เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 7 ตอนที่ 201 ออกเดินทาง
- Home
- เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ?
- เล่มที่ 7 ตอนที่ 201 ออกเดินทาง
เล่มที่ 7 ตอนที่ 201 ออกเดินทาง
“ไม่ได้ เจ้าตามไปที่ค่ายทหารไม่ได้ เจ้าคิดว่านั่นเป็นสถานที่เช่นไรกัน?”
ท่าทีของซูเช่อนั้นมั่นคงแน่วแน่ ไม่ว่าหลิงมู่เอ๋อร์จะพยายามเกลี้ยกล่อมเขามากเพียงใดก็ตาม เขาล้วนปฏิเสธที่จะตกลง
“เจ้าเป็นห่วงความปลอดภัยของซั่งกวนเซ่าเฉินมากขนาดนั้นเลยหรือ? แม้แต่ชีวิตของตัวเอง เจ้าก็ไม่ต้องการแล้ว?”
หลิงมู่เอ๋อร์พยักหน้า “เขาช่วยชีวิตข้าเอาไว้ เวลาที่เขามีปัญหา ข้าไม่อาจเพิกเฉยนั่งมองเป็นผู้ชมได้ นอกจากนี้ ท่านมิใช่บอกว่าที่นั่นขาดแคลนแพทย์หรือ ข้าสามารถไปช่วยได้พอดี ท่านให้ข้าแกล้งทำเป็นแพทย์ทหารที่ติดตามไปด้วยก็ได้ อย่างไรข้าก็ไม่ได้ไปที่สนามรบ ไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายแน่”
“ถ้าเช่นนั้นข้าเองก็เคยช่วยชีวิตเจ้าเช่นกัน เจ้าจะตอบแทนข้าอย่างไร?” ซูเช่อถามกลับพร้อมถอนใจอย่างเศร้าสร้อย “เจ้าคิดว่าในค่ายทหารไม่มีอันตรายหรือ? เหตุใดกองทัพของเราจึงพ่ายแพ้กะทันหัน นั่นก็เป็นเพราะถูกข้าศึกโจมตีในเวลากลางคืน ศัตรูจะสนใจหรือว่าเจ้าเป็นบุรุษเป็นสตรี เป็นทหารหรือเป็นหมอ?”
กล่าวโดยสรุป สิ่งใดที่อาจคุกคามความปลอดภัยของนาง เขาจะไม่มีทางรับปากแน่
“ซูเช่อ!”
หลิงมู่เอ๋อร์ เองก็ร้อนใจแล้วเช่นกัน ดวงตาที่เต็มไปด้วยไหวพริบของนางกลอกไปมา นึกถึงมาตรการตอบโต้
“ไม่ว่าเจ้าจะหาเหตุผลใดมา ข้าก็ไม่เห็นด้วย มันไม่ใช่สถานที่ที่สตรีจะไปได้ ซั่งกวนเซ่าเฉินเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด เดิมทีเรื่องหนักหนาอันตรายย่อมไม่หลุดไปถึงมือเขา ไม่เช่นนั้น ฮ่องเต้ย่อมไม่มีทางส่งข้าไปเป็นกองกำลังสนับสนุนในยามนี้” ซูเช่ออธิบาย “นอกจากนี้ การศึกครานี้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งสำหรับเขา การปรากฏตัวของเจ้ามีแต่จะทำให้เขาเสียสมาธิ หากนายทหารคนหนึ่งแสดงอาการกังวลใจ เช่นนั้นก็มีแต่จะถูกศัตรูจับไว้เป็นจุดอ่อน เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าจะไม่ได้ไปช่วย แต่จะเป็นการไปสร้างปัญหาแทน”
หลิงมู่เอ๋อร์กัดริมฝีปากล่างของนางแน่น นางอ้าปากพะงาบๆ แต่ไม่สามารถหาข้อแก้ตัวที่เหมาะสมเพื่อเกลี้ยกล่อมเขาต่อได้
“แต่ว่า ข้าไม่วางใจพี่ใหญ่”
