“แอนเน่ นี่คือห้องพักของเจ้า ถึงแม้จะไม่ได้ใหญ่โตอะไร แต่ก็สะอาด และเพียบพร้อมด้วยเครื่องเรือนอย่างดีทั้งนั้น เป็นอย่างไรชอบหรือไม่?” จอมเวทย์ชราเปิดประตูห้องเข้าไปพร้อมกับบอกกล่าวกับเด็กน้อยข้างกาย
“สวยมาก! ข้าชอบมากเลยเจ้าค่ะ” แอนเน่แสดงสีหน้าดีใจเป็นที่สุดที่ได้เป็นเจ้าของห้องที่สวยงามนี้
“ฮ่าๆๆ เจ้าชอบก็ดีแล้ว ตอนนี้เจ้าก็พักผ่อนที่นี่ก่อน หากต้องการอะไรก็บอกสาวใช้สองคนนี้ได้ ข้าต้องขอตัวไปคุยธุระต่อก่อนนะ อาจยาวถึงมืดค่ำเจ้ากว่าข้าจะเสร็จงาน” ฮานบอกลาเด็กหญิงด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ขอบพระคุณท่านฮานมากเจ้าค่ะ” แอนเน่ก้มศีรษะทำความเคารพเพื่อส่งชายชราที่เดินจากไป จากนั้นเธอก็ปิดประตูห้อง และให้สาวใช้ทั้งสองออกไป ส่วนตัวเองก็ขอตัวอยู่เพียงลำพังเท่านั้น
แต่เด็กน้อยก็ไม่ได้ทำอะไรมากมาย เพียงแค่กระโดดขึ้นไปกลิ้งเล่นบนที่นอนนุ่มๆนั้น พร้อมกับกินขนมหวานที่ได้มาจากตลาดไปด้วยความสุข ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ก็อยู่ภายในสายตาของหนึ่งชายหนึ่งหญิงที่ล่องหนอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน มันทำให้ทั้งสองเกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นมาในจิตใจ
‘เหมือนตอนนั้นเลยนะ ตอนที่พวกเรายังเป็นเด็กทุกครั้งที่ได้กินขนม เธอก็จะยิ้มร่าเริงแบบนี้’ ภามเห็นเด็กน้อยตรงหน้าก็อดนึกถึงน้องสาวของตนไม่ได้ เพราะแอนเน่ และน้องสาวของเขานั้นมีใบหน้าที่เหมือนกันอย่างมาก ซึ่งมันคือสาเหตุหนึ่งที่ภามซื้อตัวเธอมาจากพ่อค้าทาสในคราวนั้น
‘หนอยแน่! ยัยแอนเน่ท่านภามดีต่อเจ้า และครอบครัวขนาดนั้น แต่เจ้ากลับมานอนเล่นกินขนมในบ้านของศัตรูสบายใจเชียวนะ แค่สิ่งเล็กน้อยอย่างขนมนั่นก็ล่อลวงเจ้ามาถึงที่นี่ได้ง่ายๆเลยรึไงกัน?’ มีอาที่เห็นท่าทางไม่ทุกข์ร้อนใดๆ แถมยังยิ้มแย้มมีความสุขของแอนเน่ก็อดที่จะโมโหไม่ได้ แต่ในใจของตัวเองก็ยังสงสัยอยู่ว่าแอนเน่ที่เป็นเด็กดีฉลาดเกินวัยมาตลอด เหตุใดจึงเลือกติดตามคนแปลกหน้ามาเช่นนี้
ย้อนกลับไปเมื่อตอนสายๆ ที่ตลาดกลางเมืองฟลอริสตี้อันครึกครื้น แม้ว่าโดยทั่วไปในตลาดแห่งนี้จะเต็มไปด้วยร้านค้ามากมาย แต่มันก็ยังมีสถานที่บางแห่งซึ่งถูกจัดไว้เป็นสถานที่พิเศษสำหรับบุคคลพิเศษ หนึ่งในนั้นก็คือที่จอดรถม้าของเหล่าชนชั้นสูง แต่มันก็ไม่ได้มีเพียงม้าเท่านั้น
นกอินทรีย์สีน้ำตาลตัวยักษ์อันสง่างาม กำลังนั่งสงบเงียบเรียบร้อยอยู่กลางลานจอดรถม้า มันเป็นสิ่งที่สะดุดตาแก่ชาวบ้านชาวเมืองเป็นอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะเป็นสัตว์ที่พบเจอได้ยากในดินแดนที่ราบเช่นนี้แล้ว นกอินทรีย์ตัวนี้ยังมีเจ้าของเป็นผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดในเมืองฟลอริสตี้แห่งนี้เลยก็ว่าได้
