เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 7 ตอนที่ 199 แลกเปลี่ยนข้อตกลง
- Home
- เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ?
- เล่มที่ 7 ตอนที่ 199 แลกเปลี่ยนข้อตกลง
เล่มที่ 7 ตอนที่ 199 แลกเปลี่ยนข้อตกลง
“นายท่าน ข้าได้ข่าวที่แน่ชัดแล้วว่าคนในวังกำลังจะลงมือกับสตรีสติวิปลาสคนนั้นขอรับ ข้าได้จัดองครักษ์ไว้รอบกายเพื่อปกป้องนางแล้ว หากยามนี้ท่านออกเดินทาง เวลาน่าจะกำลังประจวบเหมาะพอดีขอรับ”
อิ๋นถงอธิบายอยู่ด้านหลัง พยายามไล่ตามฝีเท้าของนายท่านให้ทัน ซูเช่อพลิกกายขึ้นหลังม้า เขาถือบังเหียนไว้ในมือ “ไป!”
หลังจากที่จากไปเป็นเวลาครึ่งเดือนในที่สุดก็ได้กลับมาที่จวนจวิ้นอ๋อง ซูเช่อไม่ได้เข้าประตูหลัก หลังจากรวมตัวกับจื่อถงแล้ว ทั้งสามคนก็เหาะขึ้นไปบนหลังคาด้วยวิชาตัวเบา แน่นอนว่าด้านล่างนั้นมีชายเจ็ดหรือแปดคนกำลังมุดเข้าทางลับด้วยท่าทางหลบๆ ซ่อนๆ เข้าไปในสถานที่เปลี่ยวร้าง
“นายท่าน…”
จื่อถงกำลังจะเปล่งเสียง ทว่ากลับถูกซูเช่อยื่นมือออกมาหยุดไว้
ด้านล่าง องครักษ์ที่องค์รัชทายาททิ้งไว้ตั้งแต่ทีแรกเห็นเงาร่างของชายในชุดดำแล้ว ทั้งสองฝ่ายเริ่มประมือต่อสู้กัน แต่คราวนี้คนที่เขาคนนั้นส่งมามีฝีมือไม่ธรรมดาเลยทีเดียว พวกเขาจัดการสังหารคนขององค์รัชทายาททั้งหมดในเวลาไม่ถึงครึ่งก้านธูป
“ลงมือ!”
ในขณะที่ชายในชุดดำกำลังจะเข้าไปในสถานที่รกร้างเพื่อทำการลอบสังหาร ซูเช่อก็พลันออกคำสั่ง ก่อนจะเหาะขึ้นไป จื่อถงเป่านกหวีดเรียกองครักษ์เงาที่อยู่โดยรอบทันที ก่อนที่ชายในชุดดำหลายสิบคนจะเหาะเหินลงมาจากท้องฟ้าในพริบตา
“เจ้าไม่ใช่คนของนายท่านหรือ?” ชายในชุดดำไม่รู้จักซูเช่อ
“บิดามาเพื่อจะเอาชีวิตของเจ้า!”
ราวกับว่าไม่ให้อีกฝ่ายได้มีโอกาสตอบโต้ ซูเช่อเหวี่ยงดาบยาวในมือของเขาแทงเข้าที่ไหล่ของชายชุดดำทันที ชายชุดดำเจ็บปวดรวดร้าว พวกเขาทำการต่อต้านทันใด
ทั้งสองฝ่ายประมือกันอีกครั้ง
องครักษ์ที่ซ่อนอยู่ของซูเช่อล้วนเป็นสุดยอดหัวกะทิที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นเวลาหลายปี แม้ว่าวรยุทธ์ของคู่ต่อสู้จะยอดเยี่ยม แต่สุดท้ายพวกเขาก็พ่ายแพ้หลังจากผ่านไปสองสามกระบวนท่า
ครั้งนี้เขาไม่ได้ฆ่าพวกมันทั้งหมดให้สิ้น แต่เหลือไว้คนหนึ่ง
“ยามนี้เจ้ารู้แล้วหรือยังว่าข้าคือผู้ใด?”
