เกรียนแบบนี้ ก็ศิษย์พี่ใหญ่นี่แหละ - ตอนที่ 64 หนึ่งคนต้านกองทัพ
ด้วยระดับฝึกปรือพิสุทธิ์ไพศาลขั้นสูงสุด อาศัยเคล็ดลมปราณอันพิสดารที่ได้มาหลายปีก่อน ช่วยให้โลดแล่นพเนจรไปได้ทั่วยุทธจักร แม้จะอยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง แถมครั้งหนึ่งยังถูกชนชั้นกลั่นดวงธาตุไล่ล่าสังหาร
แต่หลิวเชียนด้วยสมรรถนะอันสูงล้ำ กลับหนีรอดจากเงื้อมมือของชนชั้นกลั่นดวงธาตุมาได้ สร้างชื่อเสียงขจรขจายไปทั่วเผ่าพันธุ์มนุษย์
เพราะปล้นชิงไม่หยุดยั้ง จึงถูกสี่พรรคใหญ่หมายหัว แต่ด้วยความเป็นโจรมือฉมัง ไม่ว่าจะด้านกลยุทธหรือสติปัญญาก็ล้วนแต่ยอดเยี่ยมสุดเปรียบ
ก่อนหน้านี้ได้ไม่นาน หลิวเชียนลอบสังหารศิษย์สายตรงสองคนจากสี่พรรคใหญ่ จึงต้องหลบซ่อนตัวอยู่แถวเมืองซวนอู่ รอให้เมฆหมอกหายนะนี้ผ่านพ้นไป
ขณะที่หลิวเชียนกำลังฟื้นตัวอยู่นั้น ภายในถ้ำอันมืดชื้นกลับมีเสียงทึบทึมของบุรุษดังขึ้น “จอมโจรเผ่ามนุษย์หลิวเชียน ยามนี้กลับต้องมากบดานอยู่อย่างสุนัขใกล้ตาย ช่างน่าขัน”
“นั่นใคร?” หลิวเชียนตื่นตระหนก รีบกระเสือกกระสนตัวขึ้น ผู้ที่สามารถมาปรากฏตัวอยู่ใกล้ๆ มันอย่างไร้ร่องรอย ระดับฝีมือของอีกฝ่ายจะต้องสูงกว่ากลั่นดวงธาตุขั้นหนึ่งอย่างแน่นอน!
“ไม่ต้องตกใจ” เสียงนั้นดังก้องสะท้อนไปมาอยู่ในหูของหลิวเชียน แม้แต่นักฆ่าที่พรากเอาชีวิตผู้คนมานับไม่ถ้วนอย่างมันยังต้องสั่นผวา
กิ๊ง!
แหวนมิติวงหนึ่งถูกโยนออกมาจากมุมมืด เสียงปริศนายังคงดังสืบต่อ “ช่วยข้าจัดการคนผู้หนึ่ง ค่าตอบแทนสามพันศิลาวิญญาณ เป้าหมายคือเด็กน้อยปราณสุริยันคนหนึ่ง พอหรือไม่?”
หลิวเชียนเก็บแหวนขึ้นมาอย่างระแวดระวัง นัยน์ตาทอประกายวาบ แลบลิ้นเลียปากที่แตกแห้งเป็นแผ่นๆ “เป้าหมายคือใคร? เหตุใดเจ้าถึงไม่ลงมือเอง”
อีกฝ่ายเป็นถึงชนชั้นกลั่นดวงธาตุ ถือครองพลังแห่งดวงธาตุทองคำมหาวิถี เผ่ามนุษย์ไร้คู่ต่อกร
หากต้องการกำจัดมดปลวกชั้นปราณสุริยันสักตัว เหตุใดต้องลำบากมาหาตนด้วย?
“ไม่ใช่เรื่องของเจ้า!”
จิตสังหารอันเข้มข้นรุนแรงกว่าหลิวเชียนที่คล้ายผุดโผล่มาจากอเวจีเยือกแข็งระเบิดออกวูบ พร้อมกับแมลงที่ร่วงหล่นตกตายเต็มพื้นถ้ำ “อีกฝ่ายสวมชุดศิษย์พรรคหลิงเซียว ระดับฝีมือชั้นปราณสุริยัน หากเจ้าสบโอกาสตอนที่มันยังป้วนเปี้ยนอยู่ในละแวกเมืองซวนอู่ก็ให้ฆ่ามันได้เลย ถ้าทำได้ ข้าจะช่วยเจ้าทะลวงด่านกลั่นดวงธาตุ แต่ถ้าทำไม่ได้ ตายสถานเดียว!”
