สองวันผ่านไป ณ ทุ่งหญ้าทางใต้ของฟาร์มลึกลับกลางหุบเขา
เกวียนเทียมม้าคันหนึ่งกำลังแล่นไปอย่างช้าๆท่ามกลางทุ่งหญ้าแห้งในฤดูใบไม้ร่วง ชายหนุ่มผู้เป็นสารถีหันมองสำรวจไปทั่วท้องทุ่ง จากระยะสายตาก็เห็นฝูงม้าเล็กๆฝูงหนึ่งกินหญ้าอยู่ไกลๆ เพื่อไม่ให้พวกมันตกใจแล้ววิ่งหนีไป เขาจึงจอดเกวียนที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ใบไม้ร่วงเกือบหมดไปแล้วต้นหนึ่ง
“ไม่เข้าไปใกล้ว่านี้สักหน่อยหรือเจ้าคะท่านภาม” เด็กสาวผมสั้นที่กำลังกอดเจ้ามังกรขนปุยอยู่กล่าวถามเสียงใส เธอตื่นเต้นมากที่ได้มาเที่ยวภายนอกฟาร์มหลังจากที่ไม่ได้ออกไปไหนเลยมาถึงสามเดือน แม้ว่าเบื้องหน้าจะเป็นทุ่งหญ้าแห้งแล้งแต่ก็ยังเห็นได้ถึงสัตว์ป่านานาชนิดที่วิ่งไปมา ทำให้หายเบื่อไปได้เยอะ
“ไม่ได้หรอก เดี๋ยวพวกมันจะตกใจหนีไปซะก่อน ตอนนี้เรามาช่วยกันถอดเครื่องเทียมเจ้าดำกับเจ้าขาวออกก่อนเถอะ เราต้องใช้ทั้งสองตัวนี้เพื่อจะได้ตามม้าตัวอื่นได้ทัน” ชายหนุ่มหันไปตอบเมโลเอ้ที่นั่งอยู่ข้างเขา แต่แล้วเด็กสาวก็สงสัยว่าคนที่มาด้วยอีกสองคนทำไมถึงยังไม่ลงจากรถ
“พี่วานีล พี่มีอายังไม่ลงหรือเจ้าคะ” เมื่อเมโลเอ้หันไปถามหญิงสาวทั้งสองที่นั่งอยู่ในเกวียน ก็ต้องพบกับสายตาอำมหิตสองคู่ที่จดจ้องมายังตัวเธอ
ย้อนกลับไปเมื่อเช้า ที่ฟาร์มกลางหุบเขา ในห้องอาหารพนักงาน
“ว่ายังไงนะ! แม็กซ์ เดนิส อามินไม่สบายทั้งสามคนเลยเหรอ?” เจ้าของฟาร์มตกใจที่เด็กๆป่วย เพราะวันนี้ภามมีแผนการจะไปจับม้าป่ามาเลี้ยงที่ทุ่งหญ้าทางใต้ของฟาร์ม
“ตามนั้นแหละขอรับ ข้ากับอลันก็คงต้องทำงานแทนแม็กซ์กับอามินไปกับท่านภามไม่ได้แล้วไม่อย่างนั้นผลผลิตของเราคงจะเก็บไม่ทัน” อดีตบารอนกล่าวกับเจ้านาย
“ถ้าอย่างนั้นวันนี้ข้าว่าเราคงต้องเลื่อนการจับม้าไปก่อนดีกว่า” ชายหนุ่มเจ้าของฟาร์มตอบอย่างเซ็งๆ
“ไม่จำเป็นต้องเลิกล้มงานนี้หรอกเจ้าค่ะ ให้วานีลไปเป็นเพื่อนท่าน เอ้ย! ไปช่วยท่านภามจับม้าแทนก็ได้ นางเคยติดตามท่านอองรีไปจับม้ามาก่อนเจ้าค่ะ ข้าคิดว่านางเพียงคนเดียวก็ช่วยท่านได้แล้วเจ้าค่ะ” เลนก้าผู้เป็นมารดาเสนอบุตรสาวของตนเข้าร่วมภารกิจนี้สองต่อสอง เพื่อให้ภามกับวานีลได้ใกล้ชิดกัน
“หืม? เจ้าก็รู้วิธีจับม้าด้วยเหรอวานีล?” ภามหันไปถามหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามกับตน
“เอ่อ…เจ้าค่ะ ข้าเคยเข้าร่วมการจับม้าสองครั้ง และร่วมจับมอนสเตอร์อีกสามครั้ง แม้ว่าจะไม่ได้เป็นคนจับเอง แต่ก็เป็นคนคอยโจมตีสนับสนุนเจ้าค่ะ” หญิงสาวผมแดงยาวสลวยประหม่าเล็กน้อย ตอบกลับเจ้านายที่กล่าวกับเธอด้วยความกระตือรือร้น
