เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 10 ตอนที่ 284 เทียนหมา
- Home
- เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ?
- เล่มที่ 10 ตอนที่ 284 เทียนหมา
เล่มที่ 10 ตอนที่ 284 เทียนหมา
ได้ยินคำว่าฆาตกรสามพยางค์นี้หลินอวี่เตี๋ยก็หมุนกายหันกลับไปอย่างแรง หลังจากเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาก็เห็นผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าได้อย่างชัดเจน
“หลิงมู่เอ๋อร์เหตุใดจึงเป็นเจ้า?”
“แล้วเหตุใดจึงไม่อาจเป็นข้าเล่า?” หลิงมู่เอ๋อร์วางกล่องยาก่อนจะเดินตรงไปหาหวางโฮ่ว น่าเสียดายที่ยังไม่ทันได้นั่งลงข้างเตียง คนก็ถูกหลินอวี่เตี๋ยที่ตั้งท่าใช้อำนาจบาตรใหญ่ผลักออกไปเสียก่อน
“เจ้าอย่าได้มาแตะต้องท่านป้าของข้า” หลินอวี่เตี๋ยกล่าวอย่างไร้เหตุผล
นางกำนัลคนสนิทอยากจะพูดบางสิ่งแต่กลับถูกหลินอวี่เตี๋ยขัดจังหวะ “ช่างดีนักหลิงมู่เอ๋อร์ คาดไม่ถึงว่าจะแอบเข้ามาถึงตำหนักบรรทมของท่านป้า เจ้ามาทำอันใด? หรือจะมาวางยาพิษท่านป้า?”
สายตาของหลินอวี่เตี๋ยมองไปยังกล่องยาของนางอย่างวาวโรจน์ ราวกับว่ากล่องยาที่วางอยู่บนพื้นอย่างสงบหาใช่กล่องยาแต่เป็นของอันตรายยิ่ง นางยังก้าวถอยหลังไปข้างหลังอย่างขี้ขลาด “เจ้ามาวางยาพิษท่านป้าอย่างที่คิดจริงๆ”
“ดูท่าคราก่อนที่ตกลงไปในทะเลสาบน้ำจะเข้าหัวไปไม่น้อย ทำให้แม่นางหลินเกิดอาการของโรคหลงผิด ผู้ใหญ่ย่อมไม่ถือสาผู้น้อย [1] หากมีเวลาข้าสามารถไปดูอาการท่านที่จวนได้ขอเพียงจ่ายค่าตรวจอาการก็พอ”
“เจ้ากล้าบอกว่าข้าป่วยหรือ” หลินอวี่เตี๋ยถูกคำพูดของนางทำให้ความโกรธปะทุออกมา “ถุย หลิงมู่เอ๋อร์เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร แค่มีความรู้เรื่องทักษะการแพทย์แบบแมวสามขา ยังกล้าจะมาโอ้อวดต่อหน้าข้า ข้าดูแล้วเจ้ามิได้มาเพื่อรักษาท่านป้าของข้า แต่มาลอบสังหารนางต่างหาก!”
หลินอวี่เตี๋ยสั่งนางกำนัลข้างกาย “เจ้ารีบไปกราบทูลฝ่าบาทเสียว่าหลิงมู่เอ๋อร์ผู้นี้คิดจะมาลอบสังหารท่านป้า รีบให้ฝ่าบาทมาจับนางเร็ว”
นางกำนัลไม่เพียงแต่ไม่ขยับกลับยังมีสีหน้าลำบากใจ “คุณหนูหลิน คือ…แม่นางหลินผู้นี้เป็นฝ่าบาทที่ส่งให้มารักษาเหนียงเหนียง ท่านไม่รู้ก็อย่าทำให้นางขุ่นเคืองเลยเจ้าค่ะ”
“ข้าไม่รู้หรือ?” วันนี้หลินอวี่เตี๋ยถูกคนทำให้อับอายไปถึงสองคราแล้ว ความโกรธที่มีมานานแล้วจึงปะทุออกมา “ทั้งใจของข้าปรารถนาดีต่อท่านป้า ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไร? ยามที่ได้ยินว่าท่านป้าถูกวางยาพิษข้าก็รีบเร่งรุดมาทันที อ๋อ ข้าเข้าใจแล้ว คนที่วางยาพิษต้องเป็นนางอย่างแน่นอน”
หลินอวี่เตี๋ยหมุนกายแขนยาวชี้ไปทางหลิงมู่เอ๋อร์ “ก่อนหน้านี้เจ้าก็วางยาพิษองค์หญิงเหลียนเอ๋อร์ทำร้ายนางจนเกือบกลายเป็นบ้า มายามนี้ยังคิดจะเริ่มวางแผนทำร้ายท่านป้าของข้าอีกหรือ? เจ้าผูกใจเจ็บที่วันนั้นท่านป้าสงสัยว่าเจ้าผลักข้าตกลงไปในทะเลสาบจึงต้องการแก้แค้น หลิงมู่เอ๋อร์เจ้าช่างจิตใจโหดเหี้ยมนัก!”
