เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 10 ตอนที่ 282 แลกเปลี่ยน
- Home
- เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ?
- เล่มที่ 10 ตอนที่ 282 แลกเปลี่ยน
เล่มที่ 10 ตอนที่ 282 แลกเปลี่ยน
ตนเองถูกสตรีผู้นี้คาดเดาความคิดทั้งหมดได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ซูเช่อขมวดคิ้วมุ่นแต่เขาก็เงยหน้าขึ้นอย่างเย็นชา “เจ้าจะคาดเดาอย่างไรแล้วเรื่องนี้มันเกี่ยวอันใดกับข้า? เจ้ายังมิได้ตอบคำถามเมื่อครู่ของเปิ่นหวาง เจ้ามีสถานะอันใดจึงมาซักไซ้ข้า?”
“อยากให้ข้าตอบคำถามของท่านหรือ ได้! แต่ท่านต้องตอบมาก่อนว่าเหตุใดต้องผลักไสข้า!?”
หลิงมู่เอ๋อร์เย็นชายิ่งกว่าเขา หน้าอกของนางกระเพื่อมขึ้นลงเห็นได้ชัดว่านางมีท่าทีไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง “ยามที่ข้ามาถึงจวนเสียนหวางเมื่อเช้าท่านก็อยู่ในจวนใช่หรือไม่? เมื่อครู่ความจริงคือท่านกลับมาแล้วแต่ก็กระโดดออกไปจากประตูข้าง ท่านผลักไสข้าไม่อยากให้ข้าเข้ามาพัวพันด้วย เพราะท่านรู้ว่าหวางโฮ่วจะไม่มีทางรามือจากท่านที่เปิดโปงนาง นางอยากเล่นงานท่าน แน่นอนว่าย่อมเริ่มลงมือกับข้าก่อน แต่ท่านควรรู้ไว้ว่าในยามนี้มันสายเกินไปที่ท่านจะมาทำตัวห่างเหินกับข้าแล้ว ท่านคิดว่าหากท่านกับข้าแสร้งทำเป็นไม่รู้จักกันแล้วนางจะไม่จัดการกับข้าหรือ?”
เสียงของหลิงมู่เอ๋อร์ดังขึ้นเรื่อยๆ เพราะอยากให้รู้ว่าพวกเขาลงเรือลำเดียวกันแล้ว แม้เขาจะกระโดดลงจากเรือในยามนี้คนรอบข้างก็เคยเห็นนางอยู่บนเรือแล้วเช่นกัน
“เรื่องนี้ข้าจะแก้ไขเอง ส่วนเจ้าหลังจากนี้อย่าได้มาที่จวนเสียนหวางอีก!”
ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งซูเช่อก็ยังยืนกรานในการตัดสินใจของตัวเอง สะบัดแขนเสื้อด้วยท่าทีเด็ดขาด
หลิงมู่เอ๋อร์มิได้ขัดขวางปล่อยให้เขาเดินไปถึงประตู นางนั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้อย่างสบายอกสบายใจ “เสียนหวางมีแผนการปราดเปรื่องแต่น่าเสียดายที่ธรรมะสูงหนึ่งฉื่อความชั่วร้ายสูงหนึ่งจั้ง [1] มีบางคนที่คาดเดาไว้แล้วว่าท่านมีเจตนาลงมือฆ่าดังนั้นจึงเตรียมการไว้ก่อนแล้ว เกรงว่าการกระทำนี้ของท่านจะเป็นการยกหินขึ้นมาทว่ากลับหล่นทับเท้าตัวเอง [2]”
ร่างของซูเช่อที่กำลังจะจากไปหยุดอยู่ที่เดิมโดยพลันและหันกลับมามอง “คำพูดนี้ของเจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
“ในตำหนักบรรทมของหวางโฮ่วเหนียงเหนียง ยามที่ฝ่าบาทซักไซ้นางกำนัลคนสนิทที่อยู่ข้างกายเหนียงเหนียงท่านก็อยู่ด้วย คำพูดเหล่านั้นของนางท่านก็ย่อมได้ยินแล้ว อีกทั้งเหนียงเหนียงมิเพียงถูกวางยาพิษด้วยหญ้าไส้ขาดในช่วงเวลานั้นยังมีพิษอื่นอยู่ด้วย บางทีนางอาจเดาได้ว่าพวกท่านจะลงมือจึงจงใจกินยาพิษอื่นลงไปเพื่อดึงดูดความสนใจของฝ่าบาทให้มาทวงความเป็นธรรมเพื่อนาง หรือบางทีนางอาจไม่รู้ว่าท่านจะลงมือในยามนั้นพอดี ดังนั้นแผนการทั้งหมดของนางจึงยุ่งเหยิงจนนางหลับใหลไม่ฟื้นขึ้นมา แต่นางคือหวางโฮ่วองค์ปัจจุบันของราชวงศ์ หากฝ่าบาทยังไม่ปลดนางออกจากตำแหน่งนางก็ยังคงเป็นหวางโฮ่วอยู่ นางถูกวางยาพิษเช่นนี้เป็นเรื่องที่ทำลายความน่าเกรงขามของแคว้น ฝ่าบาทต้องสืบสาวราวเรื่องให้ถึงที่สุดแน่นอน ยามที่หวางโฮ่วเหนียงเหนียงฟื้นขึ้นมาย่อมไปหาฝ่าบาทเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม ท่านลองเดาดูเถิดว่าความโกรธเกรี้ยวก่อนหน้านี้ทั้งหมดฝ่าบาทจะกลายเป็นความสงสารหรือไม่ และจะเปิดโอกาสให้ทางรอดแก่นางหรือไม่?”
