เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 8 ตอนที่ 229 ยอมจำนน
- Home
- เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ?
- เล่มที่ 8 ตอนที่ 229 ยอมจำนน
เล่มที่ 8 ตอนที่ 229 ยอมจำนน
เมื่อได้ยินคำพูดนี้หลิงไฉ่เว่ยก็ตกใจจนหน้าซีดเผือด รีบโบกไม้โบกมือส่ายหน้าเป็นพัลวัน “ข้าเปล่า ข้าไม่ได้ทำ ข้าเป็นเพียงสตรีอ่อนแอ อย่างข้าจะไปทำเรื่องเช่นนั้นได้อย่างไร!”
เมื่อเห็นสีหน้าของซั่งกวนเซ่าเฉินเปลี่ยนไป หลิงไฉ่เว่ยก็น้ำตานองด้วยความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ “เซ่าเฉินท่านต้องเชื่อข้า นางต้องวางแผนใส่ร้ายข้าเป็นแน่!”
ทำเพียงก้มมองนางคราหนึ่ง ซั่งกวนเซ่าเฉินก็เงยหน้าไปมองหลิงมู่เอ๋อร์ “เหตุใดเจ้าจึงบอกว่านางทำ?”
“ใช่ เหตุใดเจ้าจึงมาบอกว่าข้าทำ เจ้ามีหลักฐานหรือ?” หลิงไฉ่เว่ยซักถาม “หลิงมู่เอ๋อร์ ข้าเห็นแต่เจ้าไร้ความสามารถจะทำให้สำเร็จ ซ้ำยังทำให้เสียเรื่อง! ตัวเองอยากไปก็แล้วไปเถอะ แต่ยังลากจวิ้นอ๋องน้อยไปด้วย รู้หรือไม่ว่าเพราะพวกเจ้าถูกจับตัวไป ทหารของเราต้องออกไปรบอย่างกะทันหันจนบาดเจ็บล้มตายกันไปเท่าใด? ไหนเซ่าเฉินจะยืนกรานว่าต้องการไปช่วยพวกเจ้ากลับมาจนต้องเสี่ยงชีวิตตั้งเท่าใด? ยังดีที่เขาไม่เป็นไร ไม่เช่นนั้นหากเกิดเรื่องร้าย เจ้าจะรับผิดชอบได้หรือ?”
นอกจากจะไม่ยอมรับผิด ยังมากล่าวหาผู้อื่น เหตุใดก่อนหน้านี้นางจึงไม่รู้ว่าป้าน้อยฝีปากดีถึงเพียงนี้
“ประการแรกข้าหาได้ขอให้เขาไปช่วยข้าไม่ ประการที่สองในงานเลี้ยงฉลองเป็นคืนที่ท่านเข้าไปค้นสัมภาระของข้าในกระโจม ที่ค่ายทหารมีเหล่าทหารตั้งมากมาย ข้าไม่เชื่อว่าจะไม่มีใครเห็นสักคน”
สายตาหลิงมู่เอ๋อร์แผ่จิตสังหาร “เดิมทีข้าไม่คิดจะเถียงกับท่านทั้งยังตัดสินใจออกไปจากที่นี่ แต่กลับถูกลอบโจมตีกลางทาง ขอบังอาจถามว่าเส้นทางที่ข้ากับจวิ้นอ๋องน้อยใช้เป็นความลับ เหตุใดจึงรู้ไปถึงหูของแม่ทัพฝ่ายศัตรูได้?”
หลิงไฉ่เว่ยตกใจกลัวจนความกล้าแตกเป็นเสี่ยง “เจ้า เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? ยามนี้เจ้าจะใส่ร้ายว่าข้าเป็นสายลับของทหารฝั่งศัตรูหรือ?”
“ข้าหาได้พูดเช่นนั้นไม่ เป็นท่านที่ยอมรับเอง” หลิงมู่เอ๋อร์พูดจบก็หันกลับไปตรวจสอบบาดแผลของซูเช่อต่อ
ขาทั้งสองข้างรักษาเรียบร้อยแล้ว ยามนี้นางต้องการตรวจสอบดูที่ดวงตา
ถอดผ้าเช็ดหน้าที่พันไว้ชั่วคราวออก นางกำลังคิดจะหาโอกาสแอบเอาน้ำพุวิญญาณออกมาสักหน่อย แต่เมื่อได้เห็นทั้งหมดเบื้องหน้าไม่ใช่เพียงนางที่ตกตะลึง แต่ทุกคนก็ตกตะลึงเช่นกัน
เห็นเพียงดวงตาทั้งสองข้างของซูเช่อที่เดิมทีงดงาม ได้รับความเสียหายจากยาพิษของอามู่เต๋อจนดวงตาเกือบจะเน่าเปื่อยแล้ว
ซูเช่อดูเหมือนรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ เขาคิดจะเอื้อมมือไปสัมผัส หลิงมู่เอ๋อร์รีบหยุดไว้ “อย่าไปแตะ!”
