ภามหันหลังกลับไปมองตามเสียงเรียก เขารู้อยู่แล้วว่าเด็กน้อยอยู่ในมุมมืดตรงนั้น เพียงแค่ตั้งแต่ที่เธอหลบการโจมตีของศัตรูเข้าไปที่นั่น เธอก็ยังไม่ออกมาจนกระทั่งตอนนี้ ซึ่งทำให้ชายหนุ่มรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง ส่วนที่เธอเรียกเขาว่านายท่านนั้นก็เข้าใจได้ว่าเป็นการปิดบังชื่อจริงของตนนั่นเอง
“ได้สิ เดี๋ยวข้าจะพามันออกไปจากที่นี่เอง แต่คงต้องรอให้พลังของมังกรวารีฟื้นขึ้นมาก่อนล่ะน่ะ แต่ว่าทำไมเจ้าถึงไม่ออกมาหาข้าล่ะแอนเน่?” หลังจากตอบรับคำขอร้องแล้ว ภามก็กล่าวถามกลับไปด้วยความสงสัย
“คือข้า…” เสียงของเด็กน้อยฟังดูแล้วเหมือนเธอไม่ค่อยมั่นใจที่จะออกมา นั่นจึงยิ่งทำให้ภามสงสัยขึ้นไปอีก และคาดการณ์ว่าอาจเกิดปัญหาอะไรบางอย่างกับเธอหลังจากใช้พลังเวทย์จำนวนมากในการต่อสู้ก่อนหน้านี้
ชายหนุ่มหันหน้าไปตามเสียงของแอนเน่พร้อมกับกดปุ่มที่ด้านข้างหน้ากาก เพื่อใช้ฟังก์ชั่นการทำงานสแกนร่างกาย ที่มาพร้อมความสามารถวิเคราะห์ข้อมูลออกมาได้อย่างละเอียด ซึ่งนั่นก็ทำให้ภามถึงกับผงะไปเล็กน้อยหลังจากเห็นสิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น
‘มีอา เข้ามานี่หน่อย’ ภามหันหน้าไปทางผู้คนพร้อมกับส่งโทรจิตเรียกแม่ค้าสาวที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มคนงานของปราสาท ซึ่งหญิงสาวก็ไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่รีบเดินแทรกตัวออกมาจากฝูงชนให้เร็วที่สุด เพื่อจะไม่ให้ใครสังเกตเห็นใบหน้าเธอได้ชัดเจน
ทั้งภาม และมีอาเดินเข้าไปในมุมมืดพร้อมกัน แม้ว่าหญิงสาวผมสีน้ำตาลอ่อนจะยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่การที่ชายหนุ่มเรียกเธอให้เข้ามาแสดงว่าต้องการความช่วยเหลืออย่างแน่นอน และแล้วภามก็หยุดยืนเยื้องไปด้านหน้าของมีอาเล็กน้อย ซึ่งตรงหน้าเขาก็มีเพียงแอ่งน้ำขังเล็กๆที่สะท้อนแสงไฟอยู่เท่านั้น
เขาย่อตัวลงไปแล้วสัมผัสกับน้ำขังนั้นพร้อมกับส่งมานาในร่างกายลงไป เหมือนกับว่าเขาต้องการทดลองอะไรบางอย่าง การกระทำนี้ยิ่งทำให้มีอาสงสัยมากขึ้นไปอีก แต่ที่เธอแปลกใจที่สุดคงจะเป็นเรื่องของแอนเน่
“ท่าน…นายท่าน แล้วแอนเน่หายไปไหนแล้วเจ้าคะ?” หญิงสาวเปลี่ยนสรรพนามที่เรียกชายหนุ่มเพื่อปกปิดตัวตนของเขา
“นี่ไงล่ะแอนเน่” ชายหนุ่มกล่าวตอบกลับสั้นๆ และแน่นอนว่าคำกล่าวนี้มันทำให้หญิงสาวตกใจเป็นอย่างมาก
“ว่าไงนะ! เกิดอะไรขึ้นกับนางกัน?” เมื่อรู้ว่าเด็กหญิงตัวน้อยกลายเป็นน้ำไปแล้วมีอาก็ตกใจอย่างมาก เธอไม่คิดว่าแอนเน่จะกลับคืนร่างมนุษย์ไม่ได้เช่นนี้
“ไม่ต้องห่วง แค่ใช้มานามากเกินไปบวกกับนี่เป็นการใช้เวทย์ระดับสูงที่ซับซ้อนมาก ผลกระทบจึงเป็นแบบนี้ที่จริงถ้าปล่อยทิ้งไว้เฉยๆก็สามารถฟื้นตัวได้เอง แต่มันคงจะไม่ค่อยดีกับแอนเน่ และสถานการณ์ในตอนนี้ เพราะฉะนั้นระหว่างที่ข้าช่วยนางเจ้าก็คุ้มกันข้าหน่อยก็แล้วกัน” ชายหนุ่มชุดดำอธิบายเรื่องราวอย่างใจเย็น เพราะเขารู้สาเหตุ และวิธีแก้ไขที่ไม่ยากเย็นอะไรเลยนั่นเอง
“ดะ…ได้เจ้าค่ะ” แม้ว่าจะยังอึ้งๆอยู่ แต่มีอาก็รับปาก แล้วหันหลังกลับไปสังเกตการณ์เหล่าลูกสมุนโอเมก้า
ซึ่งนั่นก็ทำให้มีอาเกิดเรื่องสงสัยขึ้นมาภายในใจอีกแล้ว เพราะเมื่อพิจารณาดีๆเมื่อหัวหน้าของพวกตนพ่ายแพ้แล้วทำไมพวกเขาจึงไม่หนีไป หรือกล่าวยอมจำนนต่อภาม แต่กลับยืนนิ่งเฉยอยู่แบบนั้นเหมือนกับกำลังรออะไรอยู่สักอย่าง หญิงสาวจึงไม่อาจนิ่งเฉยอึดอัดอยู่ได้อีกต่อไป
“นี่พวกเจ้าน่ะ ที่ยังอยู่ตรงนี้มันหมายความว่าอย่างไร? พวกเจ้ายอมจำนนต่อพวกเราอย่างนั้นรึ?”
