ณ ลำธารแห้งที่ตัดผ่านทางสัญจรบนเทือกเขาแม็กซิมัส ซึ่งเป็นจุดนัดพบประจำของภาม และเหล่าผู้ช่วยของฮาคิมที่จะทำการขนถ่ายสินค้ากันเสมอ หลังจากนับของ และจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว พวกเขาทั้งหมดก็ช่วยกันขนย้ายของจากเกวียนของภามทั้งห้าคันไปสู่เกวียนของกลุ่มพ่อค้า
ในเกวียนแรกก็เป็นพวกพืชหัวที่ขายอยู่เป็นประจำทั้งแครอท มันฝรั่ง หัวไชเท้า และข้าวโพด ส่วนเกวียนที่สองก็คือผลไม้ กล้วย ส้ม บลูเบอร์รี่ สตรอว์เบอร์รี่ และผลไม้ชนิดใหม่ที่เพิ่งนำมาขายสดๆอย่างลูกวิติสแดงพวงโต ส่วนอีกสามเกวียนก็มีไวน์ซีเครต บล็องที่กำลังเป็นที่ต้องการของเหล่าชนชั้นสูงอีกด้วย
กลุ่มของสมาชิกจากฟาร์มกลางหุบเขาก็มีภาม อลัน อองรี แม็กซ์ และเดนนิสทั้งห้าคนที่ขับเกวียนมาคนละคัน แม้ในตอนแรกสองหนุ่มอย่างแม็กซ์ และเดนนิสจะอยากท่องเที่ยวชมป่าเสียหน่อย แต่เมื่อต้องพบกับสภาพอากาศที่หนาวเย็น และแห้งแล้ง พวกเขาก็เปลี่ยนใจอยากรีบกลับฟาร์มจะดีกว่า
แต่การขนย้ายของในคราวนี้ก็ไม่ได้รวดเร็วอย่างที่คิด เนื่องจากพวกผลไม้มีความละเอียดอ่อน ถ้าถูกกระแทกโดยแรงอาจทำให้ช้ำได้ บวกกับผลไม้เหล่านี้ค่อนข้างใหม่สำหรับกลุ่มพ่อค้า อุปกรณ์กันกระแทกจึงยังไม่พร้อมดีนักจึงใช้เวลาค่อนข้างนาน จนกระทั่งมีกลุ่มคนเดินทางใกล้เข้ามา
คนกลุ่มนี้ประกอบไปด้วยชายร่างผอมที่ขี่ม้านำมาก่อน ตามด้วยเกวียนที่บรรทุกชาวบ้านมานับสิบคน พวกเขาก็จอดพักที่ริมลำธารแห้งขอดนี้เช่นกัน โดยมีเพียงคนเดียวที่เข้ามาทักทายพวกของภาม
“โอ้ นี่พวกท่านนัดแลกเปลี่ยนสินค้ากันที่นี่รึ?” ชายร่างผอมเดินเข้ามาแล้วกล่าวลอยๆให้กลุ่มพ่อค้าได้ยิน
“ก็อย่างที่เห็นนี่ล่ะ แล้วนั่นพวกเจ้าจะไปไหนรึ? มากันมากมายเพียงนี้” หัวหน้ากลุ่มผู้ช่วยของอาคิมถามกลับตามมารยาทเมื่อมีคนเข้าทักทาย
“พวกข้าจะกลับแคว้นตะวันออกน่ะ มาทำงานที่เมืองฮาเวสตี้นี่ตั้งนานแล้ว เพิ่งจะมีโอกาสได้กลับบ้านกันนี่แหละ ข้าล่ะคิดถึงบ้านเหลือเกิน ยังไงพวกท่านก็ตามสบายนะข้าไม่รบกวนแล้ว” ชายร่างผอมกล่าวตอบตามมารยาทจบแล้ว ก็กลับไปนั่งพักกับกลุ่มเพื่อนของเขาต่อตามปกติ ส่วนกลุ่มพ่อค้า และชาวสวนก็ขนของกันต่อโดยที่ไม่ได้สนใจคนแปลกหน้าเหล่านั้น แต่…
เจ้ามังกรน้อยแพนดั้นในร่างของย่ามใส่ของเก่าๆที่พาดอยู่บนบ่าของภาม อยู่ๆก็กล่าวขึ้นมาทางโทรจิตกับเกษตรกรหนุ่มที่กำลังเช็กความเรียบร้อยของสินค้าอยู่
‘ท่านภาม พวกคนที่มาใหม่นั้นท่าทางแปลกๆนะขอรับ ข้าสัมผัสได้ถึงจิตคุกคามที่จ้องมายังท่าน’ ความรู้สึกที่มังกรตัวเขียวส่งผ่านมาทางจิตบ่งบอกได้ชัดเจนเลยว่ามันกำลังกังวลเล็กน้อย