หลินอวี่เตี๋ยพูดจบก็สั่งเหล่าองครักษ์ที่อยู่ด้านนอก “ทหารมีคนคิดลอบสังหารหวางโฮ่ว มาจับนางให้ข้าเสีย!”
องครักษ์ข้างนอกไม่รู้สถานการณ์ด้านใจอย่างชัดเจน พวกเขาได้ยินเพียงเสียงร้องของหลินอวี่เตี๋ยจึงพุ่งเข้ามาตรงไปหาหลิงมู่เอ๋อร์
หลิงมู่เอ๋อร์ยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ เพียงแค่เผยกำไลที่ข้อมือออกมาอย่างไม่ตั้งใจและยิ้มมองเหล่าองครักษ์ “พวกท่าน…จะจับข้าหรือ?”
นางถึงขั้นชี้นิ้วมาที่ใบหน้าของตัวเอง ทำให้ทุกคนสามารถเห็นกำไลที่ข้อมือของนางได้อย่างชัดเจน
เหล่าองครักษ์เห็นเช่นนั้นก็คุกเข่าลงบนพื้นตะโกนขึ้นมาทันที “ขอฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นหมื่นปี”
หลินอวี่เตี๋ยยังไม่เข้าใจสถานการณ์นางมองไปซ้ายทีขวาที “ฝ่าบาทอันใด ฝ่าบาทอยู่ที่ใดกันพวกเจ้าตาบอดไปแล้วหรือ?”
มองหลิงมู่เอ๋อร์อีกคราหลินอวี่เตี๋ยก็พ่นลมหายใจอย่างโกรธเคืองพลางจ้องมองนาง “ช่างดีนักหลิงมู่เอ๋อร์ เจ้าให้ยาเสน่ห์อันใดแก่เหล่าองครักษ์ ถึงทำให้พวกเขาพูดโกหกอย่างหน้าไม่อายเช่นนี้ ข้าขอเตือนว่าที่นี่คือห้องบรรทมของหวางโฮ่วเหนียงเหนียงเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาวุ่นวาย!”
“หากข้ามียาวิเศษเช่นนั้นจริงย่อมให้ท่านได้ลองเป็นคนแรก” หลิงมู่เอ๋อร์มองด้วยสายตาเหยียดหยาม “แน่นอนว่าฝ่าบาทมิได้อยู่ที่นี่ แต่มีสิ่งนี้ก็เหมือนฝ่าบาททรงมาด้วยพระองค์เอง”
พูดจบหลิงมู่เอ๋อร์ชูมือขวานางกำนัลคนสนิทของหวางโฮ่วเห็นเช่นนั้นก็รีบคุกเข่าลงบนพื้นทันที และตะโกนเสียงดังเหมือนเหล่าองครักษ์เมื่อครู่อีกครา “ขอฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นหมื่นปี”
หลินอวี่เตี๋ยตะลึงงันอย่างยิ่งยวด “พวกเจ้า…พวกเจ้าล้วนถูกนางผู้หญิงจองหองผู้นี้ใช้มนต์ดำอันใดกัน? พวกเจ้าลุกขึ้นมาให้หมดที่นี่หาได้มีฝ่าบาท เหตุใดพวกเจ้าต้องคุกเข่าให้นาง?”
