เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 10 ตอนที่ 298 สมบัติ
- Home
- เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ?
- เล่มที่ 10 ตอนที่ 298 สมบัติ
เล่มที่ 10 ตอนที่ 298 สมบัติ
“ได้ เจ้าจะไปก็ได้แต่หลังจากเจ้าเข้าวังหลวง คนที่เจ้าเป็นห่วงทั้งหมดทั้งหลิงจือเซวียน จูฉี โจวฉี่เยี่ยน และคนทั้งหมดในจวนตระกูลหลิงจะต้องเจอกับหายนะเพราะการกระทำอันหุนหันพลันแล่นของเจ้า!”
“แต่หม่อมฉันจะไม่ทำเช่นนั้นเพคะ” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าว ไม่ใช่เพราะกลัวเขาแต่เป็นเพราะนางมีจุดประสงค์อื่น
“ท่านไม่ใช่ว่าสงสัยว่าเหตุใดอามู่เต๋อจึงยืนกรานว่าต้องการตัวหม่อมฉันหรือ? ถูกต้อง เขากับท่านเหมือนกัน เขาคิดว่าตัวหม่อมฉันมีความลับที่มิอาจบอกผู้ใดได้อยู่ ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องการมันด้วย หม่อมฉันสามารถบอกพวกท่านได้ว่าความสงสัยทั้งหมดของพวกท่านล้วนถูกต้อง หม่อมฉันมีสมบัติลับบางอย่าง ขอเพียงได้หม่อมฉันไปก็จะได้รับสมบัติลับนั้นไปด้วย”
ได้ยินคำพูดของหลิงมู่เอ๋อร์ หมัดที่กำแน่นขององค์ชายเจ็ดก็คลายออกโดยพลัน ความเดือดดาลทั้งหมดกลายเป็นความตื่นเต้นที่ไม่อาจควบคุมได้
“ข้ารู้ ข้ารู้ว่าวันนั้นข้าไม่ได้มองผิด เห็นได้ชัดว่าของในมือเจ้าจู่ๆ ก็หายไป ทั่วทุกซอกทุกมุมของร่างเจ้าข้าล้วนค้นหาไม่เจอ ข้าสงสัยว่าเจ้าซ่อนมันไว้หรือมีความลับอันใดที่ไม่อาจบอกผู้ใดได้ คาดไม่ถึงว่าการคาดเดาของข้าจะถูก” ดวงตาทั้งสองข้างองค์ชายเจ็ดเบิกกว้างรูม่านตาสีดำขลับตื่นเต้นราวกับสามารถปล่อยแสงสว่างโชติช่วงออกมาได้
ทันใดนั้นเขาก็พุ่งเข้าไปคว้าไหล่ของนางแน่น “บอกข้ามาว่านั่นคืออันใด สมบัติลับนั่นอยู่ที่ใดบอกข้ามา!”
เขาพูดทั้งยังมองพิจารณานางอีกครา แต่ไม่ว่าเขาจะมองอย่างไรก็ไม่เห็นเงื่อนงำ
หลิงมู่เอ๋อร์รู้สึกเพียงว่าการกระทำของเขาช่างน่าขัน “หากเป็นสถานที่ที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าคงถูกอามู่เต๋อช่วงชิงไปนานแล้ว แม้แต่เหตุผลนี้องค์ชายเจ็ดก็มิเข้าใจหรือเพคะ?”
