก มองสบเข้าไปในดวงตาของเขาด้วยความใจเย็น “ซั่งกวนเซ่าเฉิน พวกเรามาคุยกันให้ชัดเจนเถิด”
แต่ไหนแต่ไรมา เขาไม่เคยได้รับการปฏิบัติอย่างเย็นชาจากสตรีผู้นี้มาก่อน ซั่งกวนเซ่าเฉินรู้สึกอึดอัดเหลือแสน เขาขมวดคิ้ว ก่อนเอ่ยขานนามขอนางเบาๆ “มู่เอ๋อร์?”
“ดูท่าว่าองค์ชายรองจะไม่อยากคุยกับหม่อมฉัน เช่นนั้นก็ลืมมันไปเสียเถิดเพคะ” หลิงมู่เอ๋อร์แสร้งทำเป็นหันหลังเดินจากไป ซั่งกวนเซ่าเฉินจึงรีบไล่ตามนางไปทันที มือของเขากำลังจะดึงนางเข้าสู่อ้อมแขน ทว่าเมื่อเห็นแววตาข่มขู่ของนางอีกครั้ง ชายหนุ่มก็ยกมือขึ้นแสดงท่าทียอมจำนน “ได้ มาคุยกัน ไม่ว่าเจ้าเอ่ยอันใด ข้าย่อมรับฟังทั้งนั้น”
“มันเปลี่ยนไปแล้ว ตั้งแต่ที่ท่านสูญเสียความทรงจำ เรื่องราวระหว่างเราก็แปรเปลี่ยนไปทีละเล็กละน้อย ท่านคือองค์ชายองค์ที่สอง เป็นตัวตนที่สูงส่งเหนือกว่า ทว่าข้าเป็นเพียงแค่หมอชาวบ้านตัวเล็กๆ คนหนึ่งเท่านั้น บางทีเรื่องราวระหว่างเราอาจจะผิดตั้งแต่เริ่มต้นแล้วก็เป็นได้”
หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวไปพลาง ดวงตาของนางก็เบิกกว้างอย่างดื้อรั้น หญิงสาวยืนหยัดไม่ยอมให้หมอกในดวงตากลั่นออกมาเป็นหยดน้ำอย่างเด็ดขาด
ซั่งกวนเซ่าเฉินไม่เห็นด้วยกับคำพูดของนาง “แต่ไหนแต่ไรมาข้าก็ไม่เคยสนใจเกี่ยวกับฐานะของเจ้า และเจ้าก็ไม่เคยเห็นข้าเป็นองค์ชายไม่ใช่หรือ?”
ใช่แล้ว นางเย่อหยิ่งถึงเพียงนั้น แม้แต่ผู้เป็นฮ่องเต้ นางก็ไม่เก็บเขาไว้ในสายตา นับประสาอะไรกับองค์ชายเพียงแค่องค์หนึ่ง
ทว่าสิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นก็ยังคงต้องเกิดขึ้น เขาถูกเลือกให้เข้าพิธีอภิเษกกับองค์หญิง นี่คือความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างทั้งสองแคว้น เป็นข้อเท็จจริงที่มิอาจดิ้นรนให้หลุดพ้นได้ และไม่มีผู้ใดสามารถเปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน
“บางทีข้าคงไม่ควรละทิ้งโอกาสที่จะได้แต่งงานกับท่านตั้งแต่ครานั้น ไม่เช่นนั้นตอนนี้พวกเราก็คงได้แต่งงานกันไปแล้ว ทว่าพลาดไปแล้วก็คือพลาดไป ขอแสดงความยินดีกับองค์ชายรองที่กำลังจะได้เข้าพิธีอภิเษกกับเจ้าสาวคนงาม มู่เอ๋อร์ขอให้ท่านและองค์หญิงมีความรักที่เปี่ยมไปด้วยความสุข ครองรักจนแก่เฒ่าผมขาวไปด้วยกัน” มือทั้งสองข้างของหลิงมู่เอ๋อร์กำหมัดแน่น นางโค้งคำนับให้เขาอย่างจริงจัง วินาทีที่นางค้อมกายก้มศีรษะลง หยดน้ำตาพลันรินไหลลงจากหางตาของนาง ร่วงหล่นบนหลังเท้าอย่างมิอาจควบคุม