“แม่นางหลินท่านก็ต้องคุกเข่าด้วยเจ้าค่ะ!” นางกำนัลดึงชายชุดของหลินอวี่เตี๋ย เป็นสัญญาณว่านางก็ต้องถวายความเคารพต่อหลิงมู่เอ๋อร์เช่นกัน
หลินอวี่เตี๋ยมึนงง “จะให้ข้าคุกเข่าให้นางหรือ? เหอะช่างไร้สาระเสียจริง นางเป็นแค่หญิงชาวบ้านผู้หนึ่ง ส่วนข้าเป็นคุณหนูใหญ่แห่งจวนสกุลหลิน หวางโฮ่วเหนียงเหนียงเป็นท่านป้าของข้า จะให้ข้าคุกเข่าให้คนต่ำต้อยเช่นนางหรือ เป็นไปไม่ได้!”
“ได้ ท่านไม่ต้องคุกเข่าก็ได้แต่จะมีคนจัดการท่านโทษฐานหมิ่นเบื้องสูง”
หลิงมู่เอ๋อร์พูดดวงตาทั้งสองข้างจ้องมองไปยังองครักษ์ที่คุกเข่าอยู่เบื้องหลัง “พวกท่านว่าถูกหรือไม่?”
เหล่าองครักษ์มองหน้ากันไปมาก่อนจะลุกขึ้นเข้าไปบังคับกดนางลงพื้นทันที
“พวกเจ้าทำอันใด พวกจ้าปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!”
หลินอวี่เตี๋ยดิ้นรนขัดขืนไม่หยุดจนถูกคนเตะที่ขาข้างหนึ่งอย่างแรง ทำให้ต้องคุกเข่าต่อหน้าหลิงมู่เอ๋อร์อย่างไม่เต็มใจ
ในยามนี้นางก็ยังไม่เข้าใจสถานการณ์อย่างชัดแจ้ง นางตะโกนใส่หลิงมู่เอ๋อร์อย่างโกรธเกรี้ยว “หลิงมู่เอ๋อร์นางปีศาจเช่นเจ้านึกไม่ถึงว่าจะกล้าใช้มนต์ดำในวังหลวง”
หลิงมู่เอ๋อร์ชื่นชมวงจรสมองของนางเป็นอย่างยิ่ง แม่นางผู้นี้ต้องเติบโตขึ้นมาในสภาพแวดล้อมเช่นไรจึงไร้เดียงสาจนน่าขันถึงเพียงนี้?
“แม่นางหลินท่านอย่าได้พูดจาไร้สาระอีก ที่พวกเราคุกเข่าไม่ใช่เพราะแม่นางหลิง แต่เป็นเพราะกำไลที่ข้อมือของนาง นั่นเป็นสิ่งที่ใช้แสดงความรักซึ่งถูกมอบให้อดีตหวางโฮ่ว ในยามนั้นที่ฝ่าบาททรงแต่งตั้งหวางโฮ่วขึ้นมาเคยตรัสกับเหล่าขุนนางว่า เมื่อเห็นกำไลนี้จงปฏิบัติเหมือนเห็นฝ่าบาทเอง”
ได้ยินคำพูดของนางกำนัลหลินอวี่เตี๋ยก็สงบสติความอารมณ์ลงได้ นางมองกำไลข้อมือเนื้อดีบนข้อมือขาวของหลิงมู่เอ๋อร์อย่างตกตะลึง หลังจากเข้าใจก็ถวายความเคารพแก่กำไลนั้น ทว่าความจริงในใจก็ยังรู้สึกอิจฉา
หลิงมู่เอ๋อร์สมควรตายนัก เหตุใดนางจึงมีวาสนาได้รับกำไลอันน่าเกรงขามนั้นได้ หากกำไลนั้นเป็นของนาง เช่นนั้นในภายภาคหน้านางก็สามารถเดินเข้าวังหลวงได้ตามใจใช่หรือไม่?
