เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 3 บทที่ 71 ช่วยชีวิต
- Home
- เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ?
- เล่มที่ 3 บทที่ 71 ช่วยชีวิต
เล่มที่ 3 บทที่ 71 ช่วยชีวิต
หลังจากที่หลิงมู่เอ๋อร์พันแผลให้ชายหนุ่มผู้นั้นเรียบร้อยแล้ว นางก็โยนหน้าที่ให้เด็กรับใช้สองคนนั้นดูแลเขาต่อ
ชายหนุ่มผู้นั้นบาดเจ็บสาหัสมาก ไม่ง่ายต่อการเคลื่อนย้าย โชคดีที่โรงหมอที่นี่มีห้องแยกโดยเฉพาะ เพื่อที่จะได้ลองรับกับสถานการณ์พิเศษ หลิงมู่เอ๋อร์ให้พวกเขาย้ายชายหนุ่มผู้นั้นด้วยความระมัดระวัง แล้วให้ชายหนุ่มนอนพักที่ห้องแยก จนกระทั่งเขาสามารถฟื้นตัวและเคลื่อนไหวได้ถึงค่อยให้ย้ายกลับมา
“ขออภัยด้วย” หลิงมู่เอ๋อร์กลับไปที่โต๊ะด้านหน้า พลางกล่าวกับคนไข้ที่อยู่ตรงหน้าว่า “ให้รอนานแล้ว พวกเราทำการตรวจกันต่อกันเถิด!ท่านรู้สึกไม่สบายที่ใด…”
โจวฉี่เยี่ยนยืนอยู่ด้านข้าง มองหญิงสาวที่สวมผ้าคลุมศีรษะไว้
เมื่อตอนพบกันครั้งแรก เขารู้สึกว่านางเป็นเพียงแม่นางน้อยที่งดงามนางหนึ่ง นัยน์ตาของนางนั้นปราดเปรียวเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังเหมือนกับหลุมดำที่มืดมิด เมื่อมองไปแล้วก็ราวกับถูกดูดเข้าไป ไม่สามารถหลุดจากภวังค์ได้เป็นเวลาครู่ใหญ่ มีบางครั้งท่าทางของนางก็น่ารักไร้เดียงสา แต่ว่านั้นเป็นเพียงท่าทางที่นางแสดงออกมาต่อหน้าคนในครอบครัวเท่านั้น และอีกมุมหนึ่ง ในสถานที่ที่คนในครอบครัวมองไม่เห็น นางกลับเป็นอีกท่าทางหนึ่ง นางในตอนนี้เงียบสุขุม แต่ไอสังหารที่กดทับในกายราวกับดาบดีที่ไม่ได้เก็บเข้าฝัก
คนผู้หนึ่งจะสามารถมีด้านที่แสดงออกได้กี่ด้านกัน? แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่สามารถประเมินสาวน้อยที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างแท้จริง
“พี่ชายท่านนี้…” เด็กรับใช้คนเมื่อสักครู่เดินมาหาโจวฉี่เยี่ยน พลางกล่าวอย่างทำตัวไม่ถูก “โรงหมอของพวกท่านมีอาหารหรือไม่? สามารถทำอาหารสักเล็กน้อยให้พวกข้าได้หรือไม่ขอรับ?”
