ในคืนก่อนหลังจากที่ภามเข้าไปในห้องนอนของเรญ่าแล้ว หญิงสาวผู้เป็นอดีตนักฆ่าก็เริ่มทำตัวไม่ถูก เธอไม่คิดว่าเจ้านายผู้เคร่งขรึมจู่ๆจะเลือกเข้ามาหาเธอยามค่ำคืนเช่นนี้ แม้ว่าปกติเรญ่าจะไม่เคยหวั่นไหวกับชายใด และสามารถลงมือสังหารได้ในพริบตา แต่ก็ต้องยกเว้นคนตรงหน้าที่ทำให้ใจเต้นแรง
“ทะ…ท่านภามมีเรื่องอะไร ที่ต้องคุยกับข้าเวลานี้หรือเจ้าคะ?” เรญ่ารวบรวมความมั่นใจแล้วถามออกไป
“อ่า…มันเป็นเรื่องสำคัญมากเลยล่ะ คือว่า…” ชายหนุ่มในชุดคลุมสีดำกำลังจะอธิบาย แต่เขาก็ถูกขัดจังหวะขึ้นพอดี
“ข้าว่าเราค่อยคุยกันพรุ่งนี้ดีกว่าเจ้าค่ะ ข้าอยากพักผ่อน” หญิงสาวผมหางม้ารีบปฏิเสธทันที
“นี่เป็นเรื่องด่วน เราต้อง…อ้ะ!…ระวัง!” ภามที่กำลังจะบอกเรื่องสำคัญ แต่เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเสียก่อน
เพียงขาดคำหน้าต่างไม้ทั้งสองบานก็เปิดออกอย่างแรง พร้อมกับที่คนชุดดำพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วแล้วซัดอาวุธลับเข้าใส่ชายหญิงทั้งสองทันที ภามที่รู้ตัวอยู่ก่อนเคลื่อนตัวหลบพร้อมกอดเอวเรญ่าไว้แน่นเตรียมจะพุ่งออกนอกหน้าต่างไป แต่อาวุธลับทรงกลมนั้นกลับยิงหนามเหล็กกระจายตัวไปทั่วห้อง
ภามใช้ร่างตัวเองบังเรญ่าไว้ได้ส่วนหนึ่ง แต่ด้วยรัศมีโจมตีวงกว้างของอาวุธลับนั้นก็เกินกว่าที่จะป้องกันไว้ได้ ในเวลาคับขันหนามเหล็กนับสิบทิ่มแทงเข้าสู่ร่างของหญิงสาว
“โอ้ย!” เรญ่าร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด แต่ในขณะเดียวกันนั้นร่างของเธอ และภามก็ลอยออกไปนอกหน้าต่างแล้ว ชายหนุ่มใช้พลังเวทย์พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าโดยไม่รีรอ มือหนึ่งโอบกอดร่างหญิงสาว ส่วนสายตาก็จับที่ศัตรู
แต่เหมือนว่านักฆ่าที่มาในครั้งนี้ไม่ใช่ธรรมดา แม้เห็นภามลอยตัวขึ้นไปแล้วก็ไม่ได้ตื่นตกใจ มันยังคงกระโดดตามออกมาแล้วไต่ไปตามหลังคาด้วยความเร็วดุจเงาภูตพราย แม้นักฆ่าทั้งสองจะบินไม่ได้แต่พวกเขาก็ติดตามมาด้วยความเร็วที่น่าตระหนกสำหรับคนทั่วไป
ภามที่บินพุ่งไปอย่างไร้จุดหมายด้วยความเร็วสูง เมื่อหันกลับไปมองเท่าไรก็ยังเห็นนักฆ่าเหล่านั้นตามมาอย่างไม่ลดละ ความเร็วบนพื้นดินของพวกเขาเร็วเกือบเท่าการบินของจอมเวทย์ระดับสูงอย่างภาม มันช่างเป็นเรื่องประหลาดที่น่าตกใจจริงๆ
แต่สาเหตุหนึ่งที่ภามเกือบถูกตามทันเป็นเพราะเขาไม่อาจเร่งความเร็วมากกว่านี้ ไม่เช่นนั้นเรญ่าที่บาดเจ็บอยู่จะเจ็บมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งเรื่องนี้หญิงสาวที่พยายามควบคุมสติ และวิเคราะห์สถานการณ์ไปด้วย เข้าใจได้เป็นอย่างดี