ซั่งกวนเซ่าเฉินไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่านางกำลังร้องไห้ เขาแค่รู้สึกหงุดหงิดยามได้ยินคำพูดของนาง ทันใดนั้นเขาพลันดึงนางเข้ามาโอบไว้ในอ้อมแขนแนบแน่น “ขอแสดงความยินดีบ้าบออันใด เอ่ยอันใดไร้สาระจริงๆ ข้าซั่งกวนเซ่าเฉินไม่เคยยอมรับการบังคับจากผู้ใด ข้ารู้แค่ว่าคนที่ข้าสนใจก็คือเจ้า ส่วนองค์หญิง นางไม่เกี่ยวอันใดกับข้า เพราะเหตุใดข้าถึงต้องแต่งงานกับนางด้วย”
ยามที่ตระหนักว่าหลิงมู่เอ๋อร์กำลังดิ้นรนอยู่ในอ้อมแขนของเขา ชายหนุ่มก็ยิ่งกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น “ยามนี้มานึกเสียใจที่อยู่เคียงข้างข้าแล้วหรือ? เช่นนั้นข้าจะบอกเจ้าให้ว่ามันสายเกินไปแล้ว! ตั้งแต่เจ้ามายังค่ายทหารและยืนยันว่าเป็นคู่หมั้นของข้า ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เจ้าก็เปล่งแสงดึงดูดความสนใจของข้ามาเสมอ และนับตั้งแต่วินาทีที่เจ้าเสียสละชีวิตเพื่อช่วยข้า ข้าก็ยิ่งแน่ใจแล้ว!”
คำพูดของซั่งกวนเซ่าเฉินทั้งดังกังวานและทรงพลัง ราวกับว่าเขากำลังสาบานด้วยชีวิตของเขาเอง
ยามที่รู้สึกถึงหัวใจที่เต้นแรง ยามที่ได้ฟังเสียงที่ไพเราะของเขา หลิงมู่เอ๋อร์ยอมรับว่านางซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง ทว่านางรู้ดีว่านางไม่สามารถร้องไห้ได้ เพราะถ้าหากนางร้องไห้ นางจะใจอ่อน และจะส่งผลต่อแผนการของตัวเองและทำให้ทั้งครอบครัวของนางเจ็บปวด!
“เช่นนั้นแล้วท่านจะแก้ปัญหาอย่างไร? การอภิเษกกับองค์หญิงถือเป็นการแต่งงานเพื่อสมานฉันท์สงบศึก ท่านจะสวมชุดเกราะและนำกองทัพอีกครั้งหรือ? ซั่งกวนเซ่าเฉิน ท่านตื่นเสียทีเถิด ท่านแก้ปัญหาเรื่องนี้ไม่ได้หรอก”
“หากไม่ลอง แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าข้าทำไม่ได้!” เขาคำรามด้วยความเกรี้ยวกราดโมโห ทว่าก็กลัวจะทำนางเจ็บจึงได้แต่ระงับความโกรธไว้
ยามที่ก้มลงมองแม่นางน้อยผู้ยอมพ่ายแพ้ในอ้อมแขนของเขาอีกครั้ง หัวใจของเขาพลันเต้นแรงด้วยความเจ็บปวด “เด็กโง่ ข้าถูกเจ้าดึงดูดความสนใจได้สำเร็จอีกครั้ง หรือว่าเจ้าไม่ควรจะดีใจ? ข้ายอมแม้กระทั่งสละสถานะองค์ชายเพื่อเจ้าด้วยซ้ำ หรือว่าเจ้าไม่ควรจะรู้สึกหวั่นไหว? เพียงเพราะการตัดสินใจเล็กน้อยเท่านี้ เจ้าก็ต้องการที่จะไปจากข้าแล้ว แล้วความมั่นใจในตนเองของเจ้าในอดีต แล้วความเย่อหยิ่งของเจ้าเล่า? สตรีที่ข้ามอบใจให้ ไม่ควรเป็นคนขี้ขลาดเช่นนี้”
“ผู้ใดว่าข้าขี้ขลาด” หลิงมู่เอ๋อร์เงยหน้าขึ้นมองเขาพร้อมกับเชิดหน้าขึ้นสูง นางพองแก้มพลางมองเขาอย่างดุดัน “แต่ถึงกระนั้นท่านก็ยังคงเป็นองค์ชายรอง และข้าเองก็เคยเอ่ยด้วยว่าข้าไม่ชอบเมืองหลวง ในครานั้นที่ท่านทุ่มเทสติปัญญาเพื่อสะสมกำลังพลที่หมูบ้านตระกูลหลิง มิใช่เพื่อให้ฐานะองค์ชายรองกลับมาเป็นที่สนใจของทุกคนหรือ?”