โจวฉี่เยี่ยนขมวดคิ้ว มองไปทางด้านนอกพลางกล่าวว่า “ห่างจากที่นี่ไม่ไกลมากนักมีเหลาอาหารสกุลหลิงอยู่ เจ้าไปซื้อที่นั่นเอาเอง”
เด็กรับใช้รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขามองออกว่าบุรุษผู้นี้เป็นคนที่คุยได้ยาก จึงไม่กล้ารบกวนเขาอีก สุดท้ายจึงทำได้แต่ไปสอบถามหาตำแหน่งที่ตั้งของเหลาอาหารสกุลหลิงทั่วทุกหนแห่ง
หลิงมู่เอ๋อร์ส่งคนไข้คนสุดท้ายเสร็จแล้ว นางบิดขี้เกียจเล็กน้อย แล้วถอดผ้าคลุมหน้าออก ก่อนจะถอดถอนใจหนึ่งที จากนั้นจึงฟุบลงนอนไปกับโต๊ะอย่างไม่รักษาภาพพจน์
โจวฉี่เยี่ยนเห็นนางเหนื่อยล้าเช่นนี้ เขาขมวดคิ้วมุ่นพลางกล่าวนิ่งๆ “เข้าไปพักผ่อนเถิด”
หลิงมู่เอ๋อร์ช้อนดวงตามองไปที่เขา พลางเอาอย่างเกียจคร้านว่า “ข้าเพียงแค่ต้องการเวลาพักถอนหายใจเท่านั้น พักสักประเดี๋ยวก็ไม่เป็นอันใดแล้ว เจ้าลองเข้าไปดูด้านในหน่อยเถิดว่าคนผู้นั้นตายแล้วหรือยัง”
โจวฉี่เยี่ยนจัดเก็บยาสมุนไพรในตู้ยา
เขาปฏิบัติตามคำสั่งของหลิงมู่เอ๋อร์ เดินเข้าไปตรวจสอบดูชายหนุ่มที่ได้รับบาดเจ็บผู้นั้น จากนั้นก็เดินออกมากล่าวกับหลิงมู่เอ๋อร์ว่า “มีอาการตัวร้อนเล็กน้อย”
หลิงมู่เอ๋อร์ถอดหายใจออกเบาๆ “ดูเหมือนว่าคืนนี้จะต้องอาการทรมานแล้ว”
ชายหนุ่มผู้นั้นบาดเจ็บถึงเพียงนี้ อยากจะรักษาให้หายดีภายในครั้งเดียวคงเป็นไปไม่ได้ เมื่อครู่นางก็คาดเดาถูกว่าจะต้องมีอาการตัวร้อนเกิดขึ้น แต่ก็นึกไม่ถึงว่าจะมีอาการเร็วขนาดนี้
เด็กรับใช้สองคนนั้นต่างมีนามว่าจื่อถงและอิ๋นถง ครั้นหลิงมู่เอ๋อร์ได้ยินนามของพวกเขาแล้ว ท่าทีอย่างแรกก็คือถามพวกเขาว่ายังมีพี่น้องที่นามว่าจินถงมู่ถงอีกใช่หรือไม่ พวกเขาทั้งสองคนนั้นเงียบไป จึงทำให้นางเข้าใจว่านางคาดเดาได้ถูกจริงๆ นั่นทำให้นางถึงกับต้องบ่นเรื่องมาตรฐานการตั้งชื่อของคุณชายท่านนี้ไม่ได้ เปลี่ยนเพียงแค่หนึ่งคำ เช่นนั้นเรียกว่าเกียจคร้าน
“พวกเจ้าเฝ้าอยู่ที่นี่ ถ้าตอนกลางคืนมีอาการอันใดเกิดขึ้นค่อยมาเรียกข้า” หลิงมู่เอ๋อร์ทำได้แค่เพียงพักอยู่ด้านข้าง ไม่กล้าออกห่างจากโรงหมอ
โรงหมอมีห้องทั้งหมดเพียงแค่สองห้องเท่านั้น ให้สามคนเจ้านายและข้ารับใช้นั้นอยู่หนึ่งห้อง และหลิงมู่เอ๋อร์ก็ใช้อีกห้องหนึ่ง โจวฉี่เยี่ยนไม่มีที่พัก นางยอมให้โจวฉี่เยี่ยนกลับไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยมาที่โรงหมอใหม่อีกครา แต่ว่าโจวฉี่เยี่ยนไม่วางใจให้นางที่เป็นสตรีผู้บอบบางเพียงคนเดียวพักอาศัยอยู่กับชายหนุ่มสามคน เขายอมที่จะนอนบนพื้นอยู่เฝ้าโรงหมอที่นี่เสียมากกว่า
หลิงมู่เอ๋อร์กลับไปทานอาหารที่เหลาอาหารจากนั้นจึงกลับมา ตอนที่นางกลับมานั้นยังนำอาหารกลับมาให้สามคนเจ้านายกับลูกน้องนั้นอีกด้วย
