มีอาที่หลังจากได้ยินคำตอบของเอนโซแล้ว เธอก็เพียงแต่นิ่งเงียบเท่านั้นเพราะนี่เป็นอีกคำพูดหนึ่ง ที่ยืนยันในเจตนารมณ์ซึ่งทำให้พวกเขาเข้าร่วมกับกลุ่มโอเมก้า และมันยังทำให้เธอนึกย้อนไปถึงเจ้าเมืองฟลอริสตี้ที่เธอยังไม่เคยพบหน้า หรือไม่แม้แต่จะรู้เรื่องราวของเขาสักนิด
ภามที่เหมือนว่าจะเสร็จสิ้นการถ่ายทอดพลังไปยังแอนเน่แล้วก็เดินออกมาจากมุมมืด มุ่งไปสู่ร่างชายหนุ่มผมทองที่นอนแผ่หลาอยู่กับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง สายตาภายใต้หน้ากากที่ไม่มีใครเห็นจดจ้องไปที่เอนโซอย่างมีคำถาม เพราะเรื่องราวของเมืองแห่งนี้กลับกลายเป็นว่ามีความซับซ้อนมากกว่าที่คิด
‘อืม…เราก็เข้าใจได้นะว่าเจ้าเมืองต้องการรักษาอำนาจของตัวเองเอาไว้ แต่ถ้าอย่างนั้นทำไมเขาถึงไม่เข้าร่วมกับกลุ่มโอเมก้าไปเลยล่ะ ยิ่งถ้าชาวเมืองรู้สึกไม่ดีกับตนการใช้อำนาจของโอเมก้าเข้ามาช่วยเหลือยิ่งจะทำให้เขาสะดวกสบายมากขึ้น แถมยังร่ำรวยมากขึ้นอีกด้วย’
ที่ผ่านมาภามเชื่อใจคำแนะนำของทีเรียนเป็นอย่างมาก ซึ่งบาร์เทนเดอร์คนนั้นก็เป็นคนแนะนำกลุ่มโลเลี่ยนให้กับตน และคนในกลุ่มก็ดูเหมือนจะพบความทุกข์ยาก จากการใช้อำนาจมืดของพวกโอเมก้าซึ่งนั่นทำให้ทั้งสองฝ่ายไม่อาจที่จะอยู่ร่วมกันได้จนถึงขั้นเป็นศัตรู
ในระหว่างที่ชายในชุดราชสีห์ทมิฬที่ดูน่าประหลาด และน่าเกรงขามยืนจ้องตนเงียบๆอยู่นาน เซอร์เอนโซก็รู้สึกอึดอัดไม่น้อยไม่รู้ว่าตัวเองจะโดนซ้อมอีกครั้งหรือไม่ แน่นอนว่าเขาไม่อาจจะต่อกรกับชายลึกลับตรงหน้าได้ แต่อย่างน้อยเขาก็อยากจะพูดอะไรออกมามากกว่านอนรอถูกซ้อมอยู่เฉยๆ
“เจ้า…เป็นใครกัน? ไม่น่าจะใช่คนจากกลุ่มโลเลี่ยน” เสียงที่อ่อนล้ากล่าวถามภาม
“ข้าคือ…เอิ่ม…นรสิงห์ ผู้นำแห่งซีเคร็ทการ์เด้น” ภามนิ่งคิดไปเล็กน้อยก่อนที่จะบอกชื่อหนึ่งที่ผุดขึ้นมาในหัวโดยบังเอิญออกไป อย่างน้อยก็ดีกว่าการตั้งชื่อขึ้นมาใหม่ ด้วยสุดยอดเซนส์การตั้งชื่อที่ทุกคนในฟาร์มต้องส่ายหัว
“นอๆอะไรนะ? ช่างมันเถอะแล้วซีเคร็ทการ์เด้นนี่มันคืออะไรกัน ทำไมข้าถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน ทั้งที่มียอดฝีมือแบบเจ้าอยู่ และเรื่องที่พวกเจ้าบุกเข้ามาที่นี่” เอนโซติดขัดกับการเรียกชื่อของคนตรงหน้าเล็กน้อย แต่สิ่งที่เขาสนใจมากกว่าก็คือที่มาของชายชุดดำ และสาเหตุที่ภามมากล้าโจมตีฐานทัพของตน
“พวกเราเป็นกลุ่มที่ก่อตั้งใหม่น่ะ เจ้าจะไม่รู้จักก็ไม่แปลก พวกเรามีจุดประสงค์ที่จะหยุดยั้งสงครามทางภาคใต้ ส่วนที่มาที่นี่ก็เพราะมาช่วยแอนเน่ที่ถูกลักพาตัวมาเท่านั้น ข้าคาดไม่ถึงเหมือนกันว่าทั้งหมดจะเป็นแผนการเข้ามาสอดแนมพวกเจ้าด้วยตัวของนางเอง เรียกได้ว่าบ้าบิ่นเกินเด็กจริงๆ” ภามถึงกับส่ายหัวเมื่อกล่าวถึงสิ่งที่แอนเน่ทำไปในวันนี้
