เมื่อได้ยินคำถามจากอัศวินหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า พร้อมกับดวงตาของภามกลับมาเป็นปกติแล้วเขาจึงลืมตาขึ้น แล้วจดจ้องไปที่เซอร์เอนโซซึ่งแม้ว่าจะไม่อาจมองเห็นดวงตาของชายภายใต้หน้ากากสีดำ แต่อัศวินผมทองก็รู้สึกได้เลยว่าแววตาที่ฝ่ายตรงข้ามจ้องมองมานั้นน่ากลัวเพียงใด
‘จิตสังหารนี่มัน!’ เอนโซได้แต่เพียงคิดภายในใจเท่านั้น ไม่อาจกล่าวออกมาได้เลยแม้แต่น้อย แน่นอนระดับที่ทำให้อัศวินผู้เจนศึกถึงกับชะงักไปแบบนี้ มันต้องรุนแรงกว่าจิตสังหารของมังกรวารีมากหลายเท่า
แต่ในส่วนของจอมเวทย์ชรา เขาไม่ได้ถูกจิตสังหารนั้นพุ่งเป้ามาจึงยังมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน และสามารถที่จะพิจารณาสถานการณ์ตรงหน้าได้อย่างรวดเร็วสมกับเป็นผู้มีประสบการณ์ เขาผนึกพลังมานาจนกลายเป็นบอลไฟฟ้าเข้ากลางฝ่ามือ แล้วซัดมันออกอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องร่ายคาถาใดๆด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตามกระบวนการทั้งหมดที่ฮานทำ ตั้งแต่รวบรวมพลังจนกระทั่งปลดปล่อยเวทย์ ก็ใช้เวลาไปถึง 3 วินาที ซึ่งการขยับเล็กน้อยของชายชรามันก็เพียงพอที่ภามจะสังเกตเห็นอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นชายชุดดำจึงสามารถปัดป้องลูกบอลเวทย์สายฟ้า ที่ยิงออกมาอย่างเร่งรีบได้อย่างง่ายดาย
และนี่ก็ไม่ใช่การปัดป้องธรรมดา แต่ภามปัดบอลสายฟ้าที่พุ่งมายังตนให้สะท้อนไปยังเป้าหมายใหม่ นั่นก็คือเซอร์เอนโซนั่นได้อย่างแม่นยำดุจดั่งเป็นผู้ยิงพลังออกไปเอง เพียงเสี้ยววินาทีที่ภามเสียสมาธิจากใช้จิตสังหารกดดันอัศวินหนุ่ม นั่นก็ทำให้เอนโซมีเวลาเพียงพอที่จะหลบบอลสายฟ้าด้วยเช่นกัน
แต่นั่นกลับไม่ใช่จุดประสงค์ที่แท้จริงของอดีตทหารภายใต้หน้ากากราชสีห์ทมิฬ เขาใช้การปัดบอลสายฟ้านั้นเป็นเพียงตัวเบี่ยงเบนความสนใจเท่านั้น ด้วยพลัง และความเร็วที่เหนือมนุษย์ภามพุ่งเข้าประชิดจอมเวทย์ชั้นสูงที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างง่ายดายไร้ซึ่งการขัดขวางใดๆ
“เปรี้ยง!!!” แรงหมัดมหาศาลของภามพุ่งเข้าตรงกลางใต้ซี่โครงของฮานพอดิบพอดี ซึ่งนั่นทำให้จอมเวทย์ชราลอยกระเด็นเข้าไปกระแทกกับกำแพงด้านหลังอย่างแรง จนกระอักเลือดออกมาเลยทีเดียว
ถึงจะเหตุการณ์นี้จะเป็นไปดั่งที่ภามตั้งใจ แต่ก่อนที่เขาจะพุ่งเข้าไปซ้ำร่างชราที่ตกลงมากระแทกพื้นอีกครั้ง เอนโซที่หลังจากหลบบอลสายฟ้านั้นได้แล้ว เขาก็พุ่งตัวเข้าจู่โจมชายชุดดำในทันทีเช่นกัน คมดาบทองคำของอัศวินผมทองเข้ามาขวางที่ด้านหน้าภามพอดี นั่นจึงทำให้เขาต้องกลับมาตั้งรับ
