เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 2 บทที่ 54 ลูกค้าเต็ม
- Home
- เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ?
- เล่มที่ 2 บทที่ 54 ลูกค้าเต็ม
เล่มที่ 2 บทที่ 54 ลูกค้าเต็ม
เสียงประทัดดังเปรี้ยงปร้างติดต่อกันเรียกปลุกเหล่าผู้คนที่ยังนอนหลับใหลให้ตื่นขึ้นมา นกที่กำลังหลับอยู่นั้นก็ตกใจบินหนีไป หนูที่อยู่ตามมุมของถนนร้องอี๊ดๆ วิ่งหนีกระเจิงไปทั่ว เสียงประทัดดังต่อเนื่องเป็นเวลานาน ดึงดูดชาวบ้านทั่วไปที่รีบเข้ามาในเมืองตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางให้ผ่านเข้ามา
ไม่ว่าจะเป็นคนในยุคสมัยใดต่างก็ชอบสถานที่ที่ครึกครื้น ฉากที่เห็นในตอนนี้ พวกเขาอยากจะรู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น เมื่อพวกเขาเข้ามาก็เห็นว่ามีร้านค้าเปิดใหม่ และคนสกุลหลิงที่ยืนอยู่หน้าประตูด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม คนที่รู้จักพวกเขาก็แสดงสีหน้าที่ปิติยินดีออกมา คนที่ไม่รู้จักก็แสดงสีหน้างุนงง
“ท่านปู่ท่านย่าท่านลุงท่านอาสะใภ้พี่ชายพี่สะใภ้ทุกท่าน วันนี้เป็นวันเปิดร้านอาหารสกุลหลิงของพวกเรา คนที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นลูกค้าเก่า คำพูดสุภาพเหล่านั้นก็ไม่พูดให้มากความแล้ว อาหารของร้านสกุลหลิงเป็นอย่างไร ทุกท่านแวะเข้ามาลิ้มลองช่วนช่วนเซียง [1] ที่พวกเราแจกให้ทานโดยไม่คิดเงินดูก็จะรู้แล้ว แต่ละคนรับได้เพียงหนึ่งไม้เท่านั้น เชิญทุกท่านเข้าแถวได้เลยเจ้าค่ะ” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวกับเหล่าคนที่มาล้อมมุงดู “ถ้ายังอยากกินไม้ที่สอง เช่นนั่นก็ต้องจ่ายเพิ่มหนึ่งอีแปะต่อหนึ่งไม้นะเจ้าค่ะ”
ในเวลานี้ หนานกงอี้จือยืนอยู่หน้าหม้อใบใหญ่ ภายในหม้อใบใหญ่กำลังต้มช่วนช่วนอยู่หลายร้อยไม้ หนานกงอี้จือไม่ได้สวมเสื้อคลุมผ้าไหมตระการตาดั่งเช่นในยามปกติ แต่ใส่เสื้อผ้าป่านเนื้อหยาบเหมือนกับคนธรรมดาทั่วไปสวมใส่ ทว่าใบหน้าอันหล่อเหลาที่อยู่ตรงหน้านั้น ต่อให้ใส่เสื้อผ้าขอทาน ก็ไม่อาจบดบังท่วงท่าอันสง่างามของเขาได้
“พี่ชายท่านนี้…” แม่นางน้อยงามหยาดเยิ้มมองไปที่หนานกงอี้จืออย่างเขินอายและประหม่า “ข้ามีนามว่าเยียนจือ ขอถามชื่อแซ่ของพี่ชายได้หรือไม่?”
