เช้าวันรุ่งขึ้น ณ เมืองฟลอริสตี้
ภาม และเรญ่าหลังจากกินอาหารเช้าที่โรงแรมเรียบร้อย ทั้งสองก็มีเป้าหมายที่จะไปยังที่ว่าการเมืองอีกครั้งในวันนี้ แต่ดูเหมือนว่าหญิงสาวในวันนี้จะมีอาการอ่อนเพลียอยู่พอสมควร เมื่อสังเกตจากใบหน้าที่เหมือนกับอดหลับอดนอน และชายหนุ่มที่ต้องประคองเธอเดินออกมาจากโรงแรม
แต่ยังไม่ทันที่ทั้งสองคนจะได้เดินพ้นประตู ก็มีรถม้าคันหนึ่งเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าพอดี ภามยังไม่ทันที่จะเงยหน้าขึ้นมองสารถีซึ่งขับรถมาขวางเขาก็มีเสียงเรียกดังมาก่อน
“นายท่าน อรุณสวัสดิ์ขอรับ” ชายหนุ่มสารถีทักทายสองคนที่อยู่ด้านล่าง เขาก็คือคนที่ภามจ้างให้ขับรถไปดูโกดังเมื่อวานนั่นเอง
“อ้อ เจ้านั่นเอง วันนี้มารับแขกที่นี่รึ?” เจ้าของฟาร์มตอบกลับตามมารยาท
“ข้าน้อยมาอำนวยความสะดวกของพวกท่าน ตามคำสั่งของท่านทีเรียนขอรับ วันนี้ทั้งวันท่านอยากไปที่ไหนเดี๋ยวข้าจะไปรับส่งเอง ไม่ต้องกังวลเลยขอรับ” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับลงจากรถมาเปิดประตูให้แขกทั้งสองขึ้นไปบนรถ
“อืม…ขอบใจนะ ถ้าอย่างนั้นไปส่งพวกเราที่ว่าการเมืองก็แล้วกัน เรญ่าวันนี้เราขึ้นรถม้าไปก็ดีเหมือนกัน เพราะเมื่อคืนเจ้าก็หักโหมมากเกินไป วันนี้ถึงได้อ่อนแรงเช่นนี้” หลังจากแจ้งที่หมายกับคนขับรถม้าแล้ว ภามก็กล่าวกับหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง
“เจ้าค่ะ” เรญ่าก้มหน้าตอบรับแบบอายๆเล็กน้อย แล้วก็ก้าวขึ้นรถม้าไปโดยดี
หลังจากภามขึ้นรถตามไปสารถีหนุ่มก็ปิดประตูให้เรียบร้อย แล้วเขาก็รีบหันหลังกลับมาไม่ให้ทั้งสองเห็นใบหน้าที่แดงด้วยความเขินอายของตน เพราะบทสนทนาที่ทั้งสองคุยกันเมื่อครู่นั้นทำให้เขาคิดไปไกลเลยทีเดียว แต่สักครู่สารถีก็ตั้งสติแล้วกลับขึ้นมาควบม้าพาลูกค้าไปยังจุดหมาย
รถม้าที่ทั้งสองนั่งมานี้เป็นแบบไม่มีหลังคา จึงสามารถมองชมวิวทิวทัศน์ได้อย่างชัดเจน ซึ่งเรญ่าก็เหมือนจะไม่อยากพูดอะไรเธอเพียงหันมองออกไปชมบรรยากาศรอบๆ แม้ว่าเมื่อวานเธอจะเดินผ่านมันมาแล้วรอบหนึ่งก็ตาม
ส่วนทางด้านภามนั้นต่างกัน เขากำลังคิดเรื่องที่ทำไมสารถีคนเดิมนี้ถึงมาตามคำสั่งของทีเรียนได้ เหมือนกับว่าพวกเขามีความเกี่ยวข้องกันบางอย่าง หรือที่จริงแล้วในเมืองฟลอริสตี้จะยังมีกลุ่มอิทธิพลอื่นอีกกันแน่ ซึ่งทำให้ภามอดไม่ได้ที่จะลองถามกับคนขับรถหนุ่ม
“นี่เจ้ารู้จักกับทีเรียนได้ยังไงรึ?” เจ้าของฟาร์มเริ่มเรื่องจากใกล้ตัวก่อน
