เกมราชันสงครามออนไลน์ - ตอนที่ 84 หมื่นเหรียญทอง
นิยาย เกมราชั้นสงครามออนไลน์
ตอนที่ 84 หมื่นเหรียญทอง
การประมูลดุเดือดเป็นอย่างมากมันดําเนินต่อไปจนกระทั่งยามเย็นได้มาเยือนที่ปราสาท แต่ไม่มีทีท่าว่าใครจะถอยกลับแม้แต่คนเดียว เสียงการประมูลยังคง ดังต่อไปเรื่อย ๆ ตอนนี้เป็นพิธีกรคนที่สามที่ขึ้นมาทําหน้าที่แทน ดูเหมือนว่าพิธีกรหนึ่งคนจะรับผิดชอบการประมูลคนละ 6 ชั่วโมง
ยังขาดอีกสองอย่าง…มันจะมีหรือเปล่า
กายดูกระวนกระวายพอสมควร เพราะ ถ้าไม่ได้ของอีกสองอย่างคือ แร่หินดํากับหินลูกบาศก์จากที่ไหน
“ชิ้นต่อมาคือแก่นทองคํา วัตถุดิบระดับสูง…ราคาเริ่มที่ 6,000 เหรียญทอง ต่อหนึ่งกรัม”
“ชิ้นต่อมาคือผงหิมะ วัตถุดิบระดับสูง…ราคาเริ่มต้นที่ 5,000 เหรียญทองต่อสองกิโลกรัม”
“ชิ้นต่อมาคือหินดวงตาอินทรีโล หะ…ราคาเริ่มต้นที่ 8,000 เหรียญทองต่อชิ้น”
เสียงประกาศจากพิธีกรดังต่อเนื่อง ยิ่งวัตถุดิบระดับสูงออกมามากขั้น เสียงฮือฮาในห้องประมูลก็มากเท่านั้น แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นแขกในชั้นสองที่เป็นผู้ชนะการประมูลไป
แขกที่เข้าร่วมประมูลในชั้นสองนั้น ถือว่าเป็นผู้ที่ไม่ขาดเหรียญทอง ดังนั้น พวกเขาจึงคิดวิธีเปลี่ยนเหรียญทองให้เป็นทรัพย์สินที่มีค่าอย่างอื่น เพราะในบางช่วงเวลาเงินก็ไม่อาจจะไม่ได้มีค่าเสมอไป แต่วัตถุดิบระดับสูงนั้นมีราคาในตัวมันเองมากกว่าเหรียญทองอย่างแน่นอน
ในขณะที่กายยังเฝ้ารอวัตถุดิบอีกสอง ชิ้นเวลาก็ล่วงเลยมาจนถึง 4 ทุ่มแล้ว ตอนนี้เหลือเวลาอีกสองชั่วโมงก็จะหมดเวลาในการประมูลครั้งนี้แล้ว กายรู้สึกถอดไปไปแล้ว เขาจับถุงเหรียญทองในมือแน่น กายคิดว่าตนควรจะประมูลวัตถุระดับสูงสักอย่างดู เพราะอย่างไรก็มีเงินเหลืออีกนับหมื่นเหรียญทอง
ถ้าดวงดีบางที่เราอาจจะได้มา..กายตัดสินใจลองหาประมูลวัตถุดิบระดับสูง มาเก็บไว้สักชิ้นดู แต่แล้วในตอนนั้นเอง เสียงของพิธีกรก็ดังขึ้นมา
“รายการต่อไปในการประมูล คือ หินลูกบาศก์ แม้จะเป็นวัสดุระดับกลาง แต่การใช้งานของมันนั้นหลากหลายมาก มันสามารถสร้างอาวุธได้ตั้งแต่ระดับ 3 ไปจนถึงระดับ 6 แล้วแต่ช่างโลหะจะนํามันไปใช้งาน หินลูกบาศก์นั้นว่ากันว่ามันยังมีความลับอีกหนึ่งอย่าง…” พิธีกรจงใจหยุดไปสองวิ ก่อนจะยิ้มออกมา และกล่าวต่อ “ความลับที่ว่านั้นก็คือ มันสามารถบีบอัดพื้นที่ในวัตถุได้…”