องค์ชายเจ็ดอยากโต้แย้งแต่เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปากของหลิงมู่เอ๋อร์ เขาก็ตระหนักได้โดยพลันว่าตัวเองหุนหันพลันแล่นเกินไป คาดไม่ถึงว่าจะมองสายตาที่เต็มไปด้วยแผนการของนางไม่ออก
เขากลับไปนั่งเก้าอี้อีกคราราวกับเมื่อครู่ล้วนไม่มีอันใดเกิดขึ้น องค์ชายเจ็ดกลับไปมีภาพลักษณ์สูงศักดิ์มีความสง่าอ่อนโยนเช่นกาลก่อน ยามที่มองหลิงมู่เอ๋อร์อีกคราสายตาก็มีความเมตตาเป็นอย่างยิ่ง ราวกับกำลังคุยเล่นกับสหายที่ไม่เจอกันมานาน ทั้งยังราวกับเป็นคนในครอบครัวที่ใกล้ชิดของตัวเอง
“แม่นางหลิงมีเงื่อนไขอันใดก็ลองพูดมาตามตรง เปิ่นหวางจื่อจะช่วยเหลือเต็มที่แน่นอน”
เห็นใบหน้าจอมปลอมนั้นหลิงมู่เอ๋อร์ก็อยากอาเจียนยิ่ง แต่ในยามนี้มีเพียงเขาที่สามารถช่วยตนได้
“หม่อมฉันต้องการให้ท่านช่วยหาวิธีจัดการอามู่เต๋อเพคะ”
หลิงมู่เอ๋อร์พูดอย่างกระชับตรงไปตรงมา แต่องค์ชายเจ็ดกลับปฏิเสธอย่างไม่คิด
“เจ้าพูดถูก ข้ารับปากหลิงจือเซวียนว่าจะช่วยเขาแต่มันเป็นเพียงการตบตาเขาเท่านั้น ความจริงคือข้าอยากรู้เพียงแค่ความลับของเจ้า แต่ในเมื่อเจ้าก็รู้แล้วว่าข้าหาได้มีความสามารถ เหตุใดยังต้องยกเรื่องนี้มาร้องขอด้วยเล่า?” เสียงขององค์ชายเจ็ดเย็นเฉียบ “หลิงมู่เอ๋อร์หากเจ้ากล้าเล่นตลกกับข้า เจ้าก็น่าจะรู้วิธีการของข้า”
“หม่อมฉันล้วนพูดไปแล้วท่านเป็นองค์ชายส่วนข้าเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา ไม่ว่าหม่อมฉันจะฉลาดเฉลียวเพียงใด แต่จะฉลาดกว่าท่านได้อย่างไร?” หลิงมู่เอ๋อร์พูดกลับเข้าเรื่อง “ท่านมีวิธี ขอเพียงอามู่เต๋อไม่พุ่งความสนใจมาที่หม่อมฉัน หม่อมฉันจะบอกท่านว่าสมบัติลับของหม่อมฉันอยู่ที่ใด”
องค์ชายเจ็ดกลับยังยืนกรานในคำพูดของตัวเอง “อามู่เต๋อเป็นทูตจากแคว้นซีอวี้ เขาจงใจเดิมพันเพื่อให้ได้เจ้าไป ข้าไม่ใช่เสด็จพ่อข้าจะสามารถทำให้เขาไม่สนใจเจ้าได้อย่างไร?”