ด้วยเหตุผลบางอย่าง นางรู้สึกร้อนรนเป็นอย่างยิ่ง ราวกับว่ามีเรื่องใหญ่บางอย่างเกิดขึ้น หากไม่ใช่เพราะเมื่อครู่ซูเช่อไม่อาจปิดซ่อนจากนางได้ จนต้องให้นางดูสาสน์ นางเองก็คงไม่รู้ข่าวที่ว่าซั่งกวนเซ่าเฉินฉวยโอกาสจากชัยชนะไล่ตามศัตรูไป ทว่ายังไม่กลับมาจนถึงตอนนี้
ไม่ได้ ไม่ว่ายังไงก็ตาม นางต้องไปดูด้วยตาของตัวเอง นางต้องอยู่เคียงข้างเฉินในช่วงเวลาวิกฤตนี้
“ได้ หากท่านไม่ตอบรับ ข้าจะไปที่วังและขอให้ฮ่องเต้ทรงพระราชทานพระราชโองการให้ข้าไปที่สนามรบชายแดน ข้าเชื่อว่าหากอิงตามความสำคัญที่ฮ่องเต้ให้กับพี่ใหญ่ พระองค์จะเห็นด้วยกับข้าอย่างแน่นอน อย่างไรเสียข้าก็เป็นเซียนแพทย์ที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง”
หลิงมู่เอ๋อร์เอ่ยจบก็ทำท่าจะหันหลังกลับเพื่อจากไป แม้ว่านางจะเป็นเพียงประชาชน แต่การที่นางจะเข้าวังนั้นกลับเป็นเรื่องที่ง่ายมาก ไม่ว่านางจะขอให้เจาหยางจวิ้นจู่น้อยช่วย หรือให้หนิงกั๋วโหวช่วย นางล้วนสามารถเข้าเฝ้าฮ่องเต้ได้อย่างง่ายดาย
ซูเช่อรีบเข้าไปขวางทางของนาง “เจ้าอยากไปตายถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”
“ถึงข้าตาย ข้าก็จะตายไปพร้อมกับพี่ใหญ่”
ท่าทีของหลิงมู่เอ๋อร์มั่นคง นางมองไปทางซูเช่อด้วยดวงตาเด็ดขาดสีดำสนิทของนาง คำพูดเหล่านี้เป็นราวกับกระบี่อันคมกริบที่แทงเข้าไปในหัวใจของเขา ซูเช่อถูกโจมตีจนเจ็บปวดแทบทนไม่ไหว
“หากเจ้าขอร้องข้า ข้าอาจจะพิจารณา แต่หากเจ้าเอาเขามากระตุ้นข้า เปิ่นหวางยิ่งไม่มีทางเห็นด้วย”
ซูเช่อโบกมือเรียกจื่อถงเข้ามา
“นายท่าน มีรับสั่งอันใด”
“จงเชิญแม่นางหลิงออกไป เปิ่นจวิ้นอ๋องต้องเก็บสัมภาระ ไม่อนุญาตให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามารบกวน”
เขาถึงกับปฏิบัติต่อนางเป็นคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง?
หลิงมู่เอ๋อร์กัดริมฝีปากของนาง ก็แค่ขอร้องไม่ใช่หรือ? มีอะไรที่ไม่ได้กัน
นางกระแทกร่างของจื่อถงจนกระเด็นออกไป หลิงมู่เอ๋อร์ยืนอยู่ข้างหลังซูเช่อ ดึงแขนเสื้อของเขาอย่างระมัดระวัง พูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “จวิ้นอ๋องน้อยเพคะ~”
เสียงที่นุ่มนวลอ่อนหวานที่พาให้ใจอ่อนยวบ ทำให้กระดูกทั่วร่างของซูเช่อเปราะสลาย
หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นเรียกเช่นนั้น เขาย่อมเตะมันจนปลิวกระเด็น แต่น้ำเสียงที่บอบบางและมีเสน่ห์ของหลิงมู่เอ๋อร์ ทำให้หัวใจของเขาจั๊กจี้นัก
“เจ้า…”
“ข้ารู้ว่าจวิ้นอ๋องน้อยดีกับข้ามากเหลือเกิน ไม่ว่าคำขอใดก็ย่อมตอบรับใช่หรือไม่?”
