เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 10 ตอนที่ 291 ซ่อนตัว
- Home
- เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ?
- เล่มที่ 10 ตอนที่ 291 ซ่อนตัว
เล่มที่ 10 ตอนที่ 291 ซ่อนตัว
“สามหาว!” คำขอของหลิงมู่เอ๋อร์ทำให้ฮ่องเต้โกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก “หรือเจ้าอยากทำลายวังหลวงของเจิ้น เช่นนั้นเจิ้นย่อมต้องเข้าไปแทรกแซง หลิงมู่เอ๋อร์ความกล้าหาญของเจ้ายิ่งใหญ่นัก ด้วยคำขอไร้มารยาทเช่นนี้ของเจ้าย่อมทำให้เจิ้นสามารถปลิดชีวิตเจ้าได้”
หลิงมู่เอ๋อร์กลับยังมีท่าทีไม่รีบไม่ร้อน “นี่คือเงื่อนไขที่ฝ่าบาททรงรับปากหม่อมฉันเมื่อไม่กี่วันก่อน หรือฝ่าบาทเป็นผู้ที่ไม่รักษาสัจจะจริงๆ เพคะ?”
“เจ้า…”
ฮ่องเต้ถูกนางทำให้โกรธจนพูดไม่ออก
หลิงมู่เอ๋อร์กลับทำเพียงเดินไปข้างกายซั่งกวนเซ่าเฉินและจับมือของเขา “คำขอของหม่อมฉันง่ายมากเพคะ เพียงแค่สามารถยืนอยู่เคียงข้างองค์ชายรองได้อย่างผ่าเผย หม่อมฉันเพียงแค่อยากใช้การกระทำพิสูจน์ว่าหม่อมฉันมีค่าพอกับฐานะพระสนมขององค์ชายรองเพคะ”
ด้วยเกรงว่าเสด็จพ่อจะไม่ตอบรับ ซั่งกวนเซ่าเฉินจึงปกป้องนางไว้ข้างหลัง “หากเสด็จพ่อไม่ตอบรับก็ไม่เป็นไรพ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นลูกจะสละตำแหน่งองค์ชายรองด้วยตัวเอง และกลับไปที่หมู่บ้านสกุลหลิงกับมู่เอ๋อร์อีกครา กลายเป็นเพียงสามีภรรยาชาวบ้านยากจนคู่หนึ่ง”
สิ้นคำพูดนี้ฮ่องเต้และหลิงมู่เอ๋อร์ก็ล้วนถูกทำให้ตกตะลึง
ฮ่องเต้คาดไม่ถึงว่าหลิงมู่เอ๋อร์เพียงคนเดียวจะสามารถทำให้ซั่งกวนเซ่าเฉินตัดสินใจอย่างหุนหันเช่นนี้ได้
และหลิงมู่เอ๋อร์ก็คาดไม่ถึงเช่นกันว่าพี่ใหญ่ที่มีความแค้นยิ่งใหญ่อยู่ในใจ และวางแผนมาตลอดหลายปีจะยอมละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวเองได้รับมาอย่างยากลำบากเพียงเพื่อจะได้อยู่ด้วยกันกับนางไปอีกนานแสนนาน
เขาไม่ได้ล้อเล่นจริงหรือ?