“เพราะเหตุใด มันร้ายแรงมากหรือ?” ได้ยินน้ำเสียงที่ผิดปกติของหลิงมู่เอ๋อร์ ซูเช่อก็ลองถาม ภายในใจรู้สึกไม่สงบ
“ไม่ใช่ เป็นเพราะเมื่อวานจัดการไว้แล้ว มันจึงดีกว่าที่คาดไว้มาก ข้าฝังเข็มให้ท่านอีกไม่กี่วันไม่ช้าก็หายดีแล้ว ไม่เชื่อท่านก็ลองถามหมอหลวงโจวได้”
เมื่อได้รับสายตาที่บอกเป็นนัยของหลิงมู่เอ๋อร์ หมอหลวงโจวก็รีบพยักหน้าพูดติดขัด “ถูก ถูกต้อง ดวงตาของจวิ้นอ๋องน้อยดีกว่าที่คาดไว้มากนัก เมื่อรวมกับฝีมือที่โดดเด่นของแม่นางหลิง เชื่อว่าจะหายดีในเร็ววันอย่างแน่นอน”
ได้ยินเช่นนี้ซูเช่อก็ถอนหายใจโล่งอก เขาเชื่อหลิงมู่เอ๋อร์อย่างสนิทใจ
หลิงไฉ่เว่ยที่รู้สึกอิจฉาเปิดปากคิดจะเปิดเผยเรื่องโกหกของนาง แต่กลับถูกซั่งกวนเซ่าเฉินหยุดไว้
“ในเมื่อจวิ้นอ๋องน้อยฟื้นแล้ว อีกทั้งที่นี่ยังมีหมอหลวงโจวและแม่นางหลิง เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”
“ช้าก่อน!” หลิงมู่เอ๋อร์จะปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ เสียที่ไหน “ท่านผู้บัญชาการสูงสุดยังไม่ได้ตอบคำถามเมื่อครู่ของข้า”
กลัวว่านางจะเปิดโปงเรื่องที่ตนขโมยยาอีกครั้งจึงตะโกนขึ้นมากลางปล้อง “หลิงมู่เอ๋อร์พวกเจ้าล้วนปลอดภัยกลับมาแล้ว แต่พวกทหารที่ออกไปรบเพราะพวกเจ้าสองคนทั้งบาดเจ็บทั้งล้มตาย เจ้ารู้จักพอเสียบ้าง!”
“ข้ายังไม่ทันพูดสิ่งใด แล้วท่านจะกังวลอันใด?”
หลิงมู่เอ๋อร์เดินอ้อมหลิงไฉ่เว่ยไปยืนอยู่เบื้องหน้าของซั่งกวนเซ่าเฉิน “นางบอกว่าพวกเรากลับมาอย่างปลอดภัยแล้วจึงไม่อาจโต้เถียงได้ ขอถามว่าหากไม่ใช่เพราะนางวางยาจวิ้นอ๋องน้อยจนก่อให้เกิดเรื่องในครั้งนี้ ข้ากับซูเช่อจะออกจากค่ายทหารหรือ และหากไม่ออกไปจะถูกอามู่เต๋อซุ่มโจมตีหรือ! แม้ข้าจะไม่รู้ว่าเส้นทางของพวกเรารั่วไหลออกไปได้อย่างไร แต่สาเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นเพราะคนผู้นั้นที่วางยา”
นางพูดอย่างโกรธเคือง “ขอบังอาจถามท่านผู้บัญชาการสูงสุด หากพวกข้าตายไปแล้วคงไร้ประโยชน์ที่จะโต้เถียงใช่หรือไม่ เช่นนั้นยามนี้พวกข้ายังมีชีวิตอยู่ อีกทั้งจวิ้นอ๋องน้อยยังบาดเจ็บสาหัส ก็ควรจะให้พวกข้าได้รับคำอธิบายที่ชัดเจนไม่ใช่หรือ!”