คลื่นเสียงกระแทกกระทั้น สร้างความตกใจกลัวให้กับเหล่าค้างคาวในถ้ำจนแตกฮือวุ่นวาย หากก็ถูกหลิวเชียนใช้กรงเล็บอันคมกริบสับสังหารสิ้น
ผู้ฝึกวิชามาร? หลิวเชียนที่มีจิตสัมผัสเฉียบแหลมพลันรับรู้ได้ถึงปัญหา
ได้ยินว่าไม่นานมานี้มีกลุ่มผู้ฝึกวิชาปีศาจออกมารวมตัวล่าล้างอัจฉริยะจนตกตายเป็นใบไม้ร่วง แม้แต่ปุถุชนทั่วไปก็ยังไม่เว้น
แดนศักดิ์สิทธิ์เผ่ามนุษย์ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างถึงที่สุด กระทั่งส่งชนชั้นกลั่นดวงธาตุออกมาเสาะหาร่องรอยของผู้ฝึกวิชาปีศาจด้วยตัวเอง
ที่แท้ก็พวกสุนัขพันธุ์ทาง หลิวเชียนลอบคิดอย่างดูแคลน อีกฝ่ายคงกริ่งเกรงอาวุโสชั้นกลั่นดวงธาตุประจำเมืองซวนอู่จึงต้องให้ตนเป็นมือเป็นเท้าทำงานแทน
เพียงแต่ แค่สังหารเด็กน้อยปราณสุริยันก็ได้ค่าจ้างถึงสามพันศิลาวิญญาณ นับว่าหวานหมูจริงๆ
คล้อยหลังหลิวเชียน สายฝนเย็นเฉียบยังคงเทกระหน่ำลงมา สร้างความหนาวเหน็บจับขั้วหัวใจ
ภายในถ้ำ บุคคลปริศนายังคงซ่อนตัวอยู่ในความมืด ไม่อาจเห็นโฉมหน้าของมันได้
ช่วงนี้เผ่ามนุษย์กวดขันเข้มงวดเรื่องผู้ฝึกวิชาปีศาจ มันจึงยังไม่กล้าเผยตัว เลยไม่อาจไปหาข่าวจากในเมืองได้
ตอนดักซุ่มอยู่นอกพรรคหลิงเซียว มันค้นพบว่าฉินจิ่วเกอมีแผนจะเดินทางมาที่เมืองซวนอู่ แต่กระนั้นมันก็ไม่กล้าลงมือโดยพลการอีก สุดท้ายเลยต้องขอความช่วยเหลือจากจอมโจรชื่อดังของเผ่ามนุษย์
“เฉินเอ๋อร์เอย คิดสำเร็จการใหญ่ ต้องไม่คำนึงเรื่องเล็กน้อย ฆ่าคนให้พ้นทางเป็นเรื่องจำเป็น เมื่อเจ้าใจอ่อนไม่ยอมลงมือ เช่นนั้นให้ข้าช่วยเหลือเจ้ากำจัดเจ้าเด็กนั่นให้พ้นทางเอง รอจนมันตกตาย ศิษย์พี่ใหญ่ของพรรคหลิงเซียวย่อมเป็นเจ้าสืบต่อ เจ้าจึงสามารถล้างแค้นสำเร็จ!”