แม้จะเป็นพี่ใหญ่คนก่อนนางก็ล้วนไม่อาจรับรองได้ว่าเขาจะยอมละทิ้งหลายสิ่งหลายอย่างของตัวเองเพื่อนางถึงเพียงนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเขายังสูญเสียความทรงจำสามปีนั้นไปจนสิ้น
“เหอะ ในเมื่อพวกเจ้าตอบรับการประลองฝีมือกับอามู่เต๋อไปแล้ว ยังต้องไปคิดให้ดีว่าจะชนะเขาได้อย่างไรเสียก่อน”
ฮ่องเต้ไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพวกเขาเรื่องสถานะองค์ชายอีก กลัวว่าจะไปทำให้ซั่งกวนเซ่าเฉินอารมณ์เสียจนเขาละทิ้งราชบัลลังก์ไปจริงๆ “เรื่องเดิมพันเป็นการตอบรับของพวกเจ้าเอง ส่วนของเดิมพันก็เป็นสิ่งที่พวกเจ้าตัดสินใจเช่นกัน พวกเจ้าจงไปเป็นตัวแทนของแคว้นเทียนเฉาเพื่อไปประลองกับแคว้นซีอวี้เอง หากแพ้แล้วนาง…ต้องถูกส่งไปตบแต่งที่แคว้นซีอวี้ก็อย่าได้มาโทษว่าเจิ้นไม่เตือนพวกเจ้าแล้วกัน”
“เสด็จพ่อโปรดวางใจลูกจะไม่แพ้เด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ!” ซั่งกวนเซ่าเฉินมีสีหน้าเด็ดเดี่ยว
“เช่นนั้นจะกำหนดวันประลองเป็นอีกห้าวันให้หลัง”
หลังออกจากห้องทรงพระอักษร ซั่งกวนเซ่าเฉินก็ยืนกรานจะพาหลิงมู่เอ๋อร์ไปที่ตำหนักองค์ชายของตัวเองด้วยสีหน้าไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง “เจ้าไม่ควรตอบรับคำขอท้าประลองของอามู่เต๋อ มู่เอ๋อร์ข้าเคยบอกว่าข้าสามารถปกป้องเจ้าได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้วิธีเช่นนี้ เจ้าบอกอยู่เสมอว่าข้าหุนหันพลันแล่นแต่ครานี้เป็นเจ้าที่หุนหันเกินไป”
“อย่างไรก็ตอบรับไปแล้วหรือท่านคงมิได้นึกเสียใจภายหลังหรอกกระมัง?” หลิงมู่เอ๋อร์นั่งบนตำแหน่งเจ้าบ้านราวกับเป็นนายหญิงของตำหนักและกำลังกินองุ่นที่อยู่ด้านข้างอยู่ “อาจพูดได้ว่าท่านไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะอามู่เต๋อได้ซึ่งก็ถูก ยามที่อยู่ค่ายทหารท่านสองคนสูสีกันอยู่หลายครา จึงกลัวว่าครานี้ท่านต้องมองดูเขาพาข้ากลับไปแต่งงานที่แคว้นซีอวี้”
“ไม่ได้!” ซั่งกวนเซ่าเฉินถูกกดดันจนร้อนใจในที่สุด “ข้าจะไม่ให้โอกาสเขาได้พาเจ้าไปเด็ดขาด เจ้าเป็นผู้หญิงของข้าซั่งกวนเซ่าเฉิน ไม่ว่าผู้ใดก็ล้วนอย่าได้ต้องการครอบครองเจ้า”
“เช่นนั้นก็ต้องเตรียมตัวประลองให้ดี อามู่เต๋อผู้นี้มีแผนการมากมายแน่นอนว่าต้องพยายามใช้ทุกวิถีทางเพื่อเอาชนะการประลองครั้งนี้ เขาชำนาญเรื่องการใช้ยาพิษที่สุดซึ่งยากที่จะเลี่ยงไม่ให้ทำอันใดบนเวทีประลอง และข้าก็ต้องกลับไปไตร่ตรองเรื่องนี้ให้ดี”
เพิ่งออกจากตำหนักองค์ชายรองมาก็พบแขกไม่ได้รับเชิญผู้หนึ่งบนทางเดิน อามู่เต๋อเอามือทั้งสองข้างไพล่ไว้ข้างหลังยืนอยู่บนทางที่ใช้ออกจากวังหลวง ท่าทางจะรอนางอยู่นานมากแล้ว
“ทำไม ยังไม่ถึงเวลาประลององค์ชายรองแคว้นซีอวี้ก็วางแผนจะบังคับชิงตัวข้าไประหว่างทางแล้วหรือ?” หลิงมู่เอ๋อร์รักษาระยะห่างจากเขาไว้ช่วงหนึ่งเพื่อความปลอดภัย ในมือถือเข็มเงินอาบยาพิษสามเล่มไว้ตลอดป้องกันเผื่อเขาใช้อุบายอันใดขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“เหอะ ข้าแค่อยากมาเตือนเจ้าว่าอย่าพยายามให้เสียแรงเปล่าเลย แม้ซั่งกวนเซ่าเฉินจะชนะข้า แต่เหยาเหยาที่มีสถานะเป็นองค์หญิงผู้มาแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ก็เลือกเขาแล้ว ข้าเดาว่าเจ้าคงไม่อยากให้ผู้ชายของตัวเองไปเสพสุขกับผู้หญิงอื่นด้วยกระมัง?” อามู่เต๋อพูดพลางก้าวเข้ามาใกล้นาง เดินมาครึ่งทางเห็นการเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ ของเขาก่อนจะหยุดยืนอยู่ที่เดิมและมองไปยังดวงตาของนางอย่างชอบใจ
“พูดเช่นนี้คือเจ้ายอมรับว่าเจ้าจะแพ้หรือ?” หลิงมู่เอ๋อร์เลิกคิ้ว “ในเมื่อรู้ว่าสู้เขาไม่ได้ ไม่สู้ข้าไปทูลแก่ฝ่าบาทในยามนี้ว่าการประลองเป็นโมฆะจะดีกว่า เพื่อไม่ให้เมื่อถึงเวลานั้นแล้วองค์ชายรองต้องเสียหน้าดีหรือไม่?”
