เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 8 ตอนที่ 212 ไม่คู่ควร
- Home
- เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ?
- เล่มที่ 8 ตอนที่ 212 ไม่คู่ควร
เล่มที่ 8 ตอนที่ 212 ไม่คู่ควร
“กองทัพกลับมาแล้วหรือ? สถานการณ์เป็นเช่นไรบ้าง?” หลิงมู่เอ๋อร์เดินออกมาจากกระโจมหลังจากได้ยินความเคลื่อนไหว
“ขอรับ กองทัพกลับมาอย่างมีชัย แต่ข้าได้ยินมาว่าท่านผู้บัญชาการได้รับบาดเจ็บสาหัส… ไอ๊หยา แม่นาง” ทหารที่ดูแลนางยังเอ่ยไม่ทันจบ ตรงหน้าพลันเกิดลมกระโชกแรงพัดผ่าน แม่นางน้อยในกระโจมวิ่งหนีออกไปไกลแล้ว
หลิงมู่เอ๋อร์วิ่งไปที่กระโจมของท่านผู้บัญชาการในชั่วอึดใจเดียว นางมองไปยังเหล่าคนที่มุงอยู่ หญิงสาวพยายามยืดคอยาวชะเง้อมอง
“ทหาร รีบไปตัวแพทย์ทหารมาเร็วเข้า”
เสียงของหนานกงอี้จือแว่วมาจากระยะไกล หลิงมู่เอ๋อร์มองย้อนกลับไป จากนั้นก็เห็นซั่งกวนเซ่าเฉินที่ถูกหามกลับมาด้วยเปลหาม
นางกำลังจะพุ่งเข้าไปตรวจ แต่แพทย์จากสำนักหมอหลวงผู้ได้รับความเคารพอย่างสูงสองคนกลับแย่งเข้าไปก่อน อีกทั้งหลิงไฉ่เว่ยในสภาพน้ำตานองหน้าราวกับดอกสาลี่ต้องสายฝนเองก็นอนอยู่ข้างๆ เขา ทันทีที่นางได้ยินความเคลื่อนไหวเช่นกัน
“เฉ่าเซิน ท่านเป็นอย่างไรบ้าง? เหตุใดถึงได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ได้ เจ็บมากใช่หรือไม่?”
หลิงไฉ่เว่ยเช็ดหยาดน้ำใสบนใบหน้าของนางราวกับว่าตนเองเป็นนายหญิงของที่นี่ นางตะโกนใส่โฉวอวี่จินด้วยความตื่นตระหนกพอๆ กัน “พวกเจ้าปกป้องเขาประสาอะไร พวกเรามีกำลังเสริมแล้วไม่ใช่หรือ? เหตุใดเขาถึงได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้อีก?”
โฉวอี่จินไม่กล้าล่วงเกินสตรีที่อยู่ข้างกายท่านผู้บัญชาการ เขาเปิดปากจะเอ่ยอันใด ทว่าสุดท้ายก็กลืนมันกลับเข้าไป ทว่าหนานกงอี้จือนั้นมิได้เป็นเช่นเขา
“ข้าจำได้ว่าญาติผู้พี่ของข้าได้บอกเจ้าแล้วตอนที่เขารับปากว่าจะพาเจ้ามาที่นี่ เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางการทหารและศึกสงคราม ทหาร เข้ามาและพานางออกไปเดี๋ยวนี้”
“ข้าไม่ไป ให้ข้าเข้าไปอยู่เป็นเพื่อนเขา หนานกงอี้จือ ทำเกินไปแล้ว!” หลิงไฉ่เว่ยที่ถูกจับแขนไว้ลากออกไป นางก้าวสามก้าวหันไปมองสองก้าว “รอให้เซ่าเฉินฟื้นขึ้นมาก่อน เขาไม่มีทางปล่อยท่านไปแน่ ยามนี้เขาต้องการข้า ไอ้พวกโง่เง่า”
ในที่สุดเสียงที่ดังบาดแก้วหูก็หยุดลง ในเวลานี้ซั่งกวนเซ่าเฉินถูกหามเข้าไปในกระโจมแล้ว
หลังจากนั้นก็มีทหารที่บาดเจ็บถูกหามตามเข้ามาข้างหลัง หลิงมู่เอ๋อร์หมุนกายมองไปทั่ว ที่ด้านหลังของนางพลันแว่วเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น
“ตามหาข้าอยู่หรือ?”
