เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 5 บทที่ 132 สู่ขอ
เล่มที่ 5 บทที่ 132 สู่ขอ
หลิงมู่เอ๋อร์รู้สึกว่า นี่เป็นเสี้ยววินาทีที่นางรู้สึกไม่เป็นธรรมชาติที่สุดที่เคยประสบในชีวิต
ทั่วทั้งห้องเงียบสงัดหาใดเปรียบ ทว่าแต่ละคนต่างก็มีความในใจของตน ไม่อาจไม่ยอมรับว่า จิตใจของพระชายาองค์ชายเจ็ดผู้นี้ต่างทำให้ทุกคนดูถูกไปแล้ว
เกรงว่านางเดาถึงฐานะของเซิงเอ๋อร์ได้ก่อนแล้ว แต่นางยังอยากใช้เรื่องนี้เพื่อได้รับความสำคัญจากองค์ชายเจ็ด จงใจทำเช่นนี้ น่าเสียดายที่องค์ชายเจ็ดเหมือนจะไม่รับน้ำใจ
“องค์ชายเจ็ดทรงรักษาบาดแผลดีๆ พรุ่งนี้มู่เอ๋อร์ค่อยมาใหม่” ยอบกาย หลิงมู่เอ๋อร์เก็บกล่องยาจนเรียบร้อย พาเซิงเอ๋อร์เตรียมจากไป
“พรุ่งนี้แม่นางเซียนแพทย์ ยังคงมากับแม่นางเจี้ยงเซียงเถิด สามวันกลับบ้าน ข้าจะกลับไปเยี่ยมท่านพ่อท่านแม่ และท่านปู่ ไม่วางใจให้องค์ชายอยู่คนเดียวจริงๆ ต้องรบกวนแม่นางแล้ว” พระชายาขององค์ชายเจ็ดเอ่ยปากอีกครั้ง
ความสงบนิ่งในจิตใจของหลิงมู่เอ๋อร์เกือบจะพังทลายแล้ว
หลินเล่อเซิงผู้นี้ในใจดีดลูกคิดใดกันแน่ ทั้งที่รู้ฐานะของเจี้ยงเซียงตัวปลอมยังให้นางมา อีกทั้งยังประกาศอย่างเปิดเผยว่าพรุ่งนี้ตนจะกลับบ้านเดิม นี่มิใช่จงใจสร้างโอกาสให้พวกเขาทั้งสองคนหรือ นางอยากใช้ความใจกว้างของตนเพื่อให้ได้รับความเมตตาจากองค์ชายเจ็ด ก็ไม่กลัวยิ่งพยายามยิ่งยุ่ง ย้ายก้อนหินมาทับเท้าตนเองหรือ?
“ทูลลา”
มิน่าพี่ใหญ่ถึงไม่ให้นางเข้าไปเกี่ยวข้องมากเกินไป เรื่องราวภายในนี้นั้นลึกซึ้งมากเกินไปแล้ว
พระชายาขององค์ชายเจ็ดค่อยๆ เดินไปยังเบื้องหน้าขององค์ชายเจ็ด ไม่มี ‘เจี้ยงเซียง’ อยู่ข้างกายอีก เขาก็ราวกับสูญเสียแสงสว่างในยามปกติไป ทั้งร่างไม่สดชื่น ส่วนนางยังไม่อาจไม่ยิ้มแย้มด้วย “เหยีย เล่อเซิงมีความคิดหนึ่ง ไม่ทราบว่าควรกล่าวหรือไม่”