หลิงมู่เอ๋อร์ทอดถอนใจ “ถึงครานั้นฝ่าบาทมีแต่จะส่งคนไปเพิ่มเพื่อสืบหาตัวคนร้ายที่ลอบฆ่าหวางโฮ่ว แต่มีหวางโฮ่วเป่าลมอยู่ข้างหมอน [3] ท่านลองเดาดูเถิดว่าฝ่าบาทจะสงสัยเสียนหวางหรือไม่?”
ซูเช่อหมุนกายหมัดที่กำแน่นเผยให้เห็นกระดูกขาวเรียงตัว แม้เขาจะโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างยิ่งถึงเพียงนี้ทว่าเมื่อเห็นสายตาซุกซนของหลิงมู่เอ๋อร์เขาก็ผ่อนคลายลงทันที “ซั่งกวนเซ่าเฉินต้องการปกป้องเจ้าย่อมช่วยข้าแน่นอน ดูท่าเขาคงมีแผนรับมือแล้ว”
หลิงมู่เอ๋อร์ชื่นชมในความเฉลียวฉลาดและมีไหวพริบของซูเช่อเป็นอย่างยิ่ง ไม่รู้เพราะเหตุใดนางจึงนึกถึงคราแรกที่พบกับเขาขึ้นมาโดยพลัน
ในยามนั้นเขามีดาบเล่มหนึ่งอยู่ที่อกชีวิตกำลังตกอยู่ในอันตราย แต่หลังจากเขาฟื้นขึ้นมาใบหน้าสุนัขจิ้งจอกนั้นเมื่อเห็นใครก็ล้วนยิ้มให้ช่ำชองเรื่องการเก็บหางตัวเองนัก
แม้ในยามนี้เขาจะยังมีสายตาเจ้าเล่ห์เช่นกาลก่อนแต่สถานะทั้งหมดของเขาเปลี่ยนไปนานแล้ว
เขาไม่ใช่จวิ้นอ๋องน้อยซูอีกแล้ว ในยามนี้เขาคือเสียนหวางผู้สูงศักดิ์
เขาเคยถูกคนเอาเรื่องสถานะมาพูดกลายเป็นเรื่องน่าหัวเราะของเมืองหลวง แต่ในยามนี้เขาสามารถจัดการเรื่องทั้งหมดได้ด้วยตัวเองเพียงลำพังโดยเงื่อนไขแรกคือการแก้แค้นให้สำเร็จ
“หลังจากนี้เขาย่อมส่งคนมาติดต่อกับท่าน แน่นอนว่าหากท่านไม่ไปพบก็เป็นเรื่องของพวกท่านแล้ว” หลิงมู่เอ๋อร์ไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระแสดงท่าทีว่ามิได้สนใจอันใดว่าซั่งกวนเซ่าเฉินจะร่วมมือกับเขา
นางเป็นหมอสิ่งที่นางสนใจที่สุดแน่นอนว่าเป็นเรื่องหญ้าไส้ขาดที่เขามี
“ท่านยังไม่ตอบข้าเลยว่าท่านไปเอาหญ้าไส้ขาดมาจากที่ใด?”
