เกษียณทหารแล้วไปทำฟาร์มที่ต่างโลก - ตอนที่ 199
ท่ามกลางป่ายามรัตติกาลอันเงียบสงัด คนทั้งสี่นักพักกันอยู่ใต้ต้นไม้เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยก่อนการเดินทาง หนึ่งในนั้นคือชายหลังค่อมที่ร่างกายซูบผอม และเต็มไปด้วยบาดแผล พ่อค้าเคลย์ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นคนที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมนั่นเอง
เรญ่ากับเดนิที่สวมหน้ากากอยู่กำลังใช้ระบบสแกนร่างกายเพื่อหาบาดแผลของเคลย์ที่ยังสลบอยู่ ส่วนไซเลอร์ก็ทำหน้าที่ลาดตระเวนระวังภัยอยู่รอบๆ พวกเขาสามารถปฏิบัติการได้โดยไม่ได้ต้องใช้แสงไฟนำทางจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะซ่อนตัวในป่าโปร่งที่ใบไม้ตกมากองกับพื้นจนหมดแล้วเช่นนี้
“บาดแผลไม่ได้มีการอักเสบอะไร และดูเหมือนว่ามันจะสมานตัวมาได้สักพักแล้ว แม้จะไม่มีการใช้ยารักษาก็ตาม แสดงว่าพวกผู้คุมเลิกทรมานเคลย์มานานแล้ว แต่น่าแปลกอย่างหนึ่งคือหากเขาบอกความจริงทั้งหมดที่ถูกเค้นออกมาแล้ว เหตุใดจึงไม่ถูกฆ่าทิ้งเหมือนกับคนอื่น” หญิงสาวหัวหน้าทีมกล่าวกับชายหนุ่มด้านข้าง
“หรือว่ายังมีบางเรื่องที่เขายังไม่สารภาพ อืม…แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นทำไมเขาถึงไม่ถูกทรมานต่อ กลับถูกขังไว้เฉยๆแบบนี้ อาจเป็นไปได้ว่าพวกผู้คุมไม่ว่างที่จะมาสอบปากคำรึเปล่าขอรับ” เดนิสเสนอความคิดเห็นของตนออกมา ถึงแม้มันจะเป็นคำตอบที่ซื่อตรงเกินไปหน่อย แต่ดูเหมือนว่าเรญ่าก็เริ่มขบคิดเกี่ยวกับมัน
“อาจเป็นไปได้…แต่ทำไมกันล่ะ? เอ้ะ! เดี๋ยวก่อนนะตอนที่พวกเราเข้าไปพวกผู้คุมที่เฝ้าอยู่มีจำนวนน้อยมาก พวกเขาอาจต้องไปรับภารกิจที่อื่นจึงปล่อยเคลย์เอาไว้อย่างนี้ก่อนก็ได้ ถ้าเช่นนั้นชายผู้นี้ก็อาจจะยังมีความลับสำคัญซ่อนอยู่จริงๆ ก็ถือว่าไม่ได้มาเสียเที่ยว” เรญ่าเห็นด้วยกับความเห็นของชายหนุ่ม รวมทั้งวิเคราะห์ความเป็นไปได้ในฐานะพ่อค้าข่าวของเคลย์
แต่ในขณะที่พวกเขาทั้งสองยังคุยกันไม่จบ เสียงสัญญาณแจ้งเตือนก็ดังขึ้นมาจากหน้ากากสีดำที่คล้ายกับหน้ากากไบค์เกอร์ของตน ซึ่งนั่นเป็นการแจ้งเตือนว่าทีมของเขาถูกจู่โจมเข้าแล้ว
“ไซเลอร์! เกิดอะไรขึ้น! อ้ะ! เดี๋ยวก่อนพี่เรญ่า” เดนิสถามผ่านไมโครโฟนภายในหน้ากากไปยังสหายที่ลาดตระเวนอยู่ แต่หญิงสาวนั้นไม่รีรอเธอพุ่งตัวออกไปพร้อมเปิดโหมดอำพรางตัว หายไปกับความมืดมิดทันที
“อึ้ก! ยอดฝีมือ” เสียงผ่านลำโพงที่นักธนูหนุ่มตอบกลับมาฟังดูอึดอัดอย่างยิ่ง นี่ทำให้เดนิสรู้แล้วว่าฝ่ายตรงข้ามต้องไม่ธรรมดา ที่สำคัญอีกฝ่ายสามารถหลบเลี่ยงการตรวจจับของบอดี้สูทได้ด้วย
