เกมราชันสงครามออนไลน์ - ตอนที่ 43 รวมตัวที่สนามประลองกลาง
ตอนที่ 43 รวมตัวที่สนามประลองกลาง
แต่พอกายอ่านชื่ออีกครั้งเขาก็เจอเข้ากับสิ่งที่ต่อท้ายชื่อของชุดเกราะ
คำว่า เทียมหมายความว่ายังไง มันคือของเลียนแบบใช่หรือไม่ จากความคิดของเขามันมีโอกาสเป็นไปได้ เพราะระดับของชุดเกราะกลับต่ำเกินไป ต่างจากดาบเดซี่ที่กายสร้างขึ้นตามพิมพ์เขียวดาบที่อยู่ในหนังสือบันทึกช่างโลหะระดับของมันยังถึง ระดับ 5
ถ้าอย่างนั้นปรมาจารย์ช่างโลหะอีไลแอส เรบีอิลก็อาจจะไม่ใช่คนที่เขียนหนังสือบันทึกช่างโลหะขึ้นมา แต่อาจจะรู้บางอย่างเกี่ยวกับบันทึกชิ้นนี้หรือคนที่เขียนหนังสือเล่มนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งซับซ้อน ดังนั้นเขาจึงเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจก่อน
กายหันมาสนใจเรื่องของเกราะเกล็ดทมิฬ มันคล้ายกับเกราะเหล็กดำของกองทัพที่ทหารใช้กันทั่วไป แต่ว่ามันมีความต่างอยู่ เกราะเกล็ดทมิฬมันเหมือนเกล็ดนับพัน ๆ ชิ้นหลอมรวมในชิ้นเดียว
อีกทั้งมันยังมีความพิเศษคือชุดเกราะเกล็ดทมิฬไม่สะท้อนแสงและยังกลืนไปกับความมืดได้เป็นอย่างดี นี่ทำให้มันพิเศษกว่าชุดเกราะอื่น ๆ ในระดับเดียวกัน
แต่แม้สิ่งนี้จะเป็นของเรียนแบบทำให้มันมีระดับที่ต่ำ กายก็ไม่แน่ใจมากนักว่าส่วนไหนของมันไม่สมบูรณ์ถึงมีระดับแค่นี้ แต่ถ้าอยากรู้มีอย่างเดียวคือต้องกลับไปอ่านหนังสือบันทึกช่างโลหะที่ตอนนี้เก็บอยู่ในหน้าอกของเขา เพราะตอนนี้ที่นี่ไม่ปลอดภัย
อันที่จริงกายคิดจะเก็บมันไว้ในห้อง แต่พอคิดดูอีกทีห้องพักระดับต่ำพวกนั้นมันไม่มีอะไรปลอดภัยเลย เขากลัวว่าพวกวิลเลียมอาจจะเข้ามาลือของในห้องพักของเขาตอนที่เขาไม่อยู่
เกราะในโลกราชันไม่เหมือนกับเกราะโบราณแบบที่กายเคยดูในหนังสมัยก่อน อาจจะเพราะโลกราชันมีศิลปะการต่อสู้ และยังมีสิ่งที่เรียกว่าจิตวิญญาณอยู่
ดังนั้นการต่อสู้จึงไม่ขึ้นอยู่กับแค่อาวุธและชุดเกราะ แต่อยู่กับพลังของตัวบุคคลด้วย อย่างเช่นศิลปะการต่อสู้ รูปแบบศาสตราวุธ ฟัน ถ้าเกิดว่าศัตรูใส่ชุดเกราะหนักเต็มตัว แล้วเกิดมีพลังไม่พอในการแบกน้ำหนักของชุดเกราะ ก็อาจจะส่งผลต่อการเคลื่อนไหว ถ้าเกิดโดนศิลปะการต่อสู้ ฟัน ขั้นสูงที่สามารถตัดผ่านชุดเกราะได้ แบบนั้นเกราะหนักมันก็ไร้ประโยชน์
ดังนั้นในระดับนักรบฝึกหัดส่วนใหญ่จะเน้นไปที่ชุดเกราะที่เน้นไปที่ความคล่องตัวเป็นหลัก เช่นเกราะที่มีน้ำหนักเบา เพื่อหลบหลีกการโจมตี
และดูเหมือนเกราะเกล็ดทมิฬที่อยู่ในมือของเขาจะมาได้ถูกจังหวะ
แต่ที่เขาคิดไม่ตกคือ ทำไมถึงไม่มีใครสนใจมัน บางทีอาจจะเพราะคนที่เก็บมันมาคงคิดว่ามันเป็นเกราะระดับต่ำที่พังเสียหาย และพอมาเก็บมันก็ถูกทิ้งเพราะไม่มีใครสนใจมีฝุ่นเกาะหนามาก มันคงถูกเก็บไว้นาน สภาพของมันเก่าเก็บกันเลยทีเดียว
