เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 8 ตอนที่ 234 กองเลือด
- Home
- เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ?
- เล่มที่ 8 ตอนที่ 234 กองเลือด
เล่มที่ 8 ตอนที่ 234 กองเลือด
“หนานกงอี้จือท่านเป็นเช่นไรบ้าง?”
เมื่อพบว่าทางฝั่งนี้มีบางอย่างผิดปกติ หลิงมู่เอ๋อร์ก็รีบร้อนวิ่งเข้าไป
หนานกงอี้จือนอนอยู่บนพื้นตัวกระตุกอย่างต่อเนื่อง ราวกับในร่างมีแมลงตัวใหญ่ตัวหนึ่งหลบซ่อนอยู่ เขากลิ้งไปมาร้องครวญครางไม่หยุด มือทั้งสองข้างควบคุมไม่ได้คิดจะขูดใบหน้าของตัวเอง
“ตรงนี้ ตรงนี้มีแมลง มันกำลังไต่อยู่ มันกัดกินเนื้อข้า ข้าทนไม่ไหวแล้ว อ๊าก!”
หลิงมู่เอ๋อร์รีบจับแขนเขาไว้ “อย่าไปจับ จับไม่ได้เด็ดขาด ถึงข่วนถูกแมลงแม้มันจะถูกท่านข่วนจนตายแต่มันก็จะติดอยู่บนใบหน้าของท่านไปตลอด ท่านวางใจเถิดข้ามีวิธี”
“ช่วยด้วย…” หนานกงอี้จืออึดอัดจนพูดไม่ออกอีก พูดยังไม่ทันจบก็พ่นฟองสีขาวออกมาจากปาก
หากมิใช่เพราะเห็นกับตาตัวเอง หลิงมู่เอ๋อร์ก็ไม่อาจเชื่อว่าบนโลกนี้มีวิธีฆ่าคนที่โหดเหี้ยมเช่นนี้อยู่
จะเคลื่อนย้ายหนานกงอี้จือคงไม่ทันการ นางให้ทหารโดยรอบโอบล้อมไว้เป็นวงกลม หยิบเข็มเงินออกมาทันทีเพื่อฝังเข็มเขา เพราะนางพบว่าหากไม่ทันการแมลงตัวนี้จะหมดสภาพอย่างรวดเร็ว เมื่อถึงครานั้นก็ไม่อาจรักษาใบหน้างดงามของหนานกงอี้จือไว้ได้
“นางมีวิธีจริงหรือ? เป็นไปไม่ได้ นี่มันเป็นไปไม่ได้!”
สายตามองฝั่งนี้ไม่หยุด เมื่อเห็นหลิงมู่เอ๋อร์กำลังรักษาหนานกงอี้จืออย่างระมัดระวัง อามู่เต๋อที่กำลังต่อสู้กับซั่งกวนเซ่าเฉินก็ร้องตะโกน ยิ่งแผดเสียงร้องพละกำลังของเขาก็ยิ่งมากขึ้นยิ่งรวดเร็ว ราวกับจิ้งจอกที่กำลังตื่นเต้นดีใจเพราะได้เหยื่อ
“มู่เอ๋อร์หากรักษาไม่ได้ก็ช่าง พวกเจ้าไม่ต้องสนใจข้าไปช่วยญาติผู้พี่เสีย!” หนานกงอี้จือที่อยู่ในช่วงวิกฤตก็สามารถทิ้งใบหน้างดงามของตัวเอง เพียงเพื่อจะทำให้ความปรารถนาของญาติผู้พี่ที่ตนนับถือเป็นจริง
หลิงมู่เอ๋อร์มองเขาอย่างเลื่อมใส “ท่านไม่สนใจยังต้องถามข้าด้วยว่าข้าจะเห็นด้วยหรือไม่”
ใช้น้ำพุวิญญาณล้างให้เขารอบหนึ่ง จากนั้นนางก็หยิบสมุนไพรจำนวนมากออกมาจากมิติทาไว้บนร่างของเขา ราวกับเพียงชั่วพริบตา ขาของแมลงที่ไต่ยุบยับอยู่บนใบหน้าก็ถูกนางกำจัดไปแล้ว
หนานกงอี้จือเจ็บปวดร้องตะโกนแทบขาดใจ เมื่อหลิงมู่เอ๋อร์เอาแมลงบนใบหน้าออกก็โรยยากระจายไปบนใบหน้าของเขา หลังจากทำซ้ำอีกหลายครา นอกจากบาดแผลที่เห็นบนใบหน้าก็ไม่มียาพิษใดหลงเหลืออยู่
“ให้คนมาส่งซื่อจื่อกลับไปก่อน!”