หลิงมู่เอ๋อร์หันกลับไปมองทันที เห็นเพียงว่าซูเช่อที่หยักโค้งมุมปากโค้งขึ้น มองนางด้วยรอยยิ้มหล่อเหลา
หลังจากพูดได้เพียงสามวินาที เขาก็เอนเอียงไปข้างหน้า หลิงมู่เอ๋อร์รีบเข้าไปประคองร่างของเขาทันที “เจ้าบาดเจ็บ”
นางรีบร้อนพยุงเขาเข้าไปในกระโจมที่ใกล้ที่สุด หลิงมู่เอ๋อร์ให้ความสำคัญกับเขาเป็นพิเศษ ตรวจร่างกายให้เขาเป็นคนแรก “กองทัพศัตรูแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เชียว ท่านกับซั่งกวนเซ่าเฉินล้วนมิใช่คู่ต่อสู้ของเขาหรือ?”
หลิงมู่เอ๋อร์ถามไปพลางถอดชุดเกราะออกไป แต่ซูเช่อกลับจับมือนางเอาไว้แน่น “อย่าขยับ อย่าเปิด เปลี่ยนคนอื่นมา”
ใบหน้าของเขาซีดเซียวอย่างน่ากลัว เลือดสีแดงไหลซึมออกมาผ่านชุดเกราะ
“ใกล้จะตายแต่แล้วยังคิดจะทำตัวหล่อ” หลิงมู่เอ๋อร์ดุเขา บังคับให้ถอดชุดเกราะออก ทันทีที่เห็นนางก็ตกใจกับภาพตรงหน้าเป็นอย่างยิ่ง
เห็นเพียงเสื้อคลุมผ้าสีน้ำเงินเข้มของเขาปรากฏรอยเปื้อนสีแดงขนาดใหญ่บนหน้าอก ชายหนุ่มสวมเสื้อผ้าเปื้อนเลือดมาตลอด
แม้ว่านางจะเคยเห็นผู้ป่วยบาดเจ็บมากมาย แต่หลิงมู่เอ๋อร์ก็ยังคงหวาดกลัวกับฉากนี้ “ถ้าไม่อยากตาย ก็นอนเฉยๆ อย่าขยับ”
ในดวงตาของนางมีหยาดน้ำตาใสกลิ้งกลอก ซูเช่อคิดว่ามันคุ้มค่าแล้ว “สามารถทำให้เจ้าปวดใจเพื่อข้าได้ บาดแผลนี้ก็คุ้มค่าแล้ว”
“หุบปาก!” หลิงมู่เอ๋อร์ตำหนิ นางแหวกเปิดเสื้อผ้าบนหน้าอกอย่างระมัดระวัง แต่เนื่องจากบาดแผลลึกเกินไปและมีเลือดออกเยอะเหลือเกิน ผ้าบนหน้าอกจึงติดอยู่กับบาดแผล หากฝืนฉีกออก ไม่รู้ว่าจะผิวหนังจะฉีกด้วยหรือไม่ แต่ถ้าไม่ทำความสะอาด แผลจะยิ่งแย่ลง
“เหตุใดถึงได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้?” เสียงของนางสั่นเครือ แฝงไปด้วยความกังวล
“ในเมื่อรักข้าถึงเพียงนี้ เช่นนี้ราตรีนี้ก็ตามเปิ่นจวิ้นอ๋องกลับกระโจมเป็นไร ข้าจะพยายามรับเจ้าไว้เอง” ทั้งๆ ที่เจ็บปวดเจียนตาย แต่เขาก็ยังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ราวกับว่าเขากำลังดื่มด่ำอยู่กับช่วงเวลานี้
