เกมราชันสงครามออนไลน์ - ตอนที่ 45 ป่าเคนารีส
ตอนที่ 45 ป่าเคนารีส
เปรี้ยงงง!…..
ในตอนนั้นเองเสียงฟ้าก็ดังขึ้น ตามมาด้วยสายฝนที่ตกลงมา ยิ่งทำให้บรรยากาศอึมครึมเข้าไปอีก ผ่านไปสักพัก สายฝนก็หล่นรินลงมา โชคยังดีที่รถม้าลากที่พวกเขานั่งนั้นมีหลังคาที่ทำจากผ้าคล้ายกับผ้าใบมันช่วยกันน้ำได้อย่างดี
เสียงฝนที่ตกดังอย่างต่อเนื่องทำให้พวกเขาไม่ค่อยได้ยินเสียงด้านนอกมากนัก ได้ยินแต่เสียงรถม้าที่เริ่มแยกทางกันหลังจากเข้ามาแถวแนวป่า เพื่อเป็นการยืนยันความคิด กายจึงโผล่หัวออกไปนอกรถม้าลากเพื่อดู
“เย็นจัง” กายลูบน้ำฝนที่หยดลงบนใบหน้า เขาเอามือป้องตามองดูรถม้าแยกตัวออกไปจริง ดูเหมือนพวกเขาจะไม่ปล่อยนักเรียนลงไปพร้อมกัน แต่ก็ถือว่าปกติ ไม่อย่างนั้นตกคนคงไม่หนีเข้าป่า แต่คงมาสู้ตะลุมบอนกันตั้งแต่เริ่ม ถ้าเป็นเช่นนั้นการทดสอบนี่คงล้มเหลวตั้งแต่ยังไม่เริ่มแล้ว
“มีใครรู้ไหมว่าพวกเรากำลังไปที่ไหน” หนึ่งในนักเรียนที่นั่งในรถม้าถามด้วยความสงสัย แน่นอนว่าคนอื่นก็อยากรู้เหมือนกัน
กายปิดผ้าลงกลับเข้ามาในรถรอฟังเช่นกัน
ทุกคนมองหน้ากันหวังว่าจะมีสักคนที่รู้ ในที่สุดก็มีคนกล่าวขึ้นมา
“คงไม่ไกลจากนครดารามากหรอกมั้ง พวกเจ้าว่าไหม”
คนที่ตอบไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นคนซื่อบื้อประจำรถม้าลาก ทุกคนคิดเหมือนกันว่าพวกเขาคงหวังมากเกินไป
ในตอนนั้นเองหนึ่งในนักเรียนที่แต่งกายด้วยชุดเกราะสีทองวิบวับพูดออกมา “ท่านพ่อข้าได้ข่าวมาว่า สถานที่ทดสอบในปีนี้ของ ปี 1 คือ ป่าเคนารีส”
“ป่าเคนารีส!”
ทุกคนอุทานด้วยความตกใจ แต่ไม่ใช่เพราะพวกเขากลัว แต่กลับเป็นความโล่งใจมากกว่า ส่วนกายนั้นยังนั่งงงอยู่ เพราะเขาไม่เคยได้ยินชื่อป่านี้มาก่อน คงต้องบอกว่าผู้เล่นคนอื่น ๆ ก็ไม่ต่างจากกายเกมราชันสงครามออนไลน์นั้นไม่มีคู่มือในการเล่นต่างจากเกมต่าง ๆ แต่นี่ก็ถือว่าเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งเกมนี้
มันทั้งน่าค้นหาและรอคอยพวกผู้เล่นไปไขความลับอยู่ นี่เป็นคำพูดของคุณเบนนักข่าวประจำช่อง V-W-G ที่กายจดจำมา แม้กายจะชอบคุณไอรินมากกว่า แต่ก็คิดว่าว่าคำพูดคุณเบนนั้นถูกต้อง
ตอนนี้ผู้เล่นสโมสรต่าง ๆ ก็พากันจัดตั้งทีมนักสำรวจกันแล้วเหมือนกัน
กลับมาที่เรื่องป่าเคนารีส กายที่ยังสงสัยอยู่ แต่ก็ต้องขอบคุณนักเรียนซื่อบื้อประจำรถม้าลากที่ถามออกมา
“ป่าเคนารีสคือป่าอะไรเหรอ?”
