เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 4 บทที่ 104 งานเลี้ยง
- Home
- เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ?
- เล่มที่ 4 บทที่ 104 งานเลี้ยง
เล่มที่ 4 บทที่ 104 งานเลี้ยง
หลิงมู่เอ๋อร์ไม่อยากเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้ หลิงจือเซวียนไปร่วมงาน สามารถพบเห็นของสะสมโบราณล้ำค่า นางไปสถานที่นั้นก็ไม่มีความหมายใดแล้ว ทว่า ในยามที่นางได้รับเทียบเชิญจากซูเหล่าฟูเหริน ความคิดนี้จึงได้แต่ล้มเลิกไป คนที่ซูเหล่าฟูเหรินส่งมา ในคำพูดสื่ออย่างชัดเจนว่า ถึงเวลานั้นมีผู้สูงศักดิ์ท่านหนึ่งต้องการพบนาง
นางสามารถไม่ให้ความสำคัญกับผู้สูงศักดิ์ผู้นี้ ทว่า สกุลหลิงกลับยังไม่มีความสามารถในการสร้างศัตรูตามใจได้ ผู้ที่สามารถถูกเหล่าฟูเหรินเรียกขานว่าผู้สูงศักดิ์มีไม่มาก นอกจากองค์หญิงใหญ่ท่านนั้น ก็คือฟูเหรินท่านอื่นที่มีบรรดาศักดิ์แล้ว หรือกระทั่งเหล่าเหนียงเหนียงในวังหลวง ซูเหล่าฟูเหรินยังให้นางนำกระเป๋ายาไปด้วย เช่นนั้นขอบเขตที่สามารถใคร่ครวญได้ก็ยิ่งกว้างขึ้นไปอีก
บนเทียบทองเขียนว่าเหล่าคุณหนูและคุณชายแห่งสกุลหลิง คุณหนูของสกุลหลิงมีนางเพียงผู้เดียวเท่านั้น ส่วนเหล่าคุณชายก็มีมากแล้ว หยางเสี่ยวหู่และหลิงจื่ออวี้อายุยังน้อย ที่นั่นไม่เหมาะกับพวกเขา ดังนั้น ผู้ที่นั่งบนรถม้าจึงมีเพียง หลิงจือเซวียน จูฉี และหลิงมู่เอ๋อร์หลิงมู่เอ๋อร์สวมชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อน บนร่างคลุมด้วยผ้าคลุมสีขาว มือน้อยสวมถุงมือให้ความอบอุ่น บนคอสวมนวมคอ นางก็ราวกับลูกบอลเล็กกลมที่ห่อตนเองไว้ในเสื้อผ้า ในยามที่นางก้มศีรษะ จะเห็นเพียงชุดเสื้อผ้าที่เป็นก้อนกลมเท่านั้น เมื่อเงยหน้า จึงจะสามารถเห็นใบหน้าเล็ก ๆ ที่ละเอียดนุ่มเนียนได้
จวนจวิ้นอ๋อง ที่ทางเข้าประตูมีรถม้าแออัดจำนวนมาก พ่อบ้านของจวนจวิ้นอ๋องจัดการการเดินรถม้าอย่างเป็นระเบียบไม่ลนลาน สถานการณ์ยังคงอยู่ในการควบคุม
หลิงมู่เอ๋อร์ยื่นหัวออกไป มองฝูงคนที่ดุจดั่งกองภูเขาคลื่นทะเล จากนั้นจึงขมวดคิ้วบ่นว่า “แทนที่จะมาถูกแช่แข็งอยู่ที่นี่ ไม่สู้ให้ข้าไปนัดหมายกับผ้าห่มจะดีกว่า” หลิงจือเซวียนหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
สาวน้อยคนนี้กลัวความหนาวเย็นเป็นพิเศษ นางห่อหุ้มตนเองจนเหมือนลูกบอลเล็ก ๆ แต่ยังคงไม่อยากออกมาเคลื่อนไหวข้างนอก ฤดูหนาวของทุกปีล้วนเป็นเวลาที่นางจำศีล ในช่วงเวลานั้น อย่าพูดถึงคนนอก แม้แต่คนที่บ้านก็ไม่ง่ายนักที่จะได้เห็นนาง
จูฉียัดของสิ่งหนึ่งเข้าไปในฝ่ามือของหลิงมู่เอ๋อร์ ทันทีที่ของสิ่งนั้นเข้ามาอยู่ในมือ ก็รู้สึกได้ถึงไอแห่งความอบอุ่น
หลิงมู่เอ๋อร์มองฝ่ามือ นั่นเป็นหยกอุ่นชิ้นหนึ่ง ลูบแล้วรู้สึกสบายเป็นอย่างมาก นางมองจูฉีอย่างประหลาดใจ “พี่ใหญ่จู ท่านไปหาของวิเศษนี้มาจากที่ใดกัน?”