มองหลิงมู่เอ๋อร์อีกครานิ้วทั้งสิบของเขาก็เคาะลงบนโต๊ะอย่างสบายใจ “แต่อย่าว่าแต่อามู่เต๋อเลย แม้แต่เปิ่นหวางจื่อก็สนใจเจ้าและต้องการตัวเจ้า”
หลิงมู่เอ๋อร์รู้ว่าเขาจงใจพูดสิ่งนี้เพียงเพื่อจะทำให้ความคิดของนางสับสน
องค์ชายเจ็ดไม่ว่าอันใดล้วนหาได้มีดี แต่มีดีเพียงอย่างเดียวคือหาใช่คนหลายใจ ไม่ใช่ว่าเห็นสตรีคนใดก็ล้วนพึงใจ ไม่เช่นนั้นคงไม่ชื่นชอบเซิงเอ๋อร์ที่เกิดในหอนางโลม
“องค์ชายเจ็ดเป็นผู้ที่ได้รับความโปรดปรานต่อหน้าฝ่าบาท ได้รับความเชื่อใจของฝ่าบาทมาตลอด และในการประลองขององค์ชายรองและอามู่เต๋อแม้จะถูกกำหนดวันไว้แล้ว แต่กลับไม่มีกฎอันใด หม่อมฉันอยากให้ท่านออกหน้าเรื่องนี้” น้ำเสียงของหลิงมู่เอ๋อร์อเด็ดเดี่ยวมีสายตาไม่ยอมแพ้
อามู่เต๋อเชี่ยวชาญในเรื่องการใช้ยาพิษ หากเขาทำอันใดกับซั่งกวนเซ่าเฉินในการเดิมพันนี้ก็มีแต่ซั่งกวนเซ่าเฉินที่จะเสียเปรียบ
แต่หากองค์ชายเจ็ดที่เป็นคนนอกในการเดิมพันนี้ยืนหยัดขึ้นมาบอกว่าจะตั้งกฎขึ้นทุกอย่างย่อมดีขึ้นมาก
“ความต้องการของเจ้าคงไม่ง่ายถึงเพียงนี้กระมัง?” องค์ชายเจ็ดไม่เชื่อว่าจุดประสงค์ของนางมีเพียงการตั้งกฎง่ายๆ เท่านั้น
“ถูกต้อง หม่อมฉันยังต้องการให้ท่านช่วยให้ทุกคนในตระกูลหลิงของพวกหม่อมฉันออกจากเมืองหลวงด้วยเพคะ” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวอย่างจริงจัง
ใช่ นางครุ่นคิดพิจารณาอย่างชัดแจ้งแล้ว เมืองหลวงที่มีระลอกคลื่นใหญ่เช่นนี้ไม่เหมาะกับพวกเขา นางอยากจากไป และต้องการพาทุกคนจากไปด้วย
แต่พวกเขาเข้าไปพัวพันกับวังหลวงแล้ว หากต้องการแยกตัวออกไปอย่างกะทันหันย่อมเป็นไปไม่ได้
อย่าว่าแต่ด้วยสถานะของหลิงจือเซวียนฝ่าบาทจะปล่อยเขาไปง่ายๆ หรือไม่ ตั้งแต่นางหยิบเสื้อเกราะกันกระสุนขึ้นมาความคิดของฝ่าบาทก็เก็บนางเอาไว้แล้ว แต่หากมีองค์ชายเจ็ดช่วยผลลัพธ์ย่อมแตกต่าง
เขาเป็นองค์ชายมีองครักษ์เงาติดตัวมากมาย อีกทั้งฝ่าบาทยังไว้ใจเขาเป็นอย่างยิ่ง ขอเพียงเขาร่วมมือ พวกนางไม่เพียงแต่จะสามารถจากไปตรงๆ ได้แต่ยังไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะมีผู้ใดไล่ตามมาฆ่าอีกด้วย
“เจ้าอยากไปหรือ?” เห็นได้ชัดว่าองค์ชายเจ็ดไม่เชื่อว่านางจะสามารถตัดใจละทิ้งยศถาและความมั่งคั่งไปได้ “ข้าได้ยินว่าเมื่อก่อนที่เจ้าออกมาจากหลังเขาในพื้นที่อันห่างไกล ไม่ง่ายเลยกว่าลงหลักปักฐานอยู่ที่เมืองหลวง และที่เมืองหลวงเจ้าไม่เพียงแต่มีโรงหมอแห่งหนึ่ง แต่ยังมีเหลาอาหารอยู่สองแห่งด้วย เจ้าต้องการจะจากไปจริงหรือ?”
องค์ชายเจ็ดคิดดูแล้วหากเปลี่ยนเป็นเขาย่อมไม่อาจตัดใจยอมแพ้เช่นนี้ได้
แต่หลิงมู่เอ๋อร์พยักหน้าอย่างจริงจัง “เพคะ หม่อมฉันอยากจากไปเพคะ จากไปอย่างผ่าเผย”
องค์ชายเจ็ดยิ้ม “แล้วซั่งกวนเซ่าเฉินเล่า? เจ้าไม่ต้องการเขาแล้วหรือ?”