หลิงมู่เอ๋อร์ยกกำปั้นของนางขึ้นคิดจะต่อยลงไป ทว่าสุดท้ายก็มิอาจหักใจได้ “อดทนสักนิด ข้าจะพยายามระวัง แต่ขั้นตอนการรักษาจะเจ็บปวดยิ่งนัก”
ซูเช่อไม่ได้เอ่ยอันใด แต่เพียงมองนางด้วยสายตาที่สื่อว่า ‘ข้าเชื่อใจเจ้า’
ในเมื่อไม่สามารถฉีกมันโดยตรงได้ หลิงมู่เอ๋อร์จึงเลือกที่จะตัดมันอย่างระมัดระวังด้วยกริช แต่มันย่อมสัมผัสถูกบาดแผลของเขาไม่มากก็น้อย
ได้ยินเพียงเสียงครวญครางอู้อี้ นางเงยหน้าขึ้นมองทันที เพียงเพื่อเห็นซูเช่อที่มองนางด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ข้าทนได้ ทำต่อไปเถิด”
“ข้ารู้ว่าในสนามรบดาบไม่มีตา แต่ท่านมิใช่แม่ทัพหรือ เมื่อครู่มีทหารที่บาดเจ็บถูกส่งเข้ามาไม่มากนัก แล้วเหตุใดท่านถึงได้รับบาดเจ็บขนาดนี้?” หลังจากถอดผ้าทั้งหมดบนบาดแผลออกเรียบร้อยแล้ว หลิงมู่เอ๋อร์ถอนหายใจ นางเริ่มทำความสะอาดและให้ยากับเขา
“ทหารก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน ไม่ว่าผู้ใดบาดเจ็บก็เหมือนกันมิใช่หรือ?” ซูเช่อไม่สนใจ “อย่างไรก็ตาม กองทัพของเราได้รับชัยชนะครั้งใหญ่ อย่ามองว่าทั้งซั่งกวนเซ่าเฉินและข้าได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่อามู่เต๋อเลวร้ายกว่านั้น ข้าเชื่อว่าช่วงระยะเวลาสั้นๆ นี้ เขาจะไม่กล้าบุกเข้ามาอีก”
หลิงมู่เอ๋อร์ได้ยินเพียงคำสำคัญไม่กี่คำที่ว่า ‘ซั่งกวนเซ่าเฉินก็บาดเจ็บสาหัสเช่นกัน’
มือที่กำลังใส่ยาหยุดชะงัก นางอดไม่ได้ที่จะมองไปทางกระโจมฝั่งตรงข้ามจากมุมหางตา ทว่าแค่นั้นก็เพียงเพื่อที่จะเห็นผู้คนเข้าออกตลอดเวลา อีกทั้งทหารบางคนยังกำลังถืออ่างน้ำเลือดอยู่ในมือด้วย
รอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาพลันหายไปในชั่วพริบตา ซูเช่อเม้มริมฝีปาก เหยียดยิ้มเย้ยหยันให้ตนเอง “ในเมื่อเจ้าเป็นห่วงมากนักก็ไปดูเถิด แผลของข้าให้หมอสักคนดูก็ใช้ได้แล้ว”
ไม่รู้ว่าหลิงมู่เอ๋อร์ทำอะไรลงไป แต่ซูเช่อกลับร้องลั่น “อ๊าก! เจ้า สตรีนางนี้ เจ้าจะฆ่าข้าหรือ!”