องค์ชายเจ็ดมิได้ตอบ แต่ติดที่ความใจดีของนางเมื่อครู่ ส่งสายตาให้นางครั้งหนึ่ง เป็นสัญญาณให้นางพูดต่อไป
“แม่นางเซียนแพทย์เป็นบุคคลสำคัญที่มีธุระมาก ทุกครั้งยังต้องแบ่งเวลามาตรวจอาการให้เหยีย แต่ข้าเห็นว่าแม่นางเจี้ยงเซียงมีจิตใจที่ละเอียดอ่อน ในเมื่อเป็นศิษย์ของแม่นางหลิง ก็เห็นได้ว่าวิชาแพทย์ย่อมเชี่ยวชาญอย่างแน่นอน ไม่สู้ให้นางรั้งอยู่ ช่วงนี้คอยดูแลเหยียอยู่ข้างกาย จนเหยียหายดี?” หลินเล่อเซิงถามอย่างระมัดระวัง ในวาจามีการลองเชิง
เพล้ง
เก้าอี้ที่อยู่ปลายเตียงถูกองค์ชายเจ็ดถีบลงบนพื้นในเท้าเดียว ตะโกนอย่างพิโรธ “หลินเล่อเซิง”
พระชายาขององค์ชายเจ็ดและสาวใช้คุกเข่าลงบนพื้น “เหยีย จะทรงมีโทสะเพื่อสิ่งใด ที่ข้าทำเช่นนี้ ก็ล้วนเพื่อเหยียทั้งสิ้น”
“เพื่อข้าหรือเพื่อตัวเจ้าเอง หลินเล่อเซิง เจ้าคิดว่าเช่นนี้ก็จะสามารถได้รับความรู้สึกที่ดีจากข้าหรือ?” องค์ชายเจ็ดถามกลับ หางตาและหางคิ้วล้วนแต่เป็นการเยาะหยัน “ก่อนหน้าวันแต่งงานหนึ่งวันข้าได้บอกเจ้าแล้ว ข้าไม่มีความสนใจในตัวเจ้า บัดนี้ไม่มี วันหน้ายิ่งไม่มีทางมี! เจ้ากับข้าที่แต่งงานกัน เป็นเพียงเครื่องสังเวยในการต่อสู้แย่งชิงเท่านั้น เจ้าไม่มีทางไม่รู้”
ถูกคนเปิดเผยความคิดออกมาซึ่งๆ หน้า ในเสี้ยววินาทีนั้นหลินเล่อเซิงน้อยใจจนหยดน้ำตาร่วงหล่นลงมา
ทั้งที่เป็นหญิงสาวที่สง่างามและอ่อนโยนนางหนึ่ง บัดนี้ถูกคนรังแกจนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง หากเป็นผู้อื่นเห็นแล้ว จะต้องทะนุถนอมปกป้องอยู่ในอ้อมกอด ปลอบประโลมอย่างอ่อนโยน น่าเสียดาย นอกจากเซิงเอ๋อร์แล้ว ต่อหน้าคนอื่นไม่ว่าผู้ใด องค์ชายเจ็ดก็มีลักษณะไร้ไมตรีโดยตลอด
“เจ้ารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าคนผู้นั้นเป็นใคร ยังจงใจมาเล่นเล่ห์ใช้แผนการกับข้าอีก เชื่อหรือไม่ว่าเปิ่นหวางจื่อจะส่งหนังสือหย่าฉบับหนึ่งไปที่จวนสกุลหลินเสียเลย?”