หนานกงอี้จือถูกกักตัวไว้ให้เป็นแมวกวักอยู่ที่นี่ เดิมทีในใจก็รู้สึกไม่พอใจอยู่แล้ว ตอนนี้ยังถูกหญิงสาวชาวบ้านมากวนใจ ความรู้สึกไม่พอใจนั้นก็ยิ่งทวีเพิ่มมากขึ้น ในตอนที่เขากำลังจะหมดความอดทน ก็รับรู้ได้ถึงสายตาอันเฉียบคมหนึ่งกระแสที่ส่งมาจากด้านข้าง ร่างของหนานกงอี้จือแข็งทื่อไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงฝืนเค้นยิ้มออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พลางกล่าวกับหญิงสาวชาวบ้านว่า “แม่นางเยียนจือ ชื่อแซ่ของข้าน้อย…ภายหลังท่านก็จะได้รู้เอง แม่นางต้องการทานช่วนช่วนเซียงหรือไม่?มอบให้เจ้าชิมหนึ่งไม้ หากอยากซื้อเพิ่มก็หนึ่งอีแปะต่อหนึ่งไม้”
“ถ้าอย่างนั้น… ข้าเอาสิบไม้เจ้าค่ะ” หญิงสาวชาวบ้านเห็นหนานกงอี้จือเต็มใจสนทนากับนาง และเขายังกล่าวอีกว่า ‘ภายหลัง’ นี่แปลว่าอย่างไร?นี่แสดงให้เห็นว่าคุณชายตรงหน้าก็ถูกใจนางเช่นกัน สิ่งนี้ทำให้นางตื่นเต้นเอามากๆ เพื่อที่จะได้เจอหนุ่มรูปงามบ่อยๆ ต่อไปนี้นางก็จะมาทานอาหารที่ร้านอาหารสกุลหลิงแห่งนี้ทุกวัน
ต่อมาก็มีทั้งบุรุษและสตรีจำนวนมากเบียดเสียดกันเข้ามา หลิงมู่เอ๋อร์เห็นสถานการณ์วุ่นวาย จึงกล่าวขึ้นอีกครั้ง “ทุกท่านต่อแถวด้วยเจ้าค่ะ ร้านอาหารสกุลหลิงของพวกเราถือข้อปฏิบัติว่ามาก่อนได้ก่อน มาหลังได้ทีหลัง ไม่ชอบการกระทำที่ไม่เคารพต่อผู้อื่น ถ้าทุกท่านไม่สามารถปฏิบัติตามกฎของพวกเราได้ เช่นนั้นก็เชิญกลับไปเถิดเจ้าค่ะ!วันนี้ขอเพียงแค่ต่อแถวอยู่ที่นี่ ก็สามารถรับช่วนช่วนกลับไปได้คนละหนึ่งไม้ แน่นอนว่า แต่ว่าเพียงหนึ่งไม้เท่านั้น หากต้องการเพิ่มก็ต้องจ่ายเงินซื้อ ทุกท่านอย่าดูถูกความสามารถในการจดจำผู้คนของคุณชายท่านนี้ของพวกเรา ขอเพียงแค่เขาเคยเห็น ก็สามารถจำได้ไม่ลืม”
นี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่หลิงมู่เอ๋อร์เลือกหนานกงอี้จือ คนผู้นี้มีมันสมองดีเลิศและยังมีดวงตาที่เฉียบแหลม เพียงแต่ในยามปกติจะชอบทำตัวเสเพลเหมือนลูกผู้ดีมีเงินก็เท่านั้น
“คุณชาย… เอาให้ข้าห้าสิบไม้” สตรีอวบอ้วนนางหนึ่งมองไปที่หนานกงอี้จืออย่างหวั่นไหว
หนานกงอี้จือประหนึ่งว่าเห็นสุกรอ้วนพีตัวหนึ่งกำลังแอบส่งสายตาหวานเยิ้มมาให้เขา ทำเอาแทบจะอาเจียนเอาอาหารเมื่อคืนออกมา เขากล่าวด้วยสีหน้าดูไม่ดี “ให้เจ้าห้าสิบไม้”
“ว้าว!อร่อยมาก ที่แท้ของสิ่งนี้ก็อร่อยถึงเพียงนี้นี่เอง” มือทั้งสองข้างของสตรีอวบอ้วนถือช่วนช่วนเซียงข้างละยี่สิบกว่าไม้ นางกินคำใหญ่พลางเอ่ย “อร่อยมากเลย”
“อร่อยมากจริงๆ!” สตรีที่อยู่ด้านข้างชิมไปหนึ่งคำ ก็ถูกรสชาติสุดวิเศษครอบงำไปแล้ว
