เกมราชันสงครามออนไลน์ - ตอนที่ 34 ไม่ยึดติดในกรอบ ไร้ขอบเขตในวิถีทาง
ตอนที่ 34 ไม่ยึดติดในกรอบ ไร้ขอบเขตในวิถีทาง
เช้าวันต่อมากายนำเงินทั้งหมดที่มีไปซื้อแร่เหล็กและวัตถุดิบที่ต้องการ หลังจากสั่งของทั้งหมดแล้ว เขาก็กลับมาที่เตาหลอมของตนเอง ด้านหน้าของกายมีกระดาษที่ใช้ในการเขียนแปลนดาบวางอยู่บนโต๊ะด้านข้างด้วย
กายรู้ว่าตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำมากที่สุดในเกมนั้นก็คือการพัฒนาตัวเองให้เร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นยิ่งเวลาผ่านไป ผู้เล่นมืออาชีพหรือพวกที่อยู่ในสโมสรใหญ่ ๆ จะแงหน้าเขาไปอย่างแน่นอน
คนพวกนั้นมีทั้งทรัพยากร กำลังคน เขาเชื่อว่าเพียงไม่นานพวกนั้นจะต้องรวมตัวกันในโลกราชันได้ และเมื่อนั้นสงครามของผู้เล่นในโลกราชันจะเปิดฉากขึ้นจริง ๆ
แม้กายไม่มีกำลังคน แต่เขาสามารถหาทรัพยากรได้จากการเป็นช่างโลหะ โดยเฉพาะเหรียญทอง…
กายรู้ว่าที่ต้องการมากที่สุดตอนนี้คือเงิน เงินในโลกนี้สามารถใช้ได้หลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือการซื้อศิลปะการต่อสู้ กายรับรู้มาแล้วถึงความต่างของคนที่ใช้ศิลปะการต่อได้กับคนที่ไม่มีทักษะอะไรเลย มันเหมือนลูกแกะกับเสือ ที่ถ้าเจอหน้ากันยังไงลูกแกะก็ต้องโดนเสือกิน
ซึ่งถ้าในโลกราชันเขาแข็งแกร่งในแดนสงครามเขาก็แข็งแกร่งเช่นกัน
“ฉันจะทุ่มสุดตัวเพื่อจะหาเงินจากเกมราชันสงครามออนไลน์นี้ให้ได้” เด็กหนุ่มบอกกับตัวเอง เขาตัดสินใจแล้วที่จะเล่นเกมนี้อย่างจริงจัง
กายนั่งอยู่ที่เก้าอี้ เขาปาดเหงื่อบนใบหน้าพร้อมกับรอยยิ้ม บนโต๊ะหน้าของเขามีแปลนดาบอยู่ 4 เล่ม มันคือดาบสี่แบบที่กายออกแบบโดยมีพื้นฐานมาจากดาบเดซี่ แต่แน่นอนว่ามันถูกออกแบบให้เหมาะกับผู้ชายเป็นหลัก ซึ่งต่างจากดาบเดซี่ที่ถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับผู้หญิง
“มาเริ่มกัน”
กายลงมือถลุงแร่เหล็กที่ได้มา เขาใส่ส่วนผสมต่าง ๆ ลงไปตามลำดับหลังจากนั้นก็หล่อมันจนกลายเป็นแท่งเหล็กดิบ จากนั้นก็ลงมือทำให้เหล็กบริสุทธิ์ เขาใช้เวลาทั้งวันก่อนที่จะได้เหล็กตามจำนวนที่ต้องการ และหลอมมันขึ้นเป็นเหล็กกล้า
ก่อนจะขึ้นรูปดาบตามแปลนทั้งสี่เล่มและชุบแข็งด้วยน้ำมันมูลซี…
มีดาบสองเล่มอยู่ในระดับ 3 ส่วนอีกสองเล่มเป็นดาบระดับ 4
‘ด้วยระดับฉันการออกแบบดาบและตีขึ้นมาได้แค่ระดับ 4 เท่านั้น’ กายยิ้มและยอมรับมัน นี่ถือเป็นก้าวเล็ก ๆ ในการสร้างอาวุธของเขาในฐานะช่างโลหะ ซึ่งมันดีกว่าคนอื่น ๆ มาก
เด็กหนุ่มมองดาบอย่างพอใจ ดาบทั้ง 4 มีสีเงินเงาออกสีโลหะมากหน่อย เพราะไม่ได้ทำให้มันบริสุทธิ์มากพอเนื่องจากมันเสียเวลามากเกินไป แต่มันก็ดีกว่าดาบที่อยู่ในระดับเดียวกัน