“เคล้ง!!!” เสียงโลหะกระทบกันดังก้องกังวานนี้คือ คมดาบทองคำปะทะกับเกราะแขนเหล็กของชุดบอดี้สูท แรงปะทะอันรุนแรงนี้ทำให้คนทั้งสองยืนหยุดนิ่งอยู่อย่างนั้น แต่แรงสะท้อนของมันกลับกระจายออกเป็นวงกว้าง ซัดพาสิ่งของชิ้นเล็กชิ้นน้อยให้ล้มระเนระนาด
“มั่นใจจริงนะ!” เสียงแหบทุ้มจากเครื่องแปลงเสียงดังออกมาจากหน้ากากราชสีห์ทมิฬ พร้อมกับที่แผ่นศิลาปูพื้นรอบตัวของภาม จะกลายร่างเป็นหนามศิลาแหลมคมนับสิบแท่งพุ่งขึ้นจากพื้นดิน เข้าจู่โจมเซอร์เอนโซอย่างรวดเร็วพร้อมกันจากทุกด้าน
“อ้าก!” ร่างของเอนโซถูกกระแทกกระเด็น และบาดเจ็บจากคมหินเหล่านั้น โชคดีที่ไม่อาจแทงทะลุร่างได้เพราะถอยหลังได้ทัน แม้ว่าอัศวินผมทองจะเป็นผู้ที่มีประสาทสัมผัสอันเฉียบคม เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอดีตทหารจากต่างโลก เขาก็กลายเป็นเสียเปรียบในทุกด้านอย่างชัดเจน
ผู้คนที่ยืนอยู่นอกห้องได้แต่นิ่งอึ้งอยู่เช่นนั้น เพราะพวกเขาแทบจะตามการต่อสู้อันรวดเร็วตรงหน้าไม่ทัน แม้จะไม่มีการใช้บทเวทมนตร์ที่รุนแรงอลังการใดๆเลยก็ตาม แต่ทุกอย่างก็เป็นข้อสรุปในจิตใจของพวกเขาได้แล้วว่า นี่ไม่ใช่ศึกที่พวกตนจะเข้าไปสอดแทรกได้เลยแม้แต่น้อย
ส่วนมีอาที่ยืนสังเกตการณ์จากภายในฝูงชนอย่างตั้งใจนั้น กลับไม่ได้แปลกใจกับการต่อสู้ตรงหน้าเลยสักนิด ตรงกันข้ามกลับดูเบื่อหน่ายเสียมากกว่า
‘เฮ้อ! ท่านภามไม่ค่อยได้ต่อสู้กับใครก็เลยคึกคักอยากแสดงฝีมือสินะ แต่ยังไงพวกนี้ก็ทำให้ท่านใช้พลังออกมาเหมือนตอนที่สู้กับครูใหญ่ไม่ได้หรอก นี่เรียกว่าใช้ฝีมือมากกว่าตอนซ้อมมือกับพวกเราแค่นิดหน่อยเท่านั้น’
แต่ทางด้านของแอนเน่ตัวน้อยนั้นต่างกัน เธอที่ยังคงซ่อนตัวอยู่ในเงามืดที่ไม่มีใครมองเห็น เด็กน้อยกลับรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่ได้เห็นการต่อสู้อย่างจริงจังของภาม แม้ว่าที่ผ่านมาเธอจะเห็นการต่อสู้ฝึกซ้อมกับคนที่ฟาร์มบ่อยๆ แต่ภามก็ออมมือยิ่งกว่านี้มากความเร็วที่ใช้ก็ยังพอจะมองเห็นได้
แผ่นหลังของเซอร์เอนโซกระแทกเข้ากับกำแพงอย่างแรง แต่นั่นก็เกิดจากการที่เขาถอยหนีจากคมหนามศิลาได้ทัน และเพราะเป็นการกระทำของตัวเองที่คำนวณไว้แล้วจึงไม่ได้บาดเจ็บอะไร อย่างไรก็ตามตอนนี้ภามก็ทำให้อัศวินหนุ่มรู้สึกทั้งเสียหน้า และหวาดระแวงขึ้นมาด้วยเช่นกัน
แล้วก็เป็นอีกครั้งที่เอนโซคลาดสายตาจากฝ่ายตรงข้าม ภามที่เพิ่งโจมตีใส่ตนเมื่อวินาทีที่แล้วกลับหายไปจากขอบเขตสายตาแล้ว
“อั๊ก!” เซอร์เอนโซกระอักเลือดคำโตออกมาโดยไม่ได้ตั้งตัวแม้แต่น้อย พร้อมกับที่สายตาของตนมองเห็นชายหน้ากากดำยืนอยู่ตรงหน้า พร้อมฝ่าเท้าข้างหนึ่งที่กระแทกยัดเข้าไปใต้ชายโครงของตนอย่างรุนแรง
“อัศวินแห่งฟลอริสตี้กลับมารับใช้พวกโอเมก้าอย่างนั้นรึ? มันไม่น่าจะคุ้มสักเท่าไรนะ” เสียงแหบแห้งกล่าวเยาะเย้ยเบาๆออกมาจากหน้ากากสิงโตสีดำ