“รสชาตินี้… เหตุใดถึงได้มีรสชาติเดียวกันกับเหลาอาหารสกุลหลิงเล่า?แม่นางไปซื้ออาหารที่เหลาอาหารสกุลหลิงมาให้พวกข้าโดยเฉพาะหรือ?ไม่ถูกต้อง ไม่ถูกต้อง เหลาอาหารสกุลหลิงไม่เปิดในตอนกลางคืน” จื่อถงไปซื้ออาหารเมื่อตอนกลางวัน จึงรู้เวลาเปิดปิดของเหลาอาหารสกุลหลิง ดังนั้นถึงได้ประหลาดใจเช่นนี้
หลิงมู่เอ๋อร์หาวนอน กล่าวอย่างเกียจคร้านว่า “ข้าแซ่หลิง พวกเจ้ากินเสร็จแล้วก็ทำการเก็บกวาดให้เรียบร้อย อาหารหนึ่งมื้อนี้สามตำลึงเงิน บันทึกไว้ในบัญชีแล้ว”
ในปากของจื่อถงและอิ๋นถงยังคงคาบช่วนช่วนเซียงไว้อยู่ จื่อถงกะพริบตา แล้วกลืนอาหารที่อยู่ในปากลงไป พลางกล่าวกับอิ๋นถงว่า “ความหมายของท่านหมอหญิงเทวดาท่านนี้คือเหลาอาหารนั้นเป็นของครอบครัวของนางใช่หรือไม่?ว้าว ว้าว พวกเราลาภปากแล้วจริงๆ ”
“หนึ่งมื้อต่อสามตำลึงเงิน เบี้ยอัฐของพวกเราหนึ่งเดือนก็แค่ห้าตำลึงเงินเอง!” อิ๋นถงกล่าวอย่างเจ็บปวดใจ “เอาอย่างนี้ พวกเราไปซื้อหมั่นโถวก็พอแล้ว”
“เจ้าจะกินเจ้าก็ไป ข้าไม่กินหมั่นโถว ถึงแม้จะกล่าวว่าอาหารหนึ่งมื้อสามตำลึงเงินนั้นแพงอยู่บ้าง แต่ก็ใช่ว่าพวกเราจะไม่มีปัญญากิน เอาเช่นนี้เถิด!หลังจากนี้พวกเราสองคนก็รับผิดชอบด้วยกัน” จื่อถงตบที่ไหล่ของอิ๋นถง แล้วทำท่าทางเคลิบเคลิ้ม “อร่อยเกินไปแล้ว!ข้าไม่เคยกินอาหารอันใดที่อร่อยได้ถึงเพียงนี้มาก่อนเลย หรือว่าเจ้ากินอาหารที่หอมอร่อยขนาดนี้แล้วไปกินอาหารอื่น ยังจะสามารถเจริญอาหารได้อย่างนั้นหรือ?”
“ก็ได้!” อิ๋นถงทำการตัดสินใจออกมาอย่างปวดใจ
“เฮ้อ!” จื่อถงกินอาหารในมือเสร็จ แล้วเช็ดคราบเปื้อนออก ทำท่าทางหดหู่ออกมา “อิ๋นถง ครั้งนี้เจ้านายบาดเจ็บสาหัส โชคดีที่ไม่เป็นอันใด มิเช่นนั้น… ก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรจริงๆ ”
“ตอนนี้ได้แต่ภาวนาว่าเจ้านายจะสามารถฟื้นตื่นขึ้นมาได้ แล้วก็ คนพวกนั้นไม่มีทางที่จะเลิกตามหาพวกเราแน่ พวกเราจำเป็นต้องหาวิธีที่จะไม่ให้พวกมันตามหาร่องรอยพวกเราพบ ข้ามีวิธีหนึ่ง…” อิ๋นถงกล่าว “รอผ่านไปอีกสองวัน อาการของเจ้านายคงที่แล้ว ข้าจะไปล่อคนเหล่านั้นก่อน เช่นนี้เจ้านายก็สามารถพักรักษาตัวอยู่ที่นี่ได้อย่างวางใจ”
“ข้าจะไปล่อพวกมันเอง ความสามารถของเจ้าสู้ข้าไม่ได้” จื่อถงกล่าวด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
“เป็นเพราะว่าความสามารถของข้าสู้เจ้าไม่ได้ เจ้าถึงต้องอยู่ปกป้องเจ้านาย ความปลอดภัยของเจ้านายสำคัญกว่าสิ่งใดทั้งสิ้น” อิ๋นถงพูดอย่างจริงจัง “เอาตามเช่นนี้ก็แล้วกัน”
ภายในห้อง หลิงมู่เอ๋อร์นำยาลูกกลอนใส่เข้าไปในปากของชายหนุ่มผู้นั้น ยาลูกกลอนเข้าไปในปากก็ละลายทันที ลมหายใจของชายหนุ่มผู้นั้นกลับมาคงที่อย่างรวดเร็ว
“เอาเท่านี้ก็แล้วกัน!” หลิงมู่เอ๋อร์เช็ดคราบยาที่อยู่บนมือ “เจ้ากำลังมองสิ่งใด?”
