เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 5 บทที่ 149 แต่งให้ข้าเถอะ
- Home
- เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ?
- เล่มที่ 5 บทที่ 149 แต่งให้ข้าเถอะ
เล่มที่ 5 บทที่ 149 แต่งให้ข้าเถอะ
เสียงที่ราบเรียบ แต่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นเด็ดขาดที่เข้มข้น
หลิงมู่เอ๋อร์ยังไม่ทันได้สติกลับมา ซั่งกวนเซ่าเฉินกำลังมองดวงตาของนางอย่างประหม่า กล่าวอีกครั้งว่า “มู่เอ๋อร์ วิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้คือแต่งงานกับข้า อีกไม่กี่วันจัดงาน เจ้า…เต็มใจหรือไม่?”
สวรรค์ นี่นางกำลังถูกขอแต่งงานหรือ?
แม้จะไม่มีดอกไม้สด ไม่มีแหวนเพชร ไม่มีการคุกเข่า แต่ท่าทางที่เปี่ยมไปด้วยรักอย่างลึกซึ้งของซั่งกวนเซ่าเฉิน ช่างน่าหลงใหลถึงเพียงนั้น
“ข้า เต็มใจ!” ผงกศีรษะราวกับต้นกระเทียม ใบหน้าเล็กๆ ของหลิงมู่เอ๋อร์เต็มไปด้วยสีแดงของความเขินอาย
“ไอ๊หยา ข้า ข้าว่าพวกท่านทั้งสองคนสงวนท่าทีหน่อยได้หรือไม่?” หนานกงอี้จือรู้สึกเพียงว่า วันนี้ตลอดทั้งวันแทบจะถูกป้อนอาหารสุนัขจนอิ่มแล้ว
แต่ว่า กับวิธีแก้ไขปัญหาเช่นนี้ เขาพึงพอใจเป็นอย่างมาก “ไม่ผิด ของเพียงตอนนี้แม่นางเซียนแพทย์แต่งให้กับลูกผู้พี่ ก็สามารถอุดปากขี้นินทาพวกนั้นไปได้หมด” หนานกงอี้จือดีดนิ้ว “หากถูกท่านแม่รู้เรื่องนี้เข้า จะต้องดีใจจนนอนไม่หลับแน่ พี่ชาย เรื่องการแต่งงานก็มอบให้เป็นหน้าที่จวนหนิงโหวของพวกเราเถิด?”
เดิมพวกเขาวางแผนว่า ในฤดูร้อนของปีหน้าค่อยแต่งงาน แต่ว่า ซั่งกวนเซ่าเฉินไม่อยากรอแล้ว ความแค้นทั้งมวล แผนการทั้งหมด หลังจากที่หลิงมู่เอ๋อร์ถูกคนรังแก ล้วนไม่นับเป็นสิ่งใดได้
เขาอยากมอบครอบครัวให้นาง มอบการรับประกันให้นาง ขอเพียงนางกลายเป็นผู้หญิงของเขาอย่างแท้จริง ดูว่าคนพวกนั้นยังจะกล้าคิดเล่นงานนางอีกหรือไม่!