ทันทีที่กล่าวจบ สิ่งมีชีวิตทั้งหมดภายในถ้ำแตกฮือ ฝูงค้างคาวร่วงหล่น เศษซากแมลงนานาชนิดและหนูป่าถูกพลังบีบรัดลมหายใจจนสิ้นลม
เบื้องนอกสายฝนปรอยพร่างพรม มันเดินฝ่าสายพิรุณกลางขุนเขา ลมวายุกรรโชกเปลี่ยนทิศทางสายฝนจากฟ้า ทิศทางที่ก้าวเดินพร่าเลือนยากจำแนก
รอจนฉินจิ่วเกอถูกทำลายใต้เงื้อมมือของหลิวเชียน มันต้องตาย ไม่จำเป็นต้องรอตอนจบอีกต่อไปแล้ว
ว่าไปแล้ว ก่อนฉินจิ่วเกอก้าวเดินขึ้นเหลาไกรสร หลิวเชียนก็มาถึงภายนอกเมืองซวนอู่แล้ว รอคอยปราณสุริยันศิษย์พรรคหลิงเซียวผู้นั้น
มันซ่อนตัวราวอสรพิษซุ่มดักรอเหยื่อในพงหญ้ารกชัฎ รอจังหวะจู่โจมคราเดียวเพื่อปลิดชีพ จากนั้นหลบหนีดั่งเหินบินเข้าป่าเขา
ก่อนสายพิรุณจะจางหาย ลั่วเฉินก็ออกจากป่าปีศาจสวรรค์หลังเสร็จการฝึกฝน ได้ยินข่าวอันครึกโครมของตระกูลดังในเมืองซวนอู่ที่หยิบยืมเงินหากไม่จ่ายคืน
มีบ้างบางคนกล่าวเรื่องตลกขบขันที่ตระกูลม่อต้องประสบกลางวันแสกๆ ลั่วเฉินคิดคำนวณ อีกฝ่ายย่อมเป็นฉินจิ่วเกอไม่ผิดแน่ นอกจากมันก็ไม่มีผู้ใดไร้คุณธรรมปานนั้นอีกแล้ว
ในเรื่องเล่าขาน ซ่อนเร้นเงาของพรรคจอกประกายสิทธิ์อยู่เบื้องหลัง ลั่วเฉินคล้ายมีตาทิพย์
ข้อขัดแย้งกับพรรคจอกประกายสิทธิ์ แท้ที่จริงเป็นมันจงใจทิ้งชื่อแซ่เอาไว้ คิดหาเรื่องสร้างราวให้แก่ฉินจิ่วเกอ
คนเกิดมาเพื่อรับความลำบาก ตายไปจึงสงบสุข ชีวิตศิษย์พี่ใหญ่ของพรรคย่อมมิใช่วันๆ เอาแต่เฉิดฉายเสวยสุข ย่อมต้องเพิ่มนิดเติมหน่อยให้แก่มัน เพื่อให้ชีวิตมีสีสันขึ้นมาบ้าง
ลั่วเฉินยามปกติคลุกคลีอยู่ในเมืองซวนอู่ สำหรับพยัคฆ์ซุ่มมังกรซ่อนทั้งหลายในเมือง มันทราบกระจ่างดั่งนิ้วบนฝ่ามือ
“แย่แล้ว ตระกูลม่อ เป็นหนึ่งในลิ่วล้อของพรรคจอกประกายสิทธิ์ มันคิดไปร่วมงานเลี้ยง บัดซบ ไอ้คนหัวทึบนั่น!”
ลั่วเฉินด่าทอด้วยความโกรธ พลังฝีมือบรรลุชั้นปราณสุริยันขั้นสูงสุด อย่างช้าๆ ยังไม่อาจก้าวเข้าสู่พิสุทธิ์ไพศาล
แต่ดูแนวโน้มแล้ว สามารถป้องกันสายฝนรินบางๆจากท้องฟ้าได้ตามใจชอบโดยไม่ลำบากกินแรง นับว่าเหนือล้ำไปกว่าปราณสุริยันที่มีอายุมากกว่าหลายสิบไปไกล
“ข้าต้องเข้าเมืองเดี๋ยวนี้ หากชักช้าเกรงว่ามันอาจมีอันตรายถึงชีวิต”
กระทั่งมังกรยังยากจะข่มเหงงูเจ้าถิ่น พรรคจอกประกายสิทธิ์และตระกูลม่อหากคิดโต้ตอบล้างแค้นต่อฉินจิ่วเกอ โดยเปิดเผยย่อมไม่สะดวก เป็นไปได้ว่าจะลอบทำร้ายคน
ลั่วเฉินแน่นอนว่าคาดหวังให้ศิษย์พี่ใหญ่ของมันดื่มน้ำติดคอตายไปซะ
ทว่าหากต้องให้มันไปตายใต้เงื้อมมือผู้อื่น ลั่วเฉินไม่อาจตัดใจมองดูได้
แม้ว่าศิษย์พี่ใหญ่ผู้นี้เป็นคนบัดซบอยู่บ้าง กระทำการชั่วร้ายอยู่บ้าง พฤติการณ์สกปรกอยู่บ้าง ทั้งยังจิตวิปริตลามกอยู่บ้าง แต่อย่างไรก็ยังเป็นศิษย์พรรคหลิงเซียว คิดลงมือยังไม่ถึงรอบคนนอก
เมื่ออยู่พรรคหลิงเซียว ความสามารถด้านอื่นไม่มียังพอว่า แต่เนื้อย่อมต้องเน่าในหม้อเท่านั้น หลักการนี้ฝังรากหยั่งลึก
เมื่อรู้ว่าคืนนี้ฉินจิ่วเกอถูกบ้านสกุลม่อเชื้อเชิญไปงานเลี้ยงสังหาร ลั่วเฉินเร่งรีบเดินทางจากป่าปีศาจสวรรค์ คิดไปเป็นกำลังหนุน
บนเส้นทางดินโคลนอันเลอะเทอะเปรอะเปื้อน ลั่วเฉินเลือกทางน้อยเพื่อบรรลุสู่เมืองซวนอู่ ระหว่างการเดินทางสายฝนสาดซัดสายฟ้าฟาดผ่าอึงอล ขับสลายม่านฝนจนแตกกระเซ็น
เจ้าอ้วนน่าตายที่ถูกฉินจิ่วเกอใช้สายตาเข้มงวดไล่ออกมาจากเหลาไกรสรถูกสายลมยะเยียบโชยพัดจนเหงื่อเย็นแตกซิกเต็มหน้า
จบสิ้นกัน ศิษย์พี่ใหญ่ประสบเคราะห์มากกว่าดี เข้าไปในเหลาไกรสร ไหนเลยจะรอดชีวิต?
