ห่างไปทางตอนเหนือของเมืองฮาเวสตี้ 30 กิโลเมตร มีเนินเตี้ยๆสลับกันไปมามากมาย มันถูกปกคลุมไปด้วยทุ่งหญ้าแห้งๆ ภาม บีดีเลีย และแอดเลอร์ภายใต้ฮู้ดสีดำเดินตัดผ่านกลางทุ่งไปเรื่อยๆอย่างกับไร้ซึ่งจุดหมาย แต่แท้จริงแล้วเป้าหมายของพวกเขาคือต้นสนใหญ่กลางเนินที่สูงโดดเด่นอยู่ตรงหน้านั่นเอง
เวลา16.45 น. เป็นยามเย็นที่หนาวเหน็บจากสายลมแรงที่พัดพาลงมาจากทางเหนือ ดวงตะวันเริ่มจะลับขอบฟ้าเร็วกว่าปกติตามฤดูกาล แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ทั้งสามคนเร่งรีบเกินไปแต่อย่างใด ระหว่างทางพวกเขายังมีเวลาคุยเรื่องสัพเพเหระด้วยซ้ำไป
“ท่านแอดเลอร์ ท่านคิดยังไงกับที่พักที่ข้าจัดให้บ้าง?” เจ้าของฟาร์มเป็นผู้กล่าวถามสมาชิกใหม่
“ดีมากขอรับ แม้จะเล็กไปบ้างสำหรับสามคน แต่ก็ดีกว่าบ้านของข้ามากนัก แต่ถ้ารวมกับพื้นที่ส่วนกลางอย่างโรงอาหารแล้วก็ถือว่าใหญ่โตทีเดียว แต่สิ่งที่ดีที่สุดก็คืออาหารอย่างดีทุกมื้อ และอากาศอบอุ่น แล้วยังปลอดภัยจากผู้บุกรุกแค่นี้ก็เหมือนฝันแล้ว ไหนจะบัตรเวทมนตร์นี่อีก” ชายสูงวัยกล่าวชื่นชมยืดยาวพร้อมกับหยิบบัตรเข้าออกฟาร์มขึ้นมาลูบไล้อย่างทะนุถนอม
“ท่านชอบก็ดีแล้ว ข้าหวังว่าคนอื่นก็จะชอบเช่นกันนะ เพราะข้ารู้ไม่ว่าใครก็อยากอยู่ที่บ้านเกิดของตัวเองทั้งนั้น ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่อยากจะย้ายถิ่นฐานไปไหนหรอก แต่ก็เพื่อความปลอดภัย และชีวิตที่ดีกว่าของครอบครัวล่ะนะ” เกษตรกรหนุ่มไม่อยากที่จะบังคับให้ใครมาเข้าร่วมกับตัวเอง เพราะการต่อสู้ในวันข้างหน้ามันจะต้องรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆอย่างแน่นอน และที่สำคัญเขาต้องการคนที่ไว้ใจได้
ไม่นานทั้งสามคนก็มาถึงใต้ต้นสนสูงใหญ่บนยอดเนิน ในฤดูกาลอันโหดร้ายเช่นนี้ก็มีเพียงต้นสน เป็นพืชเพียงไม่กี่ชนิดที่ยังคงมีใบสีเขียวอยู่เต็มต้น และนั่นก็ทำให้พื้นที่ตรงนี้เป็นจุดเด่นอยู่เสมอ ครู่เดียวเท่านั้นที่ยอดนักธนูสายตาเฉียบคมอย่างแอดเลอร์ได้สบตากับชาวบ้านคนหนึ่ง
ซึ่งชาวบ้านคนนั้นก็จ้องมองมาที่พวกเขาตั้งแต่แรกปรากฏตัวบนเนินสูงแล้ว แต่ด้วยระยะไกลแบบนี้ชายชาวบ้านคนนั้นไม่อาจมองได้ชัดว่าคนภายใต้ผ้าคลุมสีดำทั้งสามนั้นเป็นใครบ้าง แต่เพียงครู่เดียวแอดเลอร์ก็เป็นผู้ที่พุ่งตัวลงมาจากเนินแล้วตรงเข้าไปหาชาวบ้านคนนั้น
“เบ็น! นี่ข้าเอง แอดเลอร์” ชายผมสีน้ำตาลตะโกนเรียก
“หัวหน้า! ท่านมาทำอะไรที่นี่ขอรับ?” ชายวัยกลางคนผมสีม่วงภายใต้เสื้อตัวหนาประหลาดใจมากที่เห็นแอดเลอร์ปรากฏตัว แต่ในความงงนั้นกลับมีรอยยิ้มยินดีที่ได้พบสหายเก่า