บริเวณเอวและต้นขาของชายคนนั้นได้รับบาดเจ็บจากคมดาบ ยามนั้นเขาถูกคนสองคนผลักไปอยู่ตรงหน้าซูเช่อ ดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยจิตสังหารนั้นเย็นชาคมกริบ เดิมทีเขาอยากจะเอ่ยว่าไม่รู้ แต่ยามที่เห็นป้ายหยกข้างเอวของเขา ชายหนุ่มพลันขมวดคิ้วมุ่นทันที
“ที่แท้ก็เป็นจวิ้นอ๋องน้อยนี่เอง เฮอะ ตกอยู่ในเงื้อมมือของท่านแล้ว จะฆ่าจะแกงก็แล้วแต่ใจท่านปรารถนาเถิด!”
มันเป็นคนที่ใจหยิ่งทระนงในศักดิ์ศรีเหลือเกิน
ในอดีต ผู้ที่ถูกส่งมาจากคนคนนั้นอาจเป็นยอดฝีมือจากในวัง หรือทหารราชองครักษ์หลวงสักคน พวกเขาทั้งหมดมีฝีมือที่ไม่ธรรมดา
เมื่อก่อนเขาไม่ชอบให้คนอื่นกำเริบเสิบสานในจวนจวิ้นอ๋องของเขา ดังนั้นเขาจึงไม่เคยปล่อยให้อีกฝ่ายรอดออกไปสักราย ลองนับดูแล้ว นี่คงเป็นครั้งที่สี่ได้แล้วกระมัง?
เห็นได้ชัดว่าคนที่ได้รับคัดเลือกมาในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเรื่องฝีมือหรือไหวพริบล้วนใช้หัวใจในการเลือก เห็นได้ว่าคนคนนั้นเองก็ใจร้อนแล้วเช่นกัน
“วางใจเถิด ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า” หลังจากส่งสัญญาณทางสายตาให้จื่อถงและอิ๋นถง ชายในชุดดำก็ถูกปล่อยตัวไป
“กลับไปบอกเจ้านายของเจ้าว่าข้ากับพระองค์ได้ผูกความแค้นกันอย่างเป็นทางการแล้ว ให้พระองค์รักษาบัลลังก์ฮองเฮาเอาไว้ให้ดี เพราะในวันข้างหน้าข้าจะเป็นคนลากพระองค์ให้ลงมาจากบัลลังก์ด้วยมือของข้าเอง ไป!”
ชายในชุดดำยังคงคิดจะลงมืออีก แต่เขากลับถูกห้อมล้อมด้วยคนของจวิ้นอ๋องน้อย ผู้ที่เฉลียวฉลาดย่อมเป็นผู้ที่เข้าใจสถานการณ์ หลังจากที่จ้องเขม็งด้วยสายตาเคียดแค้นแล้ว เขาก็หายตัวไปจากจวนจวิ้นอ๋อง
เหล่าองครักษ์เงาที่นอนบาดเจ็บอยู่บนพื้น เมื่อเห็นว่าเป็นจวิ้นอ๋องน้อย พวกเขาพากันคุกเข่าลงบนพื้นทีละคน “ขอบพระคุณจวิ้นอ๋องน้อยเจ้าที่ช่วยชีวิตพ่ะย่ะค่ะ”
หนึ่งในนั้นเกรงว่าอาจจะเป็นมือขวาของอดีตองค์รัชทายาท เขาแสดงความเคารพอีกครั้ง “วันนี้ทุกคนล้วนหลีกเลี่ยงนายท่านให้ห่าง ทว่าจวิ้นอ๋องน้อยกลับยื่นมือเข้าช่วยเหลือ หรือว่าพระองค์ตัดสินใจที่จะยืนข้างนายท่านแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
ซูเช่อไม่ได้เอื้อนเอ่ยคำใด ทำเพียงแค่หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาและเช็ดดาบที่เปื้อนเลือดอย่างระมัดระวัง ทันใดนั้น ดาบยาวพุ่งพรวด แสงอาทิตย์ที่สะท้อนจากคมดาบสาดเข้าที่ดวงตาขององครักษ์เงา ตัวดาบที่เย็นยะเยือกวางลงบนคอของเขา
“พระองค์ทรงหมายความว่าอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ จวิ้นอ๋องน้อย?”