นักเรียนที่ตอบคำถามตอนแรกก็ให้คำตอบ “ป่าเคนารีส…เป็นป่าที่อยู่ในหลุมขนาดใหญ่กินเนื้อที่ประมาณ 100 ตารางกิโลเมตร ทางตะวันออกของทุ่งหญ้าริกา ห่างจากนครดาราฟ้าไม่มากนักหรอก อย่างที่เจ้าว่านั่นแหละ เดินทางแค่ครึ่งวันก็ถึงแล้ว ตอนนี้พวกเราก็คงถึงป่าเคนารีสนานแล้ว”
“เหลือเชื่อเลยนครดาราฟ้าเรามีป่าที่เหลือเชื่ออยู่ใกล้ ๆ ด้วย สุดยอดมากพวกเจ้าว่าไหม” นักเรียนซื่อบื้อคนเดิมพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น คนอื่น ๆ ต่างมองอย่างเบื่อหน่าย
“ไอ้บ้านี่มันจะพูดเว่อร์ไปไหม” นักเรียนที่นั่งของกายบ่นงึมงำ
แต่กายกลับรู้สึกว่านักเรียนคนนี้แปลกมากเหมือนเขาตั้งในให้ตัวเองดูซื่อบื้อซะมากกว่า กายไม่รู้ว่าความคิดเขาถูกไหม แต่มันเหมือนเขาตั้งใจทำจนรู้สึกน่ารำคาญ
หลังจากนั้นนักเรียนซื่อบื้อคนนั้นก็ชวนนักเรียนที่ใส่เกราะวิบวับคุยไม่หยุด จนกายได้ทราบชื่อทั้งสองคน
นักเรียนซื่อบื้อคนนั้นชื่อว่า เซนซา ส่วนชายที่ใส่เกราะวิบวับเหมือนบ้านรวยชื่อ ลันต้า
ดูเหมือนลันต้าจะเล็งเซนซาไว้ แต่ไม่รู้ใครจะจัดการใครกันแน่ กายยิ้มออกมาขณะมองดูทั้งสองคนใส่หน้ากากเข้าหากัน แต่เซนซาจะเป็นหมาป่าที่ห่มหนังแกะจริงหรือเปล่าหลังจากจบการทดสอบกายก็คงจะรู้
ขณะที่กายคิดอะไรเพลิน ๆ ไปกับเสียงฝนที่ตกหนักอย่างต่อเนื่อง รถม้าก็หยุดดังกึก! สักพักเสียงฝีเท้าทหารวิ่งฝ่าพื้นที่เฉอะแฉะมาทางรถม้าลากที่พวกเขานั่ง ผ้าถูกเปิดขึ้นเผยให้เห็นทหารนายหนึ่ง
แม้ทหารนายนั้นจะเปียกฝนเย็นยะเยือก แต่มันกับไม่สะทกสะท้านทหารนายนี้แม้แต่น้อย
“เอาละทุกคนหยิบพลุสัญญาณในกล่องแล้วเตรียมตัวลงจากรถม้าตามรายชื่อ”
“บอกไว้ก่อนพลุสัญญาณห้ามขโมย! ของใครของมัน! ใครขโมยหรือตั้งใจทำลายพลุสัญญาณของคนอื่นจะถือว่าผิดกฎและโดนตัดสิทธิ์สอบ ซึ่งจะถือว่าสอบตกในทันที”
ทุกคนได้ยินดังนั้นก็หันไปหยิบพลุสัญญาณตามที่บอก กระเป๋าหนังของตัวเองสะพายหลังเตรียมตัว กายจับอาวุธของตัวเองและตรวจสอบของอย่างอื่นด้วย
หลังจากรถวิ่งไปอย่างช้า ๆ รายชื่อนักเรียนก็ถูกเรียกทีละคนก่อนที่คนพวกนั้นจะกระโดดลงจากรถม้าลากและหายไปตามแนวป่า
กระทั่งถึงชื่อของกาย เขากระโดดลงไปจากรถม้าลาก ความเย็นของนำฝนก็ปะทะเข้าที่หน้าทันที
“ไปได้แล้ว เจ้ามีเวลาหนี ก่อนพลุสัญญาณสีฟ้าถูกยิงขึ้นไปห้ามต่อสู้กันเด็ดขาด” ทหารคนนั้นบอกกับกายก่อนที่รถม้าจะวิ่งห่างออกไปเรื่อย ๆ
“มาลุยกัน…” กายวิ่งหายเข้าป่าเคนารีส
ตอนนี้ฝนตกหนักมากจนมองเห็นเส้นทางไม่ชัดเจน หยาดฝนกระทบเกราะเกล็ดทมิฬ แต่มันกลับไม่มีเสียงกระทบกันกับว่าเกราะเกล็ดทมิฬดูดซับเสียงไป นั้นทำให้กายเหมือนหายเข้าไปในสายฝน
…..