เนื้อเสียบไม้ชิ้นเล็กๆ ก็ไม่ได้มากเท่าใด สตรีนางนั้นกินไปสองสามคำก็หมดแล้ว เด็กผู้ชายตัวน้อยที่อยู่ด้านข้างดึงชายเสื้อของสตรีนางนั้น แล้วพูดอย่างน่าสงสาร “ท่านแม่…”
สตรีนางนั้นได้สติกลับคืนมาว่าวันนี้นางพาบุตรชายมาตลาดด้วย ของอร่อยขนาดนี้กลับไม่เหลือให้บุตรชาย นางช่างตะกละจริงๆ แก้มของนางขึ้นสีแดงก่ำ แล้วกล่าวกับเด็กชายตัวน้อย “เด็กดีของแม่ แม่จะซื้อให้เจ้าเดี๋ยวนี้ ไม้ละหนึ่งอีแปะไม่แพง แม่ซื้อให้เจ้าสิบไม้ยี่สิบไม้ไปเลย”
หลิงมู่เอ๋อร์เห็นคนต่างหลั่งไหลเข้ามาอย่างมืดฟ้ามัวดิน นางยิ้มบางๆ พลางกล่าว “ทุกท่าน เนื้อเสียบไม้ที่หน้าประตูยังมีอยู่ตลอด และไม่ได้หนีไปไหน แต่ว่าทุกท่านต้องการเข้าไปด้านในลิ้มรสอาหารขึ้นชื่อของร้านพวกเราหรือไม่เจ้าคะ?วันนี้อาหารทุกอย่างล้วนแต่ลดครึ่งราคา ตอนนี้เป็นช่วงเช้า ท่านใดที่ยังไม่ได้ทานอาหารเช้าก็สามารถมาสั่งเกี๊ยวสักชาม บะหมี่ หรือว่าจะเป็นข้าวห่อไข่สักชิ้นก็ได้ ลูกค้าเก่าน่าจะรู้จักเกี๊ยวและข้าวห่อไข่ของร้านพวกเราแล้ว ครั้งนี้พวกเรายังได้ทำอาหารอร่อยๆ หลายอย่างออกมาเพิ่มอีกด้วย อย่างเช่นลาเมี่ยน ผัดเส้นบะหมี่ เตาเซียวเมี่ยน”
“วันนี้เกี๊ยวร้านของพวกเจ้าก็ลดครึ่งราคาหรือ?” มีคนมองไปที่หลิงมู่เอ๋อร์อย่างกระตือรือร้น
หลิงมู่เอ๋อร์เห็นท่านป้าคนนั้นก็ยิ้มเล็กน้อยพลางเอ่ย “เป็นเช่นนั้นแน่นอนเจ้าค่ะ อาหารทุกอย่างล้วนลดราคาห้าส่วน ข้าเคยพูดมาก่อนหน้านี้แล้ว”
“เช่นนั้นข้าเข้าไปกินเกี๊ยวสักชามก่อน” ท่านป้าคนนั้นเดินแยกออกมาจากกลุ่มคน
“ข้าอยากกินข้าวห่อไข่”
หลิงมู่เอ๋อร์เห็นคนเริ่มมาพอสมควรแล้ว ก็หันไปพูดกับหยางซื่อที่อยู่ด้านข้าง “ท่านแม่ พวกเราไปหลังครัวกันเถิดเจ้าค่ะ!ส่วนตรงนี้ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกพี่ใหญ่แล้ว”
“ตกลง” ถึงอย่างไรหยางซื่อก็เป็นสตรี นางไม่เคยถูกผู้คนมากมายขนาดนี้จ้องมองมาก่อน ขาของนางสั่นอยู่ตลอดเวลา ให้นางไปทำงานคอยหยิบจับทั่วไปหลังครัวยังดีเสียกว่า ไม่ต้องมาเผชิญหน้ากับผู้คนมากมายเช่นนี้
หลิงมู่เอ๋อร์และหยางซื่อไปที่หลังครัวแล้ว งานด้านนอกก็มอบหมายให้กับหยางต้าหนิว หลิงต้าจื้อ รวมถึงซั่งกวนเซ่าเฉินแทน ส่วนหลิงจื่ออวี้อยู่กับถังซื่ออยู่ในห้อง
งานด้านหลังเรือนเยอะมาก หลิงมู่เอ๋อร์ต้องการให้หยางซื่อมาช่วยนางต้มเกี๊ยว เรื่องการผัดอาหารไม่มีใครสามารถทำแทนนางได้ แต่ว่าหยางซื่อสามารถต้มเกี๊ยวได้ หลิงจื่อเซวียนก็มีหน้าที่เป็นลูกมือพวกเขา หลังจากนั้นไม่นานหลิงจื่ออวี้ก็จูงมือของถังซื่อเดินออกมา หลิงมู่เอ๋อร์และหยางซื่อหันมาเจอเข้ากับถังซื่อ ก็รีบร้อนวางงานที่อยู่ในมือลงทันที
“ท่านแม่…” หยางซื่อเข้ามาประคองถังซื่อ “ท่านมาได้อย่างไรเจ้าคะ?อวี้เอ๋อร์ดูแลท่านได้ไม่ดีใช่หรือไม่?”