“ไม่มีกระไร แค่ลองดาบดูว่ามันแหลมคมปราดเปรียวหรือไม่” ซูเช่อเม้มริมฝีปาก มีท่าทีของนายท่านผู้เผด็จการและหยิ่งยโสจองหองอีกครั้ง “กลับไปบอกนายของเจ้า ข้ามีเรื่องจะคุยกับเขา ข้าเชื่อว่าคงไม่เป็นการยากที่จะหาโอกาสหลบหนีออกมาจากการตรวจตราของทหารยามในวัง”
หลังจากทิ้งกระดาษข้อความลงไป ซูเช่อก็เก็บดาบกลับเข้าไปในฝัก และก่อนที่เขาจะก้าวเท้ายาวๆ จากไป ชายหนุ่มก็โยนคำพูดทิ้งท้ายสองสามคำว่า “ข้าจะรอเขาตามที่อยู่นี้ตอนเที่ยงของวันพรุ่ง บอกนายของเจ้าว่าข้ามีเวลาให้แค่สองเค่อ หากเขาไม่มาก็ถือว่าแยกย้าย”
หลังจากกล่าวจบ เขาก็พาจื่อถงและอิ๋นถงหายตัวไปจากสถานที่รกร้างแห่งนี้
สตรีวิปลาสในเรือนร้างยังคงศึกษาการเย็บปักถักร้อยอย่างตั้งใจ นางไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นข้างนอกเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังไม่รู้ตัวว่าตนเองรอดตายมาได้อย่างหวุดหวิดอีกครั้ง
หลังจากออกจากสถานที่รกร้างแล้ว ซูเช่อก็สั่งการให้จื่อถงนำคนไปคุ้มกันสตรีวิปลาสต่อ ทว่ายามที่เขากำลังจะจากไป เสียงที่คุ้นเคยและเร่งร้อนก็ดังมาจากข้างหลัง
“เช่อเอ๋อร์…”
ฝีเท้าหยุดโดยไม่รู้ตัว แม้ว่าซูเช่อจะไม่ได้หันกลับมามอง ทว่ามือที่ถือดาบอยู่กลับกำแน่น
องค์หญิงใหญ่ทรงปลาบปลื้มยินดียิ่งนัก นางรีบพุ่งเข้าไปยืนตรงหน้าเขาทันที “เป็นเจ้าจริงๆ ด้วย เช่อเอ๋อร์ ในที่สุดเจ้าก็ยินดีจะกลับมาแล้วใช่หรือไม่? เจ้ารู้หรือไม่ว่าแม่คิดถึงเจ้าแทบขาดใจแล้ว”
เอ่ยไปแล้วก็ทำท่าจะเข้ามากอดเขา ทว่ากลับถูกซูเช่อหลบหลีกด้วยท่าทางรังเกียจยิ่ง “กระหม่อมกลับมาเพื่อแก้ปัญหาบางอย่างเท่านั้น มิได้มีความตั้งใจที่จะอยู่ที่นี่ต่อ เกรงว่าจะทำให้องค์หญิงใหญ่ทรงต้องผิดหวังแล้ว ทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”
คำพูดของเขาปราศจากอารมณ์ แม้ว่าจะเป็นคนแปลกหน้าที่เขาไม่เคยพบมาก่อนก็หาได้ปฏิบัติอย่างเย็นชาถึงเพียงนี้ไม่
หัวใจขององค์หญิงใหญ่เจ็บปวดราวกับถูกแทงด้วยมีด นางคว้าข้อมือของเขาไว้ได้ทันท่วงทีก่อนที่เขาจะก้าวออกไป “เช่อเอ๋อร์ บทลงโทษที่เจ้ามอบให้ข้ายังไม่พออีกหรือ? เจ้ารู้หรือไม่ว่าทุกวันนี้ข้าใช้น้ำตาต่างน้ำล้างหน้า ทุกวินาทีมีไว้เพื่อรอคอยให้เจ้ากลับมา ข้ายอมรับผิดกับเจ้าแล้ว เจ้ายังต้องการจะให้ข้าทำเช่นไรอีก?”