“การกระทำที่ผ่านมาล้วนมิอาจหุบปากของท่านได้ ข้าเลยต้องเปลี่ยนวิธี จวิ้นอ๋องน้อยอยากจะพูดอะไรอีกหรือไม่?” นางถือมีดผ่าตัดไว้ในมือ นัยน์ตาฉายแววคุกคาม
“ที่แท้แล้วเจ้าก็เป็นสตรีอสรพิษ”
ซูเช่อไม่เพียงแค่ปิดปากอย่างเชื่อฟังเท่านั้น แต่เขายังปิดตาของตนเองด้วย เขาลืมตาลอบมองเป็นครั้งคราว ยามที่หลิงมู่เอ๋อร์ก้มหน้ารักษาให้เขา
เขาชอบที่จะเห็นยามที่หลิงมู่เอ๋อร์จริงจัง นางมีเสน่ห์เหลือเกิน มีเสน่ห์มากกว่าเหล่าคุณหนูในห้องหอในเมืองหลวงเสียอีก ราวกับว่านางมีประกายแสงส่องมาที่ตัว ซึ่งสามารถดึงดูดความสนใจของเขาได้เสมอโดยที่ไม่ตั้งใจ
“แม่นางหลิง เหตุใดเจ้าถึงอยู่ที่นี่ได้ เราตามหาเจ้ามานานเหลือเกิน” ทันใดนั้นเสียงของหมอโจวก็ดังขึ้นข้างหู
ยามที่หลิงมู่เอ๋อร์เงยหน้าขึ้น นางเห็นสีหน้าวิตกของเขา “มีอะไรเกิดขึ้นหรือเจ้าคะ ท่านหมอโจว?”
“สถานการณ์ฝั่งท่านผู้บัญชาการร้ายแรงยิ่งนัก พวกเราเหล่าผู้เฒ่าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากขอให้แม่นางหลิงช่วยมาดูแล้ว” ท่านหมอโจวแค่อยากจะบอกให้นางไปกับเขา แต่เมื่อเขาก้มศีรษะลงก็ตระหนักว่า ผู้ที่นางกำลังรักษาให้คือจวิ้นอ๋องน้อย เขาจึงทำได้แค่เอ่ยแก้ว่า “กระหม่อมไม่ทราบว่าจวิ้นอ๋องน้อยอยู่ที่นี่…”
“ท่านหมอโจวเองก็เห็นแล้วว่าจวิ้นอ๋องน้อยเองก็บาดเจ็บสาหัสเช่นกัน ข้าเกรงว่าข้าจะทิ้งเขาไปไม่ได้เจ้าค่ะ” ในใจของนางยังคงโกรธซั่งกวนเซ่าเฉินอยู่ แม้ว่านางจะรู้ว่าเขาได้รับบาดเจ็บ แต่นางก็เพียงแค่ไม่อยากไปที่นั่นเท่านั้น
“แม่นางหลิง เจ้าคิดว่าเช่นนี้ดีหรือไม่? ให้ข้ารักษาจวิ้นอ๋องน้อยเอง ส่วนเจ้าไปหาท่านแม่ทัพ?” หมอโจวครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดก็คิดวิธีที่จะได้รับประโยชน์สูงสุดจากผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสอง
“หมอโจว ท่านเองก็เป็นหมอเหมือนกัน ท่านย่อมรู้ดีกว่า คนไข้ที่หมอคนใดให้การรักษา หมอคนนั้นย่อมเข้าใจอาการป่วยของเขาได้ดีที่สุด จวิ้นอ๋องน้อยได้รับการรักษาจากข้า ข้าคือคนที่รู้สภาพร่างกายของเขาดีที่สุด ข้าเกรงว่ามันจะไม่เหมาะสม หากต้องแลกเปลี่ยนอย่างลวกๆ เช่นนี้” นางเงยหน้าขึ้นมองกระโจมฝั่งตรงข้าม “นอกจากนี้ยังมีแพทย์จากสำนักหมอหลวงที่น่านับถือหลายคนอยู่ที่นั่น ดังนั้นข้าเกรงว่าจะตนเองคงจะไม่จำเป็น”
