เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 7 ตอนที่ 194 แตกร้าว
- Home
- เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ?
- เล่มที่ 7 ตอนที่ 194 แตกร้าว
เล่มที่ 7 ตอนที่ 194 แตกร้าว
“อะไรนะ? ยังไม่พบจวิ้นอ๋องน้อยอีกหรือ?” องค์หญิงใหญ่กระวนกระวายใจดั่งมีไฟเผา นางยกมือขึ้นสะบัดฝ่ามือฟาดลงบนหน้าของคนรับใช้ที่คุกเข่าอยู่ด้านล่าง เสียงดังกึกก้อง “ไร้ประโยชน์ พวกเจ้าล้วนไร้ประโยชน์ จวนจวิ้นอ๋องเลี้ยงพวกเจ้าไว้ทำไมกัน”
“องค์หญิงใหญ่โปรดยกโทษให้ด้วย พวกบ่าวจะไปตามหาอีกครั้งเจ้าค่ะ”
ไม่กล้ากุมหน้าที่เจ็บปวด กองทหารรักษาพระองค์รีบหยัดกายลุกขึ้นออกตามหาต่อทันที
“สถานที่ทั้งหมดที่เซ่อเอ๋อร์อาจจะปรากฏหรืออาจจะไม่ปรากฏขึ้นมา สถานที่ทั้งหมดที่เขาเคยไปมาก่อน ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องไปดูให้ได้สักครั้ง อีกทั้งสหายของเขาในเมืองหลวง ไม่ว่าจะเป็นบุรุษหรือสตรี จงไปสอบถามอย่างละเอียดให้ข้า”
นางตะโกนไล่หลังเงาร่างของคนรับใช้ องค์หญิงใหญ่หอบหายใจหนัก
เซ่อเอ๋อร์หายไปหนึ่งวันหนึ่งคืน นางไม่กล้าคิดว่าหลังจากที่เขาได้รู้ความจริง เด็กจะทำอะไร
คนรับใช้ที่คุกเข่าอยู่อีกด้านหนึ่งเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “องค์หญิงใหญ่ ทางด้านสตรีผู้นั้นจะให้ส่งคนไปดูหรือไม่เพคะ?”
“ส่งคนไปหรือ? ยังจะต้องส่งใครไปอีก? แม้กระทั่งว่าอีกฝ่ายเป็นใครยังไม่รู้ด้วยซ้ำ ไม่มีใครที่รอดชีวิตกลับมา เจ้าต้องการให้ชื่อเสียงสังหารคนขององค์หญิงใหญ่ถูกคนทั้งโลกกล่าวขานใช่หรือไม่?”
องค์หญิงใหญ่เปล่งเสียงตะคอกด้วยโทสะ ก่อนจะครุ่นคิดวางแผนต่อ
เมื่อเย็นวานนี้ นางส่งคนไปลอบสังหารม่อเนี่ยง แต่ผลปรากฏว่าจอมยุทธ์ทั้งหลายที่นางส่งไปนั้นจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่กลับมา เช้าวันนี้นางส่งคนไปตรวจสอบอีกครั้ง และคนที่กลับมาบอกนางว่าคนของนางทั้งหมดล้มกองอยู่บนพื้น หัวของพวกเขาล้วนถูกตัด
ด้วยวิธีการลงมือที่โหดร้ายเช่นนี้ นางคิดไม่ออกว่าผู้ที่ลงมือสังหารคือใคร ทว่ายามนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือตามหาเซ่อเอ๋อร์ของนางให้เจอ
“องค์หญิงใหญ่ จวิ้น… จวิ้นอ๋องน้อยกลับมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
พ่อบ้านชราหอบแฮ่ก เขาวิ่งมาตลอดทางจากหน้าประตูใหญ่ มือข้างหนึ่งยังชี้ไปด้านหลัง “แต่ แต่ว่า…”
“แต่ว่าอะไร เซ่อเอ๋อร์อยู่ที่ไหน?”