กลัวจะทำให้บุตรชายขุ่นเคือง องค์หญิงใหญ่รีบร้อนส่ายหน้า “ไม่ เจ้าบอกแม่มาเถิด เจ้าต้องการให้แม่ทำอย่างไรถึงจะสามารถลบความแค้นในใจที่มีต่อแม่ได้ ขอเพียงแค่เจ้าเอ่ยออกมา แม่พร้อมจะทำทุกอย่าง”
เขาจ้องมองไปที่มือที่จับเขาไว้จากปลายหางตา บนมือนั้นมีรอยแผลเป็นชัดเจน เกรงว่าคงเข้าไปในครัวเพื่อต้มน้ำแกง ก่อนจะถูกน้ำแกงลวกอีกแล้วกระมัง?
หัวใจของเขากำลังเป็นห่วง ทว่าก็อดกลั้นเอาไว้อีกครั้ง
ในเมื่อตั้งใจที่จะตัดความสัมพันธ์นับแต่นี้ไปแล้ว เขาไม่สามารถใจอ่อนได้ ท้ายที่สุด สิ่งที่เขาต้องทำต่อไปนั้นมีความสำคัญยิ่งยวด ไม่อาจดึงผู้บริสุทธิ์เข้ามาเกี่ยวข้องได้
“พระองค์จะทำตามที่กระหม่อมบอกทุกอย่างจริงๆ หรือพ่ะย่ะค่ะ?”
ในที่สุดก็ได้ยินเสียงที่เช่อเอ๋อร์เอ่ยกับตัวเองแล้ว และในที่สุดก็ได้เห็นภาพสะท้อนเงาของตนเองในดวงตาของเช่อเอ๋อร์แล้ว องค์หญิงใหญ่เกือบจะร้องไห้ออกมาด้วยความปีติ นางรีบพยักหน้าทันที
“ใช่ ขอเพียงแค่เจ้าเอ่ยออกมา แม่จะทำอย่างแน่นอน”
“ได้ เช่นนั้นกระหม่อมขอให้องค์หญิงใหญ่ทรงอยู่ห่างๆ จากกระหม่อมเสียหน่อย เพราะกระหม่อมไม่ต้องการพบพระองค์อีกพ่ะย่ะค่ะ”
สิ้นเสียง เขาก็สะบัดมือของนางออกอย่างรุนแรง ก่อนจะเหาะหนีไปพร้อมกับจื่อถงและอิ๋นถง
“เช่อเอ๋อร์… เช่อเอ๋อร์!”
นางเจ็บปวดจนคุกเข่าลงไปบนพื้น ก่อนจะเห็นจวิ้นอ๋องที่รีบวิ่งพุ่งมา องค์หญิงใหญ่ตบหน้าเขา “ล้วนเป็นเพราะเจ้า ล้วนเป็นเจ้าที่ทำร้ายข้า ไม่เช่นนั้นเช่อเอ๋อร์กับข้าจะเดินมาจนถึงจุดนี้ได้อย่างไร เจ้าเอาลูกของข้าคืนมานะ คืนเช่อเอ๋อร์ของข้ามา!”
จวิ้นอ๋องกอดภรรยาที่กำลังร่ำไห้ด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวในอ้อมแขนแน่น ไม่ว่านางจะดิ้นรนตะเกียกตะกายมากเพียงใด จวิ้นอ๋องก็ไม่มีความคิดที่จะปล่อย “เป็นข้าที่ไม่ดีเอง ล้วนเป็นเพราะข้าที่ไม่ดีเอง เจ้าวางใจ ข้าจะทำให้เช่อเอ๋อร์กลับมาหาเจ้าอีกครั้งให้ได้ ข้า ซูเจิ้งซิ่ว ครานี้จะทำให้ได้ จะไม่ทำร้ายจิตใจของเจ้าอีก”
วันต่อมา ยามเที่ยง
เรือสำราญที่เคลื่อนไหวลับๆ กลางทะเลสาบพลันเทียบท่า ชายหนุ่มผู้หนึ่งที่แต่งกายเหมือนพ่อค้าเดินขึ้นเรือด้วยท่าทางสง่าผ่าเผย
ในห้องโดยสาร ชายหนุ่มอีกคนกำลังร่ำสุราชมทิวทัศน์ จากหางตา เขาเห็นใครบางคนนั่งอยู่ตรงข้ามเขา เขาใช้กำลังภายในผลักแก้วสุราออกไป “เป็นเรื่องยากจริงๆ ที่จะให้ฝ่าบาทเสด็จออกมารวมตัวที่นี่ท่ามกลางแสงแดดที่แผดเผา สุราจอกนี้ ข้าขอดื่มให้พระองค์”
เอ่ยจบ ซูเช่อพลันกระดกสุราหมดจอกในครั้งเดียว
