ณ ลำธารกลางป่า บนเทือกเขาแม็กซิมัส สายน้ำเส้นเล็กไหลเอื่อยแทบจะแห้งขอด แทรกซึมผ่านกองใบไม้แห้งมหาศาลที่กองกันเต็มร่องน้ำ ใบไม้เหล่านั้นทับถมสายธารมาตลอดทั้งฤดูกาลจนแถบมองไม่เห็นเสียแล้ว
แต่ด้วยสภาพภูมิประเทศที่ถูกสายน้ำกัดเซาะมาแต่ยุคดึกดำบรรพ์ ก็ยังพอมองออกว่านี่คือลำธารอันแห้งขอดตามฤดูกาลนั่นเอง และที่บนต้นไม้ริมลำธารนั้นเรญ่าที่อยู่ในชุดชาวบ้านนั่งอยู่อย่างเงียบเชียบ ใบหน้าของเธอไร้อารมณ์ และสายตาเหม่อลอยเหมือนกับกำลังนึกอะไรอยู่ในใจ
สักพักก็มีคนสองสามคนทั้งวิ่งทั้งเดินลุยฝ่ากองใบไม้หนามาจนถึงลำธารแห่งนี้ สภาพพวกเขาสกปรกมอมแมม เสื้อผ้าฉีกขาด และมีบาดแผลหลายแห่งทั่วตัว ในที่สุดพวกเขาก็นอนพักกลิ้งเกลือกลงไปกับกองใบไม้หนาบนพื้นอย่างหมดแรง
การเข้ามาในพื้นที่ทำให้หญิงสาวบนต้นไม้ตื่นตัว แต่เธอก็ยังคงเงียบ และไม่เคลื่อนไหวอะไร เหมือนกับว่าเธอยังคงรอคอยอะไรบางอย่าง ซึ่งเวลาไม่นาน ชาย และหญิงอีกหลายคนก็ค่อยๆทยอยเข้ามาที่ริมลำธารด้วยสภาพย่ำแย่เช่นเดียวกันกับคนก่อนหน้า
แต่ละคนที่มาเหมือนจะรู้จักกันอยู่ก่อนแล้ว พวกเขารู้สึกยินดีที่เจอหน้ากันและกัน หลังจากผ่านความยากลำบากอยู่ในป่าแห่งนี้
“นี่พวกเราเหลือกันแค่แปดคนหรือนี่” ชายร่างผอมกล่าวออกมาลอยๆ
“ทางข้าตายไปสองจากหมียักษ์ที่ยังไม่เข้าจำศีล เหลือข้าแค่คนเดียว” หญิงสาวกล่าวพร้อมกับมองไปที่บาดแผลฉกรรจ์ที่แขนของเธอ
“น้องชายข้าก็ตายเพราะงูยักษ์นั่น ข้าเองก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด” ชายร่างอ้วนกล่าวด้วยท่าทางเศร้าสลด
“ไม่น่าเชื่อเลยว่าสัตว์ที่ควรจะจำศีลตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงอย่างนี้จะยังเข้ามาโจมตีพวกเราอยู่ ข้าล่ะไม่เข้าใจจริงๆ” ชายผอมกล่าวออกมาด้วยความไม่เข้าใจ
“แล้วมีใครเห็นเรญ่าบ้าง? ไม่รู้ว่านางรอดไปได้รึเปล่า” ชายอ้วนกล่าวถามเหล่านักฆ่าผู้รอดชีวิต
“ข้าจำได้ ตอนนั้นนางเป็นคนเดียวที่หนีขึ้นต้นไม้สูงเหนือหัวลิงยักษ์เจ้าป่านั่น คิดว่านางจะรอดหรือเปล่าล่ะ” หญิงสาวคนหนึ่งกล่าวขึ้น
“ไม่น่ารอด เจ้าป่าจะต้องรู้แน่ว่านางอยู่บนนั้น หรือเจ้าคิดว่านางรอดกัน” ชายร่างผอมตั้งคำถามกับหญิงสาวที่ดูเหมือนจะไม่ชอบเรญ่าเท่าไร
“ข้าคิดว่านางอาจจะรอดจากเจ้าป่า แล้วถูกเป้าหมายของพวกเราจับตัวไปน่ะสิ” หญิงสาวกล่าวเสียงเข้ม
เมื่อคนทั้งหมดได้ยินสิ่งที่หญิงสาวพูด มันก็ทำให้พวกเขาคิดขึ้นมาว่ามีความเป็นไปได้อยู่เหมือนกัน แต่ละคนต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย และคิดว่าจะทำอย่างไรกันต่อดี ที่หัวหน้าทีมของพวกเขาอาจจะถูกจับตัวไป