หลังจัดการอย่างเหมาะสมแล้ว หลิงมู่เอ๋อร์ก็สั่งให้ทหารยกเขาไปก่อน หนานกงอี้จือถูกนางให้กินยากดประสาทจึงอยู่ในสภาพหลับใหล
ตลอดเวลาที่อามู่เต๋อต่อสู้กับซั่งกวนเซ่าเฉินก็มองแมลงที่ยังขยับหยุกหยิกอยู่บนพื้น เขาเบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เจ้าสามารถรักษาได้จริงหรือ! นี่มันเป็นไปได้อย่างไร!”
ใช่ เขาจงใจใช้แมลงพิษชนิดเดียวกับที่เขาศึกษามาหลายปี เพื่อหาคำตอบบนใบหน้าของตน
ที่เขายอมจำนนอย่างไม่นึกเสียดายเป็นเพราะใบหน้านี้ของตน เดิมเขาเป็นบุรุษผู้หล่อเหลา แต่เพราะความผิดพลาดครั้งเดียวทำให้ตัวเองกลายเป็นครึ่งผี เมื่อวานยามที่หลิงมู่เอ๋อร์บอกว่าสามารถรักษาใบหน้าของเขาได้ ในใจเขาก็เปี่ยมสุขหาใดเปรียบ
ดังนั้นเขาจึงยอมจำนนเพราะต้องการหลิงมู่เอ๋อร์ หากสำเร็จเขาก็จะกลับไปเป็นเช่นเมื่อก่อน แต่ถึงไม่สำเร็จต่อให้ต้องปะทะกันก็ต้องชิงตัวคนมา ไม่ว่าต้องใช้วิธีใดก็ตาม!
แน่นอนว่าหากต้องสละทหารทั้งหมดเพื่อให้ได้ตัวนางมาเขาก็ยอมอย่างเต็มใจ
เพราะถูกคนฝึกสอนมาตั้งแต่เด็ก นอกจากการศึกษายาพิษแล้วก็ไม่มีงานอดิเรกอื่นใดที่สนใจอีก เขาหาได้ชอบการเป็นแม่ทัพใหญ่แต่อย่างใด ทั้งยังไม่ต้องการเกียรติยศความมั่งคั่ง เขาเพียงแค่อยากศึกษาสิ่งที่ชอบเงียบๆ หากหลิงมู่เอ๋อร์อยู่กับเขาตลอดได้ หลังจากนี้ยามที่เขาศึกษายาพิษก็ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป
สตรีผู้นี้ผ่านการทดสอบของเขา เขายิ่งหมายมั่นว่าต้องทำให้ได้
เช่นนั้นผู้ที่ขวางทางเขาจะต้อง…ตาย!
“แม่นางข้าต้องเอาเจ้ามาให้ได้!” อามู่เต๋อบัญชาการสามเหล่าทัพ “บุก นอกจากแม่นางผู้นั้นก็ฆ่าให้หมดอย่าให้เหลือ!”
การสู้รบครั้งนี้ต่อเนื่องไปถึงสามวันสามคืนเต็ม กองทัพใหญ่ทั้งสองจำนวนหลายแสนที่เลือดเดือดพล่านในคราแรก มายามนี้เหนื่อยล้าหมดเรี่ยวแรง ทหารทั้งสองทัพต่างบาดเจ็บล้มตายอย่างหนัก
บนสนามรบเต็มไปด้วยซากศพของพวกทหาร ขอเพียงหายใจก็จะสามารถได้กลิ่นเลือดน่าคลื่นเหียน
ซั่งกวนเซ่าเฉินกับอามู่เต๋อยังคงยากจะตัดสินว่าผู้ใดเหนือกว่า แต่การฆ่าอีกฝ่ายเป็นความมุ่งมั่นเพียงหนึ่งเดียวของพวกเขา
โดยเฉพาะอามู่เต๋อที่ราวกับมีเหตุผลให้ฆ่าฟันอย่างรุนแรง หลังจากเขาปลดปล่อยสัญชาตญาณแม้แต่ซั่งกวนเซ่าเฉินก็หาใช่คู่ต่อกรของเขาไม่
เห็นเพียงดาบในมือของอามู่เต๋อพุ่งเข้าไปที่อกของซั่งกวนเซ่าเฉิน แทงเข้าไปโดยตรง
“ซั่งกวนเซ่าเฉิน!”