องค์รัชทายาทที่นั่งฝั่งตรงข้ามรับจอกสุราไปก่อนจะโยนมันกลับคืน แม้ว่าจะไม่กระทบถูกเขา แต่ความโกรธก็ยังคงพุ่งทะยานเช่นเคย “ซูเช่อ เจ้าหมายความว่าอย่างไร เจ้านัดข้ามาพบที่นี่ ถ้าหากมีใครรู้เข้า หัวของข้าคงจะหลุดจากบ่า นอกจากนี้ ยามนี้ข้ามิใช่องค์รัชทายาทอีกต่อไปแล้ว ทั้งหมดนี้ต้องขอบใจเจ้าจริงๆ”
ขณะที่เอ่ย องค์รัชทายาทก็ยกกำปั้นขึ้นพลางเดินเข้ามาหาเขา ซูเช่อไม่หลบ แต่บอกให้เขาหยุดด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ
“หากกระหม่อมสามารถคืนตำแหน่งองค์รัชทายาทให้พระองค์ได้ องค์รัชทายาทจะยังโทษกระหม่อมในสิ่งที่ทำในตอนนั้นอยู่หรือไม่?”
เขามองดูซูเช่อด้วยความไม่เชื่อ พยายามมองเจตนาของเขาจากสีหน้า แต่หลังจากที่เฝ้ามองเป็นเวลานาน เขาไม่พบเบาะแสใดๆ ยิ่งไปกว่านั้น เขายังพบว่าแววตาของซูเช่อลึกล้ำมากกว่าเดิม
“เจ้าวางแผนอะไรกันแน่? ข้าเป็นไท่จื่อที่ถูกปลดแล้ว เจ้าคงจะมิอาจไขว่คว้าผลประโยชน์ใดๆ จากข้าได้อีก หากเจ้ากำลังวางแผนบางอย่างจริงๆ ข้าแนะนำให้เจ้าช่วยตัวเองให้รอดก่อนเถิด”
เขารินสุรารสแรงด้วยท่าทางดื้อรั้น วันทั้งวันถูกขังอยู่ในจวน เป็นเวลานานมากแล้วที่เขาไม่ได้ดื่มอย่างสบายอกสบายใจ องค์รัชทายาทมองดูไหสุราที่อยู่ตรงหน้าเขา จากนั้นมองไปที่ซูเช่อ สุดท้ายเพลิงโทสะของเขาก็สลายหายไปครึ่งส่วน
“องค์ชายสามไม่จำเป็นต้องรู้ว่ากระหม่อมกำลังวางแผนอะไรอยู่ แต่ไม่ต้องห่วง กระหม่อมย่อมไม่มีเจตนาจะทำร้ายพระองค์อีก มิเช่นนั้นคงไม่ได้ช่วยนางไว้เมื่อวานนี้”
เมื่อได้รับข่าวนี้ คิ้วขององค์ชายสามยิ่งขมวดมุ่น เดิมทีเขาก็ไม่เข้าใจซูเช่ออยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งไม่เข้าใจมากขึ้นไปอีก
“พวกเรามาทำข้อตกลงแลกเปลี่ยนกัน กระหม่อมจะช่วยพาสตรีในสถานที่รกร้างนั้นกลับเข้าวัง ส่วนพระองค์ก็มอบหลักฐานทั้งหมดในมือที่สามารถทำร้ายฮองเฮาได้มาให้กระหม่อม”
ซูเช่อวางจอกสุราลง กลับไปเอ่ยถึงประเด็นสำคัญต่อ
องค์ชายสามที่เดิมทียังคงสงสัยอยู่พลันตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะออกมา “ฮ่าๆๆๆ ข้าว่าแล้วว่าเหตุใดจู่ๆ เจ้าถึงได้ปรากฏตัวที่จวนจวิ้นอ๋อง อีกทั้งยังช่วยคนของข้าด้วย ซูเช่อหนอซูเช่อ ข้ายังเดาอยู่เลยว่าเป็นผู้ใดกันที่ทำร้ายเจ้า ที่แท้แล้วเราก็มีศัตรูคนเดียวกันนี่เอง ทว่าอย่างไรก็ตามข้าสามารถใช้กำลังของตนเองส่งเสด็จแม่กลับเข้าวังได้ เช่นนั้นแล้วเหตุใดข้าต้องพึ่งพาเจ้าด้วย?”