“ได้” น้ำเสียงที่อารมณ์ดียิ่งอย่างไม่ปิดบังดังมาจากยอดกระหม่อม คำนี้แม้ว่าจะพูดกับหนานกงอี้จือ แต่สายตาตั้งแต่ต้นจนจบกลับไม่เคยละไปจากหลิงมู่เอ๋อร์มาก่อน
หนานกงอี้จือเกือบจะถูกน้ำลายของตนเองทำให้สำลักแล้ว มองเห็นภาพเบื้องหน้า เขารีบยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาปิดตาไว้ “ไอ๊หยา ไม่เหมาะกับเด็ก ไม่เหมาะกับเด็ก อ่า” เขากระโดดโลดเต้นวิ่งไปที่ประตู “ข้าจะรีบเอาข่าวดีนี้ไปบอกท่านแม่ตั้งแต่แรก ให้นางเตรียมการทันที ข้าไปก่อนแล้ว จากนี้ก็รอสุรามงคลของพวกท่านแล้ว”
เรื่องที่ฟูเหรินของหนิงกั๋วโหวรอคอยที่สุดมาโดยตลอด มิใช่บุตรชายของตนสามารถสร้างครอบครัวสร้างผลงาน แต่เป็นหลายชาย ซั่งกวนเซ่าเฉิน
มารดาของเขาเสียชีวิตไปตั้งแต่ยังสาว ก่อนจากไปฝากฝังบุตรชายเพียงคนเดียวไว้กับนาง สิ่งที่นางอยากเห็นที่สุด ก็คือเขาสามารถแต่งงาน นี่ก็เป็นหนึ่งในความคาดหวังในชีวิตของนาง
ซั่งกวนเซ่าเฉินโอบกอดหลิงมู่เอ๋อร์ ฝ่ามือที่หยาบกร้านลูบไล้ใบหน้าของนาง “ฟูเหรินของหนิงกั๋วโหวปฏิบัติต่อข้าเหมือนบุตรชายแท้ๆ เรื่องการแต่งงานจะต้องไม่สะเพร่าแน่นอน มู่เอ๋อร์ ข้าจะต้องทำให้เจ้าเป็นเจ้าสาวที่มีความสุข”
เขย่งปลายเท้า จุมพิตลงบนสันกรามของเขาเบาๆ ราวแมลงปอแตะผิวน้ำ หลิงมู่เอ๋อร์ก้มหน้าลงอย่างเขินอาย สองมือกอดเอวของเขาแน่น “ข้ามิได้สนใจ พี่ใหญ่ ขอเพียงเจ้าบ่าวเป็นท่าน งานแต่งงานเป็นเช่นใดข้าล้วนไม่สนใจ ข้ารู้ ท่านจะปกป้องข้าเป็นอย่างดี ถูกหรือไม่?”
“ภายหน้า เจ้าก็คือชีวิตของข้า!”
กล่าวจบ ซั่งกวนเซ่าเฉินก็ก้มศีรษะลงจุมพิตริมฝีปากที่คิดถึงอยู่ทุกวันคืน
ร้านอาหารสกุลหลิงในยามนี้ อยู่ในเมืองหลวงก็ได้รับความนิยมราวกับอาทิตย์ในยามเที่ยง สำหรับคำวิพากษ์วิจารณ์หลิงมู่เอ๋อร์เหล่านั้น คนในบ้านไม่มีทางไม่ได้ยิน
เพื่อไม่ให้ทุกคนต้องกังวล หลิงมู่เอ๋อร์ใช้เวลาถึงสามชั่วยามจนเกลี้ยกล่อมให้พวกเขาละทิ้งปมในใจ สุดท้าย ยังไม่ลืมบอกข่าวดีข่าวหนึ่งกับพวกเขา
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านยาย ท่านลุง ข้ากับพี่ใหญ่ได้ปรึกษากันเรียบร้อยแล้ว มีจวนหนิงกั๋วโหวเป็นผู้จัดการงานแต่ง การเลือกฤกษ์งามยามดี จนถึงสิ่งของต่างๆ ในพิธีแต่งงานล้วนมีพวกเขาเป็นผู้จัดเตรียม หากมิมีสิ่งใดผิดพลาด ปลายปีก็จะทำพิธีแต่งงาน”
ข่าวนี้ดูจะเป็นข่าวดีที่สุด ที่ทุกคนได้ฟังในช่วงเวลาสั้นๆ นี้แล้ว
ถังซื่อตื่นเต้นจนลุกขึ้นมา “จริงหรือ? มู่เอ๋อร์ พวกเจ้าไม่ได้หลอกพวกเรา?”
