ในเสี้ยววินาทีแห่งความเป็น และความตาย เด็กหญิงตัวน้อยหลับตาลงพร้อมกับเปล่งรัศมีแสงสีฟ้าออกมาทั่วร่างกาย ซึ่งแทบจะเป็นเวลาเดียวกับที่คมดาบสีทองจากร่างของเซอร์เอนโซ ที่มาจากด้านหลังฟันเข้ามาถึงด้านหลังลำคอของเธอพอดี
“ซ่า!” เสียงน้ำแตกกระเซ็นดังขึ้นตรงหน้าร่างทั้งห้าของอัศวินหนุ่ม พวกเขาแทบจะชะงักไปในวินาทีนั้นด้วยความตกตะลึง ที่ร่างกายของเด็กน้อยกลายเป็นน้ำ และสลายไปต่อหน้าต่อตา
“บ้าน่า! คาถาแปลงกายขั้นสูง! เด็กนี่มัน…” ในขณะที่ร่างหนึ่งของเซอร์เอนโซอุทานออกมา สายน้ำเส้นหนึ่งก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังร่างนั้น พร้อมกับกลายเป็นคมดาบวารีแล้วฟาดฟันลงมา ที่ด้านหลังลำคออัศวินผมทอง
“ซ่า!” ในเสี้ยววินาทีก่อนที่คมดาบจะมาถึงลำคอ ดาบสีทองก็เข้ามาป้องกันไว้ได้ทันท่วงที จนสายน้ำแตกกระจายกระเซ็นซ่านไปทั่วร่างชายหนุ่มอีกครั้ง แต่นี่ไม่ใช่ดาบของเซอร์เอนโซที่อุทานออกมาเมื่อครู่ แต่เป็นอีกร่างแยกหนึ่งที่เข้ามาป้องกันให้แทน
ถึงแม้ว่าจะมีร่างแยกเข้ามาช่วยได้ทัน แต่นั่นยิ่งเป็นการบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าร่างไหนคือร่างจริง มวลน้ำมากมายที่กระจายลงสู่พื้นยังคงไม่ซึมหายลงไป พวกมันมีเป้าหมายที่แน่ชัดแล้วว่าร่างจริงที่จะต้องโจมตีคือใคร มวลน้ำที่กระจายไปทั่วพุ่งเข้าจู่โจมอย่างรวดเร็วทันที
ด้วยคุณสมบัติของน้ำที่เปลี่ยนแปลงรูปร่างได้ไม่จำกัด มันกลับกลายเป็นเข็มแหลมเล็กนับพันเล่มดุจดั่งห่าฝน ที่พุ่งเข้าใส่ศัตรูด้วยความเร็วสูงจากรอบตัวยากต่อการหลบเลี่ยงได้ แม้ว่าเซอร์เอนโซจะไม่สามารถหลบเลี่ยงมันได้ แต่ด้วยประสบการณ์ต่อสู้ของเขาก็ไม่ปล่อยให้ตัวเองบาดเจ็บง่ายๆ
ร่างแยกทั้งสี่ของเขาเรืองแสงสีทองแทบจะพร้อมกับการพุ่งเข้ามาของสายน้ำแหลมคมเหล่านั้น และสิ่งที่น่าตื่นตะลึงยิ่งกว่าก็เกิดขึ้นภายในเศษเสี้ยวของวินาที ร่างแสงสีทองนั้นพุ่งเข้ามาล้อมรอบร่างจริงของอัศวินหนุ่มได้ทันก่อนที่เข็มสายน้ำเล่มแรกจะเข้ามาทิ่มแทงร่างเขาได้
“เปาะแปะๆๆๆๆๆๆ!” เสียงหยดน้ำกระทบกำแพงแห่งแสงรัวๆดั่งห่าฝนพรำตกกระทบหลังคา ซึ่งนั่นก็นานพอดีกับระยะเวลาการแสดงผลของเกราะแห่งแสง สุดท้ายทุกอย่างก็เงียบหายไปอย่างกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ถึงจะยังคงหลงเหลือรอยคราบน้ำอยู่เล็กน้อยเท่านั้น
แม้ว่าพลังเข็มสายน้ำของแอนเน่จะไม่สามารถทำอะไรอัศวินหนุ่มได้เลย แต่เอนโซก็ไม่ได้ประมาทยิ่งฝ่ายตรงข้ามหายตัวไปต่อหน้าต่อตา ยิ่งต้องตั้งสมาธิเตรียมการรับมือเป็นพิเศษ ตอนนี้เขาที่ไร้ซึ่งเกราะเวทย์ป้องกัน และร่างแยกก็ได้แต่หมุนตัวไปมาตลอดเวลาเพื่อสังเกตความเคลื่อนไหวรอบด้าน