“คนผู้นี้เป็นตัวเดือดร้อน” โจวฉี่เยี่ยนมองชายหนุ่มที่นอนไร้สติอยู่ “มีคนกำลังตามไล่ล่าพวกเขาอยู่ ถ้าเจ้าให้คนผู้นี้อยู่ต่อ เกรงว่าจะนำความเดือดร้อนมาให้”
“อืม แต่ว่าโรงหมอของข้าที่นี่ มีผู้คนจำนวนมากมายคอยจ้องมองอยู่ ข้าคงไม่อาจเห็นคนกำลังตายโดยไม่ช่วยเหลือได้หรอกกระมัง!อีกอย่าง ข้ามีหน้าที่แค่รักษาชีวิตคน ไม่ได้รับรู้ความแค้นอันใดของพวกเขา ความแค้นของพวกเขามีเจ้าหนี้ก็ต้องไปชำระกับเจ้าหนี้ ต้องไปจัดการเรื่องส่วนตัวของตนเองเอาเอง ถ้าหากเกิดเรื่องมาถึงข้า ข้าก็จะไม่เกรงใจเช่นกัน” หลิงมู่เอ๋อร์มองโจวฉี่เยี่ยนพลางยิ้มเล็กน้อย
โจวฉี่เยี่ยนมองไปที่สีหน้าท่าทางของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า เขาได้แต่เบะปาก ไม่ได้กล่าวอันใดอีก
หลังจากที่ชายหนุ่มผู้นั้นกินยาที่หลิงมู่เอ๋อร์ป้อนให้ อาการไข้ก็ลดลงแล้ว ต่อจากนี้ขอเพียงแค่กินยาให้ตรงเวลาเท่านั้น กินเช่นนี้ไปสองสามวันอาการบาดเจ็บของเขาก็จะทรงตัวแล้ว
หลังจากผ่านไปสองสามวัน อิ๋นถงฉวยโอกาสในตอนที่จื่อถงไม่รู้ตัวทิ้งจดหมายไว้แล้วจากไป เขาล่อคนที่ตามไล่ล่าพวกเขาตามแผนที่หารือกันในไม่กี่วันก่อน จื่อถงเห็นว่าอาการของเจ้านายคงที่แล้ว ก็ปล่อยเขาไว้ในโรงหมอ แล้วก็ออกไปสืบหาข่าวทุกวัน เพราะกลัวว่าคนที่ตามไล่ล่าพวกเขาเหล่านั้นจะตามมาจนเจอ
“ตื่นแล้วหรือ?” หลิงมู่เอ๋อร์ยกยาเข้ามา เห็นชายหนุ่มที่หมดสติไปนั้นตื่นขึ้นมาแล้ว นางยืน่ยาต้มส่งไปให้เขา “ในเมื่อตื่นขึ้นมาแล้ว ก็ดื่มยาเสียเถิด!”
ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่งอย่างลำบาก เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดที่หน้าอก จึงก้มหน้าลงไปมอง ก็พบว่าที่หน้าอกนั้นมีบาดแผลอยู่
เขามีใบหน้าที่ขาวซีดจากการที่เพิ่งฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บสาหัส สีหน้าอ่อนล้ามีความผิดปกติ แต่ว่าเขาก็ยังมีท่าทางที่อ่อนโยนเป็นอย่างยิ่ง งดงามราวกับหยกชั้นดี ทั้งสูงส่งทั้งสง่างาม
“สถานที่แห่งนี้คือที่ใด?แม่นางเป็นผู้ใด?” ครั้นเผชิญกับสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย แต่ชายหนุ่มก็ไม่มีความตื่นตระหนก เกรงว่าภายในใจจะมีคำถามมากมายนับพันหมื่น แต่กลับแสดงท่าทางที่ไม่ได้ใส่ใจออกมา
หลิงมู่เอ๋อร์มองออกตั้งแต่แรกแล้วว่าคนผู้นี้ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป นางพินิจมองไปที่เขา ทำปากยื่นเป็นสัญลักษณ์ไปยังทิศทางยาต้มในมือ
ชายหนุ่มเข้าใจความหมายของนาง เขารับยาต้มมาจากนั้นจึงดื่มเข้าไปจนหมด เขายิ้มเล็กน้อยพลางมองไปที่นาง รอให้นางบอกเล่าสถานการณ์ออกมา
“เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะวางยาพิษหรือ?” หลิงมู่เอ๋อร์ขมวดคิ้ว “เจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้าเป็นผู้ใด กลับกล้าดื่มยาที่ข้ามอบให้เจ้า ช่างใจกล้าเสียจริงๆ ”
ชายหนุ่มกล่าวพลางยิ้มน้อยๆ “ถ้าหากแม่นางคิดไม่ดีต่อข้า เมื่อครู่ตอนที่ข้าหลับไม่ได้สตินั้น เจ้าคงลงมือไปนานแล้ว”
“พูดได้ถูกต้อง หรือบางทีข้าอาจจะอยากจับตัวเจ้าเอาไว้ล่ะ?อย่างไรเสียดูจากท่าทางของเจ้าแล้ว น่าจะคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดกระมัง?” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวยิ้มๆ
“ดวงตาของแม่นางใสสะอาดเป็นอย่างยิ่ง ไม่คิดถึงผลประโยชน์ ไม่มีความแค้น เป็นดวงตาที่อบอุ่นมาก” ชายหนุ่มมองไปที่หลิงมู่เอ๋อร์ หลังจากพูดไปหลายประโยค เขามีความอ่อนล้าเล็กน้อย
หลิงมู่เอ๋อร์ไม่ได้ทรมานเขาอีก ถึงอย่างไรสภาพอาการบาดเจ็บของเขานั้นก็สาหัสยิ่งนัก สามารถมีชีวิตรอดมาได้ก็เป็นเพราะนาง หากเปลี่ยนเป็นหมอคนอื่นล่ะก็ เกรงว่าจะไม่สามารถรอดชีวิตมาได้แน่
“ข้าเป็นหมอ เจ้ามารักษาและพักฟื้นร่างกายอยู่ที่นี่มาเป็นระยะเวลานานพอควรแล้ว” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวความจริงออกมา “ลูกน้องสองคนของเจ้าจากไปเพียงชั่วคราว อีกไม่นานก็น่าจะกลับมาแล้ว”
“ข้าจดจำเรื่องราวก่อนที่ข้าจะหมดสติไปไม่ได้ แต่ว่าดูจากสภาพของข้าแล้ว น่าจะบาดเจ็บสาหัสเอาการ วิชาแพทย์ของแม่นางช่างล้ำเลิศยิ่งนักที่สามารถช่วยชีวิตคนใกล้ตายเฮือกสุดท้ายให้รอดมาได้” ชายหนุ่มมองหลิงมู่เอ๋อร์ด้วยสายตาที่เลื่อมใสศรัทธา “ข้าน้อยซูเช่อ แม่นางมีชื่อเสียงเรียงนามว่ากระไร?”