เมื่อได้ยินข่าวว่าบุตรชายของนางกลับมา องค์หญิงใหญ่รีบวิ่งออกไปทันที แต่กลับถูกพ่อบ้านห้ามเอาไว้ “องค์หญิงใหญ่ ท่านต้องเตรียมใจให้พร้อมก่อน จวิ้นอ๋องน้อย…เขาไม่ได้กลับมาคนเดียวพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น องค์หญิงใหญ่พลันอึ้งตะลึง นางยังไม่ทันคิดได้ชัดเจนก็เห็นร่างหนึ่งเดินเข้ามาอย่างช้าๆ ด้วยย่างก้าวที่หนักหน่วง
เห็นเพียงร่างของซูเช่อที่แผ่กลิ่นอายสังหารเข้มข้น ดวงตาของเขาแดงก่ำแหลมคม แลดูว่างเปล่า ทว่ากลับยิ่งดูเหมือนว่าจะสามารถดึงดูดจิตวิญญาณของคนได้ ใบหน้าที่หล่อเหลายังคงเปราะเปื้อนไปด้วยเลือด หลังจากที่องค์หญิงใหญ่ได้เห็นเงาร่างนี้ นางก็ถอยหลังไปสองสามก้าว จนเกือบจะล้มลง
“องค์หญิงใหญ่” แม่เฒ่ารีบประคองนาง
นางสะบัดร่างของแม่เฒ่าทิ้ง องค์หญิงใหญ่มองไปข้างหน้าด้วยความตื่นตกใจ ไม่ผิด เซ่อเอ๋อร์ของนางกลับมาแล้ว แต่ตัวเขาเต็มไปด้วยเลือด ใบหน้าของเขาซีดอย่างคนที่ผ่านอะไรมาโชกโชน ทว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขาในอ้อมแขนของเขากำลังโอบอุ้มร่างของศพที่สกปรกราวกับขอทานอยู่…
สายลมแผ่วเบาพัดผ่าน แม้ว่าเวลาจะผ่านพ้นไปยี่สิบปีแล้ว เพียงเห็นแค่เห็นหน้านางผ่านเส้นผมที่ปรกบังนั้น นางก็สามารถจดจำตัวตนของสตรีนางนั้นได้ในพริบตา
ตึก
หัวใจของนางสั่นสะท้านอย่างหนักหน่วงทันที “เซ่อ เซ่อเอ๋อร์…”
“เป็นท่านที่ส่งคนมาฆ่านางหรือ?”
ยืนห่างจากท่านแม่ประมาณสามหมี่ ซูเช่อกอดร่างของม่อเนี่ยงเอาไว้แน่น ยามที่สายตาจดจ้องมองไปทางท่านแม่ มันไร้ซึ่งคลื่นอารมณ์ใดเป็นพิเศษ ทว่าสายตาที่ตั้งคำถามนั้นราวกับสามารถสังหารนางได้ก็ไม่ปาน
องค์หญิงใหญ่ไม่เคยเห็นสายตาของเด็กน้อยเป็นเช่นนี้มาก่อน
นางกลัวแล้ว ให้ตายก็ไม่มีทางยอมรับ “ไม่ ไม่ใช่ข้า”
ตึง วัตถุที่มีลักษณะคล้ายลูกหนังกลมๆ ถูกซูเช่อเตะมาหยุดอยู่ที่ข้อเท้าขององค์หญิงใหญ่ ยามที่มันกลิ้งมาถึงเท้าของนาง ผ้าที่ห่อไว้ก็คลายหลุดออก เผยให้เห็นใบหน้าที่ซีดเซียวอัปลักษณ์
“กรี๊ด!”
องค์หญิงใหญ่ตกใจกลัวแทบสิ้นสติแล้ว นางรีบซ่อนตัวในอ้อมแขนของแม่เฒ่า ก่อนจะมองซูเช่อด้วยความไม่เชื่อ “เซ่อเอ๋อร์ เจ้าตัดหัวเขาหรือ เจ้ากลายเป็นคนที่ลงมือฆ่าได้อย่างไร?”