“แต่ข้าก็ยังต้องการผู้ช่วยไปอีกสองคนอยู่ดี” ภามกล่าวปรึกษาทุกคนในโรงอาหาร ซึ่งชายหนุ่มก็เข้าใจจุดประสงค์ของหญิงวัยกลางคนดีว่าอยากให้เขา และลูกสาวของเธอใกล้ชิดกัน แต่ภามก็พยายามจะเลี่ยงสถานการณ์เช่นนี้ให้ได้
ส่วนอดีตบารอนเนสไม่คิดว่าเจ้านายจะเลือกคนอื่นไปด้วยอีก ทั้งที่เธออุตส่าห์สนับสนุนบุตรสาวแล้ว เธอจึงทำได้เพียงส่งสายตาไปบอกให้สามีช่วยพูดให้ แต่ยังไม่ทันที่ชายชราจะเข้าใจสายตาที่ภรรยาส่งมานั้น หญิงสาวผมสีน้ำตาลอ่อนก็ชิงพูดขึ้นมากลางที่ประชุม
“ข้าจะไปกับท่านภามด้วยอีกคนเจ้าค่ะ ข้าก็เคยเข้าร่วมจับม้า และมอนสเตอร์มาหลายครั้งเช่นกัน ที่สำคัญข้ายังเคยจับม้าได้ด้วยตัวเองมาครั้งหนึ่งด้วย” มีอากล่าวออกมาด้วยความมั่นใจต่อหน้าเจ้าของฟาร์มหนุ่ม เธอเสนอตัวเองแถมยังพูดเกทับอีกฝ่ายไปด้วย
“ตะ แต่ข้าว่างานของเจ้ายังมีอีกหลายอย่างเลยนะมีอา เพียงวานีลคนเดียวก็น่าจะพอแล้ว จะได้ไม่กระทบกับงานส่วนอื่นด้วย” เลนก้ารีบเบรกแม่ค้าสาวทันที เพราะนั่นคือศัตรูหัวใจตัวฉกาจของบุตรสาว
“งานของข้าอยู่ในส่วนของวิติสเท่านั้นเจ้าค่ะ ตอนนี้ก็ยังไม่ถึงเวลาที่ผลผลิตจะออกมา หรือโรงบ่มไวน์ก็ยังไม่ได้สร้าง ข้ายังคงว่างอยู่มาก ถ้าท่านภามได้ข้าไปช่วยจับม้าอีกคนรับรองว่างานจะสำเร็จเร็วขึ้นแน่นอน
การรับอาสาหน้าที่พร้อมด้วยชี้แจงรายละเอียดของงานออกมาโดยมีอา ทำให้เลนก้าพูดไม่ออกเช่นกัน หญิงวัยกลางคนยังคงเอ็นดูหญิงสาวผมสีน้ำตาลอ่อนเหมือนกับบุตรสาวตนเองเช่นกันจึงไม่อยากจะเถียงต่อให้บาดหมางกัน
ในส่วนของภามเองเขาก็รับรู้ความมุ่งมั่นของมีอาเช่นกัน แม้ว่าตัวเขาจะพยายามสร้างระยะห่างจากน้องสาวของเพื่อน แต่เธอกลับยิ่งรุกหนักขึ้นเรื่อยๆ ตามที่มีอากล่าวออกมาเขาไม่มีทางที่จะปฏิเสธความสามารถของเธอได้เลย แต่ก็ยังมีอีกวิธีที่เขาจะทิ้งระยะห่างจากสองสาวได้นั่นก็คือ
“อืม…ได้มีอาไปช่วยอีกคนก็ดี การจับม้าครั้งนี้น่าจะราบรื่นขึ้น แต่เพื่อความแน่ใจว่าเราจะไม่พลาดเมโลเอ้เจ้าก็มากับพวกเราด้วยนะ” ชายหนุ่มหันมากล่าวกับเด็กสาวประหลาดใจกับเรื่องตรงหน้า เขาต้องการให้เธอมาเป็นคนคั่นกลางความลำบากใจนั่นเอง
“เอ๋? แต่…” เมโลเอ้ที่คิดว่าต้องทำงานแทนคนที่ขาดไป แต่ชายหนุ่มก็ขัดเข้ามาก่อน
“พวกม้าอาจพยศ และไม่ให้จับง่ายๆความสามารถพิเศษของเจ้าที่สื่อสารกับพวกมันได้น่าจะช่วยได้เยอะเลยนะเมโลเอ้” ชายหนุ่มใช้เรื่องความสามารถของเด็กสาวมาเป็นข้ออ้าง