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะวิ่งไปตามเรญ่าไปเคลย์ที่สลบไสลมานานก็ฟื้นตื่นขึ้นพอดี ทำให้เดนิสต้องหันมาสนใจคนตรงหน้าแทน
“ข้าอยู่ที่ไหน?” เสียงแหบแห้งไร้เรี่ยวแรงของชายหลังค่อมกล่าวออกมา
“ป่าด้านนอกคุก ข้าเป็นคนพาเจ้าออกมาเอง” ชายหนุ่มตอบกลับไปตามตรง
“นี่…นี่ข้าออกมาแล้วจริงๆเหรอ ข้าเป็นอิสระแล้วจริงเหรอ?” เคลย์กล่าวออกมาทั้งน้ำตา ด้วยความที่ต้องทรมานอยู่ในสถานที่เช่นคุกใต้ดินมานาน ตอนนี้เขาแทบจะระเบิดอารมณ์ดีใจออกมาทั้งหมด
“เจ้าไม่ต้องดีใจไป ข้าไม่ได้มาช่วยเจ้าโดยไม่ต้องการสิ่งตอบแทน แต่อย่างน้อยต่อไปชีวิตความเป็นอยู่ของเจ้าจะดีขึ้นกว่าอยู่กับพวกโอเมก้าอย่างแน่นอน” นี่คือความจริงที่เดนิสสามารถจะบอกออกไปได้กับคนตรงหน้าที่เพิ่งผ่านความลำบากแสนสาหัสมา แต่นั่นกลับทำให้แววตาของเคลย์เปลี่ยนไปเป็นเบิกโพลงเหมือนกับว่ากำลังเกรงกลัวชายหนุ่มอย่างไรอย่างนั้น
“เจ้าไม่ใช่คนของโอเมก้าอย่างนั้นรึ? ไม่! ข้าต้องกลับไป ข้าต้องกลับไป ไม่อย่างนั้นชีวิตข้า และลูกเมียต้องจบสิ้นแน่ๆ ปล่อยข้า ปล่อยข้ากลับไป!” เคลย์ตะโกน และพยายามดิ้นรนแม้ว่าตัวของเขาจะไร้ซึ่งเรี่ยวแรง แต่ดูเหมือนว่าเขาจะเกรงกลัวในอำนาจของโอเมก้ามากจริงๆ
“เฮ้อ! ข้าไม่อยากเสียเวลากับเจ้าแล้ว” เมื่อเดนิสกล่าวจบทันใดนั้นมือขวาของเขาก็เหวี่ยงอย่างรวดเร็วเข้าไปที่ลำคอของชายหลังค่อม และเข็มฉีดยาไฮเทคในมือของเดนิสก็ฉีดสารบางอย่างเข้าไปในร่างของเคลย์อย่างรวดเร็ว และเขาก็สลบไปอย่างง่ายดายทันที
จากนั้นบุตรชายบารอนก็นำเชือกออกมาจากไอเทมบ็อกซ์ข้างเอว แล้วมัดตัวของเคลย์อย่างแน่นหนา เรียกได้ว่าแน่นหนาจนทั้งตัวของเคลย์กลายเป็นดักแด้ไปเลยทีเดียว ต่อด้วยการติดตะขอที่ปลายเชือกอีกด้านที่เหลือ แล้วใช้เครื่องยิงสลิงพาดักแด้ยักษ์ขึ้นไปเกาะไว้บนยอดต้นไม้สูง
“หลับอยู่เงียบๆบนนั้นไปก่อนนะ ข้ามีธุระต้องทำ” เดนิสกล่าวกับคนบนต้นไม้จบก็กดปุ่มที่เกราะแขนสองสามปุ่ม แล้วแผนที่ก็ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอในหน้ากากพร้อมระบุจุดที่เพื่อนอีกสองคนอยู่ จากนั้นระบบก็จัดการชี้เป้านำทางอัตโนมัติไปยังจุดหมาย
ทางด้านของเรญ่าที่ใช้ระบบพรางตัวอยู่บนต้นไม้ กำลังมองการต่อสู้ระหว่างไซเลอร์ และหญิงชุดดำลึกลับอยู่อย่างเงียบๆ แม้ว่าก่อนหน้านี้นักธนูหนุ่มจะแจ้งกลับไปว่า ฝ่ายตรงข้ามยอดฝีมือด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูกำลังเสียเปรียบ แต่สิ่งที่เรญ่าเห็นนั้นแตกต่างไปจากที่คิดไว้
แม้ว่าฝ่ายศัตรูจะเป็นสตรีผู้ใช้ดาบคู่จันทร์เสี้ยวที่รวดเร็ว สามารถรุกเข้าถึงตัวของไซเลอร์ด้วยเวทมนตร์เฉพาะตัวของเธอได้อย่างง่ายดาย แต่เขาก็สามารถถีบตัวถอยหลบในจังหวะโจมตีนั้นได้ทุกครั้ง พร้อมกับยิงลูกธนูออกไปพร้อมกันอย่างน่าเหลือเชื่อ