หยางซื่อพูดพร้อมกับมองไปที่หลิงจื่ออวี้อย่างไม่สบายใจ
หลิงจื่ออวี้ยังไม่ทันได้พูดอันใด หยางเสี่ยวหู่ก็โผล่ออกมาจากด้านหลังของถังซื่อ แล้วเอ่ยอย่างอายๆ ว่า “อย่ากล่าวโทษน้องอวี้เลยขอรับ เป็นข้าเอง… ข้าบอกว่าอยากออกมาช่วยงาน”
“อย่าได้ว่าเด็กๆ เลย แม้ข้าจะมองไม่เห็น แต่ว่าก็ยังสามารถช่วยล้างถ้วยล้างผักได้ ข้าไม่อยากอยู่ว่างๆ ” ถังซื่อขมวดคิ้วพลางกล่าว “อวี้เอ๋อร์เป็นเด็กดี เจ้าอย่าทำให้เขากลัว”
หลิงจื่ออวี้เป็นคนไม่ชอบพูด จนถึงตอนนี้ก็ยังเป็นเช่นเดิม หยางซื่อปรักปรำเขา เขาก็ไม่รู้จักโต้แย้งใดๆ
หลิงมู่เอ๋อร์เอ่ยขึ้นมา “ท่านยาย อากาศหนาวขนาดนี้ ท่านควรจะใส่เสื้อคลุมป้องกันลมเย็น พวกเราเป็นห่วงท่านมากๆ เลยนะเจ้าคะ ล้างถ้วยล้างผักมีแค่พวกเราก็เพียงพอแล้ว รอให้ดวงตาของท่านหายดี ค่อยมาช่วยพวกเราทำงานก็ยังไม่สายเจ้าค่ะ เอาอย่างนี้เถิด!ห้องครัวมีพวกเราไม่กี่คน ท่านยายก็นั่งอยู่ที่นี่ ให้เด็กสองคนนี้ช่วยพวกเราเติมฟืนหั่นผักแล้วกันเจ้าค่ะ”
“เอาอย่างนั้นก็ได้!” ถังซื่อก็รู้ว่าตนเองมองไม่เห็น มีแต่จะเพิ่มความวุ่นวายให้กับพวกเขา ตอนนี้นางหวังแค่ว่าดวงตาสองข้างนี้จะสามารถกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง เช่นนี้นางก็จะไม่ใช่ยายแก่ที่ไร้ประโยชน์แล้ว
ก่อนที่ดวงตาจะกลับมามองเห็นนั้น นางก็จะอยู่นิ่งๆ ไม่สร้างปัญหาให้กับพวกเขา
“มู่เอ๋อร์ ด้านนอกไม่มีที่นั่งแล้ว” หลิงต้าจื้อโผล่เข้ามาด้านหลังครัว เช็ดเหงื่อพลางกล่าว “คนมากันเยอะมาก ถนนด้านนอกแทบจะถูกปิดทางแล้ว”