“แม่นางหลิง…” หมอโจวยังคงต้องการจะพูดอะไรบางอย่างอีก แต่เมื่อเห็นความเด็ดเดี่ยวของนาง เขาก็ทำได้แค่ยอมแพ้
เสียงเยาะเย้ยของชายคนหนึ่งดังแว่วเข้าหูของนาง หลิงมู่เอ๋อร์ยกเข็มเงินขึ้นและแทงลงไปอย่างไร้ซึ่งความเกรงใจ
“โอ๊ย!” ยังคงเป็นเสียงคร่ำครวญอู้อี้ ทว่าซูเช่อไม่ได้โกรธ “ทั้งที่จริงๆ แล้วในใจเป็นห่วงแทบตาย แต่กลับปฏิเสธที่จะไป ไม่นึกว่าเจ้าจะใจร้ายขนาดนี้”
“ข้าแค่ขาดบุรุษข้างกายไปคนหนึ่ง มิได้สำคัญอะไรนัก ในเมื่อเขาไม่ได้รักข้าอย่างลึกซึ้ง แล้วเหตุใดข้าถึงต้องใจอ่อนให้เขา” หลิงมู่เอ๋อร์ทำหน้ามุ่ย “นอกจากนี้ ทางนั้นยังมีหมอหลวงมากมายห้อมล้อม เขาตายไม่ได้หรอก”
“ปากไม่ตรงกับใจ” แม้ซูเช่อจะพูดเช่นนี้ แต่เขาก็มีความสุขมาก
ในกระโจมท่านผู้บัญชาการ ซั่งกวนเซ่าเฉินโกรธอย่างไม่มีสาเหตุเมื่อเขาได้ยินรายงานจากหมอหลวงโจว
“อะไรนะ นางไม่ยินดีจะมารักษาให้ข้าหรือ?”
ทันใดนั้น หัวใจของเขาพลันโกรธจนแทบระเบิด กลืนลงไปก็ไม่ได้ คายออกไปก็ไม่ออก ซั่งกวนเซ่าเฉินมองไปทางหนานกงอี้จือด้วยความไม่เชื่อ “พวกเจ้าทุกคนไม่ได้บอกข้าว่านางเป็นคู่หมั้นของข้าหรือ เจ้าควรอธิบายให้ข้าฟังหรือไม่ นางหมายความว่าอย่างไร?”
“หากเป็นข้า ข้าก็ไม่มาเช่นกัน” แม้ว่าเขาอาจถูกทุบตีหลังจากพูดออกไปเช่นนี้ แต่หนานกงอี้จือก็ยังเดินไปข้างหน้า “รั้งสตรีอีกคนไว้ข้างกาย อีกทั้งยังเอ่ยเรื่องทำร้ายจิตใจเช่นนั้นอีก คนโง่เท่านั้นแหละที่จะมา”
“เจ้า…” ซั่งกวนเซ่าเฉินกระวนกระวาย สายตาของเขามองออกไปข้างนอก ทว่ากลับมองไม่เห็นสิ่งใดในสายตา แต่แค่คิดว่าคู่หมั้นของเขากำลังรักษาชายอื่น ในใจก็เกิดเพลิงโทสะที่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรขึ้นมา
หรือว่าสิ่งที่เขาพูดไปในวันนั้นมันเกินไปจริงๆ?
“ทหาร ข้าขอสั่งการให้หลิงมู่เอ๋อร์มาที่นี่ เดี๋ยวนี้!”
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุผลอันใด ยิ่งสตรีคนนั้นไม่มา เขาก็ยิ่งอยากให้นางมา เขาต้องการเห็นว่านางจะต่อต้านตนเองได้ถึงเพียงใด
หนานกงอี้จือปิดปากลอบหัวเราะเยาะอยู่อีกด้าน ซั่งกวนเซ่าเฉินส่งสายตาฟาดฟันเขาอย่างเย็นชา “เจ้าหัวเราะอะไร?”
“ข้าหัวเราะที่ญาติผู้พี่ของข้าก็มีความรู้สึกวิกฤตเหมือนกันด้วย” หนานกงอี้จือส่ายหัวพลางเอ่ย
“ที่แท้แล้ว ถึงคนในหัวใจจะถูกลืม แต่ก็จะไม่มีวันสลายหายไป หากญาติผู้พี่ของข้าไม่มีนางในหัวใจจริงๆ จะสนใจความคิดของนางมากไปเพื่ออันใด?”