“เอิ่ม…” แต่ละคนต่างก็อ้ำอึ้งพูดอะไรไม่ถูก เพราะส่วนใหญ่ล้วนเป็นลูกน้องของฮานที่อยู่ในปราสาทแห่งนี้ที่ปกติก็ไม่ได้มีสิทธิ์มีเสียงอะไรอยู่แล้ว ส่วนสมาชิกโอเมก้าที่เป็นพ่อค้าพวกเขาก็ได้แต่เงียบไม่กล้ากล่าวอะไรออกมา เพราะเกรงว่าจะถูกเล่นงานไปด้วยเหมือนกับสองคนก่อนหน้านี้
“เจ้าพ่อค้าอ้วนนั่นพูดออกมาสิ!” มีอาไม่รอช้าจี้ไปที่หนึ่งในผู้นำโอเมก้าแห่งเมืองฟลอริสตี้ทันที
“ขะ…ข้าหรือขอรับ” ชายอ้วนวัยกลางคนที่แต่งตัวด้วยชุดพ่อค้าหรูหราหลากสีชี้ที่ใบหน้าตัวเองพร้อมกล่าวถามย้ำ ตอนนี้เขาเหงื่อแตกไปทั้งตัว และไม่มีความมั่นใจเลยแม้แต่น้อย
“เจ้านั่นแหละ เดินออกมาข้างหน้าให้ข้าเห็นชัดๆ! แล้วตอบคำถามของข้ามา” มีอายังคงตะโกนสั่งเสียงดัง เสียงที่ยิ่งก้องกังวานในห้องใต้ดินทำให้เธอน่าเกรงขามมากขึ้น แถมตัวเธอเองที่ยืนอยู่ในมุมมืดเห็นเป็นร่างสลัวๆยิ่งทำให้ดูน่ากลัวสำหรับฝ่ายตรงข้ามขึ้นไปอีก
มีอาใช้การออกคำสั่ง และคำขู่สารพัดเพื่อให้พ่อค้าอ้วนตอบคำถามที่เธอสงสัย ซึ่งก็ทำให้ได้คำตอบอย่างที่ต้องการ สรุปก็คือที่พวกเขาทั้งหมดยังไม่หนีไปไหนเพราะคิดว่ายังไงก็หนีไม่พ้นเงื้อมมือของภามอย่างแน่นอน จึงเลือกที่จะยอมจำนนแต่พวกเขาก็ไม่มีใครกล้าพอที่จะกล่าวขึ้นมาก่อน
เมื่อต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูร่างกายของแอนเน่ มีอาจึงใช้โอกาสนี้ถามข้อมูลเกี่ยวกับพวกโอเมก้าเสียเลย และคำตอบก็ออกมาจากปากของพ่อค้าอ้วนอย่างง่ายดายเกินคาด ทำให้เธอได้รู้ว่ากลุ่มโอเมก้าแห่งฟลอริสตี้นั้นแตกต่างจากโอเมก้ากลุ่มอื่นๆอยู่มากเลยทีเดียว
ซึ่งสิ่งที่น่าตกใจที่สุดอย่างหนึ่งก็คือกลุ่มโอเมก้าในเมืองแห่งดอกไม้นี้ คือการรวมตัวของผู้ที่ต้องการช่วยเหลือเมืองแห่งนี้ให้รอดพ้นจากสงคราม และอำนาจของผู้มีอิทธิพลจากภายนอก กล่าวคือพวกเขาต้องการสร้างเมืองฟลอริสตี้ให้เจริญก้าวหน้ามั่นคงเพื่อปกป้องผู้คนอันเป็นที่รักนั่นเอง
“พวกเจ้าตั้งใจจะปกป้องผู้คนแต่เหตุใดจึงเข้าร่วมกับพวกโอเมก้า ทั้งที่พวกมันตั้งใจก่อสงครามเพื่อยึดครองจักรวรรดิแห่งนี้ หรือจะบอกว่าเพื่อให้เมืองของตนเองรอดก็ต้องยอมเชื่อฟังคนชั่วอย่างนั้นรึ? ไม่คิดว่าสุดท้ายแล้วเมืองที่มั่งคั่งที่พวกเจ้าสร้างขึ้นอย่างยากลำบากจะถูกยึดครองโดยทรราชหรืออย่างไร?” แม่ค้าสาวแห่งตระกูลวีตาเร่กล่าวออกมาด้วยอารมณ์เดือดดาล เธอไม่เข้าใจการกระทำที่สวนทางของคนเหล่านี้เลยจริงๆ