นางเอ่ยพร้อมรอยยิ้มเยาะเย้ยที่มุมปาก “ท่านมีความแค้นของท่าน ทว่าข้าเองก็มีความฝันของข้า ท่านกล้าพูดหรือไม่ว่าท่านไม่ทราบว่าฮ่องเต้ให้ความสำคัญกับท่านเพราะเหตุอันใด? ท่านกล้าพูดได้เต็มปากหรือไม่ว่าไม่เคยหวั่นไหวในตำแหน่งนั้นเลย?”
“เจ้าพูดถูก ข้าพยายามอย่างดีที่สุดไม่เพียงแค่เพื่อพิสูจน์ตัวเอง ไม่เพียงแค่เพื่อล้างแค้นให้กับเสด็จแม่เท่านั้น ทว่าก็ยังเพื่อให้ได้ครอบครองตำแหน่งสูงสุดนั้นด้วย ทว่าสำหรับเจ้าแล้ว ทุกอย่างที่ข้าเคยเอ่ยกับเจ้าล้วนมาจากความจริงใจ มาจากก้นบึ้งของหัวใจข้าจริงๆ สิ่งที่ข้าเคยสัญญาให้กับเจ้า ข้าย่อมทำให้สำเร็จได้แน่ เจ้าแค่อยู่ข้างหลังข้าเงียบๆ ก็พอ เรื่องทั้งหมดนี้ข้าจะจัดการเอง แล้วเพราะเหตุใดเจ้าถึงไม่เห็นด้วยเล่า?”
ซั่งกวนเซ่าเฉินค้นพบว่าเขาไม่สามารถเข้าใจผู้หญิงได้เป็นครั้งแรก
สตรีผู้นี้ไม่เพียงแต่หยิ่งยโส ทว่านางยังดื้อรั้นเป็นอย่างยิ่ง บางครั้งก็หัวแข็งจนวัวพันตัวก็มิอาจฉุดรั้งนางเอาไว้ได้ เหมือนในยามนี้ เขารู้ว่านางโกรธเพราะเรื่องการอภิเษกกับองค์หญิง ทว่าเขาคือใครกัน เขาคือซั่งกวนเซ่าเฉิน สามีในอนาคตของนาง หากเขาเอ่ยว่าแก้ไขได้ นั่นก็ย่อมหมายความว่าเขาสามารถแก้ได้จริงๆ
“เดิมทีข้าอยากจะอยู่เคียงข้างท่าน ปกป้องท่านอยู่เงียบๆ ทว่าเสด็จพ่อของท่านเคยเห็นด้วยหรือไม่? พระองค์ทรงเคยให้สัญญากับองค์หญิงแห่งซีอวี้มิใช่หรือ? ในเมืองหลวงมีครอบครัวของข้าอยู่ มีทุกสิ่งที่เป็นของข้าอยู่ ขอเพียงแค่เขาขยับนิ้วแม้เพียงนิด สำหรับพวกเราแล้วกลับง่ายดายราวกับบี้มดตัวหนึ่งก็ไม่ปาน” หน้าอกของนางกระเพื่อมขึ้นลง “ซั่งกวนเซ่าเฉิน ข้าจะเอ่ยให้ชัดเจน ข้าไม่อยากอดทนต่อไปอีกแล้ว ข้าไม่ต้องการแสร้งทำเป็นเข้มแข็งเพื่อบอกท่านว่าข้าไม่เป็นกระไร ข้าเป็นเพียงแม่นางน้อยที่อายุยังไม่ถึงยี่สิบปีบริบูรณ์ ข้าเองก็อยากจะมีชีวิตที่สงบสุขเช่นกัน ดังนั้นขอร้องท่าน… ปล่อยข้าไปเถิด”
หลิงมู่เอ๋อร์ใช้แรงผลักร่างของเขาออก ก่อนหันหลังจากไปทันที
“หลิงมู่เอ๋อร์!”