“ไม่รู้ว่าแม่นางพูดเรื่องอันใดเปิ่นหวางฟังไม่เข้าใจ” ซูเช่อกลับไปนั่งบนที่นั่งอีกคราเรียบร้อยก็ยังคงมีท่าทีเย็นชา ราวกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนไม่เกี่ยวข้องกับเขาและคนที่นั่งอยู่ในห้องนี้ก็หาได้เป็นคนที่เขาสนใจ
“ข้าไม่สนว่าท่านจะหามาด้วยตัวเองหรือไท่จื่อเป็นผู้มอบให้ท่าน ในฐานะสหายข้าหวังว่าท่านจะไม่ทำเรื่องมุทะลุเช่นนี้อีกเป็นครั้งที่สอง” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ “ดูเหมือนเสียนหวางจะมิยินดีต้อนรับข้าเช่นนั้นข้าขอตัวลา”
หลังจากสบสายตากับเขาหลิงมู่เอ๋อร์ก็ตัดสินใจเดินจากไป เพียงชั่วพริบตาก็มาอยู่กลางเรือนแล้ว
ทันใดนั้นร่างของซูเช่อก็ทะยานไปอย่างรวดเร็วราวกับลมกรรโชกลงมาอยู่เบื้องหน้านางได้สำเร็จ แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังคิดไม่ถึงนี่เป็นเพียงความคิดชั่ววูบแต่เขาก็ทำมันลงไปแล้ว
“สุนัขที่ดีย่อมไม่ขวางทาง [4] มิใช่หรือ?” หลิงมู่เอ๋อร์ตะโกนใส่เขาหนึ่งประโยคอย่างโกรธเคืองและเฉยเมย แต่ไม่ว่านางจะเดินไปทิศทางใดซูเช่อก็จะมาขวางไว้ทิศทางนั้น
“อย่าไป”
ในน้ำเสียงเย็นชาของเขามีความเสียใจอยู่หลายส่วน ทำให้ชั่วขณะนั้นหลิงมู่เอ๋อร์คิดว่าตัวเองฟังผิดไป
น้ำเสียงเช่นนี้จะออกมาจากร่างของเสียนหวางผู้สูงศักดิ์ได้อย่างไร?
เขาเป็นถึงคุณชายอันดับหนึ่งของเมืองหลวงมีหญิงสาวตั้งเท่าใดที่แย่งชิงไล่ตามเขาเพื่อเป็นคนรัก ทุกครั้งเมื่อเผชิญหน้ากับผู้อื่นเขาจะสวมหน้ากากสุภาพอ่อนโยน แต่มีเพียงยามที่ปฏิบัติต่อนางเท่านั้นที่จะเผยความจริงใจอยู่หลายส่วน เพราะเหตุนี้หลิงมู่เอ๋อร์จึงนับว่าเขาเป็นสหาย
“ดูเหมือนท่านจะเปลี่ยนใจคิดอยากบอกที่มาของหญ้าไส้ขาดกับข้าอย่างชัดเจนแล้วกระมัง?” หลิงมู่เอ๋อร์มือทั้งสองข้างกอดอกนั่งรอฟังเรื่องราวจากเขา
ซูเช่อหลับส่ายหัวเบาๆ “เปิ่นหวางเห็นเจตนาอันดีของเจ้าจึงอยากเตือนเจ้าด้วยความหวังดีสักหนึ่งประโยค อามู่เต๋อใช้เรื่องการยอมจำนนเดินทางไกลมาหลายพันลี้จากแคว้นซีอวี้มาถึงเมืองหลวง แน่นอนว่าย่อมมีความลับบางอย่างที่มิได้บอกใครซ่อนอยู่ หากจุดประสงค์ในการมาของเขาเกี่ยวข้องกับเจ้าจริงเจ้าต้องระวังตัวให้มาก”
หลิงมู่เอ๋อร์ผิดหวังเป็นอย่างยิ่งกับรอยยิ้มราวกับสุนัขจิ้งจอกของเขา “เรื่องนั้นไม่ขอรบกวนเสียนหวางให้เป็นกังวล”
หลิงมู่เอ๋อร์ฮึดฮัดอย่างโกรธเคืองจงใจชนร่างของเขาเดินจากไป
ซูเช่อเบิกตามองนางที่ไม่สบอารมณ์ด้วยท่าทีที่อับอายจนกลายเป็นโกรธเคือง ในใจก็รู้สึกไม่เป็นสุข
มีเพียงสวรรค์ที่รู้ว่าในใจเขาเป็นห่วงนางมากนัก มีเพียงสวรรค์ที่รู้ว่าเมื่อเป็นนางที่มองมาด้วยสายตาจองหองแล้วในใจของเขารู้สึกเจ็บปวดเพียงใด มีเพียงสวรรค์ที่รู้ว่ายามที่นางชนตนและเดินผ่านข้างกายไปเขาอยากจะไล่ตามนางไปเป็นอย่างยิ่ง