ตลอดยี่สิบปีตั้งแต่เขาเติบโตขึ้นมา ซูเช่ออ่อนโยนราวกับหยก เจ้าเล่ห์ชั่วร้ายเหมือนจิ้งจอกมาโดยตลอด ชายหนุ่มไม่เคยกระหายเลือดและรุนแรงเฉกเช่นนี้มาก่อน เหตุใดเพียงการโจมตีครั้งเดียวถึงได้พลิกนิสัยของคุณชายจนทำเรื่องโหดร้ายและไร้หัวใจเช่นนี้ได้?
“อู๋เฟิง องครักษ์ประจำกายของท่าน ท่านส่งเขาไปที่บ้านไม้ในเมืองเฟิ่งเพื่อฆ่าป้าโม่หญิงชราไร้ทางสู้ แม้แต่การสังหารเซ่อเอ๋อร์ยังมิอาจโหดเหี้ยมได้เท่าท่านแม่เลย!”
ในช่วงครึ่งหลังของประโยค ซูเช่อดูเหมือนจะใช้พละกำลังทั้งหมดของเขาคำรามออกมา
องค์หญิงที่เดิมทีก็ตื่นตระหนกอยู่แล้ว เมื่อเห็นซูเช่อเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งตกใจจนตัวสั่นมากขึ้นไปอีก นางพยายามลองขยับเข้าใกล้ “เซ่อเอ๋อร์ฟังคำอธิบายของแม่ก่อน…”
“นางตายไปแล้ว ท่านจะยังอธิบายไปอีกทำไม? 20 ปีที่แล้ว ท่านยังขับไล่นางออกจากเมืองหลวงไม่พอ 20 ปีต่อมา ถึงได้สั่งให้คนไปฆ่านางอีก ท่านแม่ ท่านช่างโหดเหี้ยมยิ่งนัก!”
ซูเช่อกัดฟัน ยามที่มองไปยังองค์หญิงใหญ่อีกครั้ง ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น
องค์หญิงคนโตที่เมื่อครู่ยังรู้สึกละอายใจอยู่ ยามนี้นางเม้มริมฝีปาก ส่ายศีรษะพลางเหยียดยิ้มเย็นชา “เซ่อเอ๋อร์ เจ้าเองก็รู้ว่าแม่เป็นแม่ของเจ้า ข้าทำสิ่งนี้มิใช่เพื่อเจ้าหรอกหรือ? ตราบใดที่ผู้หญิงตายไป ก็จะไม่มีคนไปสืบเรื่องเมื่อ 20 ปีก่อนอีกแล้ว จะไม่มีใครสนใจตัวตนของเจ้าอีก นอกจากนี้ ข้ายังแม่ของเจ้า เจ้าคิดกับข้าเช่นนี้ได้อย่างไร?”
“ต่อจากนี้ไปจะไม่ใช่อีกแล้ว!”
ทันทีที่องค์หญิงใหญ่พูดจบ ซูเช่อก็คำรามใส่นางทันที
องค์หญิงใหญ่จ้องมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา “เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”
นางไม่เคยคิดมาก่อนว่าวันหนึ่ง ซูเช่อจะปฏิเสธตัวตนในฐานะแม่ของนาง
นางเลี้ยงดูเขามานานหลายปี นางปรารถนาจะมอบสิ่งดีๆ ให้เขาทั้งหมด ให้เขากลายเป็นคุณชายอันดับหนึ่งของเมืองหลวง ผู้คนล้วนบอกว่าบุณคุญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือบุญคุณในการเลี้ยงดูให้เติบใหญ่ ทว่าเพื่อสตรีที่ไม่เคยพบหน้า เขาถึงกับเอ่ยว่าไม่ต้องการนางแล้ว?