“ข้าแค่มาเสนองานให้ทำเท่านั้นแหละ นี่ก็เริ่มมืดแล้วด้วยเราไปกันที่บ้านเจ้าดีหรือไม่?” แอดเลอร์รีบอธิบายออกมาอย่างรวดเร็วเมื่อเริ่มไม่เห็นแสงอาทิตย์แล้ว
“ได้สิไปบ้านข้ากัน แต่ระหว่างนั้นข้าต้องต้อนวัวด้านหลังนี่กลับไปด้วยนะ แล้วคนที่มากับท่านด้วยเป็นใครหรือ?” แม้เรื่องที่อดีตหัวหน้ามาหาตนจะน่าสงสัย แต่เบ็นนั้นเชื่อใจแอดเลอร์เป็นอย่างมาก จึงเพียงถามอ้อมๆไปถึงคนที่ใส่ผ้าคลุมสีดำเหมือนกันที่บนเนินนั้น
“พวกเขาคือเจ้านายคนใหม่ของข้า เขาต้องการรวบรวมผู้มีฝีมือ ข้าจึงพาพวกเขามาหาเจ้า แต่ไม่ต้องเป็นกังวลไปถ้าเจ้าไม่ถูกใจเงื่อนไขก็สามารถปฏิเสธได้” แอดเลอร์กล่าวด้วยรอยยิ้มแล้วเข้าไปกอดคอชายหัวม่วงอย่างสนิทสนมพร้อมกับหันไปโบกมือให้คนบนเนินทั้งสองนั้นเดินตามมาได้เลย
ตลอดทางที่เดินไปบ้านของเบ็น ภาม และบีดีเลียไม่ได้แสดงตัวออกมา พวกเขาอยากให้ทหารเก่าทั้งสองคนนั้นได้คุยให้หายคิดถึง ซึ่งระหว่างนี้สายตาของภามก็จดจ้องไปฝูงวัวอย่างสนใจ พวกมันทั้งตัวใหญ่ และมีกล้ามเนื้อเยอะ ลวดลายขาวน้ำตาลถี่ๆทั่วทั้งตัวดูมีเอกลักษณ์
เหมือนกับว่าเกษตรกรหนุ่มจะนึกอะไรออก ภามจึงยิ้มอย่างมีความสุขไปตลอดทาง ส่วนบุตรีแห่งดยุคก็ได้แต่แอบมองชายหนุ่มอยู่เงียบๆไม่กล่าวอะไรเช่นกัน เพียงในใจเธอนั้นรู้สึกว่ารอยยิ้มน้อยๆของชายหนุ่มนั้นช่างมีเสน่ห์เหลือเกิน จนแก้มของเธอก็ขึ้นสีมาเล็กน้อยด้วยหัวใจที่เต้นแรง
ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงทั้งหมดก็มาถึงบ้านของเบ็น มันเป็นบ้านหลังเล็กที่สร้างมาจากหิน หลังคามุงด้วยฟาง ด้านข้างมีคอกวัวขนาดใหญ่ และคอกม้ารวมทั้งมีเกวียนอยู่ด้วย ขณะที่เบ็นต้อนวัวเข้าคอก ภามก็เข้าไปสังเกตดูวัวใกล้ๆอีกทีหนึ่ง รอยยิ้มของเขายิ่งกว้างขึ้นเมื่อเขาได้ยืนยันบางอย่างแล้ว
“ท่านภาม ข้าเห็นท่านยิ้มอะไรมาตั้งนานแล้ว มีเรื่องดีๆอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นเหรอ?” หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะกล่าวถาม เพราะชายหนุ่มผู้เคร่งขรึมนั้นยิ้มมากผิดปกติจริงๆ
“นี่คือวัวซอฟตั้น” ภามกล่าวไปด้วยยิ้มไปด้วยอย่างอดตื่นเต้นไม่ได้
“เอ๋! พวกมันคือวัวซอฟตั้นอย่างนั้นเหรอ? ข้านึกว่ามีแต่เศรษฐีที่จะเลี้ยงมันเสียอีก ไม่นึกเลยว่าชาวบ้านทั่วไปจะลงทุนเลี้ยงมันด้วย” บีดีเลียที่เคยลิ้มรสชาติของสุดยอดเนื้อวัวนี้ และรู้จักความพิเศษของมันอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจไปด้วย
“ข้าตามหามันมานานแล้ว แต่ก็ไม่มีใครเอาพวกมันมาขายในเมืองเลย อย่างน้อยวันนี้ข้าต้องได้พ่อแม่พันธุ์มันกลับไปด้วย” เกษตรกรหนุ่มกล่าวอย่างจริงจัง ซึ่งมันจริงจังยิ่งกว่าต้องออกไปสู้รบเสียอีก