แก้มของจูฉีเป็นสีแดง ในดวงตาสาดประกายไม่เป็นธรรมชาติออกมา “พบเจอโดยไม่ตั้งใจ คุณภาพไม่ดี ไม่ใช่ของดีอะไร หากเจ้าไม่รังเกียจ…”
“ไม่รังเกียจ ข้าชอบของสิ่งนี้มาก พี่จู ขอบคุณท่าน” หลิงมู่เอ๋อร์ประคองหยกอุ่นไว้อย่างมีความสุข วางไว้บนแก้ม ถูไถไปมา
คำพูดที่มาถึงริมฝีปากของหลิงจือเซวียนถูกกลืนลงไป เขามองจูฉีอย่างซับซ้อน ความรู้สึกของจูฉีนั้นแสดงออกมาอย่างอ้อมค้อมเกินไปแล้ว เขายินยอมที่จะเจ็บปวดอยู่คนเดียวแต่ไม่ยอมกล่าวความรู้สึกที่ปิดบังอยู่ในใจออกมา ทำให้หลิงมู่เอ๋อร์ลำบากใจ แท้ที่จริงแล้ว สำหรับพี่น้องคนนี้ เขายังคงเชื่อใจอย่างมาก น่าเสียดายที่ก่อนหน้าได้มีซั่งกวนเซ่าเฉินแล้ว อีกทั้งพวกเขาทั้งครอบครัวก็ล้วนชอบเขามาก
หากไม่มีซั่งกวนเซ่าเฉิน เขาไม่รังเกียจที่จะช่วยเชื่อมด้ายแดงให้เขากับและน้องสาว เพราะจูฉีนั้นโดดเด่นจริง ๆ อีกทั้งยังรักเอ็นดูน้องสาวเป็นพิเศษ
ช่างเถิด! เจ้าตัวเองยังไม่พูดอะไร เขาซึ่งเป็นผู้สังเกตการณ์ยิ่งไม่มีความจำเป็นต้องไปกังวล บางทีอาจมีสักวันที่เขาจะถอนตัวออกมาเองกระมัง!