ซึ่งคนคนนั้นก็คือจอมเวทย์ชราในชุดสีน้ำเงิน ที่กำลังเดินเลือกซื้อของอยู่ในร้านค้าแผงลอยใกล้ๆนกอินทรีย์ของเขานั่นเอง
“วันนี้ท่านฮานมาซื้อของด้วยตัวเองเลยรึขอรับ ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะแถมให้เยอะๆเลยนะขอรับ” พ่อค้าวัยกลางคนกล่าวกับลูกค้าผู้สูงส่งตรงหน้าตนเอง
“ข้าไม่ชอบของแถมเท่าไร เอาเป็นว่าเจ้าลดราคาให้ข้าแทนก็แล้วกัน ยังไงข้าก็เหมาหมดอยู่แล้ว” ชายชราตอบกลับไปด้วยเสียง และสีหน้าไร้อารมณ์
“แหะๆ แต่ว่าราคาที่ข้าให้ท่านไปนี้ก็แทบจะไม่มีกำไรแล้วนะขอรับ ยังไงข้าน้อยขอแถมเป็น….” สีหน้าพ่อค้าลำบากใจทันทีที่ถูกต่อราคาของลงไปอีก แต่ยังไม่ทันจะพูดจบเขาก็ถูกลูกค้าขัดขึ้นเสียก่อน
“เจ้าให้ข้าไม่ได้อย่างนั้นรึ? แปลว่าเจ้าอยากมีปัญหากับโอเมก้าสินะ” ฮานตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์เช่นเดิม แต่จากคำพูดก็บ่งบอกได้ถึงคำข่มขู่ที่ชัดเจน
“ไม่ๆๆ ข้าน้อยมิกล้าขอรับท่านฮาน ข้าจะลดให้ท่าน ข้าจะลดราคาให้ท่านเองขอรับ” พ่อค้าผู้น่าสงสารพูดไปก้มหัวผงกขึ้นลงไปด้วยเป็นการขออภัยอีกฝ่าย แม้ว่าในใจจะขุ่นเคืองแต่ก็ไม่อาจหาญกล้ามีเรื่องกับผู้ยิ่งใหญ่แน่นอน
แต่ในขณะที่ฮานกำลังรอพ่อค้าบรรจุของใส่ถุงกระสอบอยู่นั้น ด้านหลังของเขาก็เกิดเสียงของกลุ่มคนดังโวยวายขึ้น ซึ่งตรงจุดนั้นก็เป็นลานจอดรถม้า และก็เป็นจุดที่นกอินทรีย์ยักษ์นั่งอยู่เช่นกัน จอมเวทย์ชราหันกลับไปมองตามเสียงดังของผู้คน แล้วเขาก็ได้เห็นภาพที่น่าตกใจกับตาตัวเอง
เด็กหญิงผมสีน้ำตาลตัวน้อยกำลังกอดนกอินทรีย์ยักษ์อย่างมีความสุข แถมเจ้านกยักษ์ยังเอาหัวมาถูไถกับตัวเธออย่างรักใคร่เอ็นดูเช่นเดียวกัน ความประหลาดใจปนสยองของเหล่าผู้คนรอบข้างยังคงไม่หยุดง่ายๆ ทุกคนต่างก็ตะโกนบอกให้เด็กหญิงถอยออกมา แต่ก็ไม่มีใครกล้าเดินเข้าไปใกล้สักคน
ด้วยทุกคนรู้ว่านกยักษ์นั้นมีพละกำลังมหาศาลสามารถจะจับพวกเขากินเมื่อไรก็ได้โดยไม่อาจขัดขืน รวมทั้งชาวเมืองฟลอริสตี้ต่างก็รู้ดีว่านกอินทรีย์ตัวนี้ เป็นสัตว์เลี้ยงของจอมเวทย์ฮานผู้นำกลุ่มการค้าโอเมก้าแห่งเมืองฟลอริสตี้ ที่มีอำนาจเหนือเจ้าเมืองไปแล้ว หรือก็คือเป็นผู้มีอำนาจมาที่สุดในเมืองนี้
“เด็กน้อย เจ้าไม่กลัวมันเลยรึ?” จอมเวทย์ชราผู้เป็นเจ้านายของนกยักษ์เดินเข้ามาถามเด็กหญิง ที่กำลังเอาตัวเอามุดเข้าไปอยู่ในขนนกนุ่มฟูนั้น ด้วยความสงสัยอย่างยิ่ง
“ไม่กลัวหรอกเจ้าค่ะ เจ้าสตาดัสต์ใจดีจะตายไป มันชอบให้ข้ากอดด้วย” เด็กน้อยยังคงซุกตัวในขนนกอุ่นๆนั้นพร้อมกับตอบคำถามชายชราไปด้วย