หลิงมู่เอ๋อร์เอียงศีรษะ ดวงตากลมโตมองเขาอย่างไร้เดียงสา ส่วนมืออีกข้างก็ดึงแขนเสื้อของเขาเอาไว้ สองมือน้อยเขย่าแขนของเขา “มู่เอ๋อร์ขอร้องท่าน จวิ้นอ๋องน้อยได้โปรดตอบตกลง เพียงครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น ได้หรือไม่?”
สิ่งที่มู่เอ๋อร์พูดทำให้หัวใจของเขาเต้นแรง เขาแทบจะทนส่งนางไปประหารไม่ไหว
เพื่อให้ได้ยืนอยู่เคียงข้างซั่งกวนเซ่าเฉิน นางยอมตกเป็นรองยอมใช้ความอ่อนหวานของตนเอง เห็นได้ชัดว่าเขาควรจะโกรธ แต่เขาไม่สามารถโกรธนางที่มีเสน่ห์เช่นนี้ได้ลง
“เจ้าปล่อยข้าออกก่อน” ใบหน้าอันหล่อเหลาของซูเช่อปรากฏก้อนเมฆน้อยแดงระเรื่อ เขามองไปทางอื่นด้วยความเขินอาย
“ข้าไม่ปล่อย เมื่อใดที่ท่านตกลง ข้าถึงจะปล่อย” หลิงมู่เอ๋อร์ตั้งใจแน่วแน่ เมื่อเห็นว่าซูเช่อหวั่นไหว นางจึงคว้าโอกาสจากชัยชนะรุกไล่โจมตีต่อ “จวิ้นอ๋องน้อยใจดีกับข้าเสมอ ข้าเชื่อว่าคำของ่ายๆ แบบนี้ ท่านย่อมไม่มีทางปฏิเสธ นอกจากนี้ ที่ท่านไม่อนุญาตให้ข้าไปก็เพียงเพราะท่านกังวลว่าข้าจะตกอยู่ในอันตรายยามที่อยู่ในค่ายทหาร แต่ว่าท่านก็อยู่ด้วยนี่ ท่านย่อมไม่ปล่อยให้ข้าได้รับบาดเจ็บแน่นอน ใช่หรือไม่?”
นางกะพริบตาอย่างซุกซน ดวงตาสีดำสนิทราวกับอัญมณีเต็มไปด้วยเงาของเขา
“ข้าแพ้เจ้าแล้วจริงๆ” หัวใจของซูเช่อสั่นสะท้าน ในที่สุดก็ทนไม่ได้ “ช่างเถิด เจ้าชนะแล้ว แต่เจ้าต้องสัญญากับข้าก่อนว่าหากมีอันตรายจะซ่อนอยู่ข้างหลังข้ากับซั่งกวนเซ่าเฉิน ไม่ว่าเจ้าจะเจออะไรหลังจากที่ไปถึงชายแดน ล้วนต้องฟังคำสั่งของข้า!”