ศิษย์ทั้งหลายในพรรคล้วนมีที่มาจากทะเลใต้แผ่นดินเหนือ รวบรวมกันมาจากทั่วสารทิศ เชื่อมต่อชะตาชีวิต ที่สำคัญที่สุดคือความสามัคคี
ศิษย์พี่ใหญ่เดือดร้อน เจ้าอ้วนน่าตายไม่อาจยืนชมอยู่วงนอกโดยไม่ทำอะไร เพียงแต่ด้วยระดับฝีมือในยามนี้ของมัน ไม่ว่าผู้ใดในเหลาสุราก็สามารถจัดการกับมันได้โดยไม่จำเป็นต้องเปลืองแรง
เหิงโหย่วเฉียนเร่งร้อนจัดแจงคนเข้าไปในเหลาไกรสร เจ้าอ้วนน่าตายในสายตามัน ก็แค่หนูตัวหนึ่งที่เล็ดรอดหลบหนี ขอเพียงฉินจิ่วเกอยังอยู่ เหิงโหย่วเฉียนคร้านจะแบ่งกำลังออกสะกัด
ผู้นำตระกูลม่อในใจซุกซ่อนความหวาดกลัว อีกฝ่ายกลับมิได้เข่นฆ่าล้างบางพวกฉินจิ่วเกอ ดังนั้นจึงปล่อยให้เจ้าอ้วนน่าตายหลบหนีออกไปโดยปราศจากแผนกำจัดใดๆ
ไม่มีผู้ใดกล้าก่อกวนเรื่องราววุ่นวายอย่างโจ่งแจ้งภายในเมืองซวนอู่
สายฝนเย็นยะเยียบปลุกเจ้าอ้วนน่าตายจากภวังค์ คนตะกายขึ้นจากโคลน ความมุ่งมาดในใจพลันเด็ดเดี่ยวแน่วแน่
เร็ว หากตอนนี้รีบกลับไปขอความช่วยเหลือจากพรรคหลิงเซียว ศิษย์พี่ใหญ่ไม่แน่ว่าอาจมีโอกาสรอดชีวิตอย่างเส้นยาแดงผ่าแปด
น้ำไกลไม่อาจดับไฟใกล้ ยาพิษไม่อาจดับกระหาย เจ้าอ้วนน่าตายไร้ทางเลือกอื่น ได้แต่ต้องติดสินบนผู้รักษาประตูเมือง
เมื่อครู่ตอนศิษย์พี่ใหญ่มอบแหวนมิติให้มันสองวง ศิลาวิญญาณภายในแหวนกลับมิได้ถูกนำออก
ตอนนี้ บนร่างของเจ้าอ้วนน่าตายเท่ากับมีกองสมบัติศิลาวิญญาณนับพันก้อน
เจ้าอ้วนจิตใจเปี่ยมคุณธรรม พื้นฐานมันเป็นคนสัตย์ซื่อเที่ยงตรงอยู่แล้ว หากเป็นผู้อื่นพอเห็นคนตายนอกจากจะไม่ช่วย ยังไม่แน่ว่าอาจควงมีดสองมือ เตรียมสืบทอดมรดกของศิษย์พี่ใหญ่อย่างโอ่อ่าผ่าเผยไปแล้ว
เจ้าอ้วนน่าตายกลับไม่ได้ทำเช่นนั้น มันเป็นคนใจซื่อถือคุณธรรม หากฉินจิ่วล่วงรู้ เชื่อว่าจะเปลี่ยนแปลงพฤติการณ์ของตนเองที่ผ่านมา ทำดีกับเจ้าอ้วนน่าตายขึ้นอีกหน่อย
เมื่อมาถึงประตูเมือง เจ้าอ้วนน่าตายไม่เอ่ยวาจา เพียงโยนศิลาวิญญาณออกสามร้อยก้อน
เจ้าอ้วนน่าตายที่หูตาคับแคบไม่ได้รู้เลยว่าศิลาวิญญาณสามร้อยก้อนนี้ ไม่ว่าอยู่ในกำมือผู้ใดล้วนมิใช่ทรัพย์สินจำนวนน้อย