“เมื่อปีนั้นที่ท่านฆ่านาง นางโชคดีพอที่จะรอดมาได้ ท่านรู้หรือไม่ว่าตลอด 20 ปีที่ผ่านมานางใช้ชีวิตอย่างยากลำบากเพียงใด?”
ซูเช่อวางร่างของป้าโม่ลงบนพื้นอย่างระมัดระวัง มองนางโทรมและน่าสังเวช แม้แต่เสียงคำรามของเขาก็ยังสั่นสะท้าน “นางเกือบตาบอด และเพื่อความอยู่รอดในโลกนี้ นางไปทำงานในทุ่งนาทุกวัน ลดปริมาณอาหารประหยัดเสื้อผ้า แบกรับความเจ็บปวดจากความรักทว่ากลับไม่กล้าปรากฏตัวในเมืองหลวง นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่านามของทารกที่นางตั้งท้องมาสิบเดือนนั้นคืออะไร แต่ท่านกลับสั่งการสังหารนางอย่างโหดร้ายอีกครั้ง”
เขาตัวสั่น โมโห ความโกรธของเขาพุ่งทะยานเสียดฟ้า “ท่านที่โหดเหี้ยมไร้ความปรานีถึงเพียงนี้ ไม่คู่ควรที่จะเป็นท่านแม่ของข้า!”
เปรี้ยง ราวกับถูกสายฟ้าฟาดอย่างไรอย่างนั้น องค์หญิงใหญ่สั่นสะท้าน เจ็บปวดเหลือคนา “อย่างไรเสียนั่นก็เป็นสิ่งที่นางสมควรจะได้รับ!”
ถูกบุตรชายประณามเสียดสีต่อหน้าคนรับใช้มากมาย องค์หญิงใหญ่โมโหจนอวัยวะภายในเจ็บปวด
“ถ้าตอนนั้นนางไม่สานสัมพันธ์กับพ่อของเจ้าอย่างไร้ยางอาย ข้าจะฆ่านางได้อย่างไร? นอกจากนี้ ข้าทำแบบนี้ไม่ใช่ว่าเพื่อเจ้าหรอกหรือ?”
องค์หญิงใหญ่ผู้อ่อนโยนและสง่างามมาตลอด ไม่เคยบ้าคลั่งขนาดนี้
น้ำตาสองสายรินไหลลงมาบนใบหน้าอันบอบบางของนาง นางมองบุตรชายที่มองตัวเองราวกับว่าเป็นปีศาจ นางเจ็บปวดจนแทบหายใจไม่ออก “ข้าเป็นแม่ของเจ้า ถึงแม้ว่าจะไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด ข้าก็ปฏิบัติต่อเจ้าเหมือนเป็นบุตรชายแท้ๆ ของข้ามาตลอด อีกทั้งยังดูแลดียิ่งกว่าเจาหยางด้วยซ้ำ ทว่าสุดท้ายแล้วกลับเทียบไม่ได้แม้แต่ฐานะในนามของนางหรือ?”