“เรื่องใหญ่เช่นนี้ ข้าจะล้อเล่นกับพวกท่านได้อย่างไร” หลิงมู่เอ๋อร์หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งยื่นไปเบื้องหน้าทุกคน “นี่เป็นของที่พี่ใหญ่พิ่งให้คนส่งมาเมื่อครู่ ได้ยินว่าเป็นวันที่หนิงกั๋วโหวฟูเหรินให้คนคำนวณออกมา พวกท่านลองเลือกดูว่าเป็นวันใดดี?”
เดิมยังคิดว่า บุตรสาวเป็นเพราะต้องการปลอบใจพวกเขา จึงจงใจพูดว่าตนจะแต่งงาน คิดไม่ถึงว่า ฤกษ์วันมงคลล้วนส่งมาแล้ว หยางซื่อถึงกับร้องไห้ออกมา“ลูกสาวของข้า ลูกสาวที่น่าสงสารของข้า ในที่สุดก็จะแต่งงานแล้ว” นางด้านหนึ่งเช็ดน้ำตา อีกด้านก็ดูวันเวลา สุดท้ายเลือกวันที่อยู่ตรงกลาง “เป็นวันนี้เถิด เข้ากับชะตาแปดอักษรของเจ้า มู่เอ๋อร์ เจ้าพูดถูก แทนที่พวกเราจะไปถกเถียงกับผู้อื่น ไม่สู้ใช้ชีวิตของตนอย่างเรียบง่ายให้ดี เรื่องที่ไม่เคยเกิดก็คือไม่เคยเกิด ตอนนี้ เจ้าจะแต่งงานกับเจ้าหนุ่มเฉินแล้ว วันนี้บอกจะมาถึงก็มาถึง แม่นั้นตัดใจไม่ลงเหลือเกิน”คนทั้งบ้านถูกหยดน้ำตาของหยางซื่อแพร่ใส่ไปด้วย ล้วนรู้สึกคล้ายกำลังจะสูญเสียหลิงมู่เอ๋อร์ไป นางมองทุกคน รีบมุดเข้าไปในอ้อมกอดของหยางซื่อ “ท่านแม่ ยังมีข่าวดีอีกข่าวหนึ่งจะบอกกับท่าน พี่ใหญ่ปรึกษากับข้าเรียบร้อยแล้ว หลังจากแต่งงานข้าจะยังคงอาศัยอยู่ที่บ้านสกุลหลิง เช่นนี้พวกเราทั้งครอบครัวก็จะไม่แยกจากกันตลอดไปแล้ว”
หยางต้าหย่งที่แต่ไรมาไม่เข้าร่วมกับเรื่องพวกนี้กลับขมวดคิ้วแน่น “เยี่ยงนี้จะได้อย่างไร บุตรสาวที่แต่งออกไปแล้ว จะยังอาศัยอยู่บ้านเดิมได้อย่างไร มู่เอ่อร์ นี่มิใช่ว่าพวกเราจะมีคำแนะนำอะไร แต่เจ้าหนุ่มเฉินนั่นหมายความว่าอย่างไรกันแน่”
ที่กล่าวว่า บุตรสาวที่แต่งออกไปก็เหมือนกับน้ำที่สาดออกไปแล้ว มิว่าบ้านเดิมจะยิ่งใหญ่เพียงใด ทันทีที่หลิงมู่เอ๋อร์แต่งงานกับซั่งกวนเซ่าเฉิน ก็จะต้องไปกับเขา หากกลับมาสกุลหลิงอีก มีแต่จะตกเป็นที่วิพากษ์ของผู้อื่น ถูกคนนินทา ที่ไม่รู้ยังจะคิดว่านางถูกหย่าแล้ว