หลิงมู่เอ๋อร์ครุ่นคิดพร้อมกับเช็ดมือ แล้วกล่าวว่า “ท่านพ่อ นำป้ายไม้ที่ข้าเตรียมไว้เมื่อวานมอบให้กับคนเหล่านั้น ท่านแจกแผ่นไม้ให้กับพวกเขาตามลำดับ จากนั้นบอกพวกเขาว่าไม่ต้องมารอที่หน้าร้าน พวกเขาสามารถไปเดินจ่ายตลาดได้ก่อน หลังจากเดินจนพอใจแล้ว ค่อยนำแผ่นป้ายไม้มาที่ร้าน พวกเราจะให้เข้ามาทานอาหารตามหมายเลขที่อยู่บนป้ายไม้”
“วิธีนี้ดี” หยางซื่อกล่าว “ยังเป็นมู่เอ๋อร์ของพวกเราที่เฉลียวฉลาด”
หลิงจื่อเซวียนเงยหน้าขึ้นมายิ้มๆ “ไม่รู้จริงๆ ว่าเด็กสาวคนนี้คิดได้อย่างไร วิธีนี้ไม่เลวเลยจริงๆ”
หลิงต้าจื้อเคยทำงานด้านนอกมาก่อน ได้รู้ได้เห็นมากกว่าผู้อื่น แม้แต่หยางซื่อกับหลิงจื่อเซวียนยังรู้ว่าเป็นความคิดที่ดี แน่นอนว่าเขาก็ตระหนักได้ว่าเป็นความคิดที่ดีเช่นกัน เขารีบตอบรับ แล้วหมุนกายวิ่งออกไป ผ่านไปไม่นาน ทุกคนในห้องครัวก็ได้ยินเสียงดังเซ็งแซ่จากด้านนอกลดน้อยลงบ้างแล้ว
คนกินเกี๊ยวในตอนเช้าตรู่มีไม่น้อย หยางซื่อต้มเกี๊ยวไปแล้วหลายหม้อ ทว่าเมื่อคลื่นกระแสความนิยมผ่านไป ผู้คนเปลี่ยนมาทานอาหารด้วยกรรมวิธีการผัดเป็นส่วนใหญ่ หยางซื่อจึงเปลี่ยนจากผู้ช่วยในครัวมาเป็นพนักงานยกอาหารส่งน้ำชา
หลิงมู่เอ๋อร์เห็นสถานการณ์เช่นนี้ ก็ผัดอาหารหม้อใหญ่ไปพลาง กล่าวไปพลาง “ถ้างานยุ่งเช่นนี้ทุกวัน คงจะต้องไปซื้อสาวใช้กับบ่าวชายสักสองคนมาช่วยงานแล้วเจ้าค่ะ”
ถังซื่อได้ยินคำพูดของหลิงมู่เอ๋อร์ ยิ้มเล็กน้อยพลางกล่าว “นี่เพิ่งจะเริ่มต้น มู่เอ๋อร์ของพวกเราก็คิดที่จะซื้อบ่าวรับใช้แล้ว?”