ซูเช่อสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “อย่าคิดว่าฮ่องเต้ทรงโปรดปรานซั่งกวนเซ่าเฉินขนาดจะปล่อยให้สตรีเข้าไปในค่ายทหาร เจ้าคิดว่านั่นเป็นสถานที่แบบใดถึงปล่อยให้มันวุ่นวายได้? ข้าจะเอาชื่อแพทย์ทหารออก หลังจากเข้าวังจะเอาชื่อเจ้ามาใส่แทน แต่เจ้าต้องปฏิบัติตามระบบแพทย์ทหารในค่ายทหารอย่างเคร่งครัด มิฉะนั้น ข้าจะส่งเจ้ากลับเมืองหลวงทันที”
แม้ว่าข้อกำหนดนี้จะดูรุนแรง แต่ก็ดีกว่าการที่ยืนกรานไม่ให้นางไป
หลิงมู่เอ๋อร์ตอบตกลงทันที นางยิ้มมุมปาก เลิกคิ้ว “ขอบคุณจวิ้นอ๋องน้อย เข้าจะเชื่อฟังและไม่สร้างปัญหาให้แก่ท่าน”
กองทัพมีกำหนดจะออกเดินทางในอีกสามวันให้หลัง หลิงมู่เอ๋อร์จึงใช้สามวันนี้เพื่อมอบหมายงานของภัตตาคารอาหารตะวันตกและโรงหมอ
ร้านอาหารและภัตตาคารอาหารตะวันตกมีท่านลุงและท่านพ่อคอยเฝ้าให้ ในยามปกติยังมีจวิ้นจู่น้อยและหลิงจือเซวียนที่คอยดูแลอยู่ด้วย ดังนั้นจึงไม่ต้องกลัวว่าจะมีปัญหาใดๆ
สำหรับโรงหมอ หลิงมู่เอ๋อร์ติดป้ายประกาศว่าจะออกไปรักษาคนไข้ด้านนอกครึ่งปี ทิ้งให้ซางจือและเจี้ยงเซียงดูแล
อย่างไรการไปค่ายทหาร ย่อมเป็นเรื่องที่จะเป็นหรือตายย่อมมิอาจทราบได้ หลิงมู่เอ๋อร์เดิมทีต้องการปกปิดเรื่องนี้กับทุกคน แต่นางก็กังวลว่านางจะไม่กลับมา ดังนั้นนางจึงบอกความจริงกับทุกคนในคืนก่อนออกเดินทาง แน่นอนว่าท่านแม่และท่านยายของนางเป็นคนแรกที่ไม่เห็นด้วย แต่พวกนางไม่สามารถเอาชนะความตั้งใจของนางได้
ท้องฟ้าเพิ่งจะสว่าง จูฉีก็เคาะประตูห้องของนาง
“น้องมู่เอ๋อร์ ข้ารบกวนเวลาพักผ่อนของเจ้าหรือไม่?”
จูฉีวางห่อสัมภาระใบเล็กที่เขาเตรียมไว้บนโต๊ะ และมองนางอย่างมิอาจหักใจ “นี่คือของที่ข้าเตรียมไว้ให้เจ้า อาจใช้ประโยชน์ได้ระหว่างเดินทาง ยามนี้การเดินทางไปชายแดนอันตรายยิ่งนัก เจ้าต้องเพิ่มความระมัดระวังให้ดี”
จูฉีมีภาพลักษณ์ที่อ่อนโยนและมีน้ำใจอยู่เสมอ แม้แต่ยามที่พูดจาก็เอ่ยเสียงเบาอ่อนหวาน ไม่น่าแปลกใจที่สาวๆ หลายคนในเมืองหลวงล้วนชื่นชอบเขา
“ขอบคุณพี่ใหญ่จูมากเจ้าค่ะ” แม้ว่านางไม่พกมันไป แต่หลิงมู่เอ๋อร์ก็ยังขอบคุณด้วยรอยยิ้ม นี่คือน้ำใจของเขา แล้วนางจะทำลายน้ำใจของเขาได้อย่างไร
“เจ้า… ช่างเถิด ข้ารู้ว่าเจ้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่มีประโยชน์ที่จะเกลี้ยกล่อมอีก แต่ข้าได้ยินมาว่ายามนี้ชายแดนกำลังวุ่นวาย เจ้าต้องดูแลตัวเองให้ดีเมื่อไปถึงที่นั่น ซังกวนเซ่าเฉินเป็นถึงผู้บัญชาการทหาร อาจไม่มีเวลามากพอที่จะดูแลเจ้า หากเจ้ารู้สึกเบื่อก็กลับมา ข้า… พวกเราจะรอเจ้าที่บ้าน”