หลิงมู่เอ๋อร์เข้าใจถึงความคิดของทุกคน นางยิ้มอย่างอ่อนโยน “ก็รู้ว่าพวกท่านต้องมีการตอบสนองที่รุนแรงเช่นนี้ ที่จริงเรื่องมิได้เป็นอย่างที่พวกท่านคิด”
นางอธิบายอย่างละเอียด “ท่านพ่อท่านแม่ของพี่ใหญ่เสียชีวิตไปนานแล้ว แม้อยู่ในเมืองหลวงจะมีจวนของตน แต่คนอาศัยอยู่เพียงคนเดียวก็ยากที่จะไม่รู้สึกว้าเหว่ได้ ดังนั้นจึงอาศัยอยู่ที่จวนหนิงกั๋วโหวมาเป็นเวลานาน แต่หากหลังจากที่พวกเราแต่งงานกัน ยังอาศัยอยู่ในบ้านของคนเขาอีกก็ไม่เหมาะแล้ว ดังนั้นพวกเราจึงปรึกษากันว่า จะซื้อเรือนด้านข้างจวนสกุลหลิงขึ้นมาเสียเลย หลังจากนั้นก็ทุบเข้าหากัน เช่นนี้พวกเราทั้งครอบครัว ก็สามารถอยู่ด้วยกันได้ตลอดไปแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ความมืดหม่นบนใบหน้าของทุกคนสลายไป แม้แต่ถังซื่อก็ร้องออกมาโดยตรงว่าความคิดนี้ดี
“ก็รู้ว่าเจ้าหนุ่มเฉินไม่มีทางทำให้เจ้าต้องลำบาก มู่เอ๋อร์ วันหน้าเจ้าต้องดีต่อเขาให้มาก ไม่อาจรังแกคนเขาได้”
ยังไม่ทันแต่งงาน มารดาก็ปกป้องบุตรเขยแล้ว หลิงมู่เอ๋อร์หึงหวงจนมุ่ยปาก “ท่านแม่ มู่เอ๋อร์ไปรังแกเขาตั้งแต่เมื่อใด” เมื่อวานอยู่ที่โรงหมอ หากมิใช่เพราะหนานกงอี้จือย้อนกลับมากะทันหัน พี่ใหญ่ยังไม่แน่ว่าจะรังแกนางอย่างไร
“ฟูเหริน คุณหนู ด้านนอกมีแม่สื่อมาแล้วเจ้าค่ะ บอกว่าจะมาพูดเรื่องสู่ขอของคุณหนูเจ้าค่ะ” คนรับใช้มารายงานอย่างรีบร้อน บนใบหน้าของทุกคนพลันประหลาด
“คงไม่ใช่ว่าเจ้าหนุ่มเฉินหาแม่สื่อมา?” ถังซื่อถามอย่างไม่แน่ใจ จากนั้นสีหน้าก็ยินดีเป็นอย่างมาก “แม้จะดูเย็นชาแข็งกระด้าง แต่เจ้าหนุ่มคนนั้นกลับมีหัวใจที่อ่อนโยนดวงหนึ่ง ยังมิได้ลืมกฎระเบียบ เร็ว รีบไปเชิญแม่สื่อเข้ามา”สตรีที่แต่งกายฉูดฉาด เดินบิดไปบิดมา ในมือยังถือผ้าเช็ดหน้าสีแดงไว้ผู้หนึ่ง เดินเข้ามาอย่างยินดีปรีดา ลูกตาราวเม็ดถั่วกวาดไปทั่วรอบหนึ่ง สุดท้ายหยุดลงที่ร่างของหยางซื่อ “ไอ๊หยา พี่สาวท่านนี้ น้องสาวของแสดงความยินดีกับท่านก่อน ณ ที่นี้แล้ว ขอแสดงความยินดีกับสกุลหลิงที่ได้รับเรื่องมงคล”