“อ๋อ ข้าชื่อทีโอเรียเป็นลูกบุญธรรมของเขาขอรับ แต่หลายๆคนมักจะสงสัยว่าทำไมเขาถึงไม่ให้ข้าไปทำงานที่บาร์ หรือเป็นทหารเหมือนพ่อ นั่นก็เพราะเขาต้องการให้ข้าได้ลองเรียนรู้ในหลายๆด้านก่อน เพื่อจะได้รู้ว่าเราชอบหรือไม่ชอบอะไร เมื่อพบเจอแล้วก็ค่อยไปทำสิ่งนั้นอย่างจริงจังก็จะทำได้ดีขอรับ” ชายหนุ่มบังคับม้าไปด้วยอธิบายไปด้วย เขาตอบมายืดยาวเหมือนกับว่าเคยถูกถามแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็มีความสามารถเป็นทั้งบาร์เทนเดอร์ และนักรบได้ด้วยรึ?” ภามเริ่มสนใจในตัวของชายหนุ่มตรงหน้า รวมทั้งแนวทางการสั่งสอนลูกของทีเรียน
“ใช่แล้วขอรับ ข้ายังมีความรู้ด้านการคำนวณ ค้าขาย ทำอาหาร ปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ เก็บสมุนไพร ปรุงยา ทำอาวุธ ก่อสร้าง เป่าแก้ว ล่าสัตว์ และเล่นหมากรุกด้วยนะขอรับ” ทีโอเรียบรรยายความสามารถของตัวเองออกมามากมายออกมาเหมือนกับว่าอยากโฆษณาตัวเองกับภามอย่างไรอย่างนั้น ซึ่งก็ทำให้ผู้ฟังประหลาดใจไม่น้อย
“นั่นมันหลากหลายมากเลยไม่ใช่หรือไง ทั้งที่อายุเจ้ายังไม่น่าจะถึง 20 ปีเสียด้วยซ้ำ แล้วอย่างนี้เจ้าจะถนัดด้านไหนได้ล่ะเนี่ยถ้าไม่จริงจังเอาเสียอย่างหนึ่ง” อดีตทหารจากต่างโลกต้องกล่าวถามตรงๆ เพราะทักษะแต่ละด้านที่สารถีหนุ่มกล่าวมา มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเรียนรู้ในเวลาอันสั้น
“ฮ่ะๆ ที่พูดมาข้าก็รู้แค่พื้นฐานเท่านั้นล่ะขอรับ สิ่งที่ข้าเชี่ยวชาญที่สุดคือวิชาดาบเวทมนตร์เช่นเดียวกับท่านพ่อ ซึ่งข้านั้นก็เป็นนักผจญภัยด้วย และออกล่ามอนสเตอร์เดือนละครั้งบางครั้งก็ไปคนเดียว บางครั้งก็ไปกับพวกมืออาชีพนั่นล่ะขอรับ” แม้ว่าชายหนุ่มจะยอมรับว่าเขาไม่ได้ถนัดไปเสียทุกอย่าง แต่เมื่อกล่าวถึงเรื่องที่ตัวเองเชี่ยวชาญนั้นไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
หลังจากฟังคำตอบที่ทีโอเรียกล่าวมาทั้งหมด ภามก็พอจะตระหนักได้ว่าทีเรียนนั้นอยากสนับสนุนเขาจริงๆ และการส่งบุตรชายมาขับรถให้เขาก็หมายความว่าต้องการให้ภามได้เห็นความสามารถของทีโอเรียเช่นกัน ซึ่งนั่นก็ทำให้เจ้าของกิจการขนส่งมือใหม่ ต้องตระหนักถึงความน่าเชื่อถือของตนเองมากขึ้น
แม้ว่าในคราวแรกตัวของภามเองจะได้รับการแนะนำจากครูใหญ่ผ่านทางจดหมาย ซึ่งนั่นหมายความว่าบาเทนเดอร์วัยกลางคนนั้นเชื่อถือในมหาจอมเวทย์เป็นอย่างมาก แต่ในการที่ทีโอเรียมาขับรถม้าให้เขาในวันนี้ก็หมายความว่าทีเรียนเชื่อถือในตัวของเขาเองจริงๆ ไม่ใช่แค่เพราะครูใหญ่แนะนำ
ผ่านไปไม่นานรถม้าก็มาถึงที่ว่าการเมืองฟลอริสตี้ ภาม และเรญ่าลงจากรถม้าแล้วเดินเข้าไปแจ้งที่โต๊ะประชาสัมพันธ์ว่าต้องการติดต่อแผนกที่ดิน ซึ่งก็ได้รับคำตอบว่าให้รอก่อนสักครู่เพราะเจ้าหน้าที่ติดแขกสำคัญอยู่ ทั้งสองนั่งรออยู่สักครู่เรญ่าที่เงียบมาตลอดทางก็กล่าวขึ้น