เมื่อหันไปดูราคาที่เขียนอยู่ตรงชั้น ซึ่งระบุว่าของทั้งชั้นนี้แค่ 800 เหรียญทอง
“ถูกมาก”
กายไม่รอช้าเก็บชุดเกราะลงไปในลังไม้ ก่อนจะมองหาฝ่าลังไม้แถวนั้นปิดไว้แน่น เขาไม่อยากจะให้ใครมาเห็น แม้จะไม่มีใครรู้ว่ามันคืออะไรก็ตาม บางครั้งก็ป้องกันไว้ก่อนดีกว่า
คนขายรู้สึกแปลกใจ ที่เห็นว่ากายเลือกจะซื้อของจากชั้นตรงนั้น
“เจ้าแน่ใจใช่ไหมว่าจะซื้อของตรงนั้น”
แม้แต่คนขายก็ยังไม่อยากจะขายกายรู้สึกว่ามันน่าสนใจ “ของตรงที่ชั้นตรงนั้นมีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“ไม่มีปัญหาอะไรหรอก แต่มันคือของเก่าเก็บมากกว่า 30 ปีแล้ว ถ้าเกิดของพังขึ้นมา ของที่ขายแล้วจะไม่รับคืน” คนขายอธิบายให้ฟัง
กายได้ยินก็เข้าใจ แต่เขารู้ว่าสิ่งที่ตัวเองซื้อนั้นไม่พังง่าย ๆ เพราะเวลาแค่ 30 ปีหรอกดังนั้นเขาจึงยิ้มและจ่ายเหรียญทองไป
หลังซื้อเกราะเกล็ดทมิฬแล้ว กายก็หาซื้อกระเป๋าหนังที่ดูทนทานอีกใบเอาไว้ใส่ของตอนที่เดินทาง เพราะเกมราชันสงครามออนไลน์ มันไม่มีของอย่างช่องเก็บของ หรือแหวนมิติ
หลังจากออกจากร้านสุสานชุดเกราะ กายผ่านร้านอาวุธอีกหลายแห่งเพราะแถวนี้เป็นสถานที่รวมพวกร้านขายอาวุธและชุดเกราะ แต่แน่นอนว่าคุณภาพก็ตามราคา ต้องบอกว่านครดาราฟ้านั้นมีร้านขายอาวุธกระจายอยู่ทั่ว สมกับเป็นโลกของนักรบ
กายคิดว่าตัวเองควรจะซื้อพวกธนูไว้เป็นอาวุธโจมตีระยะไกลหรือเปล่า แต่พอคิดดูเขาก็คิดดีกว่า เพราะเขาใช้ไม่เป็น แม้แต่ดาบยังต้องฝึก แล้วทำไมธนูถึงจะไม่ละ
ในระหว่างทางกลับ กายก็วนไปหาซื้อเสื้อผ้าที่ทนทานอีกสองชุดมาไว้สำรอง นอกจากชุดที่ได้มาจากบ้านบนเขาเหล็กเย็นและชุดของสถาบันศาสตร์นักรบ เขาคิดว่าตัวหนึ่งเอาไว้ใส่ตอนไปใต้ชุดเกราะ อีกหนึ่งไว้ใส่ตอนกลับ
อย่างน้อยถ้าสู้กันจนเสื้อผ้าขาดก็จะได้ไม่ต้องเดินแก้ผ้ากลับมาที่สถาบันศาสตร์นักรบ สุดท้ายก่อนกลับก็ซื้อรองเท้าหนังที่เหมาะกับการเดินทางมาอีกหนึ่งคู่ ก่อนจะขึ้นรถม้ากลับไปที่สถาบันศาสตร์นักรบ
ในระหว่างทางเขาก็ผ่านร้านต้นไม้เงิน ทำให้เหลือบไปเห็นอาวุธด้านในหนึ่งในนั้นคือ ขวานคมเดียว อีกด้านเป็นค้อนสีเหล็กด้าน แต่ดูคมสุด ๆ ด้ามจับยาวประมาณเมตรครึ่งทำจากไม้สีดำ แค่มองดูก็รู้ว่ามันถูกสร้างมาสำหรับฟันและทุบเป็นหลัก
กายลังเลสักครู่จะให้คนขับจอดรถม้า
หลังจากกลับถึงสถาบันศาสตร์นักรบก็เกือบจะบ่ายแล้ว กายจึงเลือกจะพักผ่อนในห้องพักแทน ส่วนเรื่องงานที่โรงตีเหล็กไร้เวลานั้นเขาได้รับการยกเว้นจนกว่าจะทดสอบเสร็จ
กายคิดว่าถ้าขึ้นปีสอง เขาก็ไม่ต้องหลอมแท่งเหล็กดิบอีกแล้ว แต่จะได้งานอื่นแทน
อีกเรื่องที่กายอยู่คิดตอนนี้คือ เขาควรจะแสดงความสามารถของช่างโลหะหรือไม่ อาจจะระดับช่างโลหะทั่วไป เพราะไม่อย่างนั้นทางโจเซฟอาจจะไม่สนับสนุนให้เขาเรียนต่อที่สถาบันก็ได้ ควรที่จะมีผลงานไว้บ้าง
…..