ยิ่งเวลาล่วงเลยไปนานขึ้นเรื่อยๆ ผู้ชมภายนอกห้องต่างก็ผ่อนคลายลง และเริ่มจะคิดแล้วว่าเด็กหญิงตัวน้อยได้หนีหายออกไปแล้ว ส่วนจอมเวทย์ฮานในเวลานี้เขาก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับตั้งสติเอาไว้ได้แล้วเช่นกัน แม้เขาหลงกลของแอนเน่แต่อย่างน้อยตอนนี้ความจริงทุกอย่างก็เปิดเผยออกมาในที่สุด
“เซอร์เอนโซเลิกระแวงได้แล้ว ป่านนี้นางคงจะหลบหนีไปแล้วล่ะ” ฮานเอ่ยกับอัศวินหนุ่มที่ยังตั้งท่าต่อสู้เตรียมรับมืออยู่กลางห้อง เพราะแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่อาจสัมผัสได้ถึงพลังเวทย์ของเด็กน้อยแล้ว นั่นก็หมายความว่าเธออาจจะไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้วเช่นกัน
“ถ้าท่านยืนยันเช่นนั้นข้าก็วางใจขอรับ” อัศวินผมทองกล่าวจบก็เก็บดาบกลับเข้าไปในแหวนมิติ แต่ด้วยนิสัยส่วนตัวของเขาก็ยังไม่ได้วางใจร้อยเปอร์เซ็นต์
“พวกเรากลับไปที่ห้องประชุมกันเถอะ” ผู้นำกลุ่มโอเมก้าบอกกับทุกคนก่อนที่จะก้าวเดินไปอย่างนิ่งสุขุมเช่นปกติ
แน่นอนว่าเอนโซที่แม้จะยังระแวดระวังอยู่ แต่เขาก็เดินตามออกไปตามคำสั่งเพราะอย่างไรก็ตามห้องใต้ดินแห่งนี้ ก็ถือว่าเป็นความลับทางด้านการเล่นแร่แปรธาตุของฮาน เขาก็คงจะไม่อยากให้ใครเห็นอะไรมากนัก ยิ่งเรื่องเกี่ยวกับมังกรวารีที่เขากักขังมันไว้ที่นี่อีกด้วย
ทางด้านมีอาที่แอบอยู่ด้านหลังกลุ่มสาวใช้ด้านนอกห้องก็เริ่มกังวลขึ้นมาทันที แม้ว่าการรวมกลุ่มกับผู้หญิงด้วยกันดูผิวเผินอาจจะกลมกลืน แต่ถ้าพวกเขาทั้งหมดเดินออกไปด้านบน ตัวเธอก็อาจจะกลายเป็นจุดสังเกตได้ เพราะการแต่งตัวที่แปลกแยกพอสมควร ส่วนภามนั้นก็ยังไม่กลับมาเสียที
ทันใดนั้นเองภายในเงามืดของห้องใต้ดินแห่งนี้ จู่ๆฝนเข็มสายน้ำก็พุ่งเข้าจู่โจมอัศวินหนุ่มอย่างไร้ซึ่งสัญญาณบอกเหตุใดๆ เซอร์เอนโซที่แม้จะระวังตัวตลอดแต่การโจมตีอันลึกลับนี้ โผล่ขึ้นมาจากความว่างเปล่าในมุมอับสายตา ยิ่งในความมืดเช่นนี้เขาไม่อาจหนีพ้น
แต่ก่อนที่เข็มสายน้ำจะถึงตัวเอนโซ ม่านพลังสายฟ้าก็ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันรอบกายของเขา ป้องกันการโจมตีได้อย่างฉิวเฉียด ซึ่งแม้แต่ตัวของอัศวินผมทองเองก็ต้องตกใจที่อยู่ดีๆรอบตัวเขาก็ปรากฏม่านพลังล้อมรอบตัวเอง
“นะ…นี่มันเกิดอะไรขึ้น!” เอนโซตะโกนขึ้นมาเสียงดัง จนเป็นที่สนใจของผู้คนภายนอก
“ข้าสร้างม่านพลังป้องกันตัวเจ้าจากการโจมตีน่ะสิ” จอมเวทย์ชราหันกลับมาบอกด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง แต่ตัวของเขาปรากฏออร่าพลังสายฟ้าล้อมรอบไปทั่วทั้งตัวพร้อมที่จะต่อสู้ทุกเมื่อ
“ทำไมข้าไม่รู้ตัวเลยล่ะ แล้วอะไรกันที่โจมตีข้า” เซอร์เอนโซกล่าวขึ้นมาอย่างสับสน เพราะเขาก็ระวังตัวอยู่ตลอดเวลา แต่กลับมองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากม่านพลังสายฟ้ารอบตัวเขา