เสียงของหลิงมู่เอ๋อร์ยิ่งพูดก็ยิ่งเสียงดังทรงพลัง
หลิงไฉ่เว่ยตกใจกลัวจนร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย แม้แต่ลมหายใจก็ล้วนกระชั้นขึ้นมา
“เหตุใดอามู่เต๋อจึงรู้เส้นทางที่พวกเจ้าใช้รวมถึงเวลาที่ออกเดินทาง ข้าจะส่งคนไปตรวจสอบ ส่วนเรื่องที่เจ้าบอกว่านางวางยาพิษ…” ซั่งกวนเซ่าเฉินชำเลืองมองหลิงไฉ่เว่ย “เมื่อครู่ที่เจ้าพูดเป็นเพียงการคาดเดา”
หลิงไฉ่เว่ยถอนหายใจอย่างโล่งอก
หลิงมู่เอ๋อร์กลับโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “เหอะ เพราะนางเป็นว่าที่ภรรยาของท่านผู้บัญชาการสูงสุด เช่นนั้นท่านผู้บัญชาการสูงสุดจึงกล้าปกป้องคนผิดเช่นนี้!”
“ข้าไม่เคยบอกว่านางเป็นภรรยาของข้า!” แทบจะทันทีที่นางพูดจบ ซั่งกวนเซ่าเฉินก็รีบอธิบาย
หลิงไฉ่เว่ยที่ยังดีใจเมื่อครู่สีหน้าก็เปลี่ยนไป “เซ่าเฉิน! แต่คืนนั้นพวกเรา…”
“คืนนั้นพวกเราหาได้มีเรื่องอันใดเกิดขึ้น ก่อนหน้านี้ก็ล้วนไม่มีเรื่องอันใดเช่นกัน ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเข้าใจผิดอันใดหรือไม่ แต่ข้าสามารถบอกเจ้าได้ว่าก่อนที่ข้าจะฟื้นฟูความทรงจำได้ ข้าไม่เคยสัญญาอันใดกับสตรีผู้ใด ทั้งกับนางและกับเจ้า!”
แม้คำพูดนี้จะหาได้เอนเอียงไปทางผู้ใดไม่ แต่คำอธิบายของซั่งกวนเซ่าเฉินก็ทำให้ความเดือดดาลที่สั่งสมอยู่ในใจของหลิงมู่เอ๋อร์สลายหายไปโดยพลัน
สีหน้าของหลิงมู่เอ๋อร์หาได้ดูไม่ดีถึงเพียงนั้นแล้ว ทั้งยังไม่ได้เปิดปากต่อว่าข่มขู่คนอีก “ดี ในเมื่อหาได้ปกป้องผู้ใด ขอรบกวนท่านผู้บัญชาการสูงสุดสั่งการให้ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเข้มงวด!”
“จวิ้นอ๋องน้อยถึงอย่างไรก็เป็นจวิ้นอ๋อง ทั้งฮ่องเต้ยังพระราชทานกองกำลังเสริมมาให้ จวิ้นอ๋องถูกคนคิดวางแผนร้ายเช่นนี้ เป็นธรรมดาที่ข้าซึ่งเป็นผู้บัญชาการสูงสุดจะไม่อาจนั่งมองโดยไม่จัดการอันใดได้”
ได้รับคำตอบน่าพอใจ หลิงมู่เอ๋อร์ก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ “ดี ข้าหวังว่ายามนั้นที่ตรวจสอบพบความจริงแล้ว ท่านผู้บัญชาการสูงสุดจะยังเที่ยงธรรมเช่นยามนี้ จัดการลงโทษผู้ที่วางยาพิษตามกฎหมาย!”