หาได้สนใจผู้อื่น หลิงมู่เอ๋อร์รีบพุ่งเข้าไป แม้นางจะรู้ว่าหากนางเข้าใกล้อามู่เต๋อตัวเองจะตกอยู่ในอันตรายอย่างมาก แต่นางต้องการตรวจดูอาการบาดเจ็บของเขา
“ท่านผู้บัญชาการสูงสุด!”
โฉวอวี่จินที่ได้ยินเสียงร้องตะโกนก็รีบพุ่งตรงเข้าไป เมื่อเห็นอามู่เต๋อยังคิดจะแทงอีกดาบ เขาก็เข้าไปกันได้ทันเวลาและเข้าต่อสู้โรมรันกับอีกฝ่าย
“ท่านเป็นอย่างไรบ้าง? ซั่งกวนเซ่าเฉินท่านตอบข้า!” เมื่อเข้าไปใกล้หลิงมู่เอ๋อร์ที่เป็นกังวลคิดจะตรวจดูอาการบาดเจ็บของเขา แต่หลังจากเขาไอไม่กี่คราก็ลืมตาขึ้นในทันใด
“เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าข้ายังมีเสื้อเกราะไหมทองที่เจ้ามอบให้ แม้แต่ดาบที่ตัดเหล็กได้ราวกับโคลนของเขาก็ไม่อาจสร้างบาดแผลให้ข้าได้แม้แต่น้อย!” ส่งสายตาให้หลิงมู่เอ๋อร์วางใจ ซั่งกวนเซ่าเฉินก็เข้าไปรวมกลุ่มอีกครา
อามู่เต๋อตะลึงงัน “เจ้า เป็นไปได้อย่างไร…”
เมื่อเห็นเกราะอ่อนไหมทองที่เผยออกมายามที่ซั่งกวนถอดเสื้อเกราะออก ดวงตาของเขาก็แดงก่ำอยากจะเข้าไปชิงตัวสตรีผู้นั้นมาทันที
“นี่ก็เป็นผลงานชิ้นเอกของนางหรือ? ข้ารู้ว่านางเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างที่คิด”ดวงตาทั้งสองข้างของอามู่เต๋อจ้องตรงไปยังหลิงมู่เอ๋อร์
อามู่เต๋อพบว่ากลยุทธ์ของซั่งกวนเซ่าเฉินง่ายดายเป็นอย่างมาก โดยให้กองกำลังทหารที่แข็งแกร่งองอาจที่สุดไปปกป้องข้างกายหลิงมู่เอ๋อร์ ดังนั้นหากเขาคิดจะฉวยโอกาสเข้าไปชิงตัวหลิงมู่เอ๋อร์จึงเป็นไปไม่ได้ เช่นนั้นเขาจึงทำได้เพียงล่อนางให้เข้ามาจึงจะมีโอกาสลงมือ
“ข้าจะต้องได้เจ้ามาอย่างแน่นอน ทหารไปเอาสมบัติล้ำค่าของข้ามา”
มีทหารนายหนึ่งถือภาชนะโปร่งใสที่เตรียมไว้เข้ามา อามู่เต๋อหยิบหนอนด้านในออกมาวางไว้ที่บนหลังมือให้มันดูดเลือดตัวเอง ฉากนี้ทำให้หลิงมู่เอ๋อร์และผู้อื่นที่เฝ้ามองอยู่ตะลึงงัน ยามที่นางกำลังโต้ตอบ อามู่เต๋อก็โยนหนอนตัวนั้นไปยังซั่งกวนเซ่าเฉินแล้ว
“ระวัง!” หลิงมู่เอ๋อร์ตะโกนอย่างตกใจ หาได้สนใจว่าจะเสี่ยงถูกอามู่เต๋อจับไม่ นางพุ่งตัวเข้าไป ดาบในมือถูกฟันออกไป ได้ยินเพียงเสียงร้องอย่างน่าเวทนาของอามู่เต๋อ แขนซ้ายที่เดิมทีได้รับบาดเจ็บของอามู่เต๋อถูกหลิงมู่เอ๋อร์ฟันขาด
แม้จะพยายามถึงเพียงนี้ก็ยังไม่อาจหยุดหนอนตัวนั้นที่เข้าไปในร่างของซั่งกวนเซ่าเฉินได้
“ฮ่ะ ฮ่าๆๆ ใช้แขนข้างหนึ่งของข้าแลกกับหนึ่งชีวิตของมันนับว่าคุ้มค่าแล้ว!” อามู่เต๋อที่ถูกตัดแขนหาได้ฮึกเหิมอีกต่อไป หลังจากหัวเราะอย่างบ้าคลั่งเขาก็ยากจะปิดบังความเจ็บปวด ล้มลงไปชักกระตุกอยู่บนพื้น
หลิงมู่เอ๋อร์และโฉวอวี่จินรวมถึงหนานกงอี้จือที่เพิ่งกลับมาร่วมสู้รบ ต่างพากันไปล้อมซั่งกวนเซ่าเฉิน เมื่อเห็นใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นซีดเซียวในทันใดของเขา ทุกคนก็กังวลใจเป็นอย่างยิ่ง
“ท่านผู้บัญชาการสูงสุด ท่านผู้บัญชาการสูงสุดท่านเป็นเช่นไรบ้าง?”