“ข้าแซ่หลิง” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวไปอย่างง่ายๆ เพียงประโยคเดียว “เจ้าดีขึ้นแล้วใช่หรือไม่?ถ้าไม่มีเรื่องอื่นแล้ว ข้าขอตัวออกไปก่อน”
“นอกจากไร้เรี่ยวแรงแล้ว อาการอื่นๆ ก็ดีขึ้นแล้ว ลำบากแม่นางแล้ว” ซูเช่อยิ้มอย่างอบอุ่น
หลิงมู่เอ๋อร์พยักนางไปทางเขา แล้วหมุนกายเดินออกจากห้องไป
เมื่อนางเดินออกจากประตูไป ซูเช่อที่อยู่ในห้องก็เก็บรอยยิ้มลง เขามองขึ้นไปด้านบน นัยน์ตาเปลี่ยนเป็นลุ่มลึกขึ้นมา
หลิงมู่เอ๋อร์ที่อยู่ด้านนอกห้องหันกลับไปมองหนึ่งที เม้มปากพลางกล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ “ดูเหมือนว่าจะเป็นคนที่น่าจะสร้างความเดือดร้อนได้มากจริงๆ!เป็นชายหนุ่มที่รับมือได้ยากราวกับสุนัขจิ้งจอก”
เดิมทีใบหน้าที่หล่อเหลาก็ดูดีเป็นอย่างยิ่งแล้ว ถ้าหากเปลี่ยนเป็นหญิงสาวนางอื่นมาเผชิญหน้ากับคนที่มีท่าทางอ่อนโยนราวกับหยกอย่างเขาแล้วนั้นก็เกรงว่าจะหลงใหลและเคลิบเคลิ้มไปแล้วกระมัง!แต่น่าเสียดายที่นางสัมผัสได้อย่างว่องไวต่อพลังลมปราณของเขา ท่าทางที่อ่อนโยนของชายหนุ่มผู้นั้นเป็นเพียงแค่เปลือกนอก แท้ที่จริงแล้ว เขาเย็นชาจนซึมเข้าในกระดูกเชียว!
เป็นเพียงคนหน้าเนื้อใจเสือผู้หนึ่ง
น่ารังเกียจที่สุด นางไม่ชอบคนที่หน้าเนื้อใจเสือที่สุดแล้ว
“คนผู้นั้นตื่นแล้วหรือ?” โจวฉี่เยี่ยนเห็นหลิงมู่เอ๋อร์เดินไปเดินมามองอยู่ด้านนอกประตู สีหน้าที่ปรากฏออกมาบนใบหน้าราวกับกำลังครุ่นคิดสิ่งใดอยู่ เขากล่าวคาดเดาออกมา
“พี่ใหญ่โจว ท่านพูดได้ถูกต้อง ข้าช่วยชีวิตคนที่เป็นตัวเดือดร้อนแล้วจริงๆ ” หลิงมู่เอ๋อร์เบะปาก “ข้าสามารถไล่เขาออกไปได้หรือไม่?”
“คนผู้นี้เป็นบุคคลสูงศักดิ์ เจ้าช่วยชีวิตเขา ก็นับว่าเป็นผู้มีบุญคุณของเขา ถ้าขับไล่เขาออกไปในตอนนี้ กลับกันจะทำให้เขาจดจำเคียดแค้น ไม่ว่าจะเกลียดชังคนผู้นี้มากเพียงใด ขอเพียงแค่เขาไม่ได้ทำอันใดมากเกินไป อย่างไรก็อดทนสักหน่อยก็แล้วกัน!” โจวฉี่เยี่ยนกล่าวให้คำแนะนำอย่างใจเย็น
“ท่านกล่าวได้ถูก บาดแผลของเขาคงที่แล้ว และคงพักอยู่ที่นี่ต่อไปอีกไม่นาน ข้าอดทนอีกสักสองสามวัน ค่อยให้เขาจากไปเองแล้วกัน” หลิงมู่เอ๋อร์ลูบที่คาง พลางเบะปากกล่าว “พี่ใหญ่โจว ขอบคุณท่านเจ้าค่ะ บางครั้งท่านก็ใจเย็นกว่าข้ามาก ถ้าหากมีปัญหาอันใด การหารือกับท่านทำให้สามารถหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดได้ไม่น้อยเลยเจ้าค่ะ”
“ข้าไม่ได้ดีอย่างเช่นที่แม่นางกล่าวมา เดิมทีแม่นางก็เป็นคนเฉลียวฉลาด มีเพียงบางเวลาที่ดื้อรั้นไปบ้างก็เท่านั้น” โจวฉี่เยี่ยนกล่าวเสียงงราบเรียบ
หลิงมู่เอ๋อร์ทอดมองแผ่นหลังของโจวฉี่เยี่ยนที่หายไป คนที่อยู่ในห้องนั้นก็เป็นคนหน้าเนื้อใจเสือ คนที่อยู่ด้านนอกผู้นี้ก็เป็นภูเขาน้ำแข็ง บุรุษในยุคโบราณนี้ช่างยุ่งยากเหลือเกิน ยังคงเป็นพี่ใหญ่ของนางที่น่ารักที่สุดแล้ว