ในดวงตาของจูฉีเต็มไปด้วยความอ่อนโยนรักใคร่ ทว่าอารมณ์นั้นเพียงปรากฏขึ้นมาก็หายไปทันที ในยามที่หลิงมู่เอ๋อร์หันกลับมานั้น อารมณ์ของเขาก็กลับมาควบคุมได้เป็นปกติแล้ว กลายเป็นพี่ชายใหญ่ที่รักเอ็นดูน้องสาวอีกครั้ง ราวกับในสายตาของเขา นี่ก็คือน้องสาวแท้ ๆ ของเขา ที่เขามีต่อนางเป็นเพียงความรักระหว่างพี่น้องเท่านั้น นี่จึงเป็นเหตุผลที่หลิงมู่เอ๋อร์ไม่เคยสงสัยมาก่อน
หากหลิงมู่เอ๋อร์มองถึงความรักของจูฉีออกแล้วล่ะก็ ย่อมจะไม่มีทางรับของของเขาไว้เช่นนี้แน่ นางไม่มีทางทำสิ่งใดให้เขาต้องเจ็บปวดอีก
แท้ที่จริงแล้วสิ่งที่จูฉีต้องการนั้นไม่มาก สำหรับเขาแล้ว หลิงมู่เอ๋อร์เป็นการคงอยู่ที่พิเศษ นางก็ราวกับเทพธิดาที่มาช่วยชีวิตของเขา ช่วยดึงเขาออกมาจากความมืดมิด สำหรับเขาแล้ว หลิงมู่เอ๋อร์ไม่เหมือนใคร เขาเต็มใจที่จะอุทิศความพิเศษนี้ให้นาง ส่วนเขาไม่เคยคิดที่จะทำลายวิถีชีวิตของนางมาก่อน เพราะตอนนี้นางมีความสุขมาก
“เป็นคุณหนูจากสกุลหลิงใช่หรือไม่?” พ่อบ้านเห็นรถม้าที่ไม่มีสัญลักษณ์ ใคร่ครวญแล้วก็ถามออกมา “คุณหนูหลิง คุณชายหลิง เชิญด้านในขอรับ”
หลิงมู่เอ๋อร์เลิกม่านรถออก พยักหน้าให้พ่อบ้านที่อยู่หน้าประตู คนขับรถม้าจึงขับรถเข้าไปในจวนจวิ้นอ๋อง
ทันทีที่เข้ามาในจวนจวิ้นอ๋อง หลิงมู่เอ๋อร์ หลิงจือเซวียน และจูฉี ก็ลงจากรถม้า คนขับรถขับรถม้าไปยังคอกม้า
สาวใช้นางหนึ่งและเด็กหนุ่มรับใช้คนหนึ่งแยกกันเข้ามา สาวใช้นำหลิงมู่เอ๋อร์ไปยังเรือนด้านหลัง เด็กหนุ่มพาชายหนุ่มทั้งสองไปที่เรือนด้านหน้า พวกเขาก็แยกกันที่นี่แล้ว
เป็นเวลาครึ่งปีแล้วที่ไม่ได้มาจวนจวิ้นอ๋อง ที่นี่น่าจะมีการปรับปรุง ดูแล้วการวางผังตกแต่งมีความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย หลิงมู่เอ๋อร์ตามสาวใช้อ้อมผ่านเรือนไปหลายหลัง ในที่สุดก็มาถึงเรือนด้านหลัง
จากที่ห่างไกลก็ได้ยินเสียงหัวเราะที่ไพเราะของสตรี ฟังจากเสียงแล้ว น่าจะมากันจำนวนไม่น้อย หลิงมู่เอ๋อร์ยังไม่ทันเข้าใกล้ก็รู้สึกรำคาญขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว ที่ที่มีผู้คน ก็มีการชิงดีชิงเด่น สถานที่ที่มีผู้หญิง ก็มีการแก่งแย่งชิงดีในเรือน นางคิดถึงผ้าห่มของนางมากเหลือเกิน ให้นางกลับไปอยู่ในผ้าห่มของนางได้หรือไม่?
“แม่นางหลิงมาแล้วเจ้าค่ะ” สาวใช้กล่าวกับเหล่าคุณหนูที่หัวเราะพูดคุยกันอยู่ในเรือน
เจาหยางจวิ้นจู่น้อยเมื่อได้ยินเสียง ก็เงยหน้ามองมา วันนี้นางมิได้สวมชุดสีแดงทั้งชุด แต่สวมชุดสีขาวที่เรียบร้อยงามสง่า ในตอนที่หลิงมู่เอ๋อร์เห็นนาง ก็ไม่กล้าทักอยู่บ้าง โดยปกติแล้ว จวิ้นจู่น้อยนางนี้แยกเขี้ยวกางเล็บ ลักษณะการแต่งกายก็ชื่นชอบแนวเฉิดฉัน วันนี้เปลี่ยนแนวทางการแต่งตัวในฉับพลัน นางออกจะไม่คุ้นชินอยู่บ้าง!