เช้ามืดเวลาประมาณ ตี 5 ของวันที่ 30 เดือน 1 ปีดาราที่ 997 ตามเวลาโลกราชัน ซึ่งเป็นวันเริ่มการทดสอบของนักเรียนปี 1
กายจัดการกินขนมปังและชุบที่ซื้อไว้ตอนเย็นของเมื่อวาน เพราะตอนนี้โถงอาหารยังไม่เปิด หลังจากกลืนอาหารในตอนเช้าอย่างยากลำบาก ก่อนกายจะใส่ชุดเกราะเกล็ดดำ มีดาบกระบองเพชรห้อยข้างเอว มีกระเป๋าหนังอยู่ด้านหลัง ซึ่งใส่ของที่จำเป็นไปเท่าที่จะทำได้
“เอาละมาลองดูกัน”
เขาปิดประตูและหน้าต่างจนมิดชิด ก่อนจะออกจากห้องพักตรงไปจุดรวมตัว
ตามที่กายรู้มาสถานที่รวมตัวของนักเรียนปี 1 คือสนามประลองกลางปราสาท ตอนแรกกายคิดว่าตัวเองมาเช้าเกินไปคงต้องมายืนรอคนอื่น ๆ แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่แบบนั้น เพราะนักเรียน ปี 1 เกือบ 700 คนมารวมตัวกันหมดแล้ว
กายมองดูไปรอบ ๆ ดูเหมือนจะยังมีแต่นักเรียนที่มารวมตัวกัน แต่อาจารย์ของสถาบันศาสตร์นักรบยังไม่มา แต่กายคิดว่าพวกเขาน่าจะมากันแล้ว เพียงแต่ยังไม่ปรากฏตัว รอให้นักเรียนมากันครบก่อนค่อยออกมา
“เดวินทางนี้” ในตอนนั้นเองก็มีเสียงของลิลี่ดังขึ้นมาอยู่ไม่ไกล เขาหันไปตามเสียงก็เห็นลิลี่ยืนโบกมือและพยายามจะกระโดดให้สูงที่สุดเพื่อให้กายเห็น ส่วนด้านข้างเธอนั้นเป็นมีอาที่ยืนยิ้มอยู่
กายเดินเข้าไปหาทั้งสอง ลิลี่ดูเหมือนจะแต่งตัวด้วยชุดเกราะเบา ที่มีเกราะอกและหลัง แล้วเน้นไปที่เกราะแขนและขา ที่มือเธอยังใส่ถุงมือไว้ด้วย ซึ่งมันเหมาะกับรูปแบบการต่อสู้ด้านหมัดและลูกเตะของเธอมาก
ส่วนมีอานั้นก็เลือกเกราะที่มีน้ำหนักเบาคล้าย ๆ กับเขา ชุดดูเรียบง่ายแต่สง่างามมันเข้ากับดาบเดซี่ที่เหน็บไว้ข้างเอวเป็นอย่างมาก อีกทั้งผมสีดำราวกับน้ำหมึกของมีอามันตัดกับชุดเกราะที่ใส่นั้นยิ่งทำทุกอย่างดูสมบูรณ์แบบมากขึ้น
นอกจากเรื่องของชุดแล้ว ด้านหลังของทั้งสองยังสะพายกระเป๋าหนังไว้คนละใบที่หลัง และยังมีขวดเหล็กเอาไว้ใส่น้ำกิน แน่นอนว่าของชิ้นนี้มีแจกให้กับนักเรียนทุกคน
แม้ทั้งสองจะแบกของพอ ๆ กับกาย แต่ท่าทางสบาย ๆ ระดับพลังสูงขึ้นก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น ทั้งสองมีระดับนักรบฝึกหัดขั้น 2 ซึ่งมีพลังมากกว่ากายซะอีก