ซั่งกวนเซ่าเฉินมิได้เอ่ยอันใด เขาแค่สงสัย เขาเป็นถึงผู้บัญชาการทหารสูงสุด ทุกคนควรทำตามคำสั่งของเขา แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับกล้าฝ่าฝืน นางมีสิทธิ์อันใด?
ไม่กี่นาทีต่อมา ทหารก็เดินเข้ามาด้วยท่าทางนอบน้อม “ท่าน ท่านผู้บัญชาการ…”
ซั่งกวนเซ่าเฉินมองไปข้างหลังเขา ก่อนจะหรี่ตา “นางจะไม่มาหรือ?”
“แม่นางหลิงเอ่ยว่า ท่านผู้บัญชาการทำให้นางผิดหวังเหลือเกิน ท่านไม่… ไม่คู่ควรจะได้รับการรักษาจากนางขอรับ” เหล่าทหารหลับตาปี๋ หัวใจราวกับตายไปแล้วก็ไม่ปาน
ใต้หล้านี้ถึงกับมีคนที่กล้าเอ่ยคำว่าไม่คู่ควรกับเขา
ซั่งกวนเซ่าเฉินโกรธจัด เขาอยากจะผุดลุกขึ้นจากเตียงทันที แต่กลับไม่ระวังสัมผัสโดนบาดแผลเข้า ทุกคนล้วนตกใจทันที “ท่านผู้บัญชาการ!”
“ไม่ง่ายเลยกว่าจะเย็บแผลนี้ได้ แผลกลับเปิดออกอีกครั้ง ญาติผู้พี่ ข้าควรสงสารท่าน หรือควรเอ่ยว่าสมควรแล้วดี?” หนานกงอี้จือถอนหายใจ และเมื่อกำปั้นโกรธของซั่งกวนเซ่าเฉินกำลังจะกระแทกลงมา เขาก็เผ่นพลิ้ววิ่งหนีไป
ในกระโจมฝั่งตรงข้าม หลิงมู่เอ๋อร์กำลังพันผ้าพันแผลให้ซูเช่ออย่างระมัดระวัง “แม้ว่าบาดแผลจะดูลึก แต่โชคดีที่ไม่ถูกพิษ หากท่านระมัดระวังให้ดี มันจะหายภายในไม่กี่วัน”
“เจ้าจะไม่ไปดูหน่อยหรือ?” ซูเช่อถาม “เขาบาดเจ็บหนักกว่าข้า นอกจากนี้ ที่เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอามู่เต๋อก็เพราะปกป้องทหารสามนาย บางทีเจ้าอาจไม่รู้จักอามู่เต๋อดี คนคนนั้นน่าสมเพชไร้ยางอาย วางแผนเก่ง หากไม่ไปในยามนี้ ภายหลังก็อย่าได้เสียใจเล่า”
“ใช่แล้ว พี่สะใภ้ ญาติผู้พี่ของข้ารู้ว่าตัวแล้วว่าผิด ดังนั้นให้โอกาสเขาเถิดนะ” หนานกงอี้จือมองนางด้วยท่าทางน่าสงสาร ยามที่เขาก้าวเท้าเข้ามา
“ผู้ใดคือพี่สะใภ้ของท่านกัน”
“หากไม่ใช่เพราะหมอหลวงในวังไร้หนทางช่วยเหลือแล้ว พวกเขาจะมาขอให้แม่นางไปช่วยตรวจรักษาถึงสองสามครั้งได้อย่างไร ท่านผู้บัญชาการได้รับบาดเจ็บสาหัสมากกว่าที่ท่านคิดไว้มาก” หนานกงอี้จือเปลี่ยนท่าทางยามปกติของเขา อีกทั้งยังเอ่ยอย่างจริงจัง “เขาถูกวางยาพิษ ตำแหน่งก็อยู่ตรงหน้าอกด้วย”