สำหรับเหล่าองครักษ์ที่รักษาประตูเมือง ค่าตอบแทนจำนวนสิบศิลาวิญญาณในแต่ละเดือนของพวกมันก็ถือว่าเป็นค่าตอบแทนที่ไม่เลวแล้ว
เจ้าอ้วนน่าตายกลับโยนศิลาวิญญาณสามร้อยก้อนออกมาอย่างไม่เดือดไม่ร้อนให้ผู้พิทักษ์ประตูเมืองอำนวยความสะดวกให้ สร้างความยุ่งยากใจแก่เหล่าองครักษ์ยิ่ง
ในคืนฝนตกเช่นนั้น เจ้าอ้วนน่าตายและศิลาวิญญาณเหมาะสมกันยิ่ง เงินสามร้อยศิลาวิญญาณทำให้เจ้าอ้วนในสายตาของผู้พิทักษ์ประตูเมืองดูน่ารักน่าชังยิ่งกว่าบุตรในไส้ของมันเองอีก
มองดูสภาพของเจ้าอ้วนน่าตาย ทั้งยังเป็นศิษย์สำนักพรต เกิดมายังบริสุทธิ์กว่าทิเบตันมาสทิฟฟ์อีก
ผู้พิทักษ์ประตูไม่เข้าใจ รออีกไม่กี่ชั่วยามดวงตะวันก็ขึ้นแล้ว ถึงเวลานั้นแดงเดียวก็ไม่ต้องควักจ่าย เพราะเหตุใดถึงต้องทำหน้าเหมือนอยากจะออกไปหาห้องน้ำนอกเมืองถึงปานนั้น?
เจ้าอ้วนน่าตายไม่กล้าเล่าความจริง ในเมืองซวนอู่พรรคจอกประกายสิทธิ์และตระกูลม่อต่างก็มีรากฐานลึกล้ำเกินคาดหยั่ง ขืนบอกกล่าวความจริงออกไป เกรงว่าจะเป็นการขุดหลุมฝังตัวเองมากกว่า
เจ้าอ้วนน่าตายปั้นน้ำเป็นตัวจนหน้าดำหน้าแดง “ที่จริงข้าแอบมาเที่ยวหอราตรีใบไม้ผลิในเมืองเพื่อหาความรื่นเริง กลับถูกนางเสือร้ายที่บ้านจับได้คาเขา ยามนี้ควานหาตัวข้าในเมืองให้ควั่ก”
ผู้พิทักษ์ประตูพลันตาสว่างกระจ่างแจ้ง เจ้าอ้วนผู้นี้ช่างเจ้าชู้นัก ด้วยรูปลักษณ์จืดชืดกายาบวมเป่ง สามารถหาสตรีที่ยอมรับมันได้นับว่าเป็นวาสนาแล้ว กลับยังออกมาหาความสำราญ
สายตามองมายังเจ้าอ้วนน่าตายอย่างถากถาง ทว่าสามร้อยศิลาวิญญาณไม่ใช่จำนวนเล็กน้อย ผู้เฝ้าประตูค่อยๆ แง้มประตูเมือง ให้เจ้าอ้วนน่าตายเล็ดรอดออกไป
ประตูเมืองเบ้อเริ้มเทิ่มแง้มเปิดออกเป็นเส้นเล็กๆ ผู้เฝ้าประตูเขย่งปลายเท้ากล่าววาจา “รีบแทรกตัวออกไปเร็วๆ ถ้าหากถูกคนล่วงรู้ พวกเราไม่อาจรอดไปได้”
เจ้าอ้วนน่าตายส่งสายตาวิตกกังวล พุ่งเข้าใส่บุรุษหนุ่มวัยสามสิบผู้นั้น “ขอบพระคุณท่านปู่ช่วยอำนวยความสะดวก พระคุณยิ่งใหญ่ ข้าขอชดใช้ในภายหน้า”
อีกฝ่ายลูบใต้คางตำแหน่งสามชุ่น นวดตีนกาตรงปลายหางตา ท่านปู่? ข้าแก่ขนาดนั้นเลย? เรียกพี่ชายจะเหมาะกว่า ไอ้บ้าเอ๊ย