บนใบหน้าของแม่สื่อแต่งหน้าไว้อย่างหนาหนัก ยามยิ้มขึ้นมา แป้งแทบจะร่วงเกลื่อนพื้น แต่เชื่อว่าไม่ว่าผู้ใด ล้วนจะไม่ปฏิเสธการแสดงความยินดีเช่นนี้ และก็จะไม่รู้สึกต่อต้านนางหยางซื่อแม้จะรู้สึกไม่ชอบการสัมผัสของนาง แต่ยังคงหยิบเงินสองสามตำลึงออกมาจากอกใส่เข้าไปในฝ่ามือของนาง “ขอบคุณแม่สื่อมาก ยืมคำพูดของท่าน หวังให้บุตรสาวของข้าเป็นสุขสมบูรณ์”
“แต่งให้เศรษฐีจาง แน่นอนว่าย่อมเป็นสุขสมบูรณ์อย่างแน่นอน นั่นเป็นผู้ที่มีเงินมากที่สุดในเมืองหลวง แม้จะไม่ใช่ขุนนางตระกูลใหญ่อะไร แต่ที่บ้านมีทรัพย์สินมากมาย เมื่อแต่งไปแล้ว นั่นเป็นชีวิตดีๆ ที่สามารถเพลิดเพลินกับ ผ้าไหมแพรพรรณงดงามและอาหารเลิศรสได้ไม่สิ้นสุดน่ะ”
คำพูดบางคำแม่สื่อทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของทุกคนแข็งค้าง หยางซื่อยิ่งถึงกับดึงเงินที่จ่ายออกไปเมื่อครู่กลับมา “เศรษฐีจางอะไรกัน ท่านไม่ใช่คนที่เจ้าหนุ่มเฉินส่งมาหรือ ข้าว่าน้องสาว เจ้าเข้าบ้านผิดแล้วกระมัง”
เงินถูกคนแย่งไปแล้ว แม่สื่อไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่เมื่อคิดว่าอีกครู่ก็จะมอบคืนให้นางอีกครั้ง จึงยังคงยิ้มแย้มด้วย “ไม่ผิด ไม่ผิด นี่มิใช่จวนสกุลหลิงหรือ ร้านอาหารสกุลหลิงเป็นพวกท่านเปิดใช่หรือไม่ แม่นางเซียนแพทย์ผู้นั้นเป็นบุตรสาวของท่านใช่หรือไม่? ที่เศรษฐีจางต้องตาก็คือแม่นางเซียนแพทย์ของพวกท่าน นี่มิใช่ส่งข้ามาทาบทามหรือ? ที่บ้านของเศรษฐีจางผู้นั้นแม้จะมีภรรยาอยู่สองคนแล้ว อายุก็มากไปหน่อย แต่ก็เป็นคนที่รักถนอมภรรยา รอแม่นางแต่งไปแล้ว จะต้องถูกเอาใจจนขึ้นฟ้าแน่! เอ๊ะ พวกท่านจะพาข้าไปที่ใดกัน!”
คำพูดของแม่สื่อยังไม่ทันพูดจบ ก็มีคนรับใช้สองคนเข้ามาหิ้วแขนทั้งสองข้างของนางเดินออกไปแล้ว
ใบหน้าของหยางซื่อดำคล้ำ “เจ้าหุบปาก! เศรษฐีจาง เศรษฐีหวังอะไรกัน บุตรสาวของข้าจะแต่งให้กับผู้บัญชาการหน่วยราชองครักษ์หลวง หากเจ้ายังกล้าพูดจาเหลวไหลอีก เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะให้คนโยนเจ้าออกไป!”