“เจ้า! เจ้ารู้จักชื่อของมันได้อย่างไร? มีไม่ถึงสิบคนที่จะรู้จักชื่อของมัน” ฮานยิ่งประหลาดใจเมื่อเด็กน้อยรู้ชื่อสัตว์เลี้ยงของตนที่มีเพียงคนรับใช้ และสหายไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ เพราะเขาตั้งใจจะไม่บอกใครอยู่แล้ว
“ก็สตาดัสต์บอกกับข้าเองนี่เจ้าคะ” เด็กหญิงกล่าวออกมาด้วยคำตอบใสซื่อ
“หมายความว่าเจ้าฟังมันรู้เรื่องอย่างนั้นรึ?” จอมเวทย์ชราถามกลับอีกครั้งด้วยความสงสัยอย่างยิ่งยวด
“ใช่เจ้าค่ะ ข้าคุยกับสัตว์ทุกตัวรู้เรื่อง แถมพวกมันยังชอบให้ข้าใช้เวทย์น้ำอาบน้ำให้พวกมันด้วยนะเจ้าคะ” เด็กหญิงอธิบายพร้อมกับออกมายืนตรงหน้าฮาน แล้วชูมือขึ้นพร้อมกับสร้างลูกบอลน้ำลูกใหญ่ขึ้นมาจากเวทมนตร์โดยไม่ต้องร่ายคาถาแม้แต่นิดเดียว
“เฮ้ย! เด็กน้อย จะ…เจ้าเป็นใครกันแน่!” จอมเวทย์ชราตกใจกับความสามารถเกินวัยของเด็กหญิงตรงหน้าเป็นอย่างมาก
“ข้าชื่อแอนเน่ เป็นคนงานในฟาร์มจากเมืองฮาเวสตี้เจ้าค่ะ” เธอตอบคำถามออกมาพร้อมกับรอยยิ้มใสซื่อสมวัยเด็ก
หลังจากแนะนำตัวเสร็จแอนเน่ก็ทำให้ฮานต้องประหลาดใจกับที่มาของเธอ เพราะชายชราไม่คิดว่าด้วยพรสวรรค์ทางเวทมนตร์ระดับนี้ เจ้านายของเธอจะให้เธอเป็นแค่คนงานในฟาร์ม แถมเธอยังเป็นทาสที่ถูกตีตราเวทย์ ไม่ใช่ชาวบ้านที่มารับจ้างทั่วไปอีกด้วย สิ่งนี้ทำให้จอมเวทย์ชราเดือดดาลในใจเป็นอย่างมาก
เพราะด้วยผู้คนในโลกแห่งนี้จะมีผู้ที่สามารถใช้เวทมนตร์ได้แค่ 3%เท่านั้น และผู้ที่มีพรสวรรค์ทางเวทมนตร์ระดับสูงเช่นเดียวกับแอนเน่นั้นมีเพียง 0.01%เท่านั้น ซึ่งเมื่อผ่านการฝึกฝน และประสบการณ์แล้วก็จะกลายเป็นผู้มีพลังในระดับมหาจอมเวทย์ได้ในที่สุด
ฮานจึงเกิดความคิดต้องการฝึกฝนแอนเน่ให้เป็นศิษย์ของตนทันที และเพื่อไม่ให้ต้องกลับไปเจอกลับเจ้านายที่ไม่ได้เห็นคุณค่าในตัวของเธออีก เขาจึงคิดหาทางมากมายที่จะชักชวนเด็กน้อยให้กลับไปด้วยกัน แต่สุดท้ายด้วยขนมหวานเพียงเล็กน้อยก็สามารถล่อลวงเด็กผู้มีพรสวรรค์มาได้แล้ว
“ฮ่ะๆๆ ไม่นึกเลยว่าท่านฮานจะได้ลูกศิษย์อัจฉริยะมาง่ายดายเพียงนี้ ท่านนี่ช่างโชคดีจริงๆ” เคาท์เตสมีน่ากล่าวยินดีกับฮาน หลังจากที่ผู้นำกลุ่มโอเมก้าเล่าที่มาที่ไปของแอนเน่จนจบ
“ฮ่าๆๆ นั่นน่ะสิ ข้าก็ไม่คิดว่าข้าจะโชคดีถึงขนาดนี้” ฮานหัวเราะเสียงดังลั่นห้องประชุมโต๊ะกลมภายในปราสาทนั่นเอง
“ข้าน้อยต้องขอแสดงความยินดีกับท่านฮานอีกครั้งที่ได้ลูกศิษย์ดีเช่นนี้ แต่ข้าก็อดเคืองในความโง่เขลาของอดีตเจ้านายของเด็กน้อยไม่ได้ เขานั้นช่างมีตา แต่ไม่มีสมองจริงๆ ฮ่าๆๆ” เสียงหัวเราะเยาะเย้ยของเซอร์เอนโซ่ก็ดังลั่นห้องไม่แพ้กัน
แต่เสียงหัวเราะเหล่านี้ก็ทำให้ภามที่กำลังพรางกายล่องหนอยู่ใกล้ๆกำหมัดแน่นเช่นกัน
MANGA DISCUSSION