“เราจะกลับไปรายงานท่านฮาเซลเลยดีไหม? ข้าว่าพวกเราคงไม่โดนลงโทษอะไรมากมายหรอก เพราะศัตรูมันเก่งเกินไป” ชายอ้วนกล่าวเสนอ
“แต่เรายังยืนยันไม่ได้ว่าเรญ่าเป็นหรือตาย ท่านฮาเซลจะไม่โกรธหรือที่นางหายไปแบบนี้?” ชายอ้วนยังคงเป็นกังวลกับหญิงสาวที่เป็นที่โปรดปรานของเจ้านาย
“พวกเราเป็นนักฆ่านะ ถ้าพลาดนั่นหมายถึงความตายอย่างแน่นอน และนางก็ไม่เว้น เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เจ้าชาวไร่นั่นต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ พวกมันไม่กลัวการเข้าไปที่รังของเจ้าป่าสักนิด ตราบใดที่เราอยู่ในป่าคงจะสู้กับมันไม่ได้ มีแต่ต้องจับตัวมันก่อนที่จะเข้าป่าเท่านั้น” ชายผอมกล่าวอย่างจริงจัง
“เฮ้อ! งั้นกลับกันเลยไหมล่ะ ข้าเหนื่อยมากแล้ว ขอพักก่อนสักวันค่อยไปรายงานตัวนะ” ชายอ้วนกล่าวอย่างอ่อนล้า
“อืม…ตามนั้น” หญิงสาวตอบรับเช่นกัน
ไม่นานหลังจากนั้นเหล่านักฆ่าทั้งแปดก็เดินทางต่อไปตามถนนดินสู่เมืองฮาเวสตี้ ส่วนเรญ่าที่แอบฟังอยู่บนต้นไม้มาตลอดก็ได้แต่คิดอยู่ในใจของตัวเอง
‘พวกเขาไม่ได้เป็นห่วงข้าจริงๆสินะ หึ! มันก็แน่นอนอยู่แล้วพวกเราถูกฝึกให้เป็นนักฆ่า มีหน้าที่ทำตามคำสั่ง และคนที่เราจะต้องเคารพเชื่อฟังมีแต่เจ้านายคนเดียวเท่านั้น’ ในที่สุดเหมือนกับว่าเรญ่าจะเข้าใจบางอย่างขึ้นมาแล้ว
ในที่สุดหญิงสาวผมดำมัดหางม้ากระโดดไปตามต้นไม้โดยรักษาระยะห่างจากกลุ่มนักฆ่า เพื่อมุ่งหน้าสู่เมืองฮาเวสตี้โดยที่ไม่ให้พวกเขารู้ตัว แต่ภายใต้ความเงียบเชียบของผืนป่าแห่งเทือกเขาแม็กซิมัส ก็ยังมีดวงตาปริศนาคอยจับจ้องนักฆ่าสาวอยู่อีกด้วยเช่นกัน
ณ แปลงองุ่น ภายในฟาร์มกลางหุบเขา
ลูกองุ่น หรือวิติสสีเขียวกำลังเติบโตอย่างดี พวกมันเลื้อยพันไปทั่วโครงสร้างไม้ไผ่ที่ถูกสร้างไว้เป็นแนวยาวสุดลูกหูลูกตา เป็นภาพไร่อันงดงามที่เหมาะกับจะให้นักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปเป็นอย่างยิ่ง ถ้ามันเป็นโลกที่อดีตทหารหนุ่มจากมา ฟาร์มแห่งนี้คงจะเต็มไปด้วยผู้คนมาเยี่ยมเยียนไม่ขาดสาย
แต่ความเป็นจริงนั้น วิถีชีวิตเรียบง่ายในโลกที่ล้าหลังนี้ ผู้คนยังคงหาเช้ากินค่ำ ผลผลิตที่เก็บเกี่ยวได้ต้องตามฤดูต้องเก็บไว้ทานแทบจะทั้งปี แม้แต่เหล่าพ่อค้าแม่ค้าก็ยังต้องพึ่งพาสินค้าตามฤดูกาล และการเดินทางขนส่งที่ยากลำบาก มันไม่ง่ายเลยที่จะมีคนว่างพอจะมาเที่ยวชมความงามของฟาร์มแห่งนี้
หรือถ้าไม่กล่าวถึงการใช้ชีวิตประจำวันของคนในโลกนี้ แต่กล่าวถึงมุมมองของคนส่วนใหญ่นั้นภาพสวน และไร่นั้นเป็นสิ่งปกติที่ทุกเห็นในทุกๆวันอยู่แล้ว แม้ฟาร์มกลางหุบเขาจะดีกว่าตรงที่มีฤดูกาลที่อบอุ่นเพียงฤดูเดียว แถมยังปลูกพืชได้ตลอดทั้งปี แต่มันก็เป็นแค่ฟาร์มอยู่ดี