“ดูเหมือนในยามนี้คุณหนูหลินจะเข้าใจสถานการณ์ชัดเจนแล้วกระมัง? เช่นนั้นรบกวนหลีกทางด้วย ข้ายังต้องไปรักษาหวางโฮ่วต่อ” หลิงมู่เอ๋อร์ใช้รอยยิ้มที่ตัวเองรู้สึกว่าอ่อนโยนยิ่งส่งไปให้หลินอวี่เตี๋ย
พูดจบก็มีองครักษ์ก้าวไปข้างหน้าและลากหลินอวี่เตี๋ยออกไป
“เจ้า…เจ้าอย่าได้จองหองนักเลยนี่ไม่ใช่เพราะกำไลอันนั้นหรือ? เจ้าเอาขนไก่ไปทำลูกศร [2] เช่นนี้อย่างเจ้ามันนับเป็นคนเช่นไรกัน!”
หลินอวี่เตี๋ยโกรธมากเกินไปและเกรี้ยวกราดเกินไป ดังนั้นคำที่พูดออกมากับหลิงมู่เอ๋อร์จึงเป็นคำพูดที่หยาบคายเช่นนี้
เดิมทีหลิงมู่เอ๋อร์ไม่คิดจะโต้เถียงกับนางแต่กลับอดไม่ได้ที่จะโต้เถียงออกไป
“หากไม่ใช่เพราะกำไลนี้หรือ?” หลิงมู่เอ๋อร์ย้ำคำพูดของนางอีกคราก้าวเข้าไปใกล้นางทีละก้าว
หลินอวี่เตี๋ยเพราะถูกคนจับกุมไว้จึงไม่มีหนทางดิ้นรนให้หลุด แต่เมื่อเห็นสายตาชั่วร้ายของหลิงมู่เอ๋อร์ที่มองมานางก็ตกใจจนขนลุกขึ้นมาทั้งร่าง คำที่พูดล้วนตะกุกตะกัก “เจ้า…เจ้าจะทำอันใดกับข้า? ข้า…ข้าขอเตือนเจ้าว่าอย่ามาได้มายุ่งกับข้าจะดีกว่า”
“ท่านเป็นคุณหนูใหญ่แห่งจวนสกุลหลิน ข้าเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาจะกล้าไปยุ่งวุ่นวายกับท่านได้อย่างไร” รอยยิ้มของหลิงมู่เอ๋อร์บริสุทธิ์งดงาม เพียงแต่คำที่พูดออกมานั้นกลับเย็นยะเยือกยิ่งกว่าปีศาจจากขุนนรก “ข้าแค่อยากให้ท่านรู้ว่าจะเกิดอันใดขึ้นเมื่อมาดูหมิ่นของศักดิ์สิทธิ์”
หลิงมู่เอ๋อร์หันหน้าไปมองนางกำนัลคนสนิทของหวางโฮ่วโดยพลัน “ท่านคงเป็นคนเก่าคนแก่ของวังหลวง แน่นอนว่าย่อมคุ้นเคยกับกฎเกณฑ์ของวังหลวง ขอบังอาจถามท่านว่าการดูหมิ่นของศักดิ์สิทธิ์ต้องได้รับโทษเช่นไร?”