แม้เขาจะเชื่อคำพูดของนาง แต่ในสายตาของเขาก็หาเหตุผลที่นางจะหลอกเขาไม่พบ
“เจ้าไม่ลังเลที่จะวิ่งไปช่วยเขาถึงที่ค่ายทหาร แม้เขาจะสูญเสียความทรงจำแต่จากข้อมูลของข้าช่วงนี้เจ้าสองคนติดต่อกันอย่างดี เสด็จพี่รองถึงขั้นไม่เสียดายที่ต้องไปประลองเพื่อให้ได้เจ้าไป เห็นได้ชัดว่าเขามีความรู้สึกลึกซึ้งต่อเจ้าเป็นอย่างยิ่ง เจ้าจะใจแข็งทิ้งเขาไปได้จริงหรือ?”
องค์ชายเจ็ดคิดอย่างไรก็รู้สึกว่านี่เป็นเพียงเรื่องล้อเล่น “ยิ่งไปกว่านั้นแม้เจ้าจะต้องการจากไปก็ไม่ควรมาหาข้าถึงจะถูก ไม่ว่าจะเป็นซั่งกวนเซ่าเฉินหรือซูเช่อพวกเขาก็ล้วนสามารถช่วยเหลือเจ้าได้ หลิงมู่เอ๋อร์เจ้ากำลังล้อข้าเล่นหรือ?”
หลังสิ้นประโยคเขาก็พุ่งเข้ามาอย่างกะทันหัน จ้องมองนางอย่างเอาเป็นเอาตายราวกับจ้องมองเหยื่อของตัวเอง
“หม่อมฉันไม่ชอบวังหลวง ในอนาคตก็ไม่อาจตบแต่งเข้าไปที่นั่นได้ และตลอดมาซั่งกวนเซ่าเฉินก็มีเป้าหมายที่ต้องทำให้สำเร็จ ไม่จำเป็นต้องให้หม่อมฉันพูดให้ชัดเจนองค์ชายเจ็ดก็น่าจะรู้ว่าคือสิ่งใด ดังนั้นเราสองคนจึงไม่มีโชคชะตาอันใดต่อกันตั้งแต่แรกแล้ว” หลิงมู่เอ๋อร์ทอดถอนใจ “เช่นนั้นในเมื่อหม่อมฉันมิได้มีวาสนาจะเป็นผู้หญิงของเขา เหตุใดหม่อมฉันต้องยึดมั่นไม่ยอมปล่อยวางด้วย? ส่วนเสียนหวาง…”
หลิงมู่เอ๋อร์ทอดถอนใจอีกครา “เพราะพึ่งบารมีของเขาหม่อมฉันจึงสามารถมาลงหลักปักฐานในเมืองหลวงได้อย่างมั่นคง เขาช่วยหม่อมฉันไว้มากหม่อมฉันไม่อยากทำให้มีผลกระทบต่อเขาอีก ยิ่งไปกว่านั้นใครก็รู้ว่าเสียนหวางกับหม่อมฉันเป็นสหายที่ดีต่อกัน หากหม่อมฉันจากไปทุกคนย่อมสงสัยเขาก่อนเป็นแน่ แทนที่จะหาปัญหาใส่ตัวไม่สู้หาผู้ที่ทุกคนล้วนคาดไม่ถึงจะดีกว่ากระมัง?”
แปะ แปะ
องค์ชายเจ็ดอดไม่ได้ที่จะปรบมือให้ความคิดของนาง มองหลิงมู่เอ๋อร์อีกคราเขาไม่ตระหนี่ที่จะชื่นชมนางแม้แต่น้อย “เจ้าฉลาดเฉลียวนัก หากข้าเดาไม่ผิดหลังจากหลิงจือเซวียนถามเจ้าเรื่องจุดประสงค์ของอามู่เต๋อ เจ้าคงตัดสินใจที่จะออกจากเมืองหลวงอย่างกะทันหัน แต่เจ้ากลับจัดการทั้งหมดได้อย่างเหมาะสมเช่นนี้ในเวลาอันสั้นถึงเพียงนี้ หลิงมู่เอ๋อร์หนอหลิงมู่เอ๋อร์ หากเจ้าเป็นบุรุษจะต้องเป็นบุคคลสำคัญของราชวงศ์ของข้าแน่นอน!”