ซั่งกวนเซ่าเฉินมองไปที่แผ่นหลังของนาง ก่อนคำรามเรียกชื่อของนางเสียงดังก้อง เมื่อเห็นว่านางหยุดนิ่งลง ทันใดนั้น เขาก็พุ่งเข้าไปหานางอย่างเสียสติ วาดแขนโอบกอดแน่นทางจากด้านหลัง
เป็นเมื่อครู่นี้เอง วินาทีที่นางหมุนกายจากไป เขาพลันตระหนักได้ถึงรูกลวงโบ๋ในหัวใจ เหมือนกับความรู้สึกเจ็บปวดยามที่เขาสูญเสียเสด็จแม่ไปในปีนั้น
ไม่ เขาไม่อยากแบกรับและเจ็บช้ำซ้ำสอง
“หากข้าบอกว่าข้ายอมสละฐานะองค์ชายรอง รวมถึงทุกสิ่งที่ข้ายืนหยัดมาตลอดหลายปีเพื่อเจ้า ข้ายินดีที่จะกลับไปยังหมู่บ้านตระกูลหลิงกับเจ้า ยินดีที่จะเติมเต็มความรู้สึกของเจ้าให้กลับคืนมาดังเดิม เจ้าจะยินดีหรือไม่?” เขากดริมฝีปากสีแดงแนบชิดใบหูของนาง เสียงอ่อนโยนที่มีเพียงนางเท่านั้นที่ได้ยิน
เสียงทุ้มนุ่มไพเราะนั้นเต็มไปด้วยแรงดึงดูด ราวกับว่าพี่ชายคนนั้นกลับมาแล้วอีกครั้งจริงๆ
ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเขาในอดีตฉายซ้ำตรงหน้านาง หลิงมู่เอ๋อร์ยิ้ม เสียงหัวเราะใสกังวานราวระฆังแก้วของนกกางเขนบนต้นไม้ดังก้อง น่าฟังเป็นอย่างยิ่ง
“พี่ใหญ่ ท่านรู้หรือไม่ว่าท่านเป็นผู้ชายคนแรกที่ข้าได้รู้จักหลังจากมาเยือนโลกใบนี้?”
บางที ในอดีต หลิงมู่เอ๋อร์เองก็อาจรู้จักคนอื่นในหมู่บ้านเช่นเดียวกัน ทว่าคนแรกที่นางรู้จักคือเขา ซั่งกวนเซ่าเฉิน
“ข้ายังจำวันนั้นได้ดีที่ข้าบังเอิญหลุดเข้าไปในกับดักของนายพราน ตอนที่ข้าร่วงหล่นลงไป ข้าเห็นแต่หนามเต็มไปหมด ในตอนนั้นจู่ๆ ท่านก็ยื่นมือที่ใหญ่และใจดีของท่านออกมาจับข้าและดึงข้าขึ้นไป!” หลิงมู่เอ๋อร์หัวเราะอีกครั้งยามหวนนึกถึงเรื่องนี้ “ข้าจำได้ว่าตอนนั้นข้ายังตำหนิท่านว่าท่านจะรับผิดชอบข้าเพื่ออันใด?”