เมื่อเปิดประตูเข้าไป ภายในบ้านหลังน้อยสว่างไสวเต็มไปด้วยแสงเทียน เด็กสาวผมสีน้ำตาลถักเปียสองข้างยกหม้อซุปมาวางบนโต๊ะ ซึ่งเป็นเพียงซุปมันต้มหม้อใหญ่เพียงเท่านั้น เมื่อเธอหันมามองตามเสียงก็เห็นคนหลายคนเดินเข้ามาก็รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง
“ท่านพ่อกลับมาแล้ว! เอิ่ม…วันนี้มีแขกมาด้วยหรือเจ้าคะ?” เด็กสาวรู้สึกทำตัวไม่ถูกเมื่อได้พบว่ามีแขกถึงสามคนจะมารับประทานอาหารเย็นด้วย
“นี่คือลุงแอดเลอร์ หัวหน้าเก่าของพ่อเจ้าจำได้หรือไม่ อ่า…นี่คือเบลล่า ลูกสาวของข้าเอง” เบ็นแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกัน นั่นทำให้อีกสองคนภายใต้ผ้าคลุมที่เดินเข้ามาทีหลังจำเป็นต้องเปิดฮู้ดคลุมศีรษะออกเพื่อแนะนำตัวเช่นกัน
เพียงชายผมม่วงเห็นใบหน้าของบีดีเลียเท่านั้น เขาก็ชะงักไปทันที แววตาโกรธเกรี้ยวแสดงออกมาชัดเจน แอดเลอร์ที่เห็นอาการของอดีตลูกน้องเป็นอย่างนั้นเขาจึงรีบอธิบายออกมาเพื่อคลี่คลายสถานการณ์อย่างเร่งด่วน
“เบ็น! ท่านหญิงไม่ใช่คนที่เป็นเจ้านายข้า แต่เป็นเขาต่างหาก ท่านหญิงแค่ติดตามเขามาด้วยเท่านั้น เดี๋ยวข้าจะเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟังเอง”
“อ่า…ขอรับหัวหน้า อะแฮ่ม! ยินดีต้อนรับท่านหญิงสู่บ้านของข้าขอรับ และยินดีต้อนรับท่านด้วย” เบ็นโค้งคำนับทั้งสองคน บีดีเลียรู้สึกทำตัวไม่ถูกที่ชายผมม่วงมองเธอตัวแววตารังเกียจเมื่อเจอกับเธอ ตอนนี้หญิงสาวเริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าความเชื่อที่ว่าทหารเก่าเหล่านี้ยังมีความเชื่อถือในตัวเธออยู่หรือไม่
“ข้าชื่อภาม ขออภัยที่มารบกวนเวลาทานอาหารของท่าน” ชายหนุ่มรีบเข้ามาบังตัวหญิงสาวเอาไว้แล้วทักทายเจ้าของบ้าน อาการตกตะลึงของบีดีเลียกลับมาเป็นปกติเมื่อภามแก้สถานการณ์อึดอัดตรงหน้า
“ท่านคือท่านภามตัวจริงรึนี่! โอ้! ข้าดีใจจริงๆที่ได้พบกับท่าน ช่างเป็นเกียรติของข้ายิ่งนัก” เบ็นรีบเข้าไปกุมมือทั้งสองข้างของชายหนุ่มเอาไว้อย่างรวดเร็ว
เจ้าของฟาร์มประหลาดใจมากกับการแสดงออกของคนตรงหน้า สิ่งนี้เป็นการตอกย้ำอีกครั้งว่าเขานั้นเป็นผู้มีชื่อเสียงในกลุ่มทหาร ถึงขนาดทหารเก่าที่ออกมาหลายปีแล้วอย่างเบ็น และแอดเลอร์ยังรู้จักเขา รวมทั้งชื่นชมในตัวเขาขนาดนี้
“ฮ่าๆๆ ท่านภามข้าบอกท่านแล้วอย่างไรว่าเหล่าทหารนั้นชื่นชมท่าน ยิ่งเบ็นนั้นเป็นญาติสนิทกับไซมอนทหารรักษากำแพงเมืองที่สนิทกับท่าน จึงรู้ถึงน้ำใจของท่านที่มีต่อพวกเราเป็นอย่างดี” แอดเลอร์อธิบายให้ชายหนุ่มฟังอีกครั้ง หลังจากที่เคยกล่าวไปก่อนหน้านี้ที่บ้านของตนแล้ว
“ที่แท้ท่านเบ็นก็เป็นญาติกับน้าไซมอนนี่เอง โลกช่างกลมเสียจริง” ภามรู้สึกดีขึ้นมากที่เจ้าของบ้านต้อนรับขับสู้ตนอย่างดี
MANGA DISCUSSION