นางกำนัลที่ถูกเรียกตัวสั่นเทา หากเป็นปกติอาจสามารถไม่ตอบคำถามของหลิงมู่เอ๋อร์อย่างครบถ้วนได้ แต่นางมีกำไลของฮ่องเต้อยู่ในมือ ของสิ่งนั้นเปรียบได้กับป้ายทองที่ใช้เลี่ยงความตาย นางจำต้องบอกความจริง “เรียน เรียนแม่นาง การดูหมิ่นของศักดิ์สิทธิ์ของราชวงศ์ตามกฎของวังหลวง โทษสถานเบาคือโบยห้าสิบไม้ โทษสถานหนักคือตัดหัวเจ้าค่ะ”
นางกำนัลพูดจบหลินอวี่เตี๋ยที่เมื่อครู่ยังดิ้นรนก็ราวกับลูกบอลถูกปล่อยลม หลังจากมองใบหน้าเล็กๆ ของนางก็ดิ้นรนขึ้นมาอีกคราทันที
“เจ้าฆ่าข้าไม่ได้หรอก หลิงมู่เอ๋อร์เจ้าไม่มีสิทธิ์มาฆ่าข้า ข้าจะไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท พวกเจ้าให้ข้าไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทเดี๋ยวนี้”
“ฝ่าบาทงานหลวงรัดตัวไม่ใช่ว่าใครก็ล้วนเข้าเฝ้าได้ ท่านวางใจเถอะข้าฆ่าท่านไม่ได้หรอก ข้าไม่เหมือนใครบางคนที่จะตะโกนว่าฆ่าให้ตายอยู่ตลอด เอาอย่างนี้เถอะ เช่นนั้นก็จัดการลงโทษตามโทษสถานเบาที่สุด”
นางพูดด้วยท่าทีสบายๆ น้ำเสียงไม่ดังไม่เบาแต่กลับรู้สึกได้ถึงอำนาจที่มากล้น
“ขอรับแม่นาง” องครักษ์ที่ได้รับคำสั่งพยักหน้าพร้อมกันก่อนจะลากหลินอวี่เตี๋ยออกไปทันที
จากนั้นไม่นานข้างนอกก็มีเสียงร้องโหยหวนของหลินอวี่เตี๋ยดังขึ้น
ในยามนี้หลิงมู่เอ๋อร์ถอนพิษให้หวางโฮ่วไปพลาง มองไปนอกหน้าต่างอย่างมีความรับผิดชอบไปพลาง หางตาก็เห็นใบหน้าทุกข์ใจของนางกำนัล นางจึงขมวดคิ้ว “ดูเหมือนท่านจะปวดใจแทนคุณหนูใหญ่หลินมากทีเดียว หรือคิดว่าข้าลงโทษหนักเกินไป?”
นางกำนัลที่ถูกเรียกตกใจกลัวขึ้นมาโดยพลัน รีบเก็บความคิดกลับมา “ข้าน้อยมิกล้า เป็นคุณหนูใหญ่หลินดูหมิ่นของศักดิ์สิทธิ์ก่อน หลังจากนั้นยังดูหมิ่นแม่นาง ท่านจะสั่งสอนนางก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้วเจ้าค่ะ แม่นางหาได้ทำอันใดผิด แม่นางทำถูกแล้วเจ้าค่ะ”
“หืม? ในเมื่อท่านคิดว่าข้าทำถูก เช่นนั้นหลังจากหวางโฮ่วฟื้นแล้วขอให้ท่านช่วยรายงานเรื่องนี้ให้เหนียงเหนียงทรงทราบด้วย ไม่เช่นนั้น…” คำพูดของหลิงมู่เอ๋อร์ยังไม่ทันจบ นางกำนัลก็คุกเข่าลงพื้นโดยพลัน
“ข้าน้อยมิกล้าพูดจาไร้สาระ ข้าจะรายงานเรื่องทั้งหมดที่เห็นในวันนี้แก่เหนียงเหนียง เหนียงเหนียงย่อมไม่ทำให้แม่นางไม่ได้รับความไม่เป็นธรรมแน่นอนเจ้าค่ะ”
นางกำนัลกล่าวโดยที่สังเกตเห็นประเด็นสำคัญของหลิงมู่เอ๋อร์ “แม่นาง เมื่อครู่แม่นางบอกว่าเหนียงเหนียงใกล้ฟื้นแล้วหรือเจ้าคะ?”