พ่อค้าอ้วนได้แต่เงียบกริบ และก้มหน้าอย่างรู้สึกผิดเพราะเขานั้นย่อมรู้ดีว่าตัวเองทำอะไรลงไป ซึ่งสิ่งนี้ก็ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่า สุดท้ายแล้วผลงานที่พวกเขาทำมาทั้งหมดจะสูญเปล่าหรือไม่ ก่อนที่มีอาจะเข้าไปเดินเข้าไปเพื่อจะสั่งสอนพ่อค้าอ้วนด้วยตัวเอง เธอก็ถูกดึงชายกระโปรงห้ามเอาไว้ก่อน
“มีอะไรหรือเจ้าคะ!?” ด้วยอารมณ์ไม่ดีมีอาหันกลับไปถามภามที่มือหนึ่งถ่ายพลังลงไปในน้ำ ส่วนอีกมือก็จับกระโปรงของเธออยู่
“ไอ้หัวทองนั่นดูเหมือนจะลุกขึ้นมาได้แล้ว” ภามที่กล่าวทั้งที่ไม่ได้หันมามองหน้าหญิงสาวแม้แต่น้อย แต่เขาก็สามารถสัมผัสการเคลื่อนไหวของผู้คนในชั้นใต้ดินได้ทั้งหมด
“ได้ เดี๋ยวข้าจัดการเอง” มีอาที่ยังคงโมโหกล่าวรับคำจากนั้นก็สะบัดชายกระโปรงออกจากมือชายหนุ่มแล้วก็เปลี่ยนทิศมุ่งหน้าไปที่เซอร์เอนโซที่กำลังยันตัวขึ้นจากพื้นช้าๆ
“อั๊ก!” หญิงสาวที่หงุดหงิดมาก่อนหน้านี้เข้าไปเตะย้ำเข้าที่หน้าท้องของอัศวินผมทอง ซึ่งทำให้เขาเจ็บร้าวไปทั่วทั้งร่างกาย ไม่ใช่เพราะแรงเตะของเธอ แต่เป็นเพราะมานาที่ผนึกเข้าไปทั่วทั้งขาของเธอต่างหาก
“ข้าจะให้โอกาสเจ้าพูดในฐานะที่เจ้าน่าจะมีตำแหน่งในกลุ่มสูงกว่าเจ้าอ้วนนั่น” เสียงคำสั่งจากหญิงสาวนั้นเฉียบขาดดุจดั่งนางพญา ผู้ที่สามารถชี้เป็นชี้ตายชีวิตของเอนโซได้เลยทีเดียว
อัศวินผมทองพลิกตัวกลับมานอนหงายอย่างฝืนทน เขาไม่คิดเลยว่าตัวเองจะต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ทั้งที่ยังไม่รู้เลยว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นใครด้วยซ้ำ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นเขาก็มีสติเพียงพอที่จะวิเคราะห์สถานการณ์ตรงหน้าได้ว่าอีกฝ่ายต้องการข้อมูล ไม่ใช่มาเพื่อฆ่าล้างพวกตน
“พวกเรา…เลือกอยู่ฝ่ายที่มีโอกาสชนะมากที่สุด นั่นจึงจะทำให้เมืองฟลอริสตี้รอดพ้นจากการเป็นผู้แพ้ที่ต้องสูญเสียทุกสิ่ง แม้ว่าตระกูลกลาเซียจะโหดเหี้ยมมากเพียงใด แต่พวกเขาก็ให้ผลประโยชน์ที่คุ้มค่ากับเมืองของเรา ต่างจากเจ้าเมืองโง่เง่านั่น” น้ำเสียงที่กล่าวออกมาทั้งเจ็บปวด และเคียดแค้น
MANGA DISCUSSION