“อะไรนะ…”
“เหลือเชื่อ ข้าพึ่งเคยได้ยินเรื่องนี้”
“เจ้ายังเป็นแค่ระดับช่างโลหะทั่วไป ไม่รู้ก็ไม่แปลก”
“แต่มันจะมีประโยชน์อะไร ถ้าเราไม่มีพิมพ์เขียวที่ใช้สร้างอาวุธที่มีส่วนผสม ของหินลูกบาศก์”
แม้ช่างโลหะในห้องประมูลจะพากันตื่นเต้น แต่หลายคนก็รู้ว่า ถ้าไม่มีพิมพ์เขียวที่สร้างอาวุธที่เกี่ยวกับหินลูกบาศก์ มันก็ไม่มีค่ากับพวกเขาแน่นอนว่ายังต้องดูอีกว่าได้พิมพ์เขียวระดับใด เพราะ ถ้าเป็นระดับต่ําเกินไปก็ไม่คุ้มที่จะสู้ราคา
ถึงแบบนั้นก็มีหลายคนที่ต้องการ ชั้นล่างนอกจากกายแล้วยังมีผู้เข้าร่วมการประมูลอีกหลายสิบคนที่ต้องการ หนึ่งในนั้นคือผู้ประมูลหมายเลข 69 ที่ดวงตาภายใต้หน้ากากนั้นเป็นประกายในทันที
“ข้าต้องได้มันมา…” ผู้ประมูลหมายเลข 69 พึมพําออกมาเบา ๆ
บนชั้นสองหนึ่งในห้องประมูลมีชายรูปร่างหน้าตาดี ผมสีทอง ในตาสีฟ้า จมูกโด่งคิ้วหนา มุมปากมักมีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่บ่อยครั้ง ชายคนนี้คืออัลลูกศิษย์ลําดับที่ 3 ของปรมาจารย์ช่างโลหะอไลแอส ส่วนชายรูปร่างท้วมผิวขาว ผู้มีในตาและเส้นผมสีน้ําตาลคือ จาคอบ ลูกศิษย์ของหนึ่งในปรมาจารย์ช่างโลหะธีโอดอร์
“อัล…เจ้าไม่สนใจประมูลหินลูกบาศก์ อย่างนั้นเหรอ” จาคอบกล่าวขณะที่ยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นมากระดกไปสองอีกกล่าวต่อ “ข้าให้เจ้ายืมเงินสักห้าพันทอง เป็นอย่างไร”
“หึ…ข้ามีเงินพอ แม้จะประมูลของหลายอย่างมาแล้วก็ตาม อีกอย่างหินลูกบาศก์ก็แค่วัตถุดิบระดับกลาง ข้าจะเอาไปทําอะไร”
“โอ้ แต่ข้าได้ข่าวว่าเจ้ากําลังพยายามสร้างของตามพิมพ์เขียวลึกลับที่อาจารย์ ของเจ้าเจอมาไม่ใช่หรืออย่างไร”
ชะงักไปเล็กน้อย พลางหยิบแก้วเครื่องดื่มขึ้นมาจิบไปสองสามครั้งก่อนจะกล่าว “เจ้ารู้ดีนี่ หรือว่าสนใจจะศึกษาพิมพ์เขียวนั้นดู”
“ฮ่า ๆ ข้ากําลังขาดพิมพ์เขียวที่ใช้สร้างอาวุธระดับ 5 เพื่อเลือนไปเป็นอาจารย์ช่างโลหะ ถ้าได้พิมพ์เขียวชิ้นนั้นมาได้ ข้ายินดีจ่ายไม่อั้นอย่างแน่นอน” จาคอบหัวเราะร่า