“ว่าไงนะ! นี่นางคิดเองจริงๆอย่างนั้นเรอะ!” เซอร์เอนโซตกใจจริงๆกับสิ่งที่ภามบอก ไม่มีใครคาดคิดอย่างแน่นอนว่าเด็กแปดขวบจะคิดอ่านได้ถี่ถ้วนขนาดนั้น แต่เมื่อเห็นพรสวรรค์ทางเวทมนตร์ของเธอ เขาก็ต้องยอมรับจริงๆว่าหากไม่มีสติปัญญาที่ดีพอก็คงจะใช้เวทมนตร์เช่นนั้นไม่ได้
“ใช่! ข้าคิดแผนนี้เองจริงๆ” เสียงเด็กหญิงตัวน้อยกล่าวพร้อมกับเดินออกมาจากเงามืด ในตอนนี้เธอได้กลับคืนร่างเดิมแล้ว และทั่วร่างของเธอก็สะอาดสะอ้านอย่างกับเพิ่งอาบน้ำแต่งตัวมาอย่างไรอย่างนั้น
ทุกสายตาถูกเด็กน้อยเรียกความสนใจไปที่ตน ท่าทางของแอนเน่ไม่ได้เหมือนกับเด็กแปดขวบผู้ไร้เดียงสาอีกต่อไป แม้ภายนอกจะเป็นเด็กแต่ท่าทาง รวมทั้งสำเนียงการพูดของเธอกลับดูเป็นผู้ใหญ่เกินวัย เธอค่อยๆเดินเข้าไปที่ด้านหน้าของเอนโซที่นอนเจ็บอยู่ เพื่อที่เขาจะได้คุยกับเขาได้ง่ายๆ
“ข้าขอแนะนำตัวอีกครั้ง ข้าคือแอนเน่ จอมเวทย์หญิงคนแรกแห่งซีเคร็ทการ์เด้น” เด็กหญิงตัวน้อยกล่าวพร้อมกับสายตาเหลือบมองต่ำไปยังอัศวินผมทองที่นอนสิ้นแรงอยู่ตรงปลายเท้า
“เอิ่ม….” เป็นมีอาที่มีสีหน้าบิดเบี้ยวเหมือนจะอยากพูดแต่ก็ไม่ได้พูดออกมา ใจจริงหญิงสาวอยากประท้วงเหลือเกินว่าก่อนที่เด็กน้อยจะกลายเป็นผู้ใช้เวทย์ได้เต็มตัว ก็เป็นเพราะตระกูลมูเน่รวมทั้งตัวเธอ และภามเป็นผู้สอนให้ทั้งนั้น แต่มีอาก็ไม่อยากจะทะเลาะกับเด็กต่อหน้าคนอื่นๆ
“แหมๆ ได้ทีแล้วเอาใหญ่เชียวนะแอนเน่ เจ้าไม่ควรเยาะเย้ยทับถมผู้แพ้นะรู้ไหม” เสียงแหบทุ้มของภามกล่าวปรามเด็กหญิง แต่ไม่ว่าใครฟังก็รู้ว่านี่เป็นการตักเตือนแบบไม่จริงจังสักเท่าไร
“ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ นายท่าน” แอนเน่ก้มหัวยอมรับคำสอนแต่โดยดี
“เฮอะ! ข้ารู้แล้วว่าเด็กนี่ได้นิสัยนี้มาจากใคร” เซอร์เอนโซถึงกับทำหน้าเซ็งกับคำกล่าวของภาม
ก่อนที่จะออกนอกเรื่องไปมากกว่านี้พ่อค้าอ้วนผู้ถูกลืม ก็กล่าวขัดจังหวะบทสนทนาของเหล่าตัวเอก เพราะเวลาก็ล่วงเลยมามากแล้ว รวมทั้งผู้นำของพวกตนก็นอนสลบไม่ได้สติอยู่บนพื้นอีกด้วย
“อะแฮ่มๆ ขอประทานโทษด้วยขอรับท่านเอ่อ…นรสิงห์ ท่านจะให้พวกเราทำอย่างไรต่อไปขอรับ คือจุดประสงค์ในการเข้าร่วมกับโอเมก้าของพวกเราก็ได้บอกกับท่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าโอเมก้าจะสนับสนุนสงครามในภาคใต้ ซึ่งขัดกับอุดมการณ์ของท่าน แต่ว่าพวกเราในที่นี้…” พ่อค้าอ้วนกล่าวไปได้สักครู่เขาก็ถูกขัดขึ้น