“ท่านภาม ส่งข้าที่ชายป่าตรงหน้านั่นเถอะ ข้ายังพอทนไหวท่านจะได้ต่อสู้ได้เต็มที่ ยอดฝีมือสามอันดับแรกของโอเมก้าไม่ธรรมดา พวกมันใช้ได้ทั้งเวทมนตร์ และมีอุปกรณ์เวทย์แปลกๆเป็นอาวุธอยู่หลายชิ้น ถ้าหนีจากพวกมันไม่พ้นก็มีแต่ต้องสู้เท่านั้น พวกมันไม่มีทางปล่อยให้เป้าหมายรอดไปได้” เหมือนว่าเรญ่าจะไม่ได้บาดเจ็บมากมายอย่างที่ภามกังวล เขาจึงฟังคำแนะนำ และร่อนลงไปที่ชายป่านอกเมือง อันมีแนวต้นไม่เป็นที่กำบังให้กับหญิงสาวผู้บาดเจ็บ
หลังจากพาเรญ่าเข้าไปซ่อนหลังพุ่มไม้ ภามก็ตรวจดูที่บาดแผลของเธอก็พบว่าหนามที่ฝังเข้าไปในเนื้อเหล่านี้มีจะงอยเล็กๆอยู่ที่ปลาย หากดึงมันออกมาเลยจะทำให้แผลฉีกขาดเป็นแผลใหญ่ โชคดีที่พวกมันไม่มีพิษ แต่ตัวของเรญ่าก็ต้องไม่ขยับเขยื้อนไม่อย่างนั้นเธอจะต้องเสียเลือดมากเป็นแน่
“ท่านภามไม่ต้องห่วงข้า ข้าเชื่อว่าด้วยพลังของท่านคนเดียวก็สามารถจัดการพวกมันได้ง่ายๆ แต่อีกอย่างที่ข้าต้องเตือนก็คือ พวกมันยังมีอีกคนหนึ่งที่ยังไม่ปรากฏตัว ท่านต้องระวังถูกลอบโจมตีเอาไว้ให้ดี” เรญ่าแม้จะบาดเจ็บหนักแต่เธอก็ยังอดห่วงเจ้านายไม่ได้
“ขอบใจที่เป็นห่วง แต่อีกคนที่เจ้าว่านั่นถูกจัดการไปเรียบร้อยแล้วล่ะ เอาเป็นว่าพักอยู่ตรงนี้เงียบๆล่ะ” ภามกล่าวขอบคุณหญิงสาวจากใจจริง ซึ่งก็สามารถรู้สึกได้จากสายตาที่มองมา แต่เพียงชั่วพริบตาชายหนุ่มก็หายวับไปดุจล่องหน เหลือทิ้งไว้เพียงผ้าคลุมสีดำผืนใหญ่เท่านั้น
จากคำพูดของเจ้านายที่ทิ้งท้ายเอาไว้ก็เป็นปริศนาค้างคาอยู่ในใจของเรญ่าเช่นกัน “อีกคนที่เจ้าว่านั่น ถูกจัดการไปเรียบร้อยแล้วล่ะ” เธอไม่เข้าใจว่าภามหมายถึงนักฆ่าคนนั้นถูกจัดการไปแล้วจริงๆรึเปล่า และมันถูกจัดการไปตั้งแต่ตอนไหนกัน คงต้องรอจบการต่อสู้แล้วเท่านั้นถึงจะได้รู้ความจริง
ในขณะที่เรญ่ากำลังคิดอะไรไปเรื่อยเพื่อลืมความเจ็บปวดอยู่นั้น ภามในชุดแบทเทิลสูทรัดรูปสีดำแต่ไม่ได้สวมหน้ากาก หยุดยืนรอสองนักฆ่าอยู่กลางทุ่งหญ้าก่อนถึงชายป่า ซึ่งตอนนี้เขาได้กางพลังอาณาเขตตรวจจับการเคลื่อนไหวในระยะ 5 กิโลเมตรเอาไว้แล้ว เผื่อจะมีแขกไม่ได้รับเชิญเพิ่มเข้ามาอีก
แต่หลังจากสองนักฆ่าเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าภาม ก็ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวของคนอื่นอีก ทำให้เจ้าของฟาร์มมั่นใจว่าสามารถจัดการคนตรงหน้าได้ด้วยความรวดเร็ว
‘แต่ความต้องการของเราคืออยากจะเค้นถามข้อมูลพวกมันนี่สิ คงจะเสียเวลาทรมานนักฆ่ามืออาชีพพวกนี้อยู่ไม่น้อยเลย หวังว่าทางเจ้าแพนดั้นจะได้ข้อมูลมาเยอะนะ’ แม้นักฆ่ายอดฝีมือจะอยู่ตรงหน้าอดีตทหารแล้ว แต่เขาก็ยังมีอารมณ์คิดถึงเรื่องอื่นได้อย่างชิลๆ ผิดกับสองนักฆ่าที่ตึงเครียดเป็นอย่างยิ่ง