อย่างน้อยก็มากกว่า 2 เท่าล่ะนะ
ทุกคนนั้นเตรียมตัวพร้อมเต็มที่ไม่ต่างกัน ชุดเกราะ อาวุธ กระเป๋าหนังที่ใส่ของจำเป็น กระปุกน้ำข้างเอว และนอกจากนั้นก็คงจะเป็นความตื่นเต้นที่เหมือน ๆ กันอีกอย่าง
กายคิดว่าเมื่อไหร่เขาจะเลือนระดับ แต่มันคงจะอีกไม่นาน เพราะศิลปะการต่อสู้ ทุบของเขามาถึง 50 % แล้ว ซึ่งต้องบอกว่าการฝึกฝน ทุบ ในตอนสร้างดาบนั้นให้ผลที่ดีมาก ๆ
ในตอนที่เขาตรวจสอบค่าสถานะอยู่ พวกอาจารย์ของสถาบันก็มากันแล้ว
คนที่เดินนำมาคนแรกนั้นคือ อาจารย์คาร์เตอร์ คนที่สอนกายเป็นประจำ ส่วนคนต่อมานั้น อาจารย์เฟรา ซึ่งกายเคยเห็นเป็นอาจารย์ที่แจกของให้ตอนที่กายเข้ามาที่สถาบันครั้งแรก อาจารย์สาวอีกคนกายไม่รู้จัก แต่หุ่นของเธอนั้นยังกับนางแบบ
ในตอนนั้นเองมีอาก็พูดขึ้น “นางคือ อาจารย์เอลลิน เก่งในเรื่องธนูและอาวุธปืน แถมยังได้คะแนนนิยมจากเด็กปี 1 ด้วย”
กายรู้สึกสนใจอาจารย์เอลลินพอสมควร ไม่ใช่เพราะเรื่องหุ่นนางแบบของเธอ ไม่สิอันนั้นก็ส่วนหนึ่งแต่ที่สนใจจริง ๆ คงเป็นเรื่องปืน โลกราชันมีปืนด้วย ชักน่าสนใจขึ้นมาใหญ่แล้ว
มีอายืนมองอยู่ด้วยข้างด้วยท่าทางไม่พอใจกายเล็กน้อย แต่ดูเหมือนเด็กหนุ่มจะไม่ได้สังเกต
ลิลี่เห็นแบบนั้นก็แซวขึ้นมาว่า “ดูเหมือนเจ้าจะมีคู่แข่งแล้ว ดูสิอาจารย์เอลลินแยกหน้าหลังได้ชัดเจน แต่แบบเจ้าจะเอาอะไรไปสู้ เอาแบบนี้ไหมแม่ของข้าสอนเทคนิคมัดใจผู้ชายมาอยู่ เดี๋ยวว่าง ๆ ข้าสอนให้เอาไหม”
มีอาได้ยินแบบนั้นก็กล้มหน้ามองตัวเอง ลิลี่ยิ้มออกมาเพราะแกล้งมีอาได้ แต่แล้วมือมีอาก็เขกลงไปที่หัวลิลี่จนเธอต้องเอามือจับตัวและน้ำตาซึมด้วยความเจ็บ
มีอาไม่สนใจเสียงร้องเจ็บ โอ๊ย ๆ เรียกร้องความสนใจของลิลี่ เพราะเธอรู้ว่าแค่นั้นทำอะไรลิลี่ไม่ได้หรอก เธอพูดกับกายต่อ “คนนั้นคืออาจารย์อิกลิน เป็นอาจารย์ที่เข้มงวดมาก ส่วนความสามารถก็ด้านยุทธวิธีทหาร การแกะรอย ขี่ม้า ยิงธนู รวมทั้งดาบ หอกและอื่น ๆ เก่งแทบจะทุกด้าน และเป็นคนควบคุมในครั้งนี้ อาจารย์คนอื่น ๆ เป็นนักรบแท้จริงขั้น 2 แต่อาจารย์อิกลินไปถึงขั้น 3 แล้ว พลังของเขาไม่ธรรมดาเลย”