“ถ้าท่านภามคิดว่าข้าช่วยได้ ข้าก็ยินดีจะไปเจ้าค่ะ!” เด็กสาวผมสั้นตอบรับด้วยความดีใจ แม้ว่าฟาร์มแห่งนี้จะใหญ่ และมีสิ่งน่าสนใจมากมาย แต่เด็กสาววัยรุ่นย่อมชอบที่จะเที่ยวเล่นพบปะผู้คนเสียมากกว่า แต่เธอกลับคิดไม่ถึงเลยว่าจะต้องเจออะไรต่อไปบ้าง
กลับมาที่ปัจจุบัน ภาม และเมโลเอ้ช่วยกันถอดเครื่องเทียมเกวียนออกจากม้าทั้งสองตัวพร้อมทั้งใส่อานให้พวกมันแทน พวกเขาจะขี่ม้าทั้งสองตัวเพื่อไล่ต้อนฝูงม้า และจับตัวที่ต้องการด้วยเชือกบ่วงบาศ และมีอีกสองคนคอยใช้พลังโจมตีเฉียดๆ ให้ฝูงม้าไปในทางที่กำหนด
ปัจจุบันเวลาประมาณสิบโมงกว่า อากาศเริ่มอุ่นขึ้น ภามวางแผนไว้ว่าจะเริ่มต้อนม้าทันทีที่มาถึงทุ่งหญ้าเลย พวกเขาจึงทานข้าวห่อเติมพลังรอบสายกันมาในเกวียนแล้ว ตอนนี้ทั้งสี่คนจึงพร้อมที่จะเริ่มปฏิบัติการได้แล้ว แต่…
“กี้!!!” มังกรน้อยร้องออกมาเสียงดัง จนทุกคนหันไปมองตัวมันที่เกาะอยู่บนเกวียน
‘เกิดอะไรขึ้นแพนดั้น?’ ภามที่ถนัดการติดต่อทางจิตมากที่สุด โทรจิตเชื่อมต่อกับเจ้ามังกรน้อยได้ทันที
‘ออร์คขอรับ มีประมาณ 100 ตัว ด้านทิศตะวันตกของที่นี่ห่างไป ประมาณ 3 กิโลเมตร’ เจ้ามังกรตัวเขียวใช้คลื่นพลังจิตแผ่ออกไปตรวจสอบ ซึ่งสามารถระบุได้ค่อนข้างละเอียด
ในขณะที่สาวๆกำลังจะได้ถามเรื่องราวจากมังกรน้อย ชายหนุ่มก็รีบชี้แจงออกไปก่อน
“ด้านตะวันตก 3 กิโลเมตรมีกองทัพออร์ค 100 ตัว พวกเจ้าอยู่ที่นี่ก่อนเดี๋ยวข้าขอไปดูสักครู่ ถ้ามันมีวี่แววว่าจะมาที่ทุ่งหญ้านี้เราจะได้เตรียมแผนรับมือได้ถูก” เจ้าของฟาร์มกล่าวออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง
“ออร์คหรือเจ้าคะ! เราน่าจะรีบหนีกันดีกว่า” เมโลเอ้เริ่มใจคอไม่ดีเมื่อกล่าวถึงกองทัพอสูรร้ายนับร้อยตน
“ร้อยตัวพวกเราสู้มันไม่ไหวหรอกเจ้าค่ะท่านภาม ถึงพวกมันจะไม่ได้ผ่านมาทางนี้ แต่ถ้าพวกเรายังอยู่เพื่อจับม้าต่อ พวกมันอาจจะได้ยินแล้วเข้ามาโจมตีเราทีหลังก็ได้” มีอาวิเคราะห์สถานการณ์ที่น่าจะเกิดขึ้น
“ถ้าท่านภามจะสู้ ข้าก็จะสู้เคียงข้างท่านเจ้าค่ะ” วานีลสาวสวยผู้อ่อนโยนทำสีหน้าจริงจังขึ้นมา เธอเลือกที่จะต่อสู้กับกองทัพออร์คนับร้อยเมื่อได้ยินสิ่งที่ชายหนุ่มกล่าว
“เอิ่ม…วานีล ใจเย็นๆก่อน ข้าไม่ได้บอกว่าจะไปสู้กับพวกมันสักหน่อย ข้าคิดว่าเพื่อไม่ให้มาเสียเที่ยวก็อยากจะรอดูเหตุการณ์ไปก่อน ถ้าสุดท้ายพวกมันมาทางเราข้าก็ว่าพวกเราน่าจะกลับดีกว่านะ เพราะสู้ไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา”
MANGA DISCUSSION