ทางด้านอาจารย์ของสถาบันศาสตร์นักรบและหัวหน้าทหารอย่างไซโก้ที่คอยควบคุมภารกิจทดสอบในครั้งนี้ต่างมาประจำอยู่ที่เนินเขาที่มองเห็นป่าเคนารีสทั้งผืน
อาจารย์อิกลินยืนอยู่ภายในเต็นท์ขนาดใหญ่ ส่วนคนอื่น ๆ นั้นอยู่ที่โต๊ะและกำลังเตรียมแผ่นหินบางอย่างอยู่
“ตอนนี้ข้าสั่งให้ทหารในหน่วยกระจายตัวกันออกไปตามจุดรอบ ๆ ป่าทั้ง 10 แห่งแล้ว ดังนั้นไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ท่านจะเริ่มเลยหรือไม่” ไซโก้เดินเข้ามาและบอกกับอาจารย์อิกลิน
ทั้งไซโก้และอิกลินนั้นมีระดับเท่ากัน ถ้าเป็นเวลาปกติสถานะพวกเขาทั้งสองถือว่าอยู่ในระดับเดียวกัน แต่ตอนนี้ไซโก้กำลังปฏิบัติภารกิจที่กองทัพสั่ง ดังนั้นไซโก้ต้องให้เกียรติอาจารย์อิกลินอยู่ส่วนหนึ่ง
แน่นอนว่าถ้าไม่นับเรื่องนี้ไซโก้ก็ยังให้เกียรติอาจารย์อิกลินในฐานะอาจารย์ที่สอนในสถาบันศาสตร์นักรบ
“ลำบากพวกท่านแล้ว เรามาเริ่มกันเถอะ” อาจารย์อิกลินพูดด้วยความขอบคุณ แม้ใบหน้าจะเข้มขึงก็ตาม แต่ยังสัมผัสได้ถึงความจริงใจ
อาจารย์อิกลินหยิบพลุสัญญาณออกมาก่อนจะเดินออกไปนอกเต็นท์ท่ามกลางสายฝนก่อนจะยกพลุสัญญาณขึ้นสูงก่อนจะดึงเส้นด้ายด้านหลังพลุยิงออกไป
พลุยิงออกไปดังปัง! ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าดัง ฟริ้ว!