ซูเหล่าฟูเหรินนั่งอยู่ในตำแหน่งประธาน เห็นหลิงมู่เอ๋อร์ก็รีบโบกมือเรียก “รีบมา ครึ่งปีมาแล้วที่มิได้เจอ ก็ไม่รู้ว่าเจ้ากำลังยุ่งกับเรื่องใดกัน รีบมาให้ข้าดูหน่อย”
หลิงมู่เอ๋อร์ไม่มีความรู้สึกที่ไม่ดีต่อซูเหล่าฟูเหริน นอกจากเรื่องไม่น่าอภิรมย์ตอนครึ่งปีก่อน ในยามปกติก็ชื่นชอบนางไม่น้อย ในเมื่อมาร่วมงานเลี้ยงนี้แล้ว ก็ไม่ได้คิดจะฉีกหน้าแตกหัก กฎเกณฑ์ของการละเล่นในโลกนี้ก็เป็นเช่นนี้ คิดอยากจะมีชีวิตต่อไปอย่างราบรื่น นอกจากตนเองต้องมีความสามารถแล้ว ยังจะต้องรู้จักจำสิ่งที่ควรจำ ลืมสิ่งที่ควรลืมอีกด้วย
“คารวะเหล่าฟูเหริน” หลิงมู่เอ๋อร์ยอบกายไปทางเหล่าฟูเหริน
“เกิดอะไรขึ้น? ถึงกับใช้คำพูดสุภาพเกรงใจกับข้าแล้ว? อายุน้อยเพียงนี้ไปเอามารยาทมากมายมาจากที่ใดกัน?
“มานี่มานี่” ซูเหล่าฟูเหรินยังคงมีท่าทางเมตตาอารีเช่นเดิม
หลิงมู่เอ๋อร์กลับไม่กล้าถือเป็นจริง นางมีหลานสาวเป็นตัวเป็นตน แม้จะรักเอ็นดูก็ต้องเอ็นดูหลานสาวของตน มีที่ใดจะมาปฏิบัติต่อนางราวกับหลานสาวแท้ ๆ ได้?
นอกจากนี้ ครึ่งปีก่อนซูเช่อถูกยาพิษ ทั้งที่นางสามารถช่วยเขาแก้พิษได้อย่างง่ายดาย แต่กลับถูกซั่งกวนเซ่าเฉินอุ้มไปแล้ว ซึ่งก็เท่ากับว่าเห็นซูเช่อมีอันตรายแล้วไม่ช่วย แม้จะกล่าวว่าเสี่ยวเอ้อร์ของเหลาอาหารสกุลหลิงตามหมอมาให้ซูเช่อ แต่เรื่องที่ซูเช่อถูกคุณหนูในห้องหอนางหนึ่งวางแผนเล่นงานนั้น ก็กลายเป็นเรื่องขบขันในยามนั้น เป็นเหตุให้ชื่อเสียงของซูเช่อได้รับความเสียหาย
“ท่านย่า แม่นางหลิงมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับข้า ข้านับถือนางมาโดยตลอด อยากเป็นเพื่อนกับนาง วันนี้ ท่านก็อย่าได้ยึดนางไว้เพียงคนเดียวแล้ว ยกนางให้ข้าเถิด เจาหยางจวิ้นจู่น้อยวันนี้ไม่เพียงไม่แสดงท่าทียิ่งยโสใส่นาง ทั้งยังพูดจาเกรงใจเช่นนี้ออกมาอีก จุดนี้ดึงดูดความสนใจของหลิงมู่เอ๋อร์ขึ้นมา ในเวลาเดียวกันก็แอบระมัดระวังตัว”
เหอะ! อย่าคิดว่าทำดีต่อนางก็จะหลอกเอาพี่ชายของนางไปได้ นางไม่อยากได้คุณหนูใหญ่ที่เกเรเอาแต่ใจเช่นนี้มาเป็นพี่สะใภ้ของนางหรอกนะ หลิงจือเซวียนยิ่งไม่อาจแต่งกับสตรีที่ดุร้ายเช่นนี้ได้