“เจ้าคือภาม ชาวไร่จากเมืองฮาเวสตี้สินะ?” นักฆ่าชุดดำที่มีผ้าดำพันปิดใบหน้ากล่าวถาม ภามที่ได้ยินคำถามนี้เขาก็แปลกใจไม่น้อยที่ฝ่ายตรงข้ามรู้ตัวตนของเขา ทั้งที่ไม่เคยพบกันมาก่อน
“นี่เจ้ามาลอบสังหารข้า แต่ไม่รู้รึว่าข้าเป็นใคร? นักฆ่าของโอเมก้านี่ทำงานไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ” ชายหนุ่มที่หลังจากได้ฟังคำถามของฝ่ายตรงข้ามก็รู้สึกอยากกวนประสาททันที เพราะปกติไม่มีนักฆ่าที่ไหนเขาถามเหยื่อแบบนี้หรอก
“เฮ้ย! ไอ้นี่ ถึงแกจะปิดซ่อนความสามารถมาตลอด แล้วใช้ชีวิตแบบคนทั่วไปแต่แกเป็นที่รู้จักของคนมากมาย ข้าจึงเคยเห็นเจ้าที่เมืองฮาเวสตี้มาแล้วครั้งหนึ่ง ส่วนที่เรามาสังหารเจ้าวันนี้ก็เป็นคำสั่งของคนในเมืองฟลอริสตี้ต่างหาก” นักฆ่าที่มีผ้าพันหน้ากล่าวขึ้นอย่างหัวเสีย
สิ่งที่นักฆ่าผู้นี้กล่าวออกมา สำหรับภามนั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องราวที่มีน้ำหนักให้เชื่อถือได้ เพราะเรื่องแปลกๆที่เกิดขึ้นในระหว่างที่หาเช่าโกดังสำหรับเปิดกิจการขนส่ง อาจเกี่ยวโยงถึงผลประโยชน์ของผู้มีอิทธิพลภายในเมืองนี้ไม่มากก็น้อย แต่อย่างไรก็ตามเขาก็พูดมากเกินไปอยู่ดี
“พอได้แล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรให้กับมันฟังอีกต่อไป แต่มีเรื่องหนึ่งเจ้าคิดเหมือนกับข้าไหมบีหนึ่ง” นักฆ่าอีกคนผู้สวมหน้ากากสีดำจู่ๆก็กล่าวโพล่งขึ้นมาขัด แถมยังถามความคิดเห็นของเพื่อนอีกด้วย
“อ้ะ! โทษทีข้าพูดมากไป แต่เรื่องนั้นข้าก็คิดเหมือนกับเจ้านั่นแหละบีสอง” นักฆ่าที่เอาผ้าพันหน้าตอบกลับ
“พวกเรารุมฆ่ามันกันเลย!” ทันใดนั้นนักฆ่าทั้งสองก็ตะโกนประสานเสียงกัน แล้ววิ่งอ้อมตัวของเป้าหมายออกเป็นสองทาง เพื่อให้เหยื่อของพวกมันสับสนว่าใครกันแน่ที่โจมตีเข้ามา
ภามที่ทำหน้าเซ็งรอไอ้สองตัวนั้นตบมุขกันจนเสร็จแล้ว ก็ได้เวลาลงมือเช่นกัน อดีตทหารที่รู้ว่าศัตรูใช้ทั้งเวทมนตร์ และมีอุปกรณ์เวทย์ รวมทั้งต้องการจะปิดเกมในการโจมตีเดียว ภามจึงเลือกระเบิดพลังเวทย์โจมตีวงกว้างอันรุนแรงออกไปทันที
“กราวิตี้!” เพียงกางขายืนให้มั่นคง แล้วชูแขนขวาขึ้นฟ้าอย่างรวดเร็ว พร้อมกับตะโกนเรียกขานนามแห่งเวทย์ ท่าทางที่มาพร้อมแรงดึงดูดมหาศาลในรัศมี 500 เมตรรอบตัวของภาม มันทำให้ชายผู้มีพลังเทียบเท่ามหาจอมเวทย์ดูยิ่งใหญ่ และน่าเกรงขามอย่างที่สุด
ในขณะที่ร่างของนักฆ่าทั้งสองถูกบี้แบนจนติดดิน กระดูกหักไปหลายท่อน แม้ไม่ตายแต่ร่างกายก็บาดเจ็บสาหัสจนอยากจะตายเสียให้ได้ ปากก็ลงไปจูบดินไม่อาจกล่าวอะไรได้แม้แต่น้อย สุดท้ายก็เป็นภามเองที่กล่าวออกมาอย่างหงุดหงิดโดยไม่ทราบสาเหตุ
“จะฆ่าพวกแกก็เหมือนกับปอกกล้วยเข้าปากเท่านั้นแหละ!”
MANGA DISCUSSION