“เอ๊ะ ข้าว่าพวกเจ้าครอบครัวนี้ช่างน่าหัวเราะนัก บุตรสาวของพวกเจ้าเกิดเรื่องใดขึ้นในใจไม่รู้หรือ? นางถึงกับโดนโจรลักพาตัวไปแล้ว ความบริสุทธิ์ที่ล้ำค่าที่สุดของสตรีก็ไม่เหลือแล้ว สามารถแต่งให้กับเศรษฐีจางก็ไม่เลวแล้ว ยังคิดจะเลือกสามเลือกสี่ ฝันไปเถอะเจ้า”
แม่สื่อพยายามดิ้นรนจากการควบคุมของคนทั้งสอง เมื่อมองหลิงมู่เอ๋อร์ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความโมโหอีกครั้ง นางก็หัวเราะเย็น “ข้าว่าแม่นาง ในฐานะที่เป็นสตรีเหมือนกันข้าเห็นใจท่านมาก แต่ไม่ว่าอย่างไร ตัวท่านแม้แต่ความบริสุทธิ์ก็ไม่เหลือแล้ว ยังคิดจะเป็นชายาตำหนักเอกอีกหรือ ต่อให้ผู้อื่นคิดสู่ขอ เช่นนั้นท่านกล้าแต่งหรือ?”
หลิงมู่เอ๋อร์โมโหจนแทบจะซัดเข้าไปหนึ่งฝ่ามือ
เศรษฐีจาง? มิใช่เจ้าคนที่ถูกหนานกงอี้จือโยนออกไปตอนเช้าหรือ
“ข้าให้เจ้าพูดเหลวไหล ข้าให้เจ้าพูดเหลวไหล ดูว่าวันนี้ข้าจะตีเจ้าให้ตายได้หรือไม่” หยางซื่อเห็นนางไม่ยอมจากไป และยังพูดจาเหลวไหลอยู่ที่นี่ ก็โมโหจนหยิบไม้กวาดพุ่งเข้ามา “บุตรสาวของบ้านข้าจะไปเป็นอนุของผู้อื่นได้อย่างไร ลูกสาวของเจ้าถึงจะเสียความบริสุทธิ์ พวกเจ้าทั้งบ้านล้วนเสียความบริสุทธิ์!”
แม่สื่อไม่คิดว่า หยางซื่อที่เมื่อครู่ดูไปแล้ว อ่อนแอไร้ความสามารถและนิสัยดีอย่างมาก จะดุร้ายเช่นนี้ เจ็บจนได้แต่กระทืบเท้าอยู่กับที่ “พวกเจ้า พวกเจ้าทั้งบ้านล้วนเป็นคนบ้า ไม่แต่งก็ไม่แต่ง คิดว่าข้าอยากจะเป็นแม่สื่อให้ลูกสาวของเจ้านักหรืออย่างไร?”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้ายังมิรีบไสหัวไปอีก!” ใบหน้าของหยางซื่อเต็มไปด้วยความโกรธ ราวกับว่าหากนางยังไม่ไปอีก ก็จะฆ่านางปิดปากอย่างหุนหันแล้ว
“เงิน ให้เงินข้า แม่สื่อมาเยือน มีเหตุผลใดที่จะกลับไปมือเปล่า อีกทั้ง เป็นสกุลหลิงที่ไม่ตกลงเองก่อน หากไม่ให้เงินข้า เช่นนั้นก็เท่ากับว่าไม่เป็นมงคล วันหลังลูกสาวของพวกเจ้า จะต้องแต่งไม่ออก!”
ถึงขนาดถูกคนใช้ไม้กวาดไล่แล้ว ยังเพ้อฝันจะได้เงินอีก หยางซื่อโมโหจนแทบจะเป็นลมไป
เดิมหลิงมู่เอ๋อร์คิดจะสั่งสอน แต่กลับถูกสติปัญญาของคนผู้นี้ทำให้โมโหจนหัวเราะออกมา ส่งสายตาให้ผู้คุ้มกัน เป็นสัญญาณให้พวกเขานำตัวคนออกไป ส่วนนางกลับมิได้สังเกตเห็นว่า หลิงจือเซวียนที่หลบอยู่ในมุมอยู่ตลอด โดยมือทั้งสองกำเป็นหมัดแน่นและความโมโหยังมิได้จางหายไปนั้น ได้พุ่งตามออกไปแล้ว