แอดเลอร์หันหน้าไปมองทางอื่น เขาไม่อยากที่จะสนทนากับบุตรสาวของเจ้าเมืองอีก ตอนนี้ในใจของเขากำลังคุกรุ่นด้วยไฟโทสะจากเรื่องในอดีต ซึ่งในระหว่างการสนทนาของทั้งสองคนก็อยู่ภายใต้การสังเกตของภามอยู่ตลอดเวลา และเขาก็รับรู้ความรู้สึกโกรธของยอดมือธนูได้อย่างชัดเจน
ส่วนบีดีเลียตอนนี้เธอรู้สึกหน้าชาเป็นอย่างมาก เธอรู้มาตลอดในใจว่าบิดานั้นเป็นคนอย่างไร แต่ด้วยที่ดยุคนั้นเชื่อแต่คำยุยงของผู้ช่วยคนสนิทเพียงเท่านั้น ทำให้การบริหารจัดการเมืองที่เกิดขึ้นมีแต่เลวร้ายลงเรื่อยๆ ถึงขนาดเมืองถูกกลุ่มอิทธิพลอื่นเข้ามาหาผลประโยชน์ก็ยังไม่รู้ตัว
หญิงสาวผู้ที่ตอนแรกมาด้วยความมั่นใจแต่ตอนนี้กลับกลายเป็นนั่งหน้าเศร้าพูดอะไรไม่ออก มันทำให้คนที่มาด้วยอย่างภามต้องทำอะไรสักอย่าง หรือที่จริงมันควรจะเป็นหน้าที่ของเขาตั้งแต่แรกที่มาเพื่อชักชวนเหล่าผู้มีฝีมือเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับตน
“ท่านแอดเลอร์ข้าสงสัยว่าทำไมท่านถึงระวังตัวมากผิดปกติ การที่ท่านไม่ขานรับข้าที่หน้าประตูบ้านนั่นเพราะอะไรกันแน่ ใครคือคนที่จะมาทำร้ายท่าน?” ชายหนุ่มเริ่มถามเปิดประเด็นที่เขาสงสัย
“หึ ตอนนี้จะบอกว่าไม่มีก็คงไม่ได้แล้วสินะ อืม…ข้าคิดว่าพวกมันคือนักฆ่าของโอเมก้าจากส่วนกลางที่ส่งมาจัดการพวกทหารที่โดนไล่ออก” แอดเลอร์ตอบกลับไปตามตรง ซึ่งนี่ทำให้บีดีเลียถึงกับเงยหน้าขึ้นมาฟังอีกครั้ง ส่วนภามนั้นก็ยิ่งขมวดคิ้วตั้งใจฟังมากขึ้น
“หมายความว่าสหายของท่านคนอื่นๆก็ถูกพวกมันคุกคามด้วยเช่นนั้นรึ? แล้วท่านแน่ใจได้ยังไงว่าไม่ใช่นักฆ่าที่อยู่ในสังกัดของฮาเซล? แล้วพอจะทราบสาเหตุที่พวกมันลงมือรึเปล่า?” อดีตทหารจากต่างโลกถามเข้าประเด็นทันที
“อืม…เรียกพวกเขาว่าสหายนั่นก็ใช่ พวกเขาเป็นสหายที่ถูกใส่ร้ายอย่างไม่เป็นธรรมเช่นเดียวกับข้า ทั้งที่พวกเราล้วนซื่อสัตย์ ตั้งใจทำงานเพื่อตระกูลเรโคลเต้ และเมืองฮาเวสตี้ จากข่าวสารที่ข้าได้จากเพื่อนมา มีพวกเราตายอย่างปริศนาไปแล้ว 4 คน รวมทั้งครอบครัวของพวกเขาด้วย”
แอดเลอร์หยุดสงบสติอารมณ์สักครู่แล้วกล่าวต่อ
“ส่วนที่ข้ามั่นใจว่าไม่ใช่คนของฮาเซลนั่นก็เพราะด้วยฝีมือ และวิธีการลงมือที่โหดเหี้ยมกว่า รวมทั้งเรายังได้ข่าวจากสายที่เมืองหลวงว่าพวกมันส่งคนมาที่นี่เพื่อขุดรากถอนโคนผู้ภักดีของเจ้าเมืองทั้งหมด แม้ว่าเราจะถูกไล่ออกด้วยความเกลียดชังอย่างแท้จริงจากผู้ที่เราภักดีแล้วก็ตาม!” แอดเลอร์สะกดอารมณ์ไม่อยู่อีกต่อไป เขามีน้ำเสียงอันเคียดแค้นมากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับแววตาเปี่ยมโทสะที่แดงก่ำ และมือทั้งสองข้างที่กำแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ
บีดีเลียที่เห็น และได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกหดหู่ใจอย่างยิ่ง เธอกำลังจะพูดบางอย่างเพื่อให้เจ้าของบ้านสงบใจลง แต่ภามก็ยกมือห้ามไว้อย่างรวดเร็ว แล้วเป็นคนกล่าวขึ้นมาแทน