“เจ้า…” อัศวินหนุ่มจุกจนไม่อาจกล่าวอะไรออกมาได้อีก ตัวเขาถูกอัดติดกำแพงแน่น แม้แต่เท้าก็ยังลอยไม่ติดพื้นด้วยซ้ำ ทำให้เขารู้ว่าพละกำลังของชายชุดดำตรงหน้ามหาศาลมาก ไม่ด้อยกว่าความเร็วที่มีเลยแม้แต่น้อย
แม้ว่าภามจะสามารถจัดการสองยอดฝีมือฝ่ายโอเมก้าได้อย่างรวดเร็วง่ายดาย อย่างไรก็ตามเขาก็ยังไม่ได้เอาจริง หรือคิดจะสังหารฝ่ายตรงข้ามเลยสักนิด แต่การออมมือของเขาในครั้งนี้กลับทำให้อีกฝ่ายเห็นว่านี่คือการคุกคามชีวิตของพวกตนอย่างแท้จริง จึงต้องใช้ทุกอย่างที่มีเพื่อล้มชายชุดดำนี้ให้ได้
“แว๊ด!….” เสียงสัญญาณเตือนฉุกเฉินดังออกมาจากลำโพงจิ๋วภายในหมวกเกราะราชสีห์ทมิฬ ภามที่ได้ยินก็เคลื่อนไหวทันทีโดยไม่ต้องคิดอะไรแม้แต่น้อย เท้าที่กดอยู่บนท้องของเอนโซถีบตัวแรงในชั่ววินาที ภามพุ่งออกจากจุดนั้นได้ทันก่อนที่แสงสีแดงจะเข้ามาปะทะกับด้านหลังของตน
ซึ่งแน่นอนว่าแสงสีแดงนี้พุ่งเข้าใส่กลางหน้าอกของอัศวินผมทองแทนทันที
“เอื้อก!” หน้าอกของชายหนุ่มกลายเป็นรูไหม้สีดำขนาดเท่านิ้วชี้ พร้อมกับควันดำที่ลอยขึ้น ออกมาจากการเผาไหม้ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนั้น และเพียงครู่เดียวเลือดจำนวนมากก็ค่อยๆไหลออกมาทางปากของเซอร์เอนโซ ใบหน้าของเขาแสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวดที่ยากจะเข้าใจ
“เซอร์เอนโซ! เจ้า เจ้าหลบมันได้อย่างไรกัน” ฮานตกใจอย่างยิ่งที่เวทย์สีแดงที่เขาเพิ่งยิงออกไปจากแหวนบนนิ้วพลาดเป้าไปโดนพวกเดียวกัน และที่สำคัญเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะภามสามารถหลบการลอบโจมตีนี้ได้
“อุปกรณ์เวทย์ที่ปิดบังการสัมผัสพลังได้งั้นเหรอ? ก็เหมาะกับการลอบโจมตีดีนะ แต่บังเอิญว่าทางนี้ก็สามารถตรวจจับมันได้อยู่ดี!” เสียงกล่าวของชายชุดดำดังขึ้นจากด้านหลังของจอมเวทย์ชรา พร้อมกับที่หลังเท้าของภามฟาดเข้าไปที่ปลายคางของฮานเข้าอย่างจัง
“ปึก!” เสียงดังทึบแน่นจากการกระแทกของปลายเท้าหุ้มเหล็กกับคางจอมเวทย์ชรา ทำให้ผู้คนที่ลุ้นการต่อสู้อยู่ถึงกับสะดุ้งขึ้นมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย พวกเขาแทบจะรู้สึกเจ็บเช่นเดียวกับเจ้านายของตนได้เลยทีเดียว
ในที่สุดผู้นำสูงสุดของกลุ่มโอเมก้าแห่งฟลอริสตี้ก็สิ้นท่า นอนสลบสงบนิ่งไปในทันทีจากแรงกระแทกอันมหาศาลเมื่อครู่ แน่นอนว่ากรามที่เหลือซี่ฟันอันน้อยนิดอยู่แล้วก็แตกยับ ฮานจึงบาดเจ็บสาหัสไปในทันที ส่วนเอนโซก็นอนคว่ำหน้ากับพื้นกุมท้องร้องโอดครวญอย่างทรมานเช่นกัน
ภามที่เห็นว่าเรื่องทุกอย่างจบลงแล้ว ก็กำลังจะเข้าไปเคลียร์กับกลุ่มโอเมก้าที่เหลือเพื่อเค้นข้อมูล แต่เสียงเรียกของเด็กหญิงตัวน้อยก็ดังขึ้นเสียก่อน
“นายท่าน! ได้โปรดช่วยมังกรวารีออกไปด้วยนะเจ้าคะ” เสียงแอนเน่กล่าวออกมาจากมุมมืดของห้องใต้ดินอีกครั้ง
MANGA DISCUSSION