“ท่านยาย ท่านดูลูกค้ามากมายที่ด้านนอกสิเจ้าคะ ถ้าอาศัยแค่พวกเราไม่กี่คน ต่อให้จะยุ่งจนเท้าไม่ติดพื้น ก็ไม่อาจรับมือไหวเจ้าค่ะ” หลิงมู่เอ๋อร์พูดไปด้วยพร้อมกับตักอาหารในหม้อใส่จาน “เสร็จแล้ว หมูสามชั้นตุ๋นน้ำแดงของโต๊ะเจ็ดเจ้าค่ะ”
หยางซื่อวิ่งก้าวเล็กๆ เข้ามา เช็ดเหงื่อไปพลางกล่าวไปพลางว่า “โต๊ะเก้ายังต้องการสั่งหมูซุกข้าวเหนียวนึ่งเพิ่มอีกหนึ่งที่”
“ได้เจ้าค่ะ” หลิงมู่เอ๋อร์ตอบรับ โดยงานที่อยู่ในมือก็ทำอย่างต่อเนื่องไม่ได้หยุด
หลิงต้าจื้อวิ่งเข้ามาจากเรือนด้านหน้า แล้วเอ่ยกับหลิงมู่เอ๋อร์ว่า “มู่เอ๋อร์ ใต้เท้านายอำเภอมา ห้องรับรองของพวกเรามีไม่พอแล้ว”
“นายอำเภอหรือเจ้าคะ?” หลิงมู่เอ๋อร์ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง
“ใช่น่ะสิ!คงจะให้นายอำเภอมารออยู่ที่นี่ไม่ได้กระมัง!เขาเป็นถึงนายอำเภอ ถ้าหากทำให้เขาไม่พอใจ…” หลิงต้าจื้อกล่าวด้วยสีหน้าถอดสี
หลิงมู่เอ๋อร์คิดไม่ถึงว่าวันแรกก็จะเจอปัญหามากมายขนาดนี้ นางออกแบบห้องรับรองไว้เพียงแค่ห้าห้องเท่านั้น ในตอนนี้ก็เต็มหมดแล้ว จากที่นางรู้มา ในห้องรับรองแขกทั้งหมดนั้นล้วนเป็นแขกผู้สูงศักดิ์ นางคงไม่อาจไล่ผู้อื่นออกไปเพียงเพราะนายอำเภอมาหรอกกระมัง?ถ้าเป็นเช่นนั้น เหลาอาหารนี้ของนางก็อย่าได้หวังว่าจะได้เปิดอีกต่อไป
ในตอนที่หลิงมู่เอ๋อร์กำลังหนักใจอยู่นั้น หยางต้าหนิวก็เข้ามาที่หลังครัว เขากล่าวกับทุกคนว่า “ไม่ต้องเป็นกังวลแล้ว นายอำเภอไปแล้ว เขากล่าวว่าวันนี้พวกเรายุ่งกันมาก เอาไว้จะมาวันหลัง คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่านายอำเภอของที่นี่จะเป็นคนมีเหตุผลเช่นนี้”
หลิงมู่เอ๋อร์เบะปาก “ข้าได้ยินมาว่าชื่อเสียงของนายอำเภอคนนี้ไม่ได้ดีนัก… ตอนนี้มีผู้คนมากมายกำลังจับตามองอยู่ เขาย่อมต้องรักษาชื่อเสียงอันดีงามต่อหน้าทุกคนไว้ เช่นนี้ชื่อเสียงของเขาก็จะไม่เสียหาย”
“ไม่ว่าจะอย่างไร อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ทำให้พวกเราลำบากใจ ด้วยสถานะของเขาแล้ว ถ้าหากมีเจตนาทำให้พวกเราอยู่อย่างลำบาก ร้านแห่งนี้ของพวกเราก็อย่าได้คิดว่าจะได้เปิดต่อไปเลย” หยางซื่อที่อยู่ด้านข้างกล่าวขึ้น
หลิงมู่เอ๋อร์พยักหน้า “นี่ก็จริงเจ้าค่ะ”
“ด้านหน้ายังมีลูกค้าอยู่กี่มากน้อย?” หยางซื่อเอ่ยถามหลิงต้าจื้อกับหยางต้าหนิว
ทั้งสองคนมองหน้ากัน ตอนนี้เรือนด้านหน้าเหลือเพียงแค่ซั่งกวนเซ่าเฉินและหนานกงอี้จือ พวกเขาจำต้องรีบกลับไปต้อนรับลูกค้า เมื่อคิดอย่างนี้แล้ว ทั้งสองคนก็กลับไปเรือนด้านหน้าอีกครั้ง
เชิงอรรถ
[1] ช่วนช่วนเซียง (串串香) หมายถึง อาหารจีนลักษณะเดียวกับหม้อไฟ(火锅) หรือ หมาล่าทั่ง(麻辣烫) แต่จะเป็นลักษณะของการนำเนื้อหรือผักเสียบไม้มาจุ่มๆ ลงในหม้อน้ำซุป