สมควรตาย เขาซูเช่อทั้งชีวิตพ่ายแพ้แล้วจริงๆ ทุกการกระทำของเขาล้วนเกี่ยวพันกับสตรีผู้นี้
“แลกเปลี่ยนกันเป็นอย่างไร เจ้าบอกจุดประสงค์ที่อามู่เต๋อมาที่เมืองหลวง ส่วนข้าจะบอกแผนการของข้า” แม้ซูเช่อจะไม่ได้หันกลับไปแต่ความจริงในใจเขาจ้องมองแผ่นหลังนางอยู่
ด้วยความสามารถในการได้ยินอันเฉียบแหลมจึงได้ยินเสียงฝีเท้าหยุดลง ดวงตาทั้งสองข้างของเขาที่ปิดสนิทเปิดขึ้นมาโดยพลัน หัวใจของเขาราวกับกลับไปอยู่ในท้องอีกครา
แท้จริงแล้วหาใช่ว่าเขาอยากแอบดูความลับของนาง แต่เขาอยากรู้ว่าตกลงแล้วอามู่เต๋อต้องการจะทำอันใดจะได้ตอบโต้ได้ทันการณ์
คนที่ใช้ชื่อเสียงของแคว้นมายอมจำนนเพื่อแลกเปลี่ยนกับการได้รับสตรีผู้หนึ่งอย่างไม่ลังเล ย่อมมีความลับที่มิได้บอกผู้ใดเป็นแน่ เขาต้องการปกป้องมู่เอ๋อร์นี่คือเรื่องที่เขาอยากทำมากที่สุด
“ข้าไม่สนใจแล้วว่าท่านจะได้รับหญ้าไส้ขาดมาได้อย่างไร แต่จุดประสงค์ที่แท้จริงของอามู่เต๋อข้าก็ไม่รู้จริงๆ” หลิงมู่เอ๋อร์ยืนอยู่ด้านหลังเขามองแผ่นหลังอันดูดีของเขา
เป็นครั้งแรกที่ได้ยืนอยู่เงียบๆ ข้างหลังเขา ซูเช่อในวันนี้ดูเงียบกว่าปกติยิ่งทำให้ดูล้ำลึก
“อามู่เต๋อผู้นี้เป็นคนชั่วช้า หากไม่มีเป้าหมายย่อมไม่ทำการเสียสละใหญ่หลวงเช่นนี้เด็ดขาด” ซูเช่อพูดพลางหมุนกายกลับไปสายตามองตรงไปยังหลิงมู่เอ๋อร์ “ข้ารู้สึกมาตั้งนานแล้วว่าเจ้ามีความลับบางอย่าง หากข้าเดาไม่ผิดอามู่เต๋อคงพบความลับของเจ้าจึงต้องการครอบครองเจ้า หลิงมู่เอ๋อร์เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา”
นานมากแล้วที่ไม่มีคนมาเป็นห่วงนางอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้
ราวกับการเสแสร้งทั้งหมดที่ทำมานานถูกเปิดเผยต่อหน้านางทุกอย่าง
หลิงมู่เอ๋อร์ที่เมื่อครู่ยังมีสีหน้าจองหองหรี่ตาลงทันที นางมองซูเช่อเงียบๆ นึกย้อนกลับไปในทุกเรื่องช่วงที่ขาม้าโผล่ [5]
ตั้งแต่คราแรกที่ถูกอามู่เต๋อจับตัวไปยามที่เขาได้รับบาดเจ็บนางก็มิได้ระวังมากนัก หยิบอุปกรณ์ที่ใช้รักษาออกมาทุกที่ ซูเช่อฉลาดเฉลียวถึงเพียงนี้ย่อมรู้สึกได้ว่าสถานการณ์ในยามนั้นคับขันนัก ตัวยังอยู่ในกรงขังจะไปหาอุปกรณ์มาได้อย่างไร? ในยามนั้นแม้ซูเช่อจะไม่ได้ถามแต่นางรู้ว่าเขายังสงสัยอยู่ในใจ
บอกตามตรงความจริงนางก็คาดเดาสาเหตุที่อามู่เต๋อไล่ตามนางอย่างยึดติดได้ว่าเป็นเพราะมิติของนาง ในคราแรกยามที่อยู่ในจวนแม่ทัพแคว้นซีอวี้นางก็รับรู้ความคิดนี้ได้แล้ว ดังนั้นยามที่เห็นอามู่เต๋อที่เมืองหลวงจึงคาดเดาได้ตั้งแต่แรก
แต่นางต้องอธิบายกับพวกเขาอย่างไร?