“องค์ชายเจ็ดโปรดประทานอภัย!” จิ้งเอ๋อร์สาวใช้ของหลินเล่อเซิงเมื่อได้ยินคำนี้ ก็รีบขอร้องแทนเจ้านายของตน “เจ้านายทราบว่าคนผู้นั้นเป็นผู้ที่องค์ชายเจ็ดให้ความสำคัญ ดังนั้นจึงได้มีเจตนาจะช่วยเหลือ เจ้านายไม่มีทางเป็นพวกเล่นเล่ห์เพทุบายจริงๆ นะเพคะ องค์ชายเจ็ดทรงทราบหรือไม่ เมื่อครู่ยามที่เจ้านายเห็นพวกท่านทั้งสองใกล้ชิดกันเช่นนี้ สีหน้าแม้จะสงบ แต่ในใจกำลังหลั่งเลือดนะเพคะ”
แม้จะเป็นผู้ที่ไร้ไมตรีกว่านี้ อยู่ต่อหน้าเรื่องที่ตนกระทำผิด ก็ไม่เหมาะที่จะพาลใส่ผู้อื่นอีก
องค์ชายเจ็ดแม้จะไม่ชอบหลินเล่อเซิง แต่หลังจากที่นางค้นพบเซิงเอ๋อร์ ไม่เพียงไม่เปิดโปง ยังมีเจตนาจับคู่ การกระทำเช่นนี้ที่จริงแล้วถูกใจเขานัก
ทว่า อย่าคิดว่าเขาไม่รู้ว่านางทำเช่นนี้เพื่อสิ่งใด
“ในน้ำเต้าของเจ้าขายยาใด ข้ารู้เป็นอย่างดี ส่วนในใจของข้าคิดเช่นใด เชื่อว่าเจ้าก็คงคาดเดาได้ หลินเล่อเซิง เปิ่นหวางจื่อไม่อยากทำร้ายเจ้า แต่ทางที่ดีเจ้าก็อย่าได้ทำเรื่องที่จุดไฟเผาตนเองขึ้นมา”
ทิ้งคำพูดไว้ องค์ชายเจ็ดหลับตาลงไม่คิดจะเอ่ยปากอีก
หลินเล่อเซิงคุกเข่าอยู่บนพื้น หยาดน้ำตาคลอมองไปเบื้องหน้า หากเป็นไปได้แล้วละก็ นางอยากจะใช้มีดผ่าหัวใจเขาออกมา ดูว่ามันทำด้วยก้อนหินหรือไม่ เหตุใดจึงได้เลือดเย็นไร้ไมตรีเช่นนี้?
“เหยีย ทรงต้องการทำดีกับผู้ใด เล่อเซิงก็ไม่มีความเห็นอื่น และมิกล้ามีความเห็นอื่น ทางเสด็จแม่หม่อมฉันย่อมปิดบังไว้ ทรงต้องการทำสิ่งใดก็ทำเถิดเพคะ” ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน หลินเล่อเซิงหายใจเข้าลึกครั้งหนึ่ง ก่อนจากไปยังฝืนยิ้มออกมา “ข้อเสนอเมื่อครู่ของเชี่ยเซินมาจากใจ ขอเพียงเหยียมีความสุข เชี่ยเซินก็มีความสุข”
ออกจากห้องนอนหลัก หลินเล่อเซิงก็อดกลั้นไว้อีกไม่ไหว หยาดน้ำตาเม็ดใหญ่พากันร่วงลงมา ในดวงจิต ราวหมื่นกระบี่ทะลุหัวใจ เจ็บปวดจนนางหายใจไม่ออก
“เจ้านาย ท่านจะทนทุกข์เช่นนี้ไปเพื่อสิ่งใดเจ้าคะ?” จิ้งเอ๋อร์ทนมองต่อไปไม่ไหว ทางหนึ่งช่วยนางเช็ดหยดน้ำตาบนใบหน้า อีกด้านก็ปวดใจตามไปด้วย
นางอยู่เคียงข้างกายเจ้านายมาตั้งแต่เด็ก เคยเห็นนางได้รับความน้อยเนื้อต่ำใจเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน
“เจ้าไม่เข้าใจ”
“บ่าวไม่เข้าจริงๆ แหละเจ้าค่ะ แต่องค์ชายเจ็ดผู้นี้ทรงรังแกคนเกินไปแล้วจริงๆ นี่เจ้าคะ!” จิ้งเอ๋อร์ไม่ยอมแพ้ นางจะต้องกลับไปที่จวนสกุลหลิน จะต้องนำเรื่องในวันนี้ไปแจ้งแก่ท่านราชครู
“จิ้งเอ๋อร์ เจ้าฟังข้าให้ดี เรื่องในวันนี้ หากเจ้ากล้าเปิดเผยออกไปแม้แต่คำเดียว ข้าก็จะส่งเจ้าไปที่เรือนค้าทาส วันหลังเจ้าไม่อาจติดตามข้าอีก” เป็นนายบ่าวกันมานานหลายปี มีหรือจะไม่รู้ว่าในใจของนางคิดเช่นใด หลินเล่อเซิงออกคำสั่งด้วยความโกรธ
“คุณหนู” จิ้งเอ๋อร์ร้องไห้หนักกว่าเดิมแล้ว “ท่านทำเช่นนี้ทำไมเจ้าคะ ทั้งที่ท่านรู้ว่าในใจขององค์ชายเจ็ดไม่มีท่าน เหตุใดต้องทำเรื่องที่ทำร้ายตนเองเช่นนี้ ยังมีท่านราชครู หากท่านรู้ว่าท่านได้รับความไม่เป็นธรรมเช่นนี้ จะต้องทวงคืนความเป็นธรรมให้กับท่านแน่ เซิงเอ๋อร์ผู้นั้นเป็นเพียงแค่…ที่มาจากหอนางโลม…”
คำยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกหลินเล่อเซิงปิดปาก เมื่อมองจิ้งเอ๋อร์อีกครั้ง นางส่ายศีรษะอย่างหนัก
“เจ้าลืมแล้วหรือว่ายามอยู่ที่จวนข้ากำชับเจ้าว่าอย่างไร? องค์ชายเจ็ดทรงถือสาผู้อื่นวิจารณ์สตรีของเขามากที่สุด เจ้าลืมแล้วใช่หรือไม่? อดีตของเซิงเอ๋อร์ผู้นั้น ใช่เรื่องที่เจ้าจะพูดถึงได้หรือ”
ได้ยินเสียงดุ จิ้งเอ๋อร์ด้านหนึ่งน้อยใจ อีกด้านก็ก้มศีรษะยอมรับผิด “เจ้าค่ะ เป็นบ่าวผิดไปแล้ว วันหน้าบ่าวไม่กล้าเด็ดขาดแล้วเจ้าค่ะ แต่บ่าวรู้สึกไม่ควรค่าแทนคุณหนูเหลือเกิน”
“ควรค่าไม่ควรค่าแล้วอย่างไร ในใจขององค์ชายเจ็ดไม่มีข้า ก่อนแต่งมาก็ได้กล่าวอย่างชัดเจนมากแล้ว เป็นท่านปู่ยืนกรานที่จะให้ข้าแต่งมา ข้าหนีไม่พ้นชะตาชีวิตเช่นนี้” หลินเล่อเซิงทอดถอนใจ ในใจมีหรือจะไม่เจ็บปวดและขื่นขม?
นับจากนาทีที่นางกำเนิดมา ชีวิตของนางก็ถูกกำหนดมาอย่างเรียบร้อยถี่ถ้วนแล้ว กี่ขวบเรียนงานฝีมือของสตรี กี่ขวบเรียนหนังสือคัดอักษร แต่ไรมาก็มิใช่เรื่องที่นางจะตัดสินใจได้ ที่จริงแต่งให้องค์ชายเจ็ดก็ดีมากแล้ว อย่างน้อยในใจเขาไม่มีนาง และไม่มีทางแตะต้องนางอย่างไม่จริงจัง นางก็ควรขอบคุณแล้วมิใช่หรือ?