“น่าเสียดายที่หม่อมฉันเป็นสตรีต่ำต้อย ทั้งยังเป็นแค่หมอตัวเล็กๆ คนหนึ่งหม่อมฉันไม่อยากให้ครอบครัวของหม่อมฉันต้องตกอยู่ในอันตราย หม่อมฉันไม่อยากเข้าไปในเกมการช่วงชิงอำนาจของพวกท่าน หม่อมคิดว่าองค์ชายเจ็ดก็ไม่อยากให้หม่อมฉันเข้าร่วมถูกต้องหรือไม่เพคะ?”
มองการแสดงออกของหลิงมู่เอ๋อร์อย่างจริงจัง จู่ๆ องค์ชายเจ็ดก็รู้สึกว่าสตรีผู้นี้เป็นตัวตนที่แปลกจริงๆ เมื่อครู่นางสามารถเปิดเผยการกระทำชั่วช้าทั้งหมดของเขาออกมาได้อย่างยิ่งผยอง แต่ยามนี้กลับสามารถนั่งลงมาพูดคุยกับเขาได้อย่างนิ่งสงบเช่นนี้
นางเคยผ่านชีวิตแบบใดมาจึงได้มีนิสัยเช่นนี้ มิน่าเล่าซั่งกวนเซ่าเฉินจึงสนใจนางเช่นนี้ นางมีเสน่ห์ที่โดดเด่นจริงๆ
“แต่หากเจ้าไปแล้วเสด็จพี่รองต้องอ้างว้างเป็นแน่” องค์ชายเจ็ดถามหยั่งเชิง
หลิงมู่เอ๋อร์คิดไว้แล้วว่าเขาต้องถามเช่นนี้ “แต่หากหม่อมฉันยังอยู่ย่อมช่วยให้เขาได้ขึ้นไปสู่ตำแหน่งสูงสุดนั้นได้เป็นแน่ หม่อมฉันคิดว่าองค์ชายเจ็ดย่อมไม่อยากให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น”
ปั้ง
กำปั้นขององค์ชายเจ็ดทุบลงบนโต๊ะอีกครา “หลิงมู่เอ๋อร์เจ้ายังคงหยิ่งผยองเสียจริง เหตุใดเจ้าจึงคิดว่าเจ้าสามารถทำเช่นนั้นได้?”