ซูเช่อไม่รีบร้อน “พระองค์ทรงคิดว่าคนในวังผู้นั้นหลังที่ทราบการเคลื่อนไหวของพระองค์แล้วจะยังนั่งอยู่เฉยๆ รอพระองค์ลงมือหรือพ่ะย่ะค่ะ? กระหม่อมเกรงว่าหลังจากที่พระองค์ทรงพยายามทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อช่วยสตรีในเรือนร้าง นางจะยิ่งส่งนักฆ่าเข้าจวนจวิ้นอ๋องเพิ่มมากกว่า ยิ่งไปกว่านั้น ในวังยังได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนา ฮองเฮาเองก็ทรงครอบครองอำนาจในวังหลังเพียงคนเดียว พระองค์ทรงแน่ใจหรือว่าเสด็จแม่ของพระองค์จะได้เข้าเฝ้าฮ่องเต้ได้อย่างปลอดภัย? อีกทั้งยังสามารถเล่าความลับของคดีที่ถูกทำร้ายในครั้งนั้นได้?”
เมื่อเห็นองค์รัชทายาทขมวดคิ้ว ซูเช่อก็เลิกคิ้วขึ้น “หากพระองค์ยังทรงเป็นองค์รัชทายาท เรื่องทั้งหมดนี้ย่อมง่ายดายเป็นอย่างยิ่ง ทว่ายามนี้พระองค์คือองค์รัชทายาทผู้ถูกผลักไส หากฮ่องเต้เชื่อมั่นในตัวพระองค์จริงๆ หลิงมู่เอ๋อร์ตัวเล็กๆ คนหนึ่งย่อมไม่มีทางปลดพระองค์ออกจากตำแหน่งองค์รัชทายาทได้สำเร็จ ดังนั้นพระองค์ทรงคิดว่าฮ่องเต้จะเชื่อคำพูดของพระองค์หรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“เจ้า…”
หลังจากนั้นผ่านไปเนิ่นนาน องค์ชายสามก็ไม่สามารถหาเหตุผลมาแก้ตัวได้
เมื่อเห็นแววตาอาฆาตในดวงตาของซูเช่อยามที่เขาเอ่ยถึงฮองเฮา เขาก็ตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “ข้าจะเชื่อได้อย่างไรว่าเจ้าไม่ได้โกหกข้าเรื่องหลักฐาน ทว่าความจริงแล้ว เจ้ากำลังพยายามจะฆ่าข้า”
“พระองค์ไร้อำนาจไร้กำลัง ตำแหน่งองค์ชายยังไม่เรืองอำนาจเท่าตำแหน่งจวิ้นอ๋องน้อยของกระหม่อมเลย นอกจากนี้ เป็นคนผู้นั้นที่ทำให้จวนจวิ้นอ๋องต้องพบเจอเรื่องอัปยศ กระหม่อมต้องการให้นางได้ลิ้มรสความเจ็บปวดยามที่ความจริงถูกเปิดเผยพ่ะย่ะค่ะ”
จอกสุราถูกวางลงบนโต๊ะอย่างรุนแรง ซูเช่อมองดูเขาด้วยแววตาที่ตั้งใจ “เรื่องราวในวันวานล้วนช่างมันไป กระหม่อมจะช่วยให้พระองค์ได้ตำแหน่งองค์รัชทายาทคืน ส่วนพระองค์ก็ยกเรื่องของฮองเฮาให้กระหม่อมช่วยจัดการ องค์รัชทายาทมีเวลาคิดดูอีกสามวัน หากไม่เห็นด้วย ก็คิดเสียว่าวันนี้พวกเรามิเคยได้พบพานกัน”
เขาปล่อยจอกสุรา จอกสุราสีขาวเนื้อละเอียดพลันตกพื้นแหลกละเอียด ยามที่ซูเช่อลุกขึ้น เดินผ่านร่างของเขาไป องค์รัชทายาทก็ตัดสินใจได้ ก่อนเอ่ยว่า “ได้ ตกลงแลกเปลี่ยน”