“เจ้าคิดว่าข้าจะโง่ให้พิมพ์เขียวของอาจารย์ไปกับเจ้าอย่างนั้นเหรอ” อัล พูดด้วยความโกรธ แต่สายตาของเขาไม่อาจจะปิดบังความโลภ ถึงแบบนั้นอัลก็ไม่โง่ขนาดเอาพิมพ์เขียวของปรมาจารย์ ช่างโลหะอีไลแอสไปให้กับจาคอบ
“นั้นก็ขึ้นอยู่กับเจ้า ว่าแต่เจ้าจะประมูลมันไหม” จาคอบอย่างไม่สทกสะท้านราวกับคุ้นเคยท่าทีของอัล ก่อนจะชี้ไปที่การประมูลที่กําลังเริ่มต้นขึ้น
อัลส่งเสียงในลําคออย่างลําคาน
จาคอบรู้ถึงแผนการของข้าไม่มากก็น้อย แต่ถึงแบบนั้นถ้าข้าไม่ยอมรับเจ้า จะทําอะไรได้…
ทางด้านของจาคอบก็ไม่ได้เซ้าซี้ถามอะไรอีก มันเพียงหมุนแก้วด้วยมืออวบ ๆ ของตนไปมาด้วยรอยยิ้ม
ทางด้านการประมูลเริ่มต้นขึ้นอย่างดุเดือด ราคาของหินลูกบาศก์มันมีเพียงหนึ่งกล่องเท่านั้นถูกตั้งราคาเริ่มต้นที่ 3,000 เหรียญทองในทันทีและตอนนี้ราคาของมันกําลังดีดขึ้นไปเรื่อย ๆ จนมา ถึง 5,500 เหรียญทองในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที
“ห้าพันเก้าร้อยเหรียญทอง”
“หกพันสองร้อยเหรียญทอง”
“หกพันห้าร้อยเหรียญทอง”
“หกพันแปดร้อยเหรียญทอง”
เสียงตะโกนแข่งเสนอราคาดังขึ้นอย่างต่อเนื่องจนแม้แต่ทางพิธีกรก็ไม่สามารถข่าวหมายเลขผู้เข้าร่วมได้ทัน แต่หนึ่งในนั้นกับเป็นผู้ประมูลที่กายเคยสู้ราคากันมาก่อนนั้นก็คือ ผู้เข้าร่วมประมูลหมายเลข 69
บังเอิญหรือว่ายังไง…
กายรู้สึกว่ามันมีบางอย่างที่เขาก็ไม่สามารถบอกได้กับการประมูล กายพยายามคิดว่าตนพลาดอะไรไป จนกระทั่งเขาไปสังเกตผู้เสนอราคาคนอื่น ๆ ซึ่งแทบจะทั้งหมดเป็นผู้เสนอราคา “โลหะสั่นพร้อง” ที่ประมูลไปก่อนหน้านี้
พวกเขามีพิมพ์เขียว…ค้อนสั่นสะเทือน…บ้าน่ามันจะเป็นไปได้อย่างไร? ไม่สิ คนพวกนี้คือช่างโลหะ ก็ไม่ผิดถ้าจะมีพิมพ์เขียวพวกนี้ อย่างเช่นเกราะเกล็ดทมิฬเทียมที่ปรมาจารย์อีไลแอส เรบีอิลสร้างขึ้น…
กายคิดมาถึงตรงนี้มันก็ถึงกับสตั้นไปสองสามวินาที
หรือว่าจะเกี่ยวกับเรื่องเกราะเกล็ดทมิฬ ไม่สิถ้าแบบนั้นคงมีใครมาเก็บเราไปแล้ว แต่อาจจะเกี่ยวกับปรมาจารย์อิไลแอสและเรื่องของบันทึกช่างโลหะ…ข้าต้องระวังมากขึ้น แต่ไม่ควรมากเกินไป ไม่อย่างนั้นจะเป็นจุดสนใจได้