‘อืม…อย่างนั้นเหรอ เอาเป็นว่าเดี๋ยวเราจะหยุดพักอยู่ที่นี่ก่อนหลังจากที่พวกพ่อค้ากลับไปก็แล้วกัน ข้าจะลองพิสูจน์อะไรดูสักหน่อย’ ชายหนุ่มนัดแนะกับเจ้ามังกรน้อย จากนั้นเขาก็ทำตัวเป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เวลาผ่านไปอีกพอสมควร เกวียนทั้งห้าคันของฮาคิมก็ขนสินค้าเดินทางกลับเมืองฮาเวสตี้ ส่วนพวกของภามก็ยังคงนั่งพักผ่อนกันต่อไม่รีบไปไหน
“ท่านภามขอรับ คือเราก็นั่งพักกันมานานแล้ว ถ้าไม่รีบเดินทางเราจะกลับถึงบ้านมืดนะขอรับ แถมยังหนาวมากๆอีกด้วย” แม็กซ์อดไม่ได้ที่จะถามออกมา
“ไหนเจ้ากับเดนนิสบอกว่าอยากเที่ยวป่าชมนกชมไม้ยังไงล่ะ ยังไงเราก็มาแล้วข้าให้โอกาสเจ้าได้ดูให้เต็มตาก่อนจะไม่ได้ออกมาอีกหลายวัน” ภามกล่าวทีเล่นทีจริงกับเด็กหนุ่มผมดำ
“โธ่! ท่านภาม ต่อจากนี้ข้ากับแม็กซ์ก็ต้องออกมาตลอดอยู่แล้ว เพราะผลผลิตของเรามีมากขึ้น ข้าสองคนคงต้องทนหนาวกันจนเบื่อไปข้างหนึ่งเลยล่ะขอรับ” ชายหนุ่มผมแดงกล่าวด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน แม้ว่าอดีตชนชั้นสูงอย่างเขาไม่ได้กลัวความยากลำบากจากการทำงาน แต่เขาอยากจะฝึกซ้อมการต่อสู้มากกว่า เพราะการออกมาส่งของด้านนอกนั้นต้องใช้เวลาเดินทางไปกลับค่อนข้างมาก
ณ หมู่บ้านในเขตการดูแลของปราสาทลูน่าซองค์
อัศวินสาวผมยาวสีขาวในชุดหนังสีดำดูสง่างาม กำลังเลือกซื้อของในร้านค้าแห่งหนึ่งซึ่งติดป้ายว่า ‘ร้านขายของชำ’ โดยมีชายหนวดเครารุงรังผู้ห่มหนังเสือยืนดูอยู่ด้วยความหงุดหงิด
“สเตล่า เมื่อไรเจ้าจะซื้อของเสร็จล่ะเนี่ย ข้าจำได้ว่ารายการซื้อของที่เดซี่จดมาให้มันมีไม่เยอะขนาดนี้นี่นะ” ครูใหญ่กล่าวถามเลขาสาวของตัวเองที่กำลังช้อปปิ้งอย่างเพลิดเพลินใจ
“ครูใหญ่เจ้าคะ ที่นางเขียนมาให้แค่นั้นเพราะว่านางเกรงใจพวกเราต่างหาก ตอนนี้นางกำลังท้องกำลังไส้ก็ต้องบำรุงให้ดีหน่อย อย่างไรเงินที่ใช้ซื้อของพวกนี้ก็เป็นของท่านอยู่แล้ว คงไม่ต้องกลัวว่าจะใช้หมดในเร็ววันนี้หรอกนะเจ้าคะ” หญิงสาวยังคงหยิบของลงตะกร้าไม่หยุด โดยของที่เธอเลือกซื้อส่วนใหญ่ก็เป็นอาหารแห้ง และยาบำรุงร่างกาย เพราะถ้าเกิดเข้าหน้าหนาวหิมะตกลงมา การเดินทางจะลำบากมากขึ้น
“นี่เจ้ากะว่าจะไม่กลับมาซื้ออีกจนหมดฤดูหนาวเลยสินะ โธ่! แสดงว่าเจ้ายังไม่รู้อะไร ร้านของชำร้านนี้ของไม่เคยขาดเลยสักครั้ง ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นที่นี่ก็ยังคงอยู่ได้ไม่มีปัญหา หรือแม้แต่ทั่วทั้งเมืองฮาเวสตี้ไม่มีอาหาร ก็ยังมาซื้อจากที่นี่ได้อย่างไม่จำกัดเลยล่ะ” ชายวัยกลางคนที่ดูท่าทางไม่น่าเชื่อถือที่ถูกเรียกว่าครูใหญ่ก็ยังคงกล่าวโอ้อวดความรู้ของตนต่อหน้าลูกน้องตัวเอง