“สตรีเช่นเจ้านี่ช่าง…” อามู่เต๋อที่เดิมทีมีความสุขถูกคำพูดไม่กี่คำของนางยั่วโทสะขึ้นมา “ยังคงช่างพูดเหมือนเดิมจริงๆ” แต่เพียงพริบตามุมปากของเขาก็เผยรอยยิ้มบ้าคลั่ง “แต่ข้าชอบ!”
“เจ้าชอบอันใดของข้าหรือ?” หลิงมู่เอ๋อร์ยิ้มหยันพิจารณาเขาอย่างระแวดระวัง และศึกษาความคิดของเขาอย่างรอบคอบ “เจ้าอยากได้ข้าก็แค่เพราะสนใจความลับของข้า อามู่เต๋อแม้เจ้าจะได้ข้าไปแต่ก็ไม่อาจรู้ทุกสิ่งที่เจ้าอยากรู้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นคือเจ้าจะไม่ได้ตัวข้าไปแน่!”
นางคิดมานานแล้วว่าหากซั่งกวนเซ่าเฉินแพ้การประลองนี้จริงๆ นางจะหายไปจากสถานที่ที่เคยอยู่ ไม่สินางจะหายไปจากโลกนี้
อามู่เต๋อไม่ใช่ว่าอยากรู้ความลับของนางหรือ เช่นนั้นก็ให้เขาไปลองค้นหาดูแม้เขาจะใช้ทั้งชีวิตค้นหาก็ไม่อาจคาดคิดว่านางมีความลับเพียงหนึ่งเดียวในโลกที่ครอบครองไว้ซึ่งเป็นสิ่งที่เหนือจินตนาการนั่นคือ…มิติเทพ
“ไม่ลองแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าข้าจะสู้ซั่งกวนเซ่าเฉินไม่ได้?” อามู่เต๋อเข้าใจความหมายของนางผิดไป นึกไปว่านางแค่ไม่คิดว่าเขาจะมีความสามารถต่อสู้ได้ “ในสนามรบเขาหาใช่คู่ต่อกรของข้า เขาคิดว่ากลับเมืองหลวงมาจะสามารถสู้ข้าได้หรือ? ข้าสามารถทำให้เขาสูญเสียความทรงจำไปสามปีได้ ข้าก็ย่อมสามารถแย่งชิงผู้หญิงที่ต้องการซึ่งอยู่ในมือเขาไปได้!”
อามู่เต๋อเชื่อมั่นในตัวเองเป็นอย่างยิ่งยามที่พูดคำนี้ก็ชั่วร้ายบ้าคลั่งอย่างถึงที่สุด “แล้วเจ้าเล่า? ถูกต้อง ข้าอยากได้เจ้าก็เพราะความลับของเจ้า ไม่เช่นนั้นเจ้าคิดว่าข้าจะทุ่มเทแรงกายแรงใจมาถึงนี่เพื่ออันใด? หากเป็นความรักระหว่างชายหญิงจริงก็นับว่าน่าขัน!”
หลิงมู่เอ๋อร์เห็นท่าทีดุร้ายของเขาในสายตาก็รู้สึกเพียงว่าขนลุกไปทั่วทั้งร่าง เขาไม่ใช่มนุษย์ เขาบ้าไปแล้ว
“แม้เจ้าจะไม่รู้ว่าความลับของข้าคืออันใดแต่กลับยังต้องการมันหรือ? ข้าเรียกเจ้าว่าองค์ชายรองด้วยความเคารพแต่ข้าก็ขอเตือนเจ้าอย่างจริงใจ ว่าอย่าได้ตายภายใต้คมดาบของซั่งกวนเซ่าเฉินเด็ดขาด เช่นนั้นหากโลกนี้ขาดคนวิปริตเช่นเจ้าไปสักคนคงจะสงบสุขเกินไป!”