“แต่องค์ชายเจ็ดกลับไม่คิดถึงความดีของท่านเลย เมื่อครู่ทั้งที่ท่านจำฐานะของคนผู้นั้นได้แล้ว ยังจงใจจับคู่พวกเขาอีก องค์ชายเจ็ดไม่เพียงไม่รู้สึกขอบคุณ ยังจะไล่ท่านกลับบ้าน หากท่านกลับไปจริงๆ จึงจะเป็นเรื่องที่ขายหน้าอย่างมาก”
ทั่วทั้งเมืองหลวงใครก็รู้เรื่องที่องค์ชายเจ็ดได้รับบาดเจ็บสาหัสจนงานเลี้ยงหยุดลง นางมีฐานะเป็นพระชายาขององค์ชายเจ็ดหากไม่คอยปรนนิบัติอยู่ข้างกาย ทุกคนก็จะวิจารณ์เพียงว่านางไม่อ่อนโยนและใส่ใจอย่างเพียงพอ นี่องค์ชายเจ็ดต้องการให้นางสมัครใจจากไปเอง!
“ช่างเถอะ ที่ข้าสามารถทำได้ก็ล้วนทำไปจนหมดแล้ว หวังเพียงว่าองค์ชายเจ็ดจะมิใช่ผู้ที่แล้งน้ำใจเช่นนั้น ข้าเชื่อว่าเมื่อเวลาผ่านไป เขาจะมองเห็นความจริงใจของข้า ขอเพียงทรงปฏิบัติต่อข้าต่างออกไปแม้เพียงเศษเสี้ยว ข้าก็พึงพอใจอย่างมากแล้ว”
จวนสกุลหลิง
หลิงต้าจื้อนำหยางซื่อนั่งอยู่ที่ตำแหน่งประธาน ด้านข้างเป็นถังซื่อและหยางต้าหนิว ด้านล่างคือหลิงจือเซวียนและหลิงจืออวี้สองพี่น้องนั่งตามลำดับ แม้แต่จูฉีและมารดาก็ถูกเชิญมาด้วย ร่วมกันดูหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่ยืนอยู่กลางห้องโถง
ด้านหลังของชายหนุ่มวางของขวัญไว้มากมาย เงินทอง อัญมณี เสื้อผ้า เครื่องประดับต่างๆมากมาย มูลค่าเทียบเท่าเมืองเมืองหนึ่ง
ส่วนหญิงสาวใบหน้าเขินอายยืนอยู่เบื้องหลังบุรุษ นิ้วเกี่ยวอยู่กับนิ้วของชายหนุ่มเบาๆ มองทุกคนที่อยู่เบื้องหน้าด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง ในที่สุดก็อดส่งเสียงดังฟังชัดถามออกมามิได้ “ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านยาย ท่านลุง สรุปแล้วพวกท่านรับปากหรือไม่รับปากเล่า?”
คำพูดเหล่านั้นทำให้ถังซื่อหัวเราะออกมาอย่างจนใจ หยางซื่อยิ่งไม่อยากเชื่อ “เจ้าเด็กคนนี้ มีเด็กสาวบ้านใดใจร้อนเช่นนี้กัน เจ้าหนุ่มเฉินกำลังสู่ขออยู่”
ซั่งกวนเซ่าเฉินเมื่อได้ฟัง นี่กำลังรอให้ตนแสดงออกอยู่ ก็รีบประสานมือคารวะ ทำการค้อมคำนับทุกคน “ท่านลุงท่านป้า ยังมีท่านยาย ข้า ซั่งกวนเซ่าเฉิน ขอให้คำสาบานต่อทุกท่าน ชั่วชีวิตนี้ ในชาติภพนี้ จะแต่งกับมู่เอ๋อร์เพียงผู้เดียว ยิ่งจะใช้ชีวิตปกป้องมู่เอ๋อร์ ขอให้พวกท่านวางใจมอบนางให้ครองคู่กับข้า”
เขาพูดอย่างจริงจัง แต่ละถ้อยแต่ละคำมาจากหัวใจ