ไม่สนใจทั้งสองคนที่อยู่เบื้องหลังอีก หลิงมู่เอ๋อร์เริ่มจดจ่อกับการรักษาดวงตาของซูเช่อ ท่าทางของนางอ่อนโยนราวกับเมื่อครู่หาได้มีท่าทางข่มขู่คน
สายตาของซั่งกวนเซ่าเฉินที่มองเห็น มือทั้งสองข้างกำแน่นในใจยิ่งรู้สึกริษยาสุดหยั่ง
หลิงไฉ่เว่ยรู้สึกว้าวุ่นใจอย่างถึงที่สุด ถึงขั้นไม่รู้ว่าออกจากกระโจมไปตั้งแต่เมื่อใด
“ไม่เป็นไรแล้ว ใช้ยานี้ทาต่อเนื่องไปสามวัน หลังจากนั้นข้าจะมาดูอาการอีกครั้งและจัดยาให้ท่านใหม่ หากไม่ผิดจากที่คาดไว้ ประมาณครึ่งเดือนดวงตาทั้งสองของท่านจะสามารถมองเห็นแสงได้อีกครา”
ดีที่มีจูฉีเป็นตัวอย่างก่อนหน้านี้ ทำให้หลิงมู่เอ๋อร์รักษาเขาได้อย่างราบรื่นเป็นอย่างยิ่ง
ได้ยินคำยกย่องของหมอหลวงโจวอย่างต่อเนื่องจนจบ ซูเช่อจับมือของนาง “ขอบคุณมู่เอ๋อร์”
ใช่ เขาตั้งใจ แม้ดวงตาของเขาจะถูกปิดเอาไว้ แต่เขาก็ยังรู้สึกได้ถึงสายตาโหดเหี้ยมของชายผู้หนึ่ง เขาตั้งใจจับมือของหลิงมู่เอ๋อร์ และจงใจขอโทษอย่างอ่อนโยน “ทั้งหมดต้องโทษข้า ยามนี้ข้ายังไม่อาจไปส่งเจ้าที่เมืองหลวงได้ แต่เจ้าวางใจข้าจะส่งกองกำลังย่อยที่มีฝีมือยอดเยี่ยมคุ้มครองเจ้ากลับไป”
หลิงมู่เอ๋อร์ส่ายหน้า “อย่าเสียแรงอีกเลยเพราะข้าจะไม่ไปแล้ว”
“ไม่ไปแล้วหรือ?” ซูเช่อและซั่งกวนเซ่าเฉินหลุดพูดออกมาเสียงดังอย่างตื่นตระหนก
“ใช่ อามู่เต๋อทำร้ายจวิ้นอ๋องน้อยจนเป็นเช่นนี้ หากไม่ใช่เพราะข้า จวิ้นอ๋องน้อยเกรงว่าจะเกินต้านลิขิตสวรรค์ ข้าจะต้องล้างแค้น” หลิงมู่เอ๋อร์มุ่งมั่นเกินไป เพียงแค่นึกถึงอามู่เต๋อในดวงตาของนางก็แผ่จิตสังหารรุนแรง
“ไม่ได้! เจ้ากลายเป็นเป้าหมายของอามู่เต๋อแล้วหากยังอยู่ที่นี่จะยิ่งอันตราย ยิ่งไปกว่านั้นก่อนที่พวกเราจะออกจากห้องพวกเรายังทำลายของทั้งหมดในห้องนั้น เขาจะต้องมาล้างแค้นเจ้าเป็นแน่ หากเจ้าถูกเขาจับเป็นเชลยศึกอีกครา ข้าไม่รับรองว่าจะช่วยชีวิตเจ้าออกมาได้อีกครั้ง!”
ซั่งกวนเซ่าเฉินเป็นคนแรกที่ไม่เห็นด้วย “อามู่เต๋อเป็นผู้นำทหารฝ่ายศัตรู ข้าจะตัดหัวเขานำไปให้ฮ่องเต้เอง ดังนั้นเจ้าต้องไปเสีย”
ซูเช่อเห็นด้วยกับคำพูดของซั่งกวนเซ่าเฉินเป็นอย่างยิ่ง “ใช่ หากเจ้ายังอยู่ที่นี่อามู่เต๋อจะคิดหาทุกวิถีทางเพื่อจับเจ้าไป เรื่องความแค้นระหว่างพวกเรา ข้าจะเป็นคนไปคิดบัญชีเอง มู่เอ๋อร์เจ้ากลับไปก่อนเถอะ”
ซั่งกวนเซ่าเฉินให้นางไปก็แล้วไปเถอะ แต่คาดไม่ถึงว่าซูเช่อก็ยังคล้อยตาม หลิงมู่เอ๋อร์เสียใจเป็นอย่างมาก
“ท่านลืมไปแล้วหรือว่าเขาทำเรื่องอัปยศอย่างไรต่อท่าน! หากไม่ใช่เพราะข้า ท่านก็ไม่ต้องเจอเรื่องเช่นนั้น ยิ่งไปกว่านั้นซั่งกวนเซ่าเฉินยังไม่เข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดเมื่อวาน ข้าไม่เชื่อว่าท่านจะเดาไม่ได้!” หลิงมู่เอ๋อร์พูดอย่างขุ่นเคือง “อีกทั้งข้าวางยาพิษเขาไปแล้ว ยาพิษนั้นคนอื่นไม่อาจแก้พิษได้ หากข้าเอาเรื่องแก้พิษมาต่อรองหาโอกาสฆ่าเขาอีกครั้ง ข้าคิดว่านี่เป็นโอกาสที่ดี”
เรื่องเมื่อคืนที่เกิดขึ้นซึ่งเขาไม่รู้คืออันใด?
เมื่อคืนเกิดเรื่องอันใดขึ้นกับพวกเขา?