เมื่อเห็นว่าบุรุษที่อยู่ข้างหลังนางไม่ตอบ หญิงสาวได้สติและหวนกลับมาจากความทรงจำ “ท่านลืมไปแล้ว ไม่ใช่ เดิมทีท่านก็คงจะจำช่วงเวลานั้นไม่ได้อยู่แล้ว ท่านย่อมไม่มีทางจำความบริสุทธิ์เรียบง่ายในครานั้นได้ ว่ามันสวยงามเพียงใด”
นางระลึกย้อนต่อไปว่า “ในคราแรกนั้นข้าถูกท่านย่าและคนอื่นๆ ในหมู่บ้านรุมรังแก ท่านกลับลุกขึ้นมาเพื่อพาตัวข้าไป ท่านปกป้องข้าเหมือนเป็นพี่ใหญ่ ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีผู้ใดกล้ารังแกข้าอีก อีกทั้งจริงๆ แล้วข้ารู้เรื่องทั้งหมด ครานั้นที่ข้าเข้าเมืองก็เป็นท่านสั่งให้คนยินยอมให้ข้าเช่าร้าน ไม่เช่นนั้นจะมีร้านที่ราคาต่ำขนาดนั้นได้อย่างไร อีกทั้งยังบังเอิญอยู่ใจกลางเมืองอีก?”
หลิงมู่เอ๋อร์หันกายกลับมา นางมองลึกเข้าไปในดวงตาของเขาอย่างจริงจัง ก่อนชี้ไปที่หน้าผากของเขา “ท่านคิดว่าข้าโง่ใช่หรือไม่? คิดว่าข้ามองไม่ออกใช่หรือไม่?”
“มู่เอ๋อร์…”
“ชู่” นางเลื่อนนิ้วชี้ขึ้นมาขยับตำแหน่งมาไว้ตรงริมฝีปากสีแดงของเขา “ข้าจะจดจำความเมตตาทั้งหมดที่ท่านมอบให้ และข้าจะจดจำมันไปตลอดชีวิต เมื่อก่อนข้าเคยคิดจริงๆ ว่าท่านสามารถละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อข้าได้หรือไม่ ทว่ายามนี้ข้าเข้าใจแล้ว ข้ามิอาจขอให้ท่านยอมทิ้งทุกสิ่งที่ท่านปรารถนาเพียงเพราะสิ่งที่เรียกว่าความรักได้ ดังนั้นแล้ว พวกเราก็ควรจะปล่อยมือจากกันเสียเถิด”
“ข้าไม่อนุญาต!”
เขาไม่แม้แต่จะเปิดโอกาสให้หลิงมู่เอ๋อร์คัดค้าน ซั่งกวนเซ่าเฉินปิดกั้นริมฝีปากสีแดงของนางด้วยความดุเดือด
แม้ว่าทางออกเดียวของวังจะถูกล้อมรอบไปด้วยทหารยามและสาวรับใช้ที่เดินตรวจตรา ทว่าเขาก็ยังบดขยี้ริมฝีปากของนางในอ้อมแขนอย่างไร้ความปรานี จุมพิตนางอย่างเร่าร้อน
เขาใช้วิธีนี้เพื่อทำให้หลิงมู่เอ๋อร์ล้มเลิกความคิดที่จะวิ่งหนีจากไป เขาต้องการที่จะดึงรั้งร่างกายอันอ่อนนุ่มของนางมาไว้ในอ้อมอกของเขาให้แนบแน่น
“มู่เอ๋อร์ ข้าชอบเจ้า”
หลังจากความจำเสื่อม ซั่งกวนเซ่าเฉินก็ไม่เคยสารภาพรักกับนางอีกเลย นางรอเวลานี้มานาน นานมากเหลือเกินสำหรับคำว่าชอบเพียงคำเดียว
จู่ๆ หลิงมู่เอ๋อร์ก็เปลี่ยนจากถูกกระทำเป็นผู้กระทำ นางใช้มือสองข้างจับศีรษะของเขาเอาไว้แน่น พลิกตัวกลับจู่โจมเขาอย่างแข็งขัน
การกระทำอย่างกะทันหันของนางทำให้ซั่งกวนเซ่าเฉินตกใจ ทว่าเขาคิดว่าแผนการของเขาประสบความสำเร็จ ในที่สุดนางก็หยุดวิ่งหนีไปจากเขา เขาก้าวเข้าไปในเขตแดนของนางอย่างตื่นเต้นดีใจ ครอบครองทุกตารางนิ้วในอาณาเขตของนาง
เขาพอใจมากกับจิตใจที่ว้าวุ่นและหลงใหลของแม่นางน้อย และเขาอยากจะลากนางเข้าไปในห้องหอเสียเดี๋ยวนี้
“มู่เอ๋อร์!”