“เรื่องนั้นข้ารู้อยู่แล้วเจ้าค่ะครูใหญ่ แต่ที่ข้าซื้อไปกักตุนไว้ก็เพราะถ้าหิมะตกข้าจะมาที่ร้านลำบากน่ะสิ แม้ว่าจากปราสาทมาจนถึงที่นี่จะแค่ 2 กิโลเมตรก็ตามเถอะ” หญิงสาวยังคงตอบไปแล้วก็เลือกดูของไปไม่สนใจเจ้านายของเธอ
มหาจอมเวทย์รู้สึกเซ็งกับเลขาสาวที่เจ้ากี้เจ้าการไปเสียทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องที่เขาขอ ชายวัยกลางคนที่ดูเหมือนคนชราจึงกลับมานั่งคิดอะไรเงียบๆคนเดียว จนเกิดไอเดียประหลาดบางอย่างขึ้นมา
“เฮ้อ! เมื่อไรเด็กจะคลอดนะ ข้าจะได้รับลูกศิษย์เสียที” ครูใหญ่กล่าวขึ้นมาลอยๆกับตัวเอง
“ว่ายังไงนะเจ้าคะ! ท่านจะรับลูกของคุณเดซี่เป็นศิษย์อย่างนั้นเหรอ?” อยู่ดีๆเลขาสาวก็พุ่งตัวมาจนหน้าอกแทบจะชนใบหน้าของครูใหญ่อยู่แล้ว แต่ชายผู้ห่มหนังเสือก็ถอยหลบไปได้หวุดหวิดก่อนจะเกิดเรื่องเข้าใจผิด
“เอิ่ม…ใช่ ข้าเพิ่งคิดขึ้นมาได้พอดีน่ะ” ครูใหญ่ต้องควบคุมสติพร้อมกับเหลือบสายตาไปมองใบหน้าหญิงสาวแทน
“ไม่ได้นะเจ้าคะ! ถ้าเด็กที่เกิดมาต้องมาเป็นลูกศิษย์สายตรงของท่าน ข้าไม่อยากคิดเลยว่าสุดท้ายแล้วเขาจะโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่แบบไหน!” สเตล่าโพล่งออกมาเสียงดัง คัดค้านความคิดของชายซกมกตรงหน้าเธอ ที่ตอนนี้ใบหน้าของเขาต้องเลอะไปด้วยน้ำลายที่กระเด็นเต็มหน้าจากการพูดรัวๆไม่หยุดของเธอ
“สเตล่า แต่เจ้าก็เป็นหนึ่ง ในลูกศิษย์ของข้าเช่นกันนะ” ครูใหญ่ขมวดคิ้วตอบหญิงสาวที่ตอนนี้ก้มหน้าลงมาจะชิดใบหน้าผู้อาวุโสอยู่แล้ว
“ก็เพราะว่าเป็นอย่างนั้นน่ะสิเจ้าคะ ข้าถึงไม่อยากให้เด็กน้อยไร้เดียงสาต้องมามีปมทางจิตใจเช่นเดียวกับข้าผู้นี้ กระซิกๆๆ” กล่าวจบหญิงสาวผมขาวก็สะอึกสะอื้นน้ำตาร่วงออกมาทันทีที่กล่าวถึงความหลัง แล้วเธอก็วิ่งออกจากร้านไปอย่างไม่มีวี่แววว่าจะกลับมา
“เฮ้ยๆๆ! ข้าไม่ได้ทำอะไรเจ้าเลยนะ ไหงมาว่าข้าอย่างนี้!!!” ครูใหญ่ตะโกนร้องเสียงหลงด้วยความไม่เข้าใจ ตามหลังเลขาสาวที่วิ่งหนีออกนอกร้านไปแล้ว
1 ชั่วโมงผ่านไป ที่ริมลำธารแห้งเหือดกลางป่า
ภามจับจ้องไปยังกลุ่มชาวบ้านที่บอกว่าจะเดินทางไปแคว้นตะวันออก จนตอนนี้ก็ยังไม่เริ่มออกเดินเสียที ทั้งที่ต้องเดินทางอีกไกลกว่าจะลงจากเทือกเขาแม็กซิมัสอันกว้างใหญ่ และสูงชันแห่งนี้
“ขอโทษนะขอรับ นี่ก็บ่ายแก่ๆแล้วพวกท่านยังไม่เดินทางอีกรึ ที่หมายของท่านค่อนข้างไกลเลยนะ” เกษตรกรหนุ่มเข้าไปถามชายร่างผอมที่ดูจะมีอัธยาศัยดีที่สุด
“เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาสำหรับพวกเราหรอก การพักแรมในป่าน่ะ พวกเราทำมาจนชินแล้ว” ชายร่างผอมกล่าวตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
MANGA DISCUSSION