“ท่านภามเจ้าคะ ข้ารู้สึกว่าเจ้าหน้าที่ที่มาบอกเรานั้นแปลกๆ เหมือนเขาจะรู้ว่าเราจะมา จึงตั้งใจให้นั่งรอไปก่อนยังไม่ให้เข้าไปพบเจ้าหน้าที่ที่ดิน ข้าคิดว่าคงมีคนไม่ต้องการให้เราเช่าที่โกดังนั่น” หญิงสาวผมหางม้ากล่าวอย่างจริงจัง
“แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น ทำไมทางเจ้าหน้าที่ถึงอยากให้เราเช่าโกดังนั้นกันล่ะ แทนที่จะให้คนที่ต้องการเช่าไปเลยก็หมดเรื่อง หรือว่าถ้าให้พวกเราเช่าพวกเจ้าหน้าที่พวกนี้จะได้ประโยชน์มากกว่า?” ภามก็เริ่มสงสัย และวิเคราะห์เหตุการณ์น่าสงสัยที่เกิดขึ้น
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังปรึกษาเรื่องราวตรงหน้านี้ ทีโอเรียที่นำรถม้าไปจอดแล้วก็เดินเข้ามาหาภาม ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องปกติ เพราะคนขับรถควรจะรออยู่ด้านนอกมากกว่า แต่เมื่อสารถีหนุ่มมายืนอยู่ตรงหน้าภาม เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ก็เดินเข้ามาหาเช่นกัน
“เชิญทุกท่านที่ห้องด้านในขอรับ เจ้าหน้าที่ของเราพร้อมแล้ว” เจ้าหน้าที่กล่าวแล้วเดินนำทางภาม และเรญ่าไปทันที แม้จะดูผิดปกติแต่ทีโอเรียก็บอกว่าไม่ต้องกังวลอะไร เมื่อไปถึงแล้วก็จะรู้เอง
ในเมื่อไม่มีทางเลือกอื่นภามกับเรญ่าจึงต้องตามน้ำไป ไม่ว่าเป้าหมายของคนเหล่านี้คืออะไร แต่มันก็ไม่อาจทำให้ลูกรักของพระเจ้าอย่างภามต้องเป็นกังวลสักนิด ซึ่งเรญ่าเองก็เชื่อว่าเจ้านายของเธอสามารถพาเธอให้พ้นจากอันตรายทั้งปวงไปได้อย่างแน่นอน
เจ้าหน้าที่หนุ่มเปิดประตูห้องแผนกที่ดินออก จากนั้นก็ผายมือเชิญให้ภามเดินเข้าไป ชายหนุ่มพิจารณาเข้าไปข้างในห้องเล็กน้อยก็เห็นคนอยู่สองสามคน แต่ก็เพียงอึดใจเท่านั้นเขาก็ก้าวเท้าเดินนำหน้าผู้ติดตามเข้าไปด้านใน แต่สิ่งที่เห็นแตกต่างจากเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง
คนนำหลายสิบทั้งยืนทั้งนั่งอยู่ในห้องกว้างแห่งนี้ ทุกสายตาจับจ้องมายังชายหนุ่มผมดำที่สวมผ้าคลุมสีดำเพียงคนเดียว พร้อมกับความเงียบแทบหยุดหายใจของทุกคน ภามที่ถูกจับจ้องอยู่นั้นก็รู้สึกทำตัวไม่ถูกขึ้นมา แต่ทีโอเรียซึ่งอยู่ด้านหลังก็เข้ามาช่วยแก้สถานการณ์หลังจากที่ประตูห้องปิดลง
“ท่านภามเชิญท่านมายืนทางนี้ขอรับ เดี๋ยวท่านพ่อจะเป็นอธิบายทุกอย่างเอง” สารถีพาเจ้าของฟาร์ม และผู้ช่วยไปยืนชิดผนังกลางห้องด้านหนึ่ง เพื่อให้ทุกคนในห้องได้เห็นอย่างชัดเจน
ส่วนทีเรียนที่อยู่ในฝูงชนก็เดินออกมาด้านหน้าพร้อมป่าวประกาศ
“ขอต้อนรับท่านภามสู่กลุ่มพันธมิตรโลเลี่ยน”
MANGA DISCUSSION