มันไม่อยากนึกว่าถ้ามีคนรู้เรื่องเกราะเกล็ดทมิฬแล้วโยงไปจนถึงเรื่องหนังสือบันทึกช่างโลหะจะมี NPC กี่คนที่ตามไล่ล่าตน แน่นอนว่าแผนการสร้างค้อนสั่นสะเทือนยังต้องดําเนินการต่อ เพราะหลังจากได้ค้อนสั่นสะเทือนแล้วกายจะออกไปนอกนครดาราฟ้าทําภารกิจระยะยาว ซึ่งนั้นจะช่วยให้มันหนีปัญหาได้สักพัก
“เจ็ดพันเหรียญทอง”
กายตัดสินใจเสนอราคาต่อ อย่างไม่เกรงกลัว เพราะอย่างไรก็ไม่ได้มีเขาคนเดียวที่อยากได้หินลูกบาศก์นี้
“เจ็ดพันเหรียญทองถูกเสนอโดยผู้เข้าร่วมประมูลหมายเลข 777”
“เจ็ดพันห้าร้อยเหรียญทอง” ผู้เข้าร่วมประมูลหมายเลข 69 ยกป้ายขึ้นสุดแขน แต่ยังไม่ทันที่พิธีกรจะประกาศก็มีผู้เข้าร่วมประมูลหมายเลข 155 เสนอตัดหน้าต่อในทันที
“เจ็ดพันแปดร้อยเหรียญทอง”
ผู้เข้าร่วมประมูลหมายเลข 69 กํามือแน่น ตอนนี้ราคาของหินลูกบาทเพื่อมา สูงมากสําหรับวัตถุดิบระดับกลางแล้ว
แต่มันยังเพิ่มไปได้อีกนิด…
“แปดพันห้าร้อยเหรียญทอง” ผู้เข้าร่วมประมูลหมายเลข 69 กัดฟันพูดออกไป
การเพิ่มราคาที่เดียว 700 เหรียญทอง ถือว่าสูงกว่าที่หลายคนคาดการไว้ ราคานี้แม้แต่วัตถุดิบระดับสูงบางอย่างยังไม่อาจจะราคาสูงเท่านี้ได้
“น่าสนใจ” อัลพิมพ์ออกมา ขณะที่มองดูผู้ประมูลหมายเลข 69 ด้วยรอยยิ้ม
“ข้าก็คิดว่างั้น” จาคอบพูดออกมาและเสนอราคาออกไป “แปดพันแปดร้อยเหรียญทอง”
“จาคอบ!…”
“เจ้าจะโมโหอะไรข้ากําลังช่วยเจ้าเพิ่มราคาอยู่…”
หลังจากเสียงของจาคอบจากชั้นสองเสนอรราคาก็ทําให้ผู้ประมูลที่อยู่ด้านล่างคิดหนัก รวมทั้งผู้เข้าร่วมประมูลหมายเลข 69 ด้วยเช่นกัน ส่วนผู้ประมูลหมายเลข 155 นั้นหยุดเสนอราคาไปแล้ว เพราะมันเกินกว่าราคาที่จะยอมรับได้
ในตอนนั้นเองกายก็ตัดสินใจตะโกนเสนอราคาของตัวเองไป
“หนึ่งหมื่นเหรียญทอง”
หลังจากสิ้นเสียงพูดของกายภายในห้องประมูลก็เงียบลงไปทันที ก่อนจะระเบิดดังฮือฮาขึ้นมาอีกครั้ง หลายคนต้องการรู้ว่าใครกัน ผู้เข้าร่วมประมูลหมายเลข 777 คือใคร ถึงกล้าประมูลวัตถุดิบระดับกลางด้วยราคาสูงถึงหมื่นเหรียญทอง
แน่นอนว่ามีหลายคนที่บอกว่ากายนั้นโง่มาก…ที่เสนอราคาสูงขนาดนี้ แต่กายรู้ว่าเรื่องนี้มันไม่ใช่แค่ราคา เขาต้องได้หินลูกบาศก์มาให้จงได้