“ท่านวางใจเถิด พี่จู ข้าจะดูแลตัวเองให้ดีอย่างแน่นอน ทว่าท่านกับพี่ชายยามนี้ล่วงเกินองค์ชายหก เกรงว่าชีวิตในเมืองหลวงคงจะลำบาก พวกท่านเองก็ต้องใส่ใจเรื่องความปลอดภัยด้วย ยามที่ข้ากลับมาต้องเห็นร่างกายที่ไม่บุบสลายของพวกท่านนะเจ้าคะ”
จูฉีพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม แม้ว่าเขาจะยังมีเรื่องอีกมากที่อยากจะพูด แต่เขาก็รีบจากไปทันทีที่ได้ยินเสียงฝีเท้านอกประตูที่ใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ
ทุกคนในครอบครัวหลิงล้วนมาส่งหลิงมู่เอ๋อร์ แม้ว่าจะมีการตกลงกันเสียดิบดีว่าห้ามมีใครร้องไห้ในวันที่ออกเดินทาง ทว่าทุกคนล้วนร้องไห้ราวกับเด็กก็ไม่ปาน
“พี่สาว ท่านจะไปที่ชายแดนจริงๆ หรือ ข้าได้ยินพี่ชายบอกว่าที่นั่นอันตรายนัก” หลิงจื่ออวี้ขดกายอยู่ในอ้อมแขนของนาง ไม่ยอมปล่อยมือ เดิมทีเขาก็เป็นเด็กตัวน้อยอยู่แล้ว ยามนี้ยิ่งร้องไห้ก็ยิ่งเหมือนเด็กมากกว่าเดิม
“จื่ออวี้เด็กดี พี่สาวจะไปเพื่อช่วยชีวิตคน ที่ชายแดนมีผู้คนและทหารจำนวนมากที่ได้รับบาดเจ็บ ในฐานะแพทย์ ข้าต้องการแสดงทักษะทางการแพทย์ แต่จื่ออวี้ไม่ต้องกังวลไป พี่สาวจะกลับมาอย่างรวดเร็วแน่นอน”
ยามที่มองไปยังหยางซื่อกับท่านยายอีกครั้ง บนใบหน้าของพวกเขาล้วนมีความรู้สึกไม่อาจหักใจได้อย่างท่วมท้น
หลิงมู่เอ๋อร์โน้มตัวเข้าไปกอดทั้งสองคนแน่น “ท่านแม่ ท่านยาย อย่าร้องไห้ไปเลยเจ้าค่ะ มู่เอ๋อร์ไปเพื่อช่วยผู้คนมิได้ไปตาย ย่อมไม่มีอันตรายใดๆ ข้าสัญญาว่าข้าจะปลอดภัยและกลับมาให้เร็วที่สุด พวกท่านอยู่ที่บ้านก็ต้องดูแลตัวเองดีๆ นะเจ้าคะ”
นางทิ้งยาที่พัฒนาขึ้นใหม่ให้ทุกคนเมื่อคืนนี้ “นี่เป็นยาที่ข้าค้นคว้าโดยใช้สมุนไพรพิเศษ เมื่อถึงยามจำเป็น มันสามารถรักษาพิษได้ทุกชนิดในใต้หล้า และยังทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นอีกด้วย ทุกคนไม่ต้องไปส่งแล้วเจ้าค่ะ”
สายตาของนางตกไปอยู่ที่หลิงจือเซวียนอีกครั้ง นางมองเขาที่สวมเสื้อคลุมผ้าทอ หลิงมู่เอ๋อร์รู้ว่านิสัยของพี่ชายเปลี่ยนไปตั้งแต่เขาแต่งงาน
ใช่แล้ว ข้ามักจะต้องเข้าออกวังเสมอ และมักจะต้องต่อกรกับคนเจ้าเล่ห์ชั่วร้ายใจดำเหล่านั้น จะปลีกตัวออกห่างได้อย่างไร
“พี่ชาย ดูแลพี่สะใภ้ให้ดี ยามตั้งครรภ์นางไม่สามารถอยู่ตัวคนเดียวได้ และท่านต้องดูแลพ่อแม่ให้ดี ครอบครัวนี้ต้องฝากพี่แล้ว”