“ตอนนี้โอเมก้ากลุ่มอื่นๆได้รับคำสั่งให้เคลื่อนทัพไปสังหารศัตรูอย่างโจ่งแจ้ง ซึ่งแม้แต่สหายของตัวเองก็ไม่เว้นหากไม่เข้าร่วมกลุ่มด้วย นั่นก็หมายความว่าผู้บริสุทธิ์ก็ไม่อาจพ้นภัยจากความขัดแย้งนี้ แถมยังก่อสงครามในนามผู้อื่นอีก ยังไงซีเคร็ทการ์เด้นก็ต้องทำลายองค์กรโอเมก้าให้ได้ เพื่อหยุดยั้งสงคราม!” ภามกล่าวอย่างหนักแน่นชัดเจนในจุดยืนของตน
“แล้วถ้าเช่นนั้นท่านจะปล่อยให้เมืองนี้ต้องล่มจมจากความเห็นแก่ตัวของเจ้าเมือง เฉกเช่นเมืองฮาเวสตี้อย่างนั้นรึขอรับ!” เป็นครั้งแรกที่พ่อค้าอ้วนขึ้นเสียงต่อหน้านรสิงห์ ซึ่งนั่นก็ทำให้ภามรู้สึกแปลกใจไม่น้อยกับความกล้าของชายอ่อนแอคนนี้
“ฮึ! ที่เมืองฮาเวสตี้ต้องกลายเป็นเช่นนั้น ส่วนหนึ่งก็เพราะกลุ่มโอเมก้าอยู่เบื้องหลังด้วยต่างหาก ส่วนเรื่องของพวกเจ้าข้าจะปล่อยไปก่อนก็ได้ หากสิ่งที่เจ้ากล่าวมาเกี่ยวกับเจ้าเมืองฟลอริสตี้เป็นเรื่องจริง ข้าก็จะเป็นคนจัดการเขา และกลุ่มโลเลี่ยนเอง แต่หากพวกเจ้าทำสิ่งเลวร้ายอีกรับรองว่าจบไม่สวยแน่” เสียงแหบแห้งน่าสยองของนรสิงห์ทำให้พ่อค้าอ้วนถึงกับตัวสั่นขึ้นมาทันที แต่อย่างน้อยเขาก็รู้สึกโชคดีที่พวกตนสามารถรอดชีวิตไปได้
จากนั้นภามก็เดินนำมีอา และแอนเน่เดินจากไปโดยไม่มีใครสักคนที่กล้าขัดขวาง ทุกสายตาที่จ้องมองแผ่นหลังของภามต่างก็รู้สึกได้ถึงสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นก็คือพลังอำนาจอันแข็งแกร่งไร้ผู้ต้าน และนับจากวันนี้เป็นต้นไปนามของนรสิงห์แห่งซีเคร็ทการ์เด้น ก็ได้เริ่มแพร่กระจายออกไปในฐานะผู้ยับยั้งสงคราม
ห่างไกลออกไปที่หน้าผาแห่งหนึ่งทางทิศเหนือของเมืองฮาเวสตี้ ที่นั่นทั้งรกร้าง และแห้งแล้ง สายลมหนาวพัดแรงเกินต้านทานได้ไหว พื้นที่แห่งนี้จึงไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิตใดๆปรากฏ ค่ำคืนที่หนาวเหน็บนี้ผู้คนทั่วไปคงกำลังซุกกายอยู่ในผ้าห่มหนานุ่มอยู่หน้าเตาผิงเป็นแน่แท้
แต่ในดินแดนรกร้างแห่งนี้แตกต่างออกไป ผู้คนที่อยู่ในที่แห่งนี้กำลังวิ่งกันวุ่นวาย เสียงอึกทึกครึกโครมจากการต่อสู้ทำให้ความเงียบอันเป็นนิรันดร์ต้องสิ้นสุดลง
“ตู้ม!!!” เสียงระเบิดดังก้องออกมาจากถ้ำใต้หนาผาอันลึกลับ เหล่าคนชุดดำพุ่งตัวออกมาจากปากถ้ำด้วยความเร็วสูง เพื่อหลีกหนีจากเปลวไฟระเบิดอันร้อนแรงที่ไล่ตามหลังมา โชคยังดีที่เมื่อออกมาได้พวกเขาก็กลิ้งตกลงเนินดินเตี้ยๆตรงหน้าอย่างพอดิบพอดี ทำให้หลบจากเปลวเพลิงนรกได้อย่างฉิวเฉียว
“แค่กๆๆๆ ท่านเดนิส พี่เรญ่าเป็นอย่างไร แค่กๆๆ บ้างขอรับ?” นักธนูหนุ่มไซเลอร์ในชุดแบทเทิลสูทกล่าวถามเพื่อนร่วมทีม
“พวกเราใส่ชุดป้องกันอยู่ไม่เป็นไรหรอก ดูเจ้าเคลย์ก่อนเถอะ” เรญ่ากล่าวเตือนทันที เพราะการที่พวกตนต้องมาฝ่าฟันอันตรายที่นี่ก็เพื่อช่วยเหลือคนผู้นี้
MANGA DISCUSSION