กล่าวจบ มือที่จับมือของหลิงมู่เอ๋อร์อยู่ก็กระชับแน่น ในยามที่มองดวงตาของเขาอีกครั้งก็เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ลึกล้ำ
“ดีๆๆ ขอเพียงเจ้าพูดได้ทำได้ พวกเราย่อมเห็นด้วยที่จะมอบมู่เอ๋อร์ให้แต่งงานกับเจ้า พวกเขากระดากที่จะเอ่ยปาก ตัวข้าแม่เฒ่าผู้นี้รับปากแล้ว”
ถังซื่อยิ้มมองคนที่อยู่เบื้องหน้าทั้งสอง พวกเขาทั้งบ้านเห็นซั่งกวนเซ่าเฉินเป็นเขยในอนาคตมานานแล้ว วันนี้เขามาสู่ขอ ยิ่งพึงพอใจมากขึ้นไปอีก มองมู่เอ๋อร์ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความเขินอายและพึงพอใจอีกครั้ง พวกเขาจะทำใจสร้างความลำบากให้ได้อย่างไร
“ขอบคุณท่านยายเจ้าค่ะ” หลิงมู่เอ๋อร์กอดคอของซั่งกวนเซ่าเฉินอย่างยินดี นับจากวินาทีนี้พวกเขาก็คือคู่หมั้นชายหญิงแล้ว ผู้ที่เรียกว่าพี่บุญธรรมก่อนหน้านี้ ได้กลายเป็นคู่หมั้นของนางอย่างเป็นทางการแล้ว
“ขอบคุณท่านยายมากขอรับ ขอบคุณท่านลุง ขอบคุณท่านป้า”
ภายใต้องคาพยพทั้งห้าที่งดงามหล่อเหลาซั่งกวนเซ่าเฉิน มีรอยยิ้มที่เบิกบานยิ่งกว่าเด็กน้อยที่ได้ลูกกวาดเสียอีก “เมื่อกลับไปข้าจะให้คนไปจัดการหาฤกษ์งามยามดี ข้าจะต้องทำให้มู่เอ๋อร์กลายเป็นเจ้าสาวที่งดงามและมีความสุขที่สุดในแผ่นดิน”
รู้ว่าเขาไม่เคยคุยโวมาก่อน ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้นต่างก็พากันพยักหน้าอย่างพึงพอใจ กลับเป็นหลิงต้าจื้อที่ยามปกติไม่ค่อยเอ่ยวาจาเปิดปากอย่างไม่วางใจว่า “เจ้าหนุ่มเฉิน เจ้าอยากแต่งกับลูกสาวของข้า ข้าไม่คัดค้าน ขอเพียงพวกเจ้าสองคนรักใคร่กันก็พอแล้ว แต่ฐานะของเจ้ากับมู่เอ๋อร์จะอย่างไรก็แตกต่างราวเมฆและดิน เจ้าเป็นผู้บัญชาการราชองครักษ์หลวง และยังทำงานให้ฮ่องเต้อีก เจ้าสามารถรับรองกับพวกเราได้หรือไม่ว่า ไม่ว่าจะเป็นยามใด เรื่องใด ก็จะปกป้องมู่เอ๋อร์ให้ปลอดภัย?”
“นั่นสิ ท่านจะไม่มีสิ่งใดที่ปิดบังพี่สาวของข้า ไม่อาจหลอกนาง รังแกนาง ท่านทำได้หรือไม่?” หลิงจืออวี้ที่อายุน้อยที่สุด ไม่รู้ว่าไปฟังมาจากที่ใดรีบแย่งซักถาม พี่สาวที่เขาเชื่อใจและพึ่งพาที่สุดจะแต่งงานแล้ว หลังจากแต่งงานก็ไม่อาจอาศัยอยู่ด้วยกันกับพวกเขาแล้ว เขาตัดใจไม่ได้
ซั่งกวนเซ่าเฉินสีหน้าชะงัก คำพูดของหลิงต้าจื้อนั้นเขาสามารถทำได้ทั้งหมด แต่คำถามของหลิงจืออวี้ เขาไม่สามารถตอบได้จริงๆ เขามีสิ่งที่ปิดบังอยู่จริงๆ แต่เขามิได้เจตนาที่จะทำเช่นนั้น
“แน่นอนว่าเขาทำไม่ได้!”