ตอนนี้เขาเป็นราชบุตรเขย และเป็นถึงบุตรชายบุญธรรมของหนิงกั๋วโหว และเป็นจ้วงหยวนผู้รุ่งโรจน์ในปัจจุบัน สามฐานะ คิดว่าคนอื่นคงไม่กล้ารังแก
หลิงจือเซวียนลูบไล้ผมยาวของนางด้วยความรักเอ็นดูตามปกติ “เอาละ เจ้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับพวกเราแล้ว ชายแดนไม่เหมือนเมืองหลวง ที่นั่นวุ่นวายและเปล่าเปลี่ยว เจ้าดูแลตัวเองให้ดีก็พอแล้ว หากเป็นไปได้ก็จงกลับมาเร็วๆ”
หลิงมู่เอ๋อร์ยิ้มบาง “เติบโตมาในหมู่บ้านตระกูลหลิงมากว่าสิบปีก็มิใช่ว่าจะไม่เคยผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาก่อน นอกจากนี้ ชายแดนก็อยู่ใกล้กับหมู่บ้านตระกูลหลิง ข้าย่อมเข้าใจสถานที่นั้นเป็นอย่างดี ข้าสัญญากับพวกท่าน ว่าจะกลับมาให้เร็วๆ และปลอดภัยแน่นอน”
หลังจากออกจากจวนตระกูลหลิง เกี้ยวรถม้าของจื่อถงก็รอมาอยู่เป็นเวลานานแล้ว
“นายท่านสั่งให้ข้ามารับแม่นางที่นี่ พวกเราจะออกไปรอทัพใหญ่ที่นอกเมืองขอรับ”
“ลำบากเจ้าแล้ว”
หลิงมู่เอ๋อร์นั่งเงียบๆ บนเก้าอี้เกี้ยว นางไม่กังวลเลยสักนิดว่าซูเช่อจะใช้เล่ห์เพทุบายทิ้งนางกลางทาง หลังจากออกจากประตูเมือง กองทัพขนาดใหญ่ยังมาไม่ถึง ประมาณสองเค่อต่อมา ซูเช่อในชุดเกราะก็ควบม้าสีขาวเข้ามา
ผ้าคลุมสีแดงใบหน้าหล่อเหลาในชุดเกราะสีขาวเปี่ยมล้นกลิ่นอายของวีรบุรุษ
นี่เป็นครั้งแรกที่หลิงมู่เอ๋อร์ได้เห็นท่าทางเช่นนี้ของจวิ้นอ๋องน้อย แต่นางก็ยังรู้สึกว่าเขาไม่หล่อเท่าชั่งกวนเซ่าเฉิน
ผลสุดท้ายก็เป็นไปอย่างที่เขาพูด หลังจากที่กองทัพใหญ่ออกจากประตูเมือง หนึ่งในหมอหลวงถูกลบออกไปหนึ่งคน และนางคือผู้ที่มาแทน
เห็นได้ชัดว่าเรื่องภายในได้รับการจัดการจากซูเช่อไว้ก่อนล่วงหน้า กลุ่มหมอหลวงที่เหลืออีกเก้าคนทำเหมือนไม่รู้ไม่เห็นก็ไม่ปาน ซูเช่อมิอาจทนไหวที่นางจะถูกบีบให้นั่งบนรถม้าคันเดียวกันกับกลุ่มหมอหลวง เขาเสนอให้นางนั่งคนเดียว แต่นางกลับปฏิเสธ
“ในเมื่อตกลงกันแล้วว่าจะไปพร้อมแพทย์ทหาร ข้าย่อมได้รับอะไรที่พิเศษมากไปกว่าผู้อื่นไม่ได้ มู่เอ๋อร์รู้สึกขอบคุณมากสำหรับความช่วยเหลือจากจวิ้นอ๋องน้อย และข้าก็ไม่กล้ารบกวนท่านมากไปกว่านี้”
เห็นได้ชัดว่านางกำลังทนทุกข์ แต่ก็ยังมีท่าทางเบิกบานยินดี ซูเช่อเม้มริมฝีปากแน่น “ดูท่าทางมีความสุขของเจ้าสิ รอจนเจ้าเจอกับซั่งกวนเซ่าเฉินที่ยุ่งเกินกว่าจะสนใจเจ้า ยามนั้นเจ้าต้องร่ำไห้แน่”
หลิงมู่เอ๋อร์ยักไหล่ของนางด้วยท่าทีเฉยเมย เดิมทีไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าสถานการณ์จริงจะแย่ยิ่งกว่าคำหยอกล้อของซูเช่อเสียอีก