“จวิ้นจู่เกรงใจไปแล้ว มู่เอ๋อร์เป็นเพียงแม่ค้าตัวเล็ก ๆ เท่านั้น จะเป็นเพื่อนกับจวิ้นจู่ผู้สูงศักดิ์ได้อย่างไร? นี่เป็นการทำให้มู่เอ๋อร์อายุสั้นแล้ว” หลิงมู่เอ๋อร์พูดอย่างเรียบ ๆ
“แม่นางหลิงไม่เต็มใจที่จะคบหากับเจาหยาง เป็นเพราะยังแค้นเคืองที่ก่อนนั้นเจาหยางล่วงเกินแม่นางมู่หรือ? เจาหยางขออภัยท่าน ณ ที่นี้” เจาหยางจวิ้นจู่น้อยพูดเสร็จก็คารวะหลิงมู่เอ๋อร์ครั้งหนึ่ง
หลิงมู่เอ๋อร์จะกล้าให้นางคารวะจริง ๆ ได้อย่างไร ด้านข้างยังมีซูเหล่าฟูเหรินมองอยู่ ที่ด้านหน้ามีเหล่าฟูเหรินและคุณหนูที่ไม่ปรารถนาดีคอยจ้องอยู่ นางไม่คิดจะทิ้งข้อครหาไว้
“เช่นนั้น แม่นางหลิงก็ถือว่ารับปากแล้ว?” เจาหยางจวิ้นจู่น้อยดึงมือหลิงมู่เอ๋อร์ไปพูดอย่างมีความสุข “เช่นนั้น วันหลังพวกเราก็เรียกหากันเป็นพี่น้องเถิด!”
จริง ๆ นางเต็มใจที่จะให้นางเกเรเอาแต่ใจเช่นแต่ก่อน แบบนั้นจะได้ปฏิเสธง่ายหน่อย
หลิงมู่เอ๋อร์ตกมาอยู่ในเงื้อมมือของเจาหยางจวิ้นจู่น้อย ไม่ว่าจะทำสิ่งใดก็ล้วนภายใต้สายตาของนาง ทำเอานางไม่อาจไม่รวบรวมสติมารับมือ อาหารไม่อร่อย เจาหยางจวิ้นจู่น้อยก็ต้องถาม นางเพียงหาวออกมา เจาหยางจวิ้นจู่น้อยก็รู้สึกว่าน่าเบื่อ ท่าทางกระตือรือร้นเช่นนี้ ก็ราวกับกลัวคนอื่นไม่รู้ว่านางมีแผนการอะไรกระนั้น
หลิงมู่เอ๋อร์รับรู้ได้ถึงสายตาที่ผู้อื่นมองสำรวจมาได้อย่างชัดเจน แม้ว่าเรื่องที่เจาหยางจวิ้นจู่น้อยจะมีความคิดบางอย่างกับบุตรชายของพ่อค้าจะไม่ใช่ความลับในเมืองหลวง ส่วนผู้ที่เคยพบหลิงจือเซวียน ก็เข้าใจได้ว่าเหตุใดเจาหยางจวิ้นจู่น้อยจึงได้หวั่นไหว ผู้ที่ไม่เคยพบหลิงจือเซวียน ก็รู้สึกว่าเจาหยางจวิ้นจู่น้อยถูกคุณไสยแล้ว ถึงกับถูกบุตรชายของพ่อค้าคนหนึ่งหลอกไปได้
อย่างไรก็เป็นถึงจวิ้นจู่ สตรีจากตระกูลศักดิ์ที่มีฐานะสูงส่ง ด้วยฐานะของนาง แม้จะเป็นไท่จื่อเฟย [1] ก็เพียงพอ บัดนี้ลดฐานะตนเองลงมาถึงเพียงนี้ จะมิให้ผู้ที่ไม่ถูกกับนางมีความสุขได้อย่างไร