“ฮ่า ๆ เป็นยังไงอัลข้าทําดีหรือไม่” จาคอบหันมาหัวเราะร่าด้วยใบหน้าตุ้ยนุ้ยของตนกับอัลที่ตอนนี้กําลังจ้องไปที่ผู้ประมูลหมายเลข 777 โดยไม่พูดจาอะไร
ทางด้านของผู้เข้าร่วมประมูลหมายเลข 69 ก็ถอดใจไปแล้ว ราคาหนุนเหรียญทองนั้นมากเกินงบของตัวเองไปมา ภายใต้หน้ากากโลหะมีเสียงสบถเบา ๆ “บัดซบ”
“หมายเลข 777 ให้ หนึ่งหมื่นเหรียญทองครั้งที่หนึ่ง”
“หมายเลข 777 ให้ หนึ่งหมื่นเหรียญทองครั้งที่หนึ่ง
“หมายเลข 777 ให้ หนึ่งหมื่นเหรียญทองครั้งที่หนึ่ง”
“หินลูกบาศก์กลางนี้ตกเป็นของผู้ประมูลหมายเลข 777” พิธีกรรีบประกาศจบในทันที เพราะรู้ว่าไม่น่าจะมีใครให้ราคาที่มากกว่านี้แล้ว เนื่องจากตามที่มันคิดตอนแรกราคาน่าจะไม่เกิน 7,000-8,000 เหรียญทองเท่านั้น แต่ราคาขึ้นไปถึง 10,000 เหรียญทองซึ่งก็คือ ว่าดีมากแล้วสําหรับหินลูกบาศก์ที่มันเป็นผู้ขายพิธีกรชายนึกถึงส่วนแบ่งที่จะได้ก็ตื่นเต้นขึ้นมานิดหน่อย
หลังจากกายได้ยินว่าหินลูกบาศก์ตกเป็นของตัวเองแล้ว กายก็ถอนหายใจ อย่างโล่งอก ในตอนที่เขาตะโกนออกไปหนึ่งหมื่นเหรียญทองนั้นกายตื่นเต้น และลุ้นพอสมควร เพราะถ้ามีใครเสนอเพิ่มมาอีกกายก็ยากจะชนะได้แล้ว
แน่นอนว่าจากเงินทั้งหมด 11,500 เหรียญทองที่นํามา กายยังเหลืออีก 200 เหรียญทอง ซึ่งกายแบ่งไว้เพื่อกันเหนียวในกรณีที่มีพวกเสนอเพิ่มอีก 50 เหรียญทอง ถ้าเกิดแพ้เพราะโดนเสนอราคาเพิ่มมาอีก 50 เหรียญทองกายคงโมโหจนตายอย่างแน่นอน
แต่พอคิดถึงตรงนี้ว่าเงินตนเองเหรอ แค่ 200 เหรียญทองก็ทําให้เขายิ้มเลือน ๆ เพราะเขายังขาดวัตถุอีกอย่างนั้นก็คือ แร่หินดํา
แต่กายพอจะมีวิธีได้มันมาและไม่ต้องตกเป็นเป้าหมายของใครก็ตามที่อาจจะคิดทําบางอย่าง แม้เขาจะตกเป็นเป้าหมายไปแล้ว แต่ก็คงไม่มากขึ้นอย่างแน่นอน
กายเรียกพนักงานในโถงประมูลแถวนั้นพร้อมกับขอกระดาษและปากกามา ก่อนจะเขียนบางอย่างและส่งให้กับพนักงาน ซึ่งการเขียนของกายก็ไม่ได้ เป็นที่สังเกตมากนัก เพราะผู้เข้าร่วมประมูลคนอื่น ๆ ก็ทํากันในเวลาต้องการบางอย่างหรือติดต่อใครในห้องประมูล
เราเชื่อว่ามันจะต้องมีแร่หินดําในการประมูลหลังจากนี้ แต่ถ้าไม่มีแสดงว่า เรื่องที่เกิดขึ้นนี้เราคิดมากไป แน่นอนว่า ถ้าเป็นอย่างหลังจะดีมาก
สายตาของกายจับจ้องไปที่หน้าเวทีอย่างรอคอย