“เฮ้ เจ้าทำไมยังไม่ไปอีก?” อีกฝ่ายเห็นเจ้าอ้วนน่าตายยังคาอยู่ที่ประตูพลันต้องแตกตื่นตระหนก หากมีคนผ่านมา มองเห็นพวกมันสุมหัวรวมกันอยู่ คงต้องถูกไล่ออกสถานเดียว
เห็นเจ้าอ้วนน่าตายติดแหง่กอยู่ตรงประตูซ้ำยังโบกไม้โบกมือ มองผ่านช่องประตู เห็นคนแบนติดอยู่ภายใน
ผู้เฝ้าประตูเอ่ยขึ้นตามหลักการ “สามร้อยศิลาวิญญาณ ออกแล้วห้ามเข้า”
“ปู่เจ้าน่ะสิ” เจ้าอ้วนน่าตายสบถ คนเกร็งหน้าท้องหดพุง “ข้าติดอยู่ในประตู จะถูกหนีบตายแล้ว”
“บัดซบ เจ้าสวาปามอะไรไปขนาดนั้น เมื่อวานมีคนจ่ายสามศิลาวิญญาณแอบออกจากเมือง ยังพาคนตามไปอีกสองคน ล้วนผ่านไปได้ง่ายๆ”
คนเฝ้าประตูด่าทอ ช่างน่าโมโหจริง
“สามศิลาวิญญาณ?” เจ้าอ้วนตะลึงจนโง่งม
สวรรค์ มันจ่ายออกไปถึงสามร้อย หากศิษย์พี่ใหญ่เกิดรอดมาได้โดยไม่ตายไปซะก่อน ที่รอมันอยู่ย่อมไม่ใช่คำขอบคุณด้วยความซาบซึ้งจากฉินจิ่วเกอแน่นอน
เจ้าอ้วนน่าตายหดตัวถอยมาตั้งหลัก หรือว่าเราสมควรรอให้ศิษย์พี่ใหญ่ม่องเท่งไปเองก่อนดี เรื่องราวเป็นตนเองแส่ไม่เข้าเรื่อง ช่างยุ่งยากจริงๆ
ผู้เฝ้าประตูรู้ตัวว่าหลุดปากไปแล้ว กฎลับๆ ของเมืองซวนอู่ สามศิลาวิญญาณยังสามารถลักลอบเข้าออกเมืองติดต่อกันได้สามคืนด้วยซ้ำ ยามนี้เจ้าสมองนิ่มนี่จ่ายออกมาถึงสามร้อย กล่าวได้ว่าคนยิ่งโง่เงินยิ่งมาก
คนรีบเดินเข้าไป ยื่นเท้าสอดเข้าไปในร่องประตูถีบส่งไปสองสามที เหมือนคนทำความสะอาดกระทุ้งใส่ส้วมตัน กำจัดเจ้าอ้วนน่าตายออกไปจากซอกประตูเมือง
ปัง
ประตูเมืองปิดลง ตัดหนทางกลับเข้าสู่เมืองของเจ้าอ้วนน่าตายอย่างสิ้นเชิง
ฮือ เจ้าอ้วนน่าตายเลอะเลือนเลื่อนลอย จู่ๆ ก็พลันไม่ต้องการช่วยเหลือศิษย์พี่ใหญ่ขึ้นมาแล้ว หรือว่ามันควรรอให้ศิษย์พี่ใหญ่ประสบเคราะห์กรรมก่อนแล้วค่อยรับสืบทอดมรดกของศิษย์พี่ใหญ่อย่างไม่อายฟ้าดินดี
เหลาไกรสรแขวนประดับด้วยโคมไฟสีแดง ส่องสว่างเรืองรองต้องเมืองซวนอู่และท้องนภาราตรีทางทิศตะวันออก
แสงสีแดงกลับมิใช่มาจากการเฉลิมฉลอง กลับกัน ภายใต้ราตรีเย็นเยียบมืดมิดริบหรี่ สอดแทรกประกายโลหิตกระดูกขาวขึ้นแทน