“เพราะหม่อมฉันมีสมบัติลับอยู่!” นางพูดดวงตาทั้งสองข้างโค้งเป็นดวงจันทร์
เห็นได้ชัดว่าที่นั่งคุกคามอยู่ตรงข้ามเขาเป็นสตรีที่น่าเกรงขาม แต่นางกลับยิ้มด้วยใบหน้าบริสุทธิ์ไร้พิษภัย ราวกับว่านางเป็นผู้ที่หาได้มีความผิดอันใด
“ขอบอกท่านอย่างไม่เกรงกลัวว่าสมบัติของหม่อมฉันวิเศษยิ่ง หากองค์ชายเจ็ดได้รับมันไปต้องพึงใจยิ่งจนแม้แต่ตำแหน่งสูงสุดนั้นก็ล้วนไม่อยากได้เป็นแน่”
องค์ชายเจ็ดหัวเราะเยาะอยู่หลายครา “ฮ่าๆๆ มีเพียงเจ้าที่กล้าพูดจาไม่เจียมตัวเช่นนี้ต่อหน้าข้า ช่างพูดจาเหลวไหลนัก”
“ใช่เรื่องเหลวไหลหรือไม่ในใจองค์ชายเจ็ดย่อมรู้แจ้งดี หม่อมฉันยังคงพูดเช่นเดิม สิ่งที่หม่อมฉันต้องการนั้นง่ายยิ่ง จัดการอามู่เต๋อและพาครอบครัวของหม่อมฉันออกไปจากเมืองหลวงโดยที่ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น หม่อมฉันเชื่อว่าองค์ชายเจ็ดมีความสามารถที่จะทำเช่นนี้ได้ แน่นอนว่าขอเพียงพวกหม่อมฉันออกไปได้อย่างปลอดภัยหม่อมฉันจะบอกความลับของสมบัติลับให้ท่านฟัง”
หลิงมู่เอ๋อร์พูดอย่างจริงใจทำให้คนจิตใจสั่นไหวโดยพลัน
องค์ชายเจ็ดรู้สึกคันยุบยิบในหัวใจเป็นอย่างยิ่ง เขาอดไม่ได้ที่จะมองตัวตนอันน่าแปลกประหลาดนั้น “เหตุใดข้าต้องเชื่อว่าเจ้าจะบอกเรื่องสมบัติลับนั่นจริงๆ?”
แทบจะทันทีที่พูดจบสตรีที่เมื่อครู่ยังนั่งอยู่ตรงหน้าเขาก็หายไปโดยพลัน
องค์ชายเจ็ดเดิมทีตั้งใจจะจิบชาอึกหนึ่งอึกในถ้วยชา แต่ยามที่เห็นว่าคนตรงหน้าหายตัวไปแล้วจริงๆ เขาก็ตกใจจนถ้วยชาในมือหล่นลงไป
“แล้วคนเล่า? หลิงมู่เอ๋อร์ หลิงมู่เอ๋อร์เจ้าอยู่ที่ใด?”
เขารีบร้อนค้นหาแต่ห้องขนาดใหญ่นั้นล้วนอยู่ในสายตาของเขาทั้งหมด อย่าว่าแต่คนเลยแม้แต่เส้นผมนางสักเส้นก็ยังไม่เห็น
เป็นไปได้อย่างไร?
เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?
สตรีผู้หยิ่งทะนงผู้นั้นเห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่ยังนั่งอยู่ตรงข้ามเขา แต่นางกลับหายไปโดยไม่ส่งเสียงสักคำ เป็นสมบัติลับ ต้องความมหัศจรรย์ของสมบัติลับเป็นแน่
ฮ่า เขาต้องการของสิ่งนี้
“ได้ ข้ารับปากเจ้า”
สิ้นคำพูดองค์ชายเจ็ดก็รู้สึกเพียงความเย็นเยือกข้างหลัง
เขาหันกลับไปก็เห็นเพียงหลิงมู่เอ๋อร์กำลังยืนอยู่ข้างหลังยิ้มและมองมาที่เขาพอดี
ความรู้สึกที่เรียกว่าเสียวสันหลัง วันนี้นับว่าองค์ชายเจ็ดได้เข้าใจอย่างลึกซึ้งแล้ว
เขาหันกลับไปมองพิจารณาเงาสะท้อนของนางบนพื้น เมื่อยืนยันว่านางเป็นคนที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ถอนหายใจโล่งอก “แต่เมื่อข้าส่งพวกเจ้าทุกคนออกจากเมืองหลวงแล้ว หากพวกเจ้าหนีไปข้าจะไปเอาสมบัติลับนั่นจากที่ใดเล่า?”
หลิงมู่เอ๋อร์ยิ้มอย่างจริงใจ “กำลังคนขององค์ชายเจ็ดมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง หากพวกหม่อมฉันหนีไปทางใดก็ย่อมล้วนถูกท่านจัดการ การจะหาหม่อมฉันเจอไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องง่ายดายหรือเพคะ? หรือองค์ชายเจ็ดสงสัยในความสามารถของตัวเองเพคะ?”