หลิงมู่เอ๋อร์สะบัดแขนเสื้อก้าวยาวๆ คิดจะจากไป คาดไม่ถึงว่าทันใดนั้นอามู่เต๋อจะดึงแขนนางบังคับลากนางไปในป่าทึบข้างหลังอย่างเสียสติ
“เจ้าปล่อยข้าเสีย!” เบื้องหน้าคือประตูวังหลวงขอเพียงนางตะโกนองครักษ์ฝั่งตรงข้ามก็จะพุ่งเข้ามา
เขามองเป้าหมายของนางออกนานแล้ว อามู่เต๋อจับข้อมือทั้งสองข้างของนางไว้แน่น “หากเจ้าจะตะโกนเจ้าควรตะโกนให้ดังกว่านี้จะดีกว่า ตะโกนเรียกองครักษ์ทั้งหมดทางด้านนั้นมาเลย แต่ก่อนที่พวกเขาจะมาถึงข้าจะฉีกเสื้อผ้าของเจ้า ถึงครานั้นทุกคนก็ล้วนจะได้รู้ว่าเจ้าประพฤติตัวไม่เหมาะสมมาแอบเจอกับองค์ชายรองแคว้นซีอวี้ในป่าทึบเป็นการส่วนตัว อืม เช่นนั้นการประลองห้าวันหลังจากนี้ก็ตัดทิ้งไปได้เลย ข้าอยากเห็นนักว่าหากเจ้ากลายเป็นสตรีที่มีพฤติกรรมต่ำช้าแล้วซั่งกวนเซ่าเฉินยังจะต้องการเจ้าหรือไม่”
“ถุย!” หลิงมู่เอ๋อร์ถ่มน้ำลายใส่หน้าของเขาเพราะมองการคิดวางแผนในแววตาของเขาออก จึงกลัวว่าเขาจะคิดลองใช้วิธีนี้ขึ้นมา
“เจ้าไม่เพียงแต่หน้าตาอัปลักษณ์น่าเกลียด แต่ยังเป็นสัตว์ประหลาดน่าเกลียดที่ไม่มีใครต้องการ เจ้าคิดว่าแผนของเจ้าจะสำเร็จหรือ?” หลิงมู่เอ๋อร์ยิ้มหยันฉวยโอกาสยามที่อามู่เต๋อไม่ทันระวัง ยกขาข้างหนึ่งขึ้นมาถีบไปตรงระหว่างขาทั้งสองข้างของเขาอย่างรุนแรง
ได้ยินเพียงเสียงร้องอันน่าเวทนา อามู่เต๋อเจ็บปวดจนปล่อยมือทั้งสองข้างของนางออกจากการกักขัง และหลิงมู่เอ๋อร์ก็หลบเลี่ยงสายตาของเขาเข้าไปซ่อนตัวในมิติ
เขาไม่ใช่ว่าอยากรู้ความลับของนางหรือ? เขาไม่ใช่ว่าคาดเดาอยู่ตลอดหรือว่าความลับของนางคืออะไร? นางจงใจแสดงให้เห็นต่อหน้าทำให้เขาสงสัยแต่กลับไม่อาจล่วงรู้
“คนเล่า? คนหายไปไหนแล้ว!”
อามู่เต๋อเห็นสตรีตรงหน้าหายไปต่อหน้าต่อตา ดวงตาทั้งสองข้างของเขาเบิกกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ ข่มความเจ็บปวดไปค้นหาอย่างละเอียดไปด้วย
เพราะเสียงร้องโหยหวนนั้นเป็นตัวดึงดูดองครักษ์ที่เดินลาดตระเวนอยู่ไม่ไกลเข้ามา เห็นองค์ชายรองแคว้นซีอวี้ที่บนร่างสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยใบหน้าแดงก่ำบนหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อ แต่กลับกำลังหาบางสิ่งในป่าทึบ หัวหน้าองครักษ์ที่ร่างกายกำยำตรงเข้าไปอย่างใจกล้า “ไม่ทราบว่าองค์ชายรองแคว้นซีอวี้กำลังหาอันใดอยู่ กระหม่อมสามารถช่วยได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
“หลิงมู่เอ๋อร์ แล้วหลิงมู่เอ๋อร์เล่า? นางหายไปในอากาศเช่นนี้ได้อย่างไร? นางหายไปต่อหน้าข้าได้อย่างไร? พวกเจ้าเห็นนางหรือไม่ บอกความจริงข้ามาว่าพวกเจ้าเห็นนางหรือไม่!” อามู่เต๋อที่ราวกับเสียสติคว้าคอเสื้อของหัวหน้าองครักษ์ไว้แน่นแทบทนไม่ไหวจนจะดึงเขาขึ้นมาจากที่เดิม
แต่ไม่ว่าเขาจะร้องเสียงดังก้องอย่างไรจะตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดอย่างไร ก็ไม่เห็นหลิงมู่เอ๋อร์จริงๆ
เหล่าทหารองครักษ์ที่มาลาดตระเวนพุ่งเข้าไปคิดจะช่วยหัวหน้าองครักษ์ “พวกเราไม่เห็นแม่นางหลิงเลย ขอองค์ชายรองแคว้นซีอวี้โปรดปล่อยมือ”
ร่างท่อนล่างเจ็บเพราะถูกเตะ อามู่เต๋อไร้เรี่ยวแรงไปนานแล้วเขาจึงปล่อยมือโดยพลัน หัวหน้าองครักษ์ที่ถูกโยนทิ้งลงไปราวกับขยะไอออกมาอย่างรุนแรง
อามู่เต๋อกลับไม่เห็นพวกเขาในสายตาแม้แต่น้อย เขาค้นหาในป่านั้นอย่างบ้าคลั่งแต่น่าเสียดายที่หาอย่างไรก็ไม่เจอ
“หายไปแล้ว? ฮ่า นางหายไปจริงๆ หรือ? ข้ารู้อยู่แล้วว่านางมีความลับ ข้ารู้!”