ซึ่งนั่นทำให้ผู้หญิงที่มีผ้าปิดหน้าอยู่นั้นเสียหลักต้องหลบหลีกอยู่ทุกครั้งไป แม้จะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะโจมตีไซเลอร์ แต่เรญ่าก็มองเห็นแผนการของคนลึกลับนั้นได้ว่าจุดประสงค์แท้จริงคืออะไร มันไม่ใช่การเข้าไปโจมตีเพื่อสร้างบาดแผลจริง แต่เพื่อ…
“เจ้าหนู! พลาดแล้วล่ะ” หญิงลึกลับกล่าวขึ้นในขณะที่พุ่งโจมตีอีกครั้ง คราวนี้เธอใช้ความเร็วมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัวหมายปลิดชีพชายหนุ่มอย่างแน่นอน
“เฮ้ย! เวรแล้ว” ไซเลอร์ที่ถีบตัวพุ่งถอยหลังอุทานขึ้น เมื่อมือที่เอื้อมกลับหลังไปคว้าลูกศรในกระบอกกลับคว้าได้แต่ความว่างเปล่า บวกกับความเร็วของศัตรูที่เพิ่มขึ้นมาอีกขั้น ตอนนี้เขาไม่อาจหลบพ้นการโจมตีได้อีกแล้ว เพียงแต่ว่า…
ไซเลอร์กดปลายเท้าซ้ายลงแตะลากไปกับพื้นตามแรงถอย แต่เพียงชั่วครู่มันก็หยุดลงอย่างกะทันหัน ซึ่งแทบจะเป็นจังหวะเดียวกับที่คมดาบคู่ของศัตรูพุ่งเข้ากลางลำตัวของตน เขาใช้ปลายเท้าที่แตะพื้นนั้นเป็นแกนกลางแล้วเหวี่ยงทั้งตัว ไปทางขวาทวนเข็มนาฬิกาหลบคมดาบได้อย่างเฉียดฉิว
แต่มันยังไม่จบเพียงเท่านั้นเมื่อร่างศัตรูพุ่งผ่านเลยไปด้วยแรงส่งแถมยังพลาดเป้าจู่โจม ไซเลอร์กลายเป็นยืนมั่นคงอยู่ด้านหลังฝ่ายตรงข้ามทันที ต่อด้วยกดปุ่มคำสั่งหนึ่งบนเกราะแขนแล้วทันใดนั้นลูกศรสังหารก็วาร์ปเข้ามาเติมเต็มกระบอกด้านหลังตัวเองอีกครั้ง
ไม่ต้องรอช้าเมื่ออาวุธครบมือชายหนุ่มก็เอื้อมมือไปดึงศรออกจากกระบอก แล้วขึ้นประทับบนคันธนูคอมพาวด์สีดำด้านในมืออีกข้างพร้อมกับง้างสายเตรียมยิงทันที เพียงแต่ว่าศัตรูครั้งนี้ของเขาเป็นยอดฝีมือที่ไม่ธรรมดา การพลาดเป้าโจมตีเมื่อไม่กี่วินาทีที่แล้วไม่ได้ทำให้เธอเสียสมาธิแต่อย่างใด
แต่คราวนี้สตรีลึกลับกลับเปลี่ยนกลยุทธ์จู่โจม เธอเหินบินขึ้นไปกลางอากาศพร้อมหมุนตัวเหวี่ยงดาบเป็นวงกลมดั่งพายุหมุน แล้วพุ่งเข้ามาจู่โจมนักธนูหนุ่มด้วยการเคลื่อนไหวไร้รูปแบบดั่งพายุคลั่งที่ไม่อาจคาดเดาได้ ภาพที่เห็นนั้นอย่างกับว่ามันคืออสรพิษที่เลื้อยอยู่บนอากาศก็ไม่ปาน
“อิหยังวะ!” ไซเลอร์อุทานออกมาเสียงดัง เขาไม่เคยต่อสู้กับรูปแบบการจู่โจมนี้มาก่อน แม้ว่าจะเคยซ้อมกับเหล่าจอมเวทย์ที่ฟาร์มมาแล้วก็ตาม จึงรู้สึกสับสนขึ้นมาในใจ ซึ่งนั่นก็เป็นการเปิดช่องโหว่ระหว่างการต่อสู้
ในขณะที่พายุดาบกำลังจะเข้าถึงตัวไซเลอร์ที่ยืนนิ่งอยู่ สายลมจากด้านข้างของเขาก็โบกสะบัดอย่างแรงกล้าไม่แพ้กัน เพราะนั่นคือพายุดาบเช่นเดียวกัน แต่พายุนั่นกลับเข้าปะทะกับพายุของสตรีลึกลับเพื่อปกป้องชายหนุ่มแทน