ในเมื่อคนตายไปแล้ว นางควรจะมีความสุข ทว่าบุตรชายกลับปฏิบัติกับนางเหมือนเป็นศัตรู หัวใจของนางแหลกสลายเจ็บปวดขนาดอยู่มิสู้ตาย
แม่เฒ่าที่อยู่ด้านข้างมิอาจทนได้อีกต่อไป “จวิ้นอ๋องน้อย ท่านปฏิบัติต่อองค์หญิงใหญ่อย่างโหดร้ายเช่นนี้ได้อย่างไรกันเพคะ? หากองค์หญิงใหญ่ทรงต้องการให้ท่านกลายเป็นเด็กที่ไม่มีแม่ เช่นนั้นนางจะเลี้ยงดูท่านข้างกายทำไม ท่านก็รู้ว่านางต้องทนทุกข์ทรมานมากแค่ไหนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ต้องสบกับคำคาดเดาเท่าไหร่ แต่ถึงแม้ว่าท่านจะเป็นบุตรของศัตรูของนาง นางก็ยังปฏิบัติต่อท่านอย่างสุดหัวใจ จวิ้นอ๋องน้อยเป็นคนฉลาดเฉลียว ท่านน่าจะเข้าใจเหตุผลดีที่สุดนะเจ้าคะ”
‘เปรี้ยง’
มีพายุฝนฟ้าคะนองบนท้องฟ้า
นี่อาจเป็นฝนที่ตกหนักครั้งแรกในฤดูใบไม้ผลินี้
ทว่ามันเองก็เหมือนกับหัวใจของซูเช่อในยามนี้ หลังจากหมอกควันผ่านไปกับความมืดอันไจ้จุดสิ้นสุด
ทันใดนั้น เขาก็คุกเข่าลงกับพื้น โขกศีรษะให้องค์หญิงใหญ่สามครั้ง
“ซีเอ๋อร์ เจ้ากำลังทำอะไร?” องค์หญิงใหญ่ตกตะลึงรีบเข้าไปช่วยพยุงเขาขึ้น แต่กลับถูกปฏิเสธอย่างไร้ความปรานี
“พระคุณของท่านแม่ที่เลี้ยงดูมา เซ่อเอ๋อร์จะไม่มีวันลืม ข้าจะจดจำความเมตตาตลอดหลายปีที่ผ่านมาที่ท่านมีต่อข้า ทว่าการที่ท่านสังหารสตรีที่ไร้ความผิดอย่างโหดเหี้ยม เซ่อเอ๋อร์ไม่สามารถเอาชนะขวางหนามในใจได้ .ถ้าตอนนั้นมิใช่เพราะความเห็นแก่ตัวของท่านกับท่านพ่อ… วันนี้จะมีคนที่ถูกใช้เป้นประโยชน์ได้อย่างไร?”
น้ำเสียงที่สงบนิ่งของเขาทำให้คนฟังยินดียินร้าย แต่ดวงตาที่เศร้าสร้อยของเขาราวกับไร้วิญญาณ ไร้ชีวิตชีวา
“ท่านแม่กังวลว่าจะมีใครบางคนฉกฉวยโอกาสนี้ทำเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อฐานะจวิ้นอ๋องน้อยของข้า เช่นนั้นก็ดี ข้า ซูเช่อจะย้ายออกจากจวนจวิ้นอ๋องนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และจะไม่เป็นจวิ้นอ๋องน้อยอีก เจ้าเมืองน้อย ผลกรรมที่ท่านแม่เป็นคนทำให้ลูกได้เป็นคนชดใช้คืน”
หลังจากพูดจบ ซูเช่อก็อุ้มร่างของป้าโม่ขึ้น เขาหันกลับไปอย่างแน่วแน่เด็ดขาด
องค์หญิงใหญ่ตื่นตะลึงอึ้งค้าง ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน นางไม่ได้เตรียมตัวเลยแม้แต่น้อยสำหรับการสูญเสียบุตรชายสุดที่รักของนาง
“เซ่อเอ๋อร์!”
นางไม่สนการกระทำที่ถูกเขาผลักออกไปเลยแม้แต่นิด องค์หญิงใหญ่รีบพุ่งเข้าไป ยื่นมือทั้งสองข้างกางออก “เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ไป เจ้าเป็นลูกของข้า แม้ว่าเจ้าจะไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่ไม่ใช่ก็เหมือนใช่ เพื่อม่อเนี่ยง เจ้าถึงกับใจร้ายย้ายออกจากบ้านที่เจ้าอยู่มายี่สิบปี เจ้าจะใจร้ายทิ้งแม่คนนี้ลงจริงๆ หรือ?”
ซูเช่อไม่ได้พูดอะไร เขาทำเพียงโยนคำสองคำที่ไร้หัวใจออกไปว่า “หลีกทาง!”