แน่นอนว่ามีนางอยู่พิษของหวางโฮ่วจะนับเป็นอันใดได้ ขอเพียงนางเต็มใจทำยามนี้อีกฝ่ายย่อมฟื้นขึ้นมาแล้ว แต่นางต้องการยื้อเวลาให้ซูเช่อและซั่งกวนเซ่าเฉิน
“หากมีเพียงหญ้าไส้ขาดในยามนี้เหนียงเหนียงย่อมฟื้นขึ้นมาแล้ว น่าเสียดายที่ก่อนหน้านี้นางได้รับพิษอื่นด้วย พิษนี้มีฤทธิ์รุนแรงหากจะแก้พิษทั้งหมดต้องใช้ระยะเวลาอีกพักหนึ่งแต่ก็อีกไม่นานแล้ว”
เมื่อได้รับคำตอบที่แน่นอนนางกำนัลก็สูดลมหายใจเข้าลึก มองสายตาของหลิงมู่เอ๋อร์ที่มีความอ่อนโยนอยู่หลายส่วน “ขอบคุณเป็นอย่างยิ่งเจ้าค่ะแม่นาง แม่นางเป็นพระพุทธองค์มาจุติบนโลกโดยแท้ แม่นางช่างเป็นแม่พระจริงๆ หลังจากหวางโฮ่วเหนียงเหนียงฟื้นขึ้นมาจะต้องรู้สึกขอบคุณแม่นางอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”
“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ ข้าเพียงทำตามรับสั่ง ฝ่าบาททรงรับสั่งข้าก็ไม่อาจไม่ทำตามได้ แต่เหนียงเหนียงที่อยู่ในวังหลังเหตุใดจึงถูกคนวางยาพิษจากเทียนหมาได้?” นางเปิดปากพูดอย่างสบายๆ ก่อนจะได้ยินคำพูดของนางกำนัลที่ไม่คิดว่าจะได้ยินตอบกลับมา “ท่านรู้ได้ว่าอย่างไรว่าเป็นเทียนหมา?”
พูดจบนางก็รู้สึกเสียใจภายหลังอย่างยิ่ง แต่คำที่พูดออกไปแล้วก็เหมือนน้ำที่สาดออกไป ในยามนี้อยากเอากลับมาก็สายไปแล้ว
หลิงมู่เอ๋อร์ยิ้มก่อนเข้าไปใกล้นาง “ใช่ คำพูดนี้ควรเป็นข้าถามท่าน เหตุใดท่านจึงรู้ว่าเป็นเทียนหมา? เหตุใดเหนียงเหนียงจึงถูกพิษจากเทียนหมาได้?”
สุดท้ายแล้วนางกำนัลผู้นี้ก็เป็นคนเก่าคนแก่ที่อยู่ข้างกายหวางโฮ่ว ความสามารถในการเรียกสติกลับสู่สภาพปกติก็สูงกว่าคนทั่วไปเช่นกัน นางส่ายหน้าปฏิเสธทันที “ข้า…ข้าเพียงแค่สงสัยว่าสิ่งใดคือเทียนหมา ข้าน้อยไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออันใด” รู้อยู่แล้วว่านางย่อมไม่ยอมรับ หลิงมู่เอ๋อร์ไม่คิดว่าจะได้ยินอันใดจากปากนางอีก เรื่องที่ควรตรวจสอบนางก็ตรวจสอบแล้ว เรื่องการสืบสวนต่อไปล้วนเป็นหน้าที่ของราชวงศ์
ในยามนี้ข้างนอกโบยจบสามสิบไม้แล้ว หลินอวี่เตี๋ยนอนคว่ำสภาพร่อแร่อยู่บนเก้าอี้ราวกับใกล้ตายเต็มที
เมื่อเห็นหลิงมู่เอ๋อร์ หลินอวี่เตี๋ยก็ราวกับพบศัตรู “หลิงมู่เอ๋อร์เจ้าคอยดูเถอะ ข้า…ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!”
“หืม? ขอบังอาจถามคุณหนูใหญ่หลินว่าคิดจะไม่ปล่อยข้าไปแล้วจะทำอย่างไรหรือ? น่าเสียดายอย่าว่าแต่ท่านเลย เกรงว่าแม้แต่บิดาของท่านใต้เท้าหลินก็ล้วนไม่อาจแตะต้องข้าได้แม้แต่น้อย จะทำอย่างไรเล่า ข้าชอบท่าทียามที่ท่านมองข้าไม่วางตาแต่กลับไม่อาจฆ่าข้าได้”
เชิงอรรถ
[1] ผู้ใหญ่ย่อมไม่ถือสาผู้น้อย หมายถึง ผู้ที่มีสถานะสูงกว่ายกโทษให้ความผิดพลาดของผู้ที่มีสถานะต่ำกว่า
[2] เอาขนไก่ไปทำลูกศร หมายถึง การหาเหตุผลมาอ้างในการใช้กำลังของผู้มีอำนาจ