“ที่มาในครั้งนี้ไม่ใช่บีดีเลียที่อยากจะรบกวนความสงบของท่าน แต่เป็นข้าผู้นี้ต่างหากที่ขอให้นางช่วย และนางก็แนะนำท่านแอดเลอร์ให้แก่ข้า ซึ่งเพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายของข้านั้นการล้างบางพวกโอเมก้าทั่วทั้งจักวรรดิกาลอเรียเป็นสิ่งที่ต้องทำ และการช่วยเมืองฮาเวสตี้คือขั้นแรกเท่านั้น” ภามบอกเล่าจุดประสงค์ของเขาให้แก่ฝ่ายตรงข้ามได้รับฟัง
“ว่ายังไงนะ! ล้างบางพวกโอเมก้าทั้งหมด!” แอดเลอร์ถึงกับโพล่งออกมาเสียงดัง
“ใช่แล้ว นั่นคือเป้าหมายหนึ่งของข้า ส่วนบีดีเลียที่ต้องการช่วยเมืองฮาเวสตี้เช่นกันจึงได้ร่วมมือกับข้ายังไงเล่า” ภามกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มมั่นใจ
“ดูเหมือนท่านจะมั่นใจจริงๆเลยนะว่าสามารถทำได้ ว่าแต่ท่านเป็นใครกันถึงได้รับความร่วมมือจากท่านหญิงผู้สูงศักดิ์ ดูท่านไม่เหมือนชนชั้นสูงเลยแม้แต่น้อย?” แอดเลอร์ผู้มีประสบการณ์สูงรวมทั้งเห็นฝีมือของภามมาบ้างแล้ว เขารู้ว่าชายหนุ่มนั้นไม่ฝีมือธรรมดาแต่การจะต่อต้านผู้อิทธิพลใหญ่ระดับอาณาจักรนั้น แค่มีฝีมืออย่างเดียวคงไม่พอ
“ข้าเคยเป็นทหารจากดินแดนที่ห่างไกล แต่ก็วางมือไปแล้ว และมาที่เมืองฮาเวสตี้เพื่อใช้ชีวิตอย่างสงบสุข เพียงแต่ข้าได้ทราบข่าวสารจากผู้ยิ่งใหญ่ท่านหนึ่งว่า สงครามที่ดินแดนทางใต้นั้นรุนแรงอย่างยิ่ง เบื้องหลังสงครามนั้นเกิดจากพวกปีศาจที่ร่วมมือกับชนชั้นสูงบางกลุ่ม และพวกโอเมก้า” ภามกล่าวอธิบายคร่าวๆเพียงเท่านี้ เพื่อให้คนตรงหน้าได้หยุดคิดสักครู่
ชายสูงวัยตกตะลึงเล็กน้อยเมื่อได้ยินเรื่องสำคัญนี้จากปากของชายหนุ่ม แต่แอดเลอร์ก็พยายามคิดหาความสมเหตุสมผลของเรื่องนี้อยู่ เนื่องจากปีศาจไม่ได้ปรากฏบนโลกมาหลายร้อยปีแล้ว รวมทั้งเขาก็ไม่เคยเห็นมันด้วยจึงคิดเพียงแค่ว่ามันคือนิทานเท่านั้น
แต่ว่าตอนนี้บุตรีแห่งดยุคกลับร่วมมือกับยอดฝีมือไร้นาม และมาชักชวนเขาให้เข้าร่วมต่อสู้กับกลุ่มโอเมก้า ซึ่งจากเรื่องที่ชายหนุ่มผมดำบอกมา นั่นก็หมายความว่าการล้างบางกลุ่มโอเมก้านั้นมันเป็นจุดเริ่มต้นสู่การเข้าร่วมมหาสงคราม แต่…
‘หรือว่าพวกเขาจะใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างให้เราเข้าร่วมเพื่อศึกแย่งชิงอำนาจในเมืองฮาเวสตี้เท่านั้น’ แอดเลอร์ลองมองในแง่ที่เลวร้ายที่สุดก็คือบีดีเลียต้องการหลอกใช้เขาเท่านั้น เพราะเธอนั้นไร้ซึ่งกำลังที่จะต่อกรกับศัตรู รวมทั้งบิดาก็ไม่สนับสนุนอีกด้วย
กว่าการสนทนาจะมาถึงตรงจุดนี้ ทั้งบุตร และภรรยาของแอดเลอร์ก็ยืนแอบฟังอยู่หลังกำแพงตลอด พวกเขาได้ยินเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ซึ่งก็เป็นตัวของชายหนุ่มที่เดินเข้ามาในห้องรับแขก เพื่อกล่าวเกี่ยวกับความคิดเห็นของตน
“ท่านพ่อ ถ้าท่านไม่อยากเข้าร่วมก็ปฏิเสธไปเถอะ ข้ากับท่านแม่เชื่อในการตัดสินใจของท่าน แต่ว่าให้ข้าเข้าร่วมกับพวกเขาแทนท่านได้หรือไม่?”