“ไม่หลีก!”
องค์หญิงคนโตกรีดร้องคำราม นางไม่รู้ว่าน้ำที่อยู่บนหน้าคือน้ำฝนหรือน้ำตา “มันเป็นความผิดของซูเจิ้งซิ่วทั้งหมด ล้วนเป็นความผิดของเขาทั้งหมด ถ้าเขาไม่ปิดบังคนรักกับข้าในตอนนั้น ข้าจะขอร้องพระราชโองการอภิเษกกับฮ่องเต้ได้อย่างไร! หากไม่ใช่เพราะเขาแอบสานสัมพันธ์กับนาง ข้าจะมีใจสังหารได้อย่างไร? ทว่าเซ่อเอ๋อร์ ไม่ว่าอย่างไร ทุกอย่างที่แม่ทำก็เพื่อเจ้านะ”
“แต่ข้ารู้ว่าข้าจะมีแม่ที่สังหารคนอย่างโหดเหี้ยมในอีกยี่สิบปีต่อมา ข้ายอมอยู่บนถนนและกลายเป็นเด็กกำพร้าเสียยังดีกว่า!”
เขาคือซูเช่อผู้โอหังและหยิ่งผยอง เขาไม่ยอมให้มีรอยแปดเปื้อนใดในชีวิต เขายอมไม่เป็นจวิ้นอ๋อง ยอมสูญเสียเกียรติยศและความมั่งคั่งทั้งหมด ทว่าเขาไม่ยอมให้คนที่อยู่ข้างกายมีจิตใจที่โหดเหี้ยมอำมหิตเช่นนี้
แม้ว่าเขากับป้าโม่จะไร้ซึ่งความผูกพัน แต่ท้ายที่สุดแล้วเลือดที่ไหลเวียนในร่างกายของเขากับนางก็เป็นสายเลือดเดียวกัน การที่ให้เขาเห็นแม่ผู้ให้กำเนิดเสียชีวิตต่อหน้าต่อตา เขาไม่สามารถแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นและใช้ชีวิตต่อไปภายใต้หลังคาเดียวกันกับฆาตกรได้ แม้ว่าคนๆ นี้จะดีกับเขามากมายเพียงใดก็ตาม
“ได้ ให้ข้าผิดเองก็ได้ มันเป็นความผิดของแม่เอง แม่ยอมรับความผิดของเจ้าที่นี่ ข้าไม่ควรฆ่าม่อเนี่ยง ข้าไม่ควรฆ่านาง หรือว่าแม้แต่ทำเช่นนี้เซ่อเอ๋อร์ก็ยังไม่ให้อภัยแม่อีก?”
องค์หญิงใหญ่มีหน้าตาที่ดุ เห็นนางมองไปทางซูเช่อพลางส่ายศีรษะซ้ำๆ หัวใจราวกับแตกสลายเป็นพันชิ้นก็ไม่ปาน
เซ่อเอ๋อร์ของนาง เด็กที่เปรียบเหมือนชีวิตของนาง
มือของซูเช่อที่โอบอุ้มป้าโม่สั่นสะท้าน หัวใจของเขาจะไม่ถูกบีบรัดได้อย่างไร แต่… เขาไม่สามารถลืมสิ่งที่เขาเห็นเมื่อคืนไปได้ ขอเพียงแค่เขาหลับตา ทั้งหัวสมองของเขาก็เต็มไปด้วยประโยคสุดท้ายของแม่ก่อนเสียชีวิต
“เป็นลูกที่ละอายแก่ใจต่อท่านแม่”
หลังจากพูดจบ ซูเช่อก็เดินวนด้านข้างร่างขององค์หญิงใหญ่ เขากอดร่างของม่อเนี่ยงและจากไปอย่างเด็ดเดี่ยว
ถ้าปล่อยให้เขาไป ทั้งชีวิตนี้เขาไม่มีทางกลับมาอีก!
“เซ่อเอ๋อร์…”