บอกซูเช่อว่านางมีสมบัติล้ำค่าที่เป็นความลับอยู่ สมบัติล้ำค่านี้อยู่ในแหวนที่ไร้ที่มาซึ่งภายในนั้นมีทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมสรรพ แต่มนุษย์ไม่สามารถมองเห็นหรือสัมผัสมันได้เขาจะเชื่อหรือ?
แม้เขาจะเชื่อแต่ด้วยนิสัยของเขาหากทำเรื่องโง่เขลาอันใดขึ้นมาเล่า?
“อามู่เต๋อต้องการทำอันใดข้าก็ไม่รู้แน่ชัดแต่ข้ารับรองกับท่านได้ว่าเขาจะไม่ทำร้ายข้า” หลิงมู่เอ๋อร์ยิ้มอย่างมั่นใจในตัวเอง หวังว่าวิธีนี้จะสามารถบอกซูเช่อได้ว่าไม่ต้องเป็นห่วงนางมากเกินไป “ในยามนี้ผู้ที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดหาใช่ข้าแต่เป็นท่านมากกว่า ทางด้านหวางโฮ่วข้าจะพยายามถ่วงเวลาไว้ให้ ประมาณสิบวันหลังจากนี้นางจะฟื้นขึ้นมา ในยามนั้นต่างหากที่เป็นเวลาที่ท่านต้องเป็นกังวลมากที่สุด”
ตบไหล่ของเขาเบาๆ หลิงมู่เอ๋อร์สูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะจากไปอย่างแน่วแน่ทิ้งให้ซูเช่อยืนมองแผ่นหลังของนางอย่างเหม่อลอยคนเดียว
“นายท่านเป็นอันใดหรือขอรับ?” จื่อถงกระโดดออกมาจากที่ลับตาอย่างไม่สบายใจ เขาเป็นห้วงเจ้านายเป็นอย่างยิ่ง
ช่วงนี้เจ้านายหดหู่มากเกินไปเขาแทบทนไม่ไหวจนจะไล่ตามแม่นางหลิงไปเสียเดี๋ยวนี้แล้ว เพื่อบอกเล่าความทุกข์ระทมทั้งหมดที่เจ้านายต้องเจอ หากแม่นางหลิงรู้ว่าเจ้านายทุกข์ใจเพียงใดต้องไม่ทำร้ายเขาเช่นนี้เป็นแน่
“สุดท้ายนางก็ยังไม่ไว้ใจข้า”
เสียงแผ่วเบาออกมาจากริมฝีปากบางของเขา พูดจบซูเช่อก็เพิ่งเรียกสติกลับมาได้ เห็นท่าทีหมายมั่นของจื่อถงเขาก็กล่าวเสียงเย็น “อย่าโทษว่าข้าไม่เตือนเจ้าเล่า อย่ายุ่งเรื่องชาวบ้านไม่เช่นนั้นต่อให้เป็นเจ้าที่เป็นคนข้างตัวข้า ข้าก็จะไม่ละเว้นชีวิตเจ้า”
“แต่…” จื่อถงราวกับอยากพูดอันใดแต่เจ้านายก็ทะยานร่างจากไปแล้ว ทิ้งให้เขาทอดถอนใจพลางส่ายศีรษะอยู่ที่เดิมคนเดียว
“แต่ความเจ็บปวดทั้งหมดท่านก็แบกรับไว้อย่างเงียบๆ คนเดียวโดยที่คนอื่นกลับไม่รู้ เหตุใดท่านต้องทำเช่นนี้เล่า เฮ้อ”
เชิงอรรถ
[1] ธรรมะสูงหนึ่งฉื่อความชั่วร้ายสูงหนึ่งจั้ง หมายถึง เมื่อประสบความสำเร็จย่อมพบอุปสรรคยิ่งใหญ่ หรือธรรมะย่อมชนะอธรรมในที่สุด
[2] ยกหินขึ้นมาทว่ากลับหล่นทับเท้าตัวเอง หมายถึง คิดจะทำร้ายผู้อื่นแต่ผลร้ายกลับย้อนกลับมาหาตัวเอง
[3] เป่าลมอยู่ข้างหมอน หมายถึง ภรรยาที่ยุยงสามีให้คล้อยตามความคิดหรือคำขอร้องของตัวเอง
[4] สุนัขที่ดีย่อมไม่ขวางทาง หมายถึง คนดีย่อมไม่ขวางทางหรือกีดกันผู้อื่นเหมือนกับสุนัขที่เมื่อมีคนเดินไปใกล้ก็จะหลีกทางให้
[5] ขาม้าโผล่ หมายถึง การเผยพิรุธ