“ว่าไงนะ! นี่เจ้าอยากไปตายหรือยังไงไซเลอร์! สงครามมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะ” ผู้เป็นบิดาตะหวาดออกมาเสียงดัง
“ท่านพ่อตอนนี้ข้าพร้อมแล้ว แม้ว่าจะไม่เคยเป็นทหาร แต่ประสบการณ์สังหารสัตว์อสูร หรือแม้กระทั่งสู้กับกองโจรข้าก็ผ่านมาแล้วทั้งนั้น ข้าไม่อาจทนมองเมืองฮาเวสตี้ต้องตกต่ำไปกว่านี้ได้แล้ว ท่านก็รู้ว่าข้านั้นอยากเป็นอัศวินเพื่อปกป้องผู้คน แม้จะไม่ได้เป็น แต่ขอได้ทำก็ยังดี” ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลประกาศกล้าออกมาต่อหน้าทุกคน ซึ่งภามเองก็ตั้งใจรับฟังทุกถ้อยคำของเขา
แม้ว่าภามจะไม่ได้เห็นฝีมือของไซเลอร์ แต่เขาก็เห็นพลังใจอันแรงกล้าที่ออกมาจากดวงตาคู่นั้น มันไม่ใช่เพียงแค่ฝันอันลมๆแล้งๆ แต่มันคือความมั่นใจว่าเขาทำได้อย่างแท้จริง ซึ่งสะท้อนถึงความมีประสบการณ์ของไซเลอร์ได้ในสายตาของภาม
“ข้าสามารถให้เจ้าเข้าร่วมได้ไซเลอร์ แต่หน้าที่ของท่านแอดเลอร์เจ้าไม่สามารถแทนที่เขาได้หรอกนะ ในฐานะผู้บัญชาการกองทัพนั้นต้องการประสบการณ์ และความเป็นผู้นำ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต้องเกิดจากการสั่งสมมานาน อีกทั้งพ่อของเจ้าได้เคยแสดงผลงานให้เป็นที่ประจักษ์มาแล้วหลายครั้ง” ชายหนุ่มผมดำอธิบายอย่างชัดเจน
“ว่าไงนะ! ผู้บัญชาการ!” คราวนี้แอดเลอร์ถึงกับตกใจขึ้นมา
“ใช่ ท่านเป็นคนแรกที่ข้ามาหา เราจำเป็นต้องได้ผู้นำก่อน จากนั้นคนอื่นๆที่นับถือท่านก็จะตามมาเอง อ้อ! ข้าขอกล่าวเรื่องผลตอบแทนเลยก็แล้วกัน พวกท่านทั้งครอบครัวสามารถย้ายไปอยู่ที่ฟาร์มของข้าได้เลยเพื่อความปลอดภัย มีอาหารดีๆให้กินอิ่มทั้งสามมื้อ และค่าตอบแทนการทำงาน 1 เหรียญทองต่อคนต่อเดือน แต่ท่านแอดเลอร์ข้าให้ 3 เหรียญทอง” เจ้าของฟาร์มกล่าวอย่างรวบรัดให้ทุกคนได้เห็นภาพชัดเจน
“3 เหรียญทอง!” ไซเลอร์ตกใจโพล่งออกมาเสียงดัง
“ท่านแน่ใจได้อย่างไรว่าฟาร์มของท่านนั้นปลอดภัยจากพวกนักฆ่ามืออาชีพพวกนั้น?” จากเงินเดือนที่เจ้าของฟาร์มเสนอมาแอดเลอร์ไม่จำเป็นต้องถามถึงเรื่องอาหารอีก แต่ความปลอดภัยของครอบครัวนั้นยังคงไม่แน่นอน
“ใจกลางป่าลึกของเทือกเขาแม็กซิมัส ที่มีอาณาเขตเวทมนตร์ล้อมรอบ ท่านคิดว่าอย่างไร?”
“นั่นมัน! หรือว่าท่านคือ ท่านภาม!?” แอดเลอร์ถึงกับตกใจอีกครั้ง
“เอ๋? นี่ข้าดังอย่างนั้นเชียวหรือ?”
MANGA DISCUSSION