มันเป็นดวงไฟสีฟ้าส่องสว่างท่ามกลางสายฝนที่ไม่สามารถกลบแสงของพลุลงได้ ดวงไฟสีฟ้าลอยอยู่แบบนั้นเกือบ 10 นาทีก่อนจะระเบิดกลายเป็นละอองดวงดาวหายไปในอากาศ เป็นการบ่งบอกการเริ่มทดสอบแล้ว
อาจารย์อิกลินเดินกลับมาที่โต๊ะเหนือกระดานหินมีจิตวิญญาณไฟดวงน้อย ๆ กำลังลอยอยู่ จากนั้นบนกระดานก็มีกลุ่มลูกไฟสีแดงเล็ก ๆ ปรากฏออกมาทีละดวงจนครบ 1000 ดวงไฟ
ดวงไฟเหล่านี้กำลังเคลื่อนตัวไปบนกระดานหินอย่างช้า ๆ ซึ่งมันคือตำแหน่งของพลุสัญญาณของนักเรียนชั้นปี 1 แต่ละคน
กระดานนี้เรียกว่ากระดานจับตำแหน่งจิตวิญญาณ มันจะจับสัญญาณสะเก็ดไฟจากจิตวิญญาณไฟในระยะที่กำหนด และแน่นอนว่าสะเก็ดไฟจากจิตวิญญาณไฟนั้นถูกใส่ไว้ในพลุสัญญาณที่แต่ละคนถือ
นี่คือมาตรการป้องกันเบื้องต้นในการติดตามตำแหน่งของนักเรียนแต่ละคน
ส่วนราคานั้นไม่ต้องพูดถึงมันมีราคาแพงอย่างยิ่ง แต่ที่มากกว่านั้นคือไม่ใช่ใครก็สามารถครอบครองมันได้ เพราะทางนครดาราฟ้ามีกฎในการควบคุมของแบบนี้อยู่
“ท่านคิดว่าปีนี้นักเรียนของท่านจะผ่านการทดสอบกี่คนกัน” ไซโก้ถามด้วยความสนใจก่อนจะสั่งให้ลูกน้องไปเอาของกินออกมา ทหารหลายคนที่ไม่ได้ทำอะไรพวกเขาแยกย้ายกันไปพักผ่อน เพื่อรอเวลาในการเปลี่ยนเวรกับทหารที่ออกไปเฝ้าตามจุดต่าง ๆ
“เหมือนกับที่อาจารย์ใหญ่แอดดิสันพูด ผ่าน 200 จาก 1000 ก็ถือว่าดีมากแล้ว” อาจารย์อิกลินกล่าว
“ยิ่งมีคนผ่านน้อย ก็แสดงว่านักเรียนแข็งแกร่งมากสินะ” ไซโก้พยักหน้าเหมือนจะเข้าใจความคิดของอาจารย์ใหญ่แอดดิสันมากขึ้นมาอีกนิด
….
ทางด้านของกาย เขาไม่รีบไปไล่ล่าคนอื่นปล่อยให้นักเรียนพวกนั้นลุยกันไปก่อนเลย เพราะเวลาทดสอบมันตั้ง 3 วันสองคืน เขายังมีเวลาอีกมาก
กายเดินไปตามต้นไม้ใหญ่เพื่อหลบฝน ขณะที่มองหาที่พักสำหรับคืนนี้ก่อนไปด้วย เขาไม่อาจจะเดาได้ว่าฝนจะตกไปถึงตอนไหน ถ้าไม่มีที่พักในวันนี้คืนนี้คงต้องนอนกลางฝนซะแล้วและถ้าเป็นแบบนั้นมันคงไม่ใช่เรื่องที่ดี เขาไม่อยากตากฝนจนเป็นไข้สุดท้ายก็ไม่มีแรงและต้องออกจากการทดสอบไป มันคงจ่าอายเป็นอย่างยิ่ง
เขาเดินลึกเข้าไปในป่าประมาณ 2-3 กิโลเมตรก็เจอผาหินที่ยื่นออกมา ใต้ล่างของมันเป็นหินที่ยกตัวสูงขึ้น มีพื้นที่พอให้เขาเข้าไปพักได้อย่างกว้างขวาง
กายไม่รีบเข้าไป แต่มองไปรอบ ๆ อย่างอดทนเมื่อเห็นว่าไม่มีร่องรอยของนักเรียนคนอื่นเขาก็เดินออกมาจากพุ่มไม้ที่ผาหินนั้น
“เป็นผาหิน ไม่มีชั้นดินด้านบน ไม่มีร่องน้ำไหล” กายยิ้มออกมาอย่างพอใจ ถือว่าผาหินนี่เป็นที่พักที่สมบูรณ์แบบ มีคำพูดอยู่ว่าถ้าฝนตกหนักอย่าเข้าใกล้ผา เพราะมันอาจจะมีดินถล่มลงมาได้ ปกติแล้วมันจะเกิดกับผาหรือเดินดินที่เป็นชั้นหินสลับกับดิน แต่ผาที่กายเข้าไปพักนั้นมันเป็นหินทั้งก้อนดังนั้นจึงมีโอกาสน้อยมากที่จะเกิดอุบัติเหตุอย่างดินถล่มอะไรพวกนี้