ซั่งกวนเซ่าเฉินกอดนางแน่นและจูบแก้มนางด้วยความรักใคร่ “คืนคำพูดเมื่อครู่ของเจ้า ได้หรือไม่?”
หลิงมู่เอ๋อร์หอบหนัก ก่อนจะค่อยๆ ฟื้นคืนสติกลับมา นางเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าอันหล่อเหลาไร้เทียมทานตรงหน้า แล้วพยักหน้าหงึกหงัก “ได้”
“ยัยโง่!” ซั่งกวนเซ่าเฉินมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเขาได้รับคำตอบที่น่าพอใจ “ข้าจะพาเจ้าไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อในภายหลัง หากเขาตกลง ข้าก็ยังคงเป็นองค์ชายรองของเขา หากเขาไม่ตกลง ข้าจะพาเจ้าและครอบครัวของเจ้าทั้งหมดกลับไปยังหมู่บ้านตระกูลหลิง และจะไม่มีผู้ใดมารบกวนพวกเราอีกต่อไป”
“ขอบคุณท่านพี่ใหญ่!” นางหมุนกายหันกลับมา ก่อนจะใช้สองแขนโอบรอบคอของเขาแน่น หลิงมู่เอ๋อร์ดูเหมือนจะโลภมาก นางจดจำกลิ่นกายของเขาอย่างคนไม่รู้จักพอ “ข้ามีความสุขจริงๆ ที่ท่านยอมสละทุกสิ่งที่ปรารถนาเพื่อข้า ขอบคุณท่าน พี่ใหญ่ ท่านทำให้ข้ารู้สึกปลอดภัยเสมอยามที่มีท่าน ทว่า… มันไม่จำเป็นแล้ว”
นางพูดประโยคสุดท้ายเสียงเบามากจนซั่งกวนเซ่าเฉินได้ยินไม่ชัด
“เจ้าพูดอันใด…”
“ข้าบอกว่าข้ารักท่านมาก” หลิงมู่เอ๋อร์เขย่งเท้าขึ้นกระซิบข้างหูของเขา ทว่าโชคไม่ดีที่ริมฝีปากของซั่งกวนเซ่าเฉินยังไม่ทันเปิด เขาก็รู้สึกเพียงความเจ็บปวดที่ด้านหลังศีรษะ ดวงตาของเขาค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นสีดำ ก่อนจะล้มลงหมดสติไป
“เป็นเพราะข้ารักท่าน ข้าจึงไม่สามารถครอบครองท่านอย่างเห็นแก่ตัวได้ อย่างไรเสียข้าก็ต้องจากไป ดังนั้นมันไม่สำคัญเลยว่าท่านจะแต่งงานกับผู้ใด มู่เอ๋อร์เพียงต้องการให้ท่านมีความสุขก็เท่านั้น”
นางประทับจุมพิตหนักๆ ที่มุมปากของเขา ทว่าทันใดนั้นจู่ๆ หลิงมู่เอ๋อร์ก็ลุกขึ้นและหันหลังกลับอย่างรวดเร็ว
“การลอบสังหารองค์ชายรองแห่งราชวงศ์ถือเป็นความผิดร้ายแรง หลิงมู่เอ๋อร์ เจ้าช่างกล้าหาญยิ่งนัก…”