ถ้าไม่ใช่เพราะความสามารถอันน่ามหัศจรรย์ในการเพาะปลูกผลผลิตที่ขนาดใหญ่ โตเร็ว มีคุณภาพ และปลูกได้ตลอดทั้งปี ก็คงจะไม่มีใครสนใจฟาร์มที่อยู่ท่ามกลางป่าลึกแสนอันตรายอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามสมาชิกของฟาร์มแห่งนี้ทุกคนก็ยังมีความสุขดี และพวกเขายังรู้สึกผูกพันกับที่นี่ได้อย่างง่ายดายดุจเป็นบ้านหลังที่สองก็ว่าได้ ซึ่งวันนี้สมาชิกใหม่สตรีสูงศักดิ์จากเมืองฮาเวสตี้ก็ได้มาชื่นชมแปลงปลูกผลไม้อันเป็นที่น่าภาคภูมิใจของฟาร์มแห่งนี้
“ข้าไม่นึกเลยว่ามันจะวิเศษถึงเพียงนี้ ตอนที่ข้าได้ทานวิติสนี่ครั้งแรกข้าชอบมันมาก ส่วนไวน์ที่เจ้าทำยังทั้งรสนุ่ม ทั้งหอม เมื่อได้มาเห็นถึงแปลงปลูก ข้ารู้สึกว่ามันช่างอลังการยิ่งใหญ่ สมกับเป็นผลไม้ชั้นเลิศที่ไม่อาจหาสิ่งใดมาเปรียบได้” บีดีเลียที่ถูกเพื่อนๆพามาเที่ยวชมสวนรู้สึกประทับใจอย่างมากพร้อมทั้งพรรณนาสิ่งต่างๆออกมามากมาย
“เจ้านี่ก็ช่างพูดเชียวนะท่านหญิง ทั้งหมดมันเป็นเพราะความพิเศษของฟาร์มแห่งนี้ต่างหาก ข้าแค่ใช้วิธีการเดิมๆกับพวกมันก็สามารถได้ผลผลิตที่ดีเกินคาด แทบไม่ได้ใช้ความพยายามอะไรเลยต้องขอบคุณท่านภามจริงๆ” มีอาผู้ดูแลการแปรรูปผลผลิตตอบออกมาตามตรง
“อีกอย่าง ถ้าไม่มีท่านภามพวกเราก็ไม่สามารถทำไวน์ออกมาได้สำเร็จในเวลาที่สั้น และปริมาณมากพอที่จะขายได้ทันในช่วงที่ผ่านมาหรอกนะ ทั้งวิธีบริหารจัดการ และเครื่องมือวิเศษของเขาทำให้เราประหยัดเวลา และแรงงานได้เยอะเลย” วานีลกล่าวเสริมอย่างออกหน้าออกตา
“นี่! แล้วพวกพี่ทั้งสองคนจะไม่ชมข้าสักหน่อยเหรอ วิติสพวกนี้มีข้าเป็นคนดูแลนะ ถ้าไม่ใช่ข้าพวกนกคัลเลอร์เบิร์ด หรือพวกหนอนต้องมาทำให้ผลผลิตของเราเสียหายแน่ๆ” เด็กสาวเมโลเอ้โวยวายขึ้นมาที่ถูกลืม
“ฮ่าๆๆ พวกเจ้านี่ร่าเริงกันจังเลยนะ ปล่อยข้ากังวลเรื่องพวกเจ้าอยู่คนเดียว ข้าก็นึกว่าพวกเจ้ามาอยู่ที่นี่แล้วจะลำบากเสียอีก” บีดีเลียหัวเราะออกมาจากใจ เธอไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานมากแล้ว
ในขณะที่สี่สาวกำลังคุยกันอยู่อย่างสนุกสนานพร้อมกับเก็บผลผลิตไปด้วยนั้น เจ้าของฟาร์มหนุ่มก็เดินเข้ามาหาพวกเธอพอดี
“คุยกันเพลินเลยนะทุกคน วันนี้จะเก็บวิติสเสร็จทันมื้อเย็นรึเปล่าเนี่ย?” ชายหนุ่มแซวเล่นเล็กน้อย
“โธ่! ท่านภามอย่าเร่งสิเจ้าคะ มันทำให้ข้ารู้สึกอ่อนแรง” เมโลเอ้กล่าวเสียงอ้อนกับชายหนุ่ม
“ไม่ต้องมาอ้อนเลย เก็บๆไปเถอะ” ชายหนุ่มแกล้งทำเสียงดุ
MANGA DISCUSSION