ใช้สีหน้าส่งสัญญาณให้หนานกงอี้จือ สื่อว่าให้เขาช่วยประคองซั่งกวนเซ่าเฉินให้มั่น หลิงมู่เอ๋อร์ก็หันหน้าไปหากล่องยาของตน และในยามนั้นเองอามู่เต๋อที่เมื่อครู่ล้มลงหมดสติไปก็ตื่นขึ้นมาโดยพลัน เขาพุ่งทะยานตัวไปเบื้องหลังนางได้สำเร็จ ดาบในมือจ่อไปบนคอของนางในทันที
“ปล่อยนาง!” ซั่งกวนเซ่าเฉินผลักทุกคนออก และเดินโงนเงนเข้าไป
อามู่เต๋อที่ดวงตาแดงก่ำไปด้วยจิตสังหารลากร่างของหลิงมู่เอ๋อร์ถอยหลังไปเรื่อยๆ “อย่าเข้ามา หากเจ้ากล้าเข้ามาข้าจะปาดคอนางทันที หากข้าไม่ได้นางข้าจะทำลายนางเสีย นิสัยของข้าเป็นเช่นนี้!”
“หยุด!”
เมื่อเห็นอามู่เต๋อขยับมือ และเห็นคอของหลิงมู่เอ๋อร์มีเลือดสีแดงฉานไหลซึมออกมา ซั่งกวนเซ่าเฉินที่ร่างกายไร้ซึ่งเรี่ยวแรงเพราะถูกพิษจึงวางอาวุธลงอย่างเชื่อฟัง “เจ้าต้องการสิ่งใด?”
“เป้าหมายของข้ามีเพียงสิ่งเดียว คือให้เจ้าเดินมาหาข้าอย่างว่าง่าย น่าเสียดายที่พวกเจ้าไม่ยอมให้สิ่งที่ตกลงกันไว้แก่ข้า เช่นนั้นข้าจึงต้องการเพิ่มอีกอย่าง”
ไม่สนใจแขนซ้ายที่ถูกตัดทิ้ง อามู่เต๋อที่ทั้งร่างเต็มไปด้วยเลือดที่ไหลรินก็ใช้แขนเพียงข้างเดียวถือดาบจ่อหลิงมู่เอ๋อร์ไว้พลางพูดข่มขู่ “นางตัดแขนข้าไปข้างหนึ่ง ข้าก็ต้องการแขนเจ้าข้างหนึ่งเช่นกัน เดี๋ยวนี้!”
“อย่า!” หลิงมู่เอ๋อร์รีบส่งเสียงขัดขวาง และหลังสิ้นเสียงของนาง ฝ่ามือของอามู่เต๋อก็ฟาดไปที่หัวของนางอย่างรุนแรง
“อามู่เต๋อข้าจะฆ่าเจ้า!” เมื่อเห็นว่าหลิงมู่เอ๋อร์ได้รับบาดเจ็บ ซั่งกวนเซ่าเฉินก็พยายามจะพุ่งเข้าไป แต่เพิ่งก้าวเข้าไปได้เพียงก้าวเดียว ร่างที่ไม่มั่นคงของเขาก็คุกเข่าลงกับพื้น
เมื่อถูกตีจนมึนงง หลังจากที่หลิงมู่เอ๋อร์ประคองร่างยืนอย่างมั่นคงแล้วก็เห็นดาบของซั่งกวนเซ่าเฉินจ่อไปที่แขนของตัวเองแล้ว
“หากเจ้ากล้าตัดแขนของเขาข้าจะกัดลิ้นฆ่าตัวตายทันที!” หลิงมู่เอ๋อร์พูดขู่
“ฮ่า ช่างดุร้ายนัก ได้ ข้าไม่ต้องการแขนของเขาก็ได้” อามู่เต๋อเปิดปากชั่วร้าย ดวงตาร้ายกาจจ้องมองไปยังซั่งกวนเซ่าเฉิน “ถอดเกราะอ่อนไหมทองของเจ้าโยนมาให้ข้า”
ตราบใดที่หลิงมู่เอ๋อร์ปลอดภัย ยามนี้อามู่เต๋อจะให้เขาทำอันใดเขาก็ล้วนทำได้ทั้งนั้น