“มุขเดิมๆข้ายังจำได้อยู่นะ!” ฮานหันไปกล่าวกับความมืดที่ว่างเปล่าตรงมุมห้อง พร้อมกางฝ่ามือไปด้านหน้าแล้วยิงกระสุนสายฟ้าออกไปหลายสิบลูกพร้อมกัน โดยไม่ต้องร่ายคาถาแม้แต่น้อย แน่นอนว่าเพราะเขานั้นมีความสามารถเหนือกว่าแอนเน่ และเอนโซอยู่หลายขั้นนั่นเอง
ในเสี้ยววินาทีที่กระสุนสายฟ้ากระจายครอบคลุมพื้นที่เป้าหมาย แม้จะล่องหนหายตัวอยู่ก็ไม่มีใครที่จะหนีพ้นจากมันได้แน่นอน และจอมเวทย์ชราก็คิดดังนั้นเช่นกัน แต่การโจมตีที่ไร้ช่องโหว่นี้จะไร้ซึ่งความหมาย หากฝ่ายตรงข้ามสามารถป้องกันมันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์
“เปรี้ยง!!!” เสียงสายฟ้าฟาดดังกึกก้องไปทั่วทั้งปราสาท แสงสว่างวาบจากการปะทะของพลังงานแรงสูงทำให้ผู้ที่จ้องมองอยู่ตาบอดชั่วคราวในทันที พวกเขาต่างก็ไม่เคยเจอประสบการณ์แบบนี้ ยิ่งเรื่องเกิดในเวลากะทันหัน จึงทำให้ทั้งหมดตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายทันที
“โอ้ย! แสบตา”
“เกิดอะไรขึ้น ข้ามองเห็นแต่สีขาว”
“เจ้าจับอะไรข้าอยู่น่ะ ไอ้ลามก!”
“อย่าเหยียบเท้าข้าสิ!”
ในส่วนของผู้เชี่ยวชาญพลังอัสนี จอมเวทย์ชั้นสูงฮานย่อมเคยผ่านประสบการณ์เช่นนี้มาแล้ว แต่อย่างไรก็ตามแสงสว่างวาบในเสี้ยววินาทีก็ไม่อาจทำให้เขาเตรียมตัวได้ทัน ยิ่งตอนนี้เขาต้องหลับตาแน่นจากความแสบตาเช่นเดียวกับคนอื่น จึงไม่อาจโจมตีมั่วไปเรื่อยได้
ในใจของฮานตอนนี้ได้แต่ร้อนรนกลัวว่าเด็กน้อย ที่ซ่อนตัวอยู่จะหนีไปได้เพราะแสงสว่างพรางตานี้ แม้ว่าความเป็นจริงจะแตกต่างๆออกไปในทางตรงกันข้าม แอนเน่ยังคงอยู่ที่เดิมในมุมมืดนั้นเพียงแต่ว่ามีคนอีกคนปรากฏตัวขึ้นมายืนขวางกลางระหว่างเธอกับฮานเท่านั้น
ภามในชุดแบทเทิลสูทสีดำ และหน้ากากราชสีห์ทมิฬ ยืนกางขาอย่างมั่นคงแขนทั้งสองข้างไขว้กันเพื่อใช้ท่าป้องกันฉุกเฉิน สร้างม่านพลังเวทย์กางกั้นการโจมตีไว้ตรงหน้า เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าการกระทบจากพลังของสายฟ้ากับม่านพลังจะทำให้เกิดแสงสว่างแสบตา เขาจึงทำได้เพียงหลับตายืนนิ่งไปด้วยอีกคน
“แอนเน่เป็นยังไงบ้าง” ภามที่ยังหลับตาอยู่กล่าวถามเด็กน้อยด้านหลัง ที่ยังซ่อนตัวอยู่ในความมืด
“ข้า…ไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ…ท่านภาม” แม้จะไม่ได้มองเห็นใบหน้าของแอนเน่ แต่ภามก็รู้ได้จากเสียงของเธอว่ากำลังประหม่าอยู่มาก แม้ว่าก่อนหน้านี้จะทำเป็นเก่งต่อสู้กับศัตรูอย่างเยือกเย็นก็ตามที
เพียงไม่นานเหล่าผู้คนในชั้นใต้ดินก็สามารถปรับสายตามาได้เป็นปกติ และพวกเขาทั้งหมดก็ได้เห็นชายในชุดแบทเทิลสูทสีดำยืนกางม่านพลังสีฟ้าโปร่งแสงอยู่ภายในห้อง ซึ่งแน่นอนว่าจอมเวทย์ฮาน และเซอร์เอนโซก็เห็นภาพนี้เช่นเดียวกัน
“เจ้า! เจ้าเป็นใครกัน?” อัศวินผมทองกล่าวถามออกไปอย่างลืมตัว เพราะคนตรงหน้าย่อมไม่ใช่มิตรสหายของตนอย่างแน่นอน
MANGA DISCUSSION