“จวิ้นจู่…” หลิงมู่เอ๋อร์ลดเสียงลงต่ำ กล่าวที่ข้างหูของนาง “ท่านอย่าได้ทำเช่นนี้แล้ว ข้าช่วยท่านไม่ได้”
ดวงตาของเจาหยางจวิ้นจู่น้อยสั่นไหว นางรู้ว่าหลิงมู่เอ๋อร์เป็นคนฉลาด ที่หลิงมู่เอ๋อร์มองทะลุความในใจของนาง ก็ไม่มีเรื่องใดแปลก เพราะนางก็ตั้งใจให้หลิงมู่เอ๋อร์ได้มองทะลุ
หากเปลี่ยนเป็นสตรีนางอื่น มีสตรีสูงศักดิ์มาชอบพอพี่ชายของตน หญิงสาวนางนั้นก็ควรจะยินดี มาเกาะขาที่แสนใหญ่โตขานี้ ช่วยสตรีสูงศักดิ์นางนั้นวางแผนจัดการพี่ชายของตน เช่นนี้ เมื่อพี่ชายแต่งงานกับสตรีสูงศักดิ์ ครอบครัวของพวกเขาก็จะได้ยกฐานะขึ้นด้วย ทว่าท่าทีของหญิงสาวนางนี้ชัดเจนเป็นอย่างมาก นางไม่ต้องการให้เจาหยางจวิ้นจู่น้อยเข้าใกล้พี่ชายของตน น่าไม่สนใจให้พี่ชายแต่งกับสตรีสูงศักดิ์
เจาหยางจวิ้นจู่น้อยเติบโตมาในราชวงศ์ที่ซับซ้อนนี้ สิ่งที่เคยเห็นเคยประสบเหนือกว่าที่ผู้คนจะจินตนาการได้มากนัก นางเย่อหยิ่งจริง ๆ แต่นั่นเป็นเพราะนางควรจะหยิ่งผยอง นางคุ้นเคยกับการสูงส่งเหนือผู้คน ไร้ที่เปรียบ ไม่ต้องพูดจาอ่อนน้อมกับใคร ทุกคนล้วนแต่ต้องค้อมกายให้กับนาง จนกระทั่งหลิงจือเซวียนปรากฏตัว เจาหยางจวิ้นจู่น้อยสับสนแล้ว
ครั้งแรกที่พบหลิงจือเซวียน เจาหยางจวิ้นจู่น้อยเพียงรู้สึกว่าคนสามัญต่ำต้อยผู้นี้ช่างมีหน้าตาที่หล่อเหลาเหลือเกิน ดวงตาคู่นั้นราวสระน้ำลึก นางลุ่มหลงไปจนหมดสิ้น ทว่า หลิงจือเซวียนกับไม่เหมือนบุรุษอื่นที่ชื่นชมนาง กระทั่ง ยังไม่ปิดบังความดูถูกที่มีต่อนางแม้แต่น้อย เจาหยางจวิ้นจู่น้อยตั้งใจกลั่นแกล้งพวกนางสองพี่น้อง เขาก็สามารถโต้ตอบได้อย่างงดงาม
ครั้งแล้วครั้งเล่าที่นางปรากฏกายต่อหน้าเขา เขาทำราวกับมองไม่เห็นนาง กระตุ้นจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้นาง เหล่าสตรีที่ตั้งใจเข้าไปใกล้ชิดเขา นางใช้อำนาจของตนทำให้พวกนางออกเรือนไปกับคนอื่นก่อนหน้าแล้ว เช่นนี้ ก็จะไม่มีใครมาแย่งชิงสิ่งที่เป็นของนาง
ถูกแล้ว! นับแต่เจาหยางจวิ้นจู่น้อยตระหนักถึงความในใจตน หลิงจือเซวียนก็ถูกนางจัดไว้เป็นของตนแล้ว
————————
[1] ไท่จื่อเฟย คือ ตำแหน่งชายาเอกของรัชทายาท