ปฏิเสธคำโน้มน้าวของพวกหนานกงอี้จือ ซั่งกวนเซ่าเฉินตัดสินใจถอดเกราะอ่อนไหมทองออก กำลังคิดจะโยนไป ทันใดนั้นอามู่เต๋อก็เปิดปากพูด “เดินเข้ามาใกล้ๆ เอามาให้ด้วยตัวเองเสีย”
เห็นได้ชัดว่านี่คือกลอุบายของเขา แต่เพื่อความปลอดภัยของหลิงมู่เอ๋อร์ ซั่งกวนเซ่าเฉินจึงเดินเข้าไปใกล้เขาทีละก้าวโดยไม่สนใจคำคัดค้าน เมื่ออามู่เต๋อสบโอกาสยามที่ไปถึงเบื้องหน้าของเขา เขาก็ผลักหลิงมู่เอ๋อร์ออก ดาบในมือก็แทงไปที่อกของเขาอีกครั้ง
ฉึก
เลือดสีแดงฉานพุ่งออกมา มือทั้งสองข้างของซั่งกวนเซ่าเฉินจับดาบไว้ คุกเข่าลงบนพื้นอย่างรุนแรง
หนานกงอี้จือและโฉวอวี่จินร้องตะโกน “ผู้บัญชาการสูงสุด!”
การกระทำทั้งหมดเกิดขึ้นในชั่วพริบตา ยามที่หลิงมู่เอ๋อร์หยัดกายขึ้นมายืนอย่างมั่นคงและเรียกสติกลับมาได้ ก็เห็นทั้งร่างของซั่งกวนเซ่าเฉินนอนจมกองเลือดอยู่
ที่แท้ฉากที่เห็นในความฝันครานั้นก็เป็นเรื่องจริง
นางคิดว่าขอเพียงมอบเกราะอ่อนไหมทองให้เขา ก็จะสามารถปกป้องให้เขาปลอดภัยไปได้ตลอด แต่คาดไม่ถึงว่าสุดท้ายภาพที่เห็นเขาในฝันจะกลายเป็นความจริง
ทุกคนยังไม่ทันได้ตอบสนอง หลิงมู่เอ๋อร์ก็หยิบดาบขึ้นมาแทงไปเบื้องหลัง
อามู่เต๋อที่ลำพองใจไม่ทันได้ป้องกันตัว ก็ถูกแทงในตำแหน่งตรงกันข้ามกับซั่งกวนเซ่าเฉิน
“แม่ แม่นาง ข้า…ข้าจะต้อง…เอาเจ้า…เอาเจ้ามาให้ได้”
เมื่อมองใบหน้าอัปลักษณ์โหดเหี้ยมของเขาที่กำลังจะตายก็ยังคงหมกมุ่น หลังหลิงมู่เอ๋อร์ดึงดาบออกมาก็ฟันไปที่อกของเขาอีกครั้ง อามู่เต๋อหลบอย่างยากลำบากแต่ก็ยังถูกแทงที่ท้อง
เห็นอามู่เต๋อล้มลงไปบนพื้นกับตา หลิงมู่เอ๋อร์คิดจะแทงลงไปอีกดาบ แต่ได้ยินเสียงร้องตะโกนอย่างสิ้นหวังของหนานกงอี้จือดังมาจากด้านหลังเสียก่อน
“พี่ใหญ่!”
หลิงมู่เอ๋อร์รีบหมุนกายกลับไปหาซั่งกวนเซ่าเฉิน เห็นเพียงเขาที่เลือดไหลออกจากอกไม่หยุด มุมปากกระอักเลือดออกมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงพิษที่เขาได้รับอย่างรุนแรง หัวใจของเขาก็ยิ่งเต้นแผ่วเบาลง
รีบร้อนหยิบเครื่องมือออกมาจากกล่องยาเพื่อรักษาบาดแผลของเขา นางตัวสั่นเทายังไม่ทันได้หยิบเข็มเงินขึ้นมา ซั่งกวนเซ่าเฉินที่อยู่ในอ้อมกอดก็ยกมือขึ้นมาก่อนจะร่วงลงไปอีกคราอย่างแรง
“เซ่าเฉิน ซั่งกวนเซ่าเฉิน!”