ซั่งกวนเซ่าเฉินไม่ชอบความรู้สึกราวกับงมโข่ง [1] เช่นนี้
“ข้าเป็นผู้บัญชาการสูงสุด หากขัดคำสั่งกองทัพจะได้รับโทษตามกฎทหาร เช่นนี้เจ้าจะกลับหรือไม่กลับ!”
“ท่านช่างไร้เหตุผลนัก!” หลิงมู่เอ๋อร์ตะโกนตามหลังเขาที่กำลังออกไป น่าเสียดายที่เข้าไม่หันกลับมาและเดินไปอย่างรวดเร็ว
ภายในกระโจมเหลือเพียงหลิงมู่เอ๋อร์และซูเช่อสองคน
คนที่ดวงตามองไม่เห็น ประสาทการได้ยินจะว่องไวเป็นอย่างมาก ซูเช่อได้ยินเสียงถอนหายใจก็รับรู้ได้ว่าในยามนี้นางเสียใจเป็นอย่างยิ่ง
“หากข้าเดาไม่ผิดแม้เจ้าจะเสียใจแต่เพราะเขาไปช่วยเจ้า คงดีใจจนตัวลอยแล้วกระมัง?”
หลิงมู่เอ๋อร์มุ่ยปาก “หากท่านยังกล้าล้อข้าอีก ระวังข้าจะเขียนหนังสือเล่าเรื่องที่เกิดเมื่อคืนออกมาเล่มหนึ่ง จวิ้นอ๋องน้อยอยากลองหรือไม่?”
“ใจแคบ” ซูเช่อเม้มปาก
เขาจะลองลงจากเตียง หลิงมู่เอ๋อร์รีบกดเขาไว้ “อย่าขยับ ในหนึ่งเดือนนี้ท่านอย่าคิดลงจากเตียง”
“จะให้ข้านอนบนเตียงเช่นนี้ทุกวันเลยหรือ?” ซูเช่อถาม
หลิงมู่เอ๋อร์พยักหน้าราวกับไก่จิกข้าวสาร เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขามองไม่เห็นจึงรีบเสริม “อืม”
ทันใดนั้นซูเช่อก็จับแขนของนาง ยืมแรงนางพยุงตัวขึ้น หากไม่ใช่เพราะหลิงมู่เอ๋อร์หลบได้อย่างรวดเร็ว เมื่อครู่ระยะใกล้เพียงเท่านั้นก็เกือบทำให้ทั้งสองคนจูบกันแล้ว
“แม้ว่าข้าจะเป็นจวิ้นอ๋องน้อย แต่ในค่ายทหารก็ไม่มีแม้แต่สาวใช้สักคน นอนเช่นนี้ทุกวันเจ้าจะมาปรนนิบัติข้าหรือ?” น้ำเสียงของเขาชั่วร้าย จงใจเป่าลมร้อนทำให้หลิงมู่เอ๋อร์จั๊กจี้
ผลักเขาออกไปโดยพลันเมื่อครู่คิดจะพูดอย่างไร้ไมตรี แต่เมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดเมื่อวานที่เขาเสียสละเพื่อตน ในใจก็รู้สึกผิด
“ได้ ก็ใช่ว่าแม่นางผู้นี้จะพยายามปรนนิบัติท่านแค่ไม่กี่วันนี้ไม่ได้”
แม้ว่าคำพูดนี้จะเป็นการตอบรับ แต่ท่าทีฝืนใจก็ทำให้ซูเช่อเสียใจเป็นอย่างมาก “ชายหญิงไร้คู่ครองเช่นนี้ เจ้าช่างไม่สนใจชื่อเสียงตัวเองเอาเสียเลย ไม่สู้จวิ้นอ๋องเสียสละสักหน่อยรับเจ้าไว้ดีหรือไม่?”
“ได้!” หลิงมู่เอ๋อร์ตอบอย่างสบายๆ หาได้สังเกตร่างที่ลุกลี้ลุกลนอยู่นอกกระโจมไม่ นางเข้าไปใกล้ซูเช่อ “แต่ท่านอาจต้องรอ”
“รอนานเพียงใดหรือ?”
“ชาติหน้า”
ซั่งกวนเซ่าเฉินเพิ่งกลับมาที่กระโจมหลัก ก็มีทหารรีบร้อนเข้ามารายงาน
“ขอรายงานขอรับ เรียนท่านผู้บัญชาการสูงสุด ทัพข้าศึกส่งคนมาส่งจดหมายฉบับหนึ่งอ้างว่าขอยอมจำนนขอรับ”
เชิงอรรถ
[1] งมโข่ง หมายถึง ไม่ทันเหตุการณ์ คนที่ถูกหลอกไม่รู้เรื่องรู้ราว