อามู่เต๋อคำรามด้วยความเจ็บแต่กลับหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “มิน่าเล่าเจ้าจึงเอาเข็มเงินออกมาได้ไม่รู้จักหมดจักสิ้น มิน่าเล่าเจ้าจึงมีความสามารถทางการแพทย์ที่เหนือชั้น มิน่าเล่าซั่งกวนเซ่าเฉินจึงยอมตายได้เพื่อที่จะปกป้องเจ้า มิน่าเล่าเจ้าจึงสามารถหายไปจากจวนของข้าได้อย่างไรร่องรอย ข้ารู้ว่าการวิเคราะห์ของข้าถูกต้องเจ้าเป็นสตรีที่มีความลับยิ่งใหญ่บางอย่าง หลิงมู่เอ๋อร์เจ้ารอข้าก่อนเถอะข้าจะต้องได้เจ้ามาแน่นอน ต้องได้มาแน่!”
เหล่าองครักษ์ได้ยินเสียงคำรามของเขา ทั้งยังเห็นหน้ากากเสือครึ่งซีกที่หลุดออกเพราะการตั้งใจค้นหาเผยให้เห็นใบหน้าน่ากลัว คิดว่าเขาคงเสียสติไปแล้วจึงรีบพากันวิ่งหนีไป
หลิงมู่เอ๋อร์ที่หลบอยู่ในมิติมองอามู่เต๋อที่เสียสติอย่างรู้สึกขัน เห็นเขาเฝ้าค้นหาความลับของนางทั้งยังคลุ้มคลั่งเสียสตินางก็คิดใคร่ครวญอยู่ในใจ
ยามที่หลบซ่อนอยู่ในมิตินางจงใจเคลื่อนตัวไปเบื้องหน้าของอามู่เต๋อ กล่าวเสียงเย็นยะเยือกข้างหูของเขา “เจ้ากำลังหาข้าอยู่หรือ?”
อามู่เต๋อที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาค้นหาเมื่อได้ยินเสียงนางก็ตกตะลึง เขาหันกลับไปแต่ในสายตาก็ยังเห็นเพียงความว่างเปล่า นอกจากต้นไม้และป่าทึบก็หาได้มีอันใดอีก “หลิงมู่เอ๋อร์ หลิงมู่เอ๋อร์เจ้าอยู่ที่ใด เจ้าออกมาให้ข้าเห็นเสีย”
“หากเจ้าหาข้าพบ ข้าจะออกมาเอง พยายามเข้าองค์ชายรอง”
หลิงมู่เอ๋อร์จงใจเปลี่ยนทิศทางอีกครามาอยู่ด้านข้างเขา อามู่เต๋อได้ยินเสียงก็หันกลับไปยื่นมือออกไปคลำหา แต่น่าเสียดายนางที่ซ่อนตัวอยู่ในมิติเทพก็เหมือนลูกทรงกลมโปร่งใส นางสามารถมองเห็นเขาได้แต่เขาทำอย่างไรก็ไม่อาจจับต้องนางได้
เขาไม่ใช่ว่าอยากรู้ความลับของนางหรือ? เช่นนั้นก็ค่อยๆ หาไป ค่อยๆ คาดเดาไปเถอะ
ได้ยินเพียงเสียงแต่กลับมองไม่เห็นคน อามู่เต๋อทั้งตื่นเต้นทั้งมีโทสะ “เจ้าออกมาเสีย บอกข้ามาว่าตกลงแล้วเกิดเรื่องอันใดขึ้นหลิงมู่เอ๋อร์!”