เขาต้องการขายดาบเพื่อแลกกับเหรียญทอง ดังนั้นจึงต้องการจำนวนที่มาก แม้คุณภาพอาจจะด้อยเล็กน้อยก็ไม่ได้เสียหายอะไรมากนัก เพราะเขาสามารถทดแทนด้วยจำนวนได้
ระดับช่างโลหะของกายถ้าจะให้พูดมันก็ยากอยู่เล็กน้อย ถ้านับตามดาบสามเล่มนี้เขาอยู่ในระดับช่างโลหะทั่วไป แต่ถ้านับจากดาบเดซี่ที่เขาสร้างมาจากแปลนในหนังสือบันทึกช่างโลหะ เขาก็ได้เหยียบเท้าเข้าไปข้างหนึ่งแล้ว
แต่แน่นอนว่ากายยังไม่คิดจะยกยอตนเองเป็นช่างโลหะอย่างแน่นอน…
แต่ที่กายใส่ใจคือ ดาบระดับ 4 เล่มหนึ่ง เขาใช้ศิลปะการต่อสู้ ทุบ ลงไปที่มันหลายครั้งจนมันเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างสามารถผนึกจิตวิญญาณลงไปได้ อันที่จริงกายลองทำกับดาบที่เหลือทั้งสามเล่มแล้วแต่มันล้มเหลว
กายยังคงไปซื้อวัสดุราคาสูงเพื่อมาทำปลอกดาบและด้ามจับ ซึ่งดูสวยงามอย่างมากที่ด้ามจับและใบดาบยังมีสัญลักษณ์ประจำตัวที่ช่างโลหะทุกคนมักจะสลักไว้ในผลงานของตัวเองด้วย
ซึ่งสัญลักษณ์ที่กายเลือกใช้นั้น มันคือ เลข 8 ลงไปด้วย
“แต่ถ้าชี้ดาบไปแนวนอนมันไม่เหมือนเลข 8 แต่จะเหมือน ∞” กายอึ้งไปสักพักเพราะพึ่งคิดได้ แต่เขาก็เก็บดาบลงไปและสูดหายใจเข้าลึก ๆ “มันคือเลข 8 เลขมงคล ถ้าข้าคนที่เป็นผู้สร้างมันขึ้นมาบอกแบบนี้มันก็ต้องเป็นแบบนี้”
เขามองดูดาบทั้ง 4 เล่มด้วยรอยยิ้มที่ดูโง่งม
หลังจากนั้นเขาก็นั่งพักสักเล็กน้อย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นชุดเก่า ๆ ขาด ๆ ราวกับคนพเนจรที่หาได้ในโรงตีเหล็กไร้เวลา ห่อดาบทั้งสามเล่มอย่างดีเดินออกจากสถาบันศาสตร์นักรบ โดยมีดาบระดับ 4 อีกเล่มที่ไม่สามารถบรรจุจิตวิญญาณได้เหน็บอยู่ข้างเอวไปด้วย
ส่วนเหตุผลที่กายไม่เลือกดาบที่บรรจุจิตวิญญาณได้นั้นก็เพราะว่ามันไร้ประโยชน์ ระดับของเขานั้นยังไม่ถึงขั้นที่สามารถใช้อาวุธที่มีจิตวิญญาณได้ อีกอย่างกายก็ยังไม่รู้เรื่องพวกนี้มากนัก เขาไม่ยอมไปหาจิตวิญญาณมาใส่มั่วซั่วในดาบและอาจจะตายเพราะจิตวิญญาณพวกนั้นได้อย่างแน่นอน เพราะถ้ามันไม่อันตรายทุกคนคงใช้ดาบที่มีจิตวิญญาณกันไปหมดแล้ว
และยิ่งชีวิตในเกมราชันเขานั้นมีค่าซะยิ่งกว่าสิ่งใด เขาไม่ยอมเสี่ยงอย่างแน่นอน
กายเดินมายังซอยที่คนไม่พลุ่งพล่านแล้วแล้วก็หยิบหน้ากากเหล็กที่หาได้ทั่วไป ๆ มาใส่และเดินกลื่นเข้าไปในฝูงชนที่จำนวนมากภายในนครดาราฟ้า
ตะวันส่องกลางศีรษะกายก็มาถึงร้านขายดาบร้านเดิม
“ร้านอาวุธต้นไม้เงิน”
กายผลักประตูเดินเข้าไปในร้าน เขาตรงเข้าไปหน้าเคาน์เตอร์ในทันทีพร้อมกับวางดาบลงดัง ปัง! เล่นเอาแอชเชอร์เจ้าของดาบที่นั่งสับประงกอยู่ถึงกับตกใจ
“บัดซบใครวะ” แอชเชอร์อุทานออกมาด้วยความตกใจ เขามองด้วยความโกรธไปที่กาย
“ไอ้บ้านี่เจ้าทำอะไร เข้ามาร้านคนอื่นหัดมีมารยาทได้หรือไม่เล่นซะข้าตกใจจะตายอยู่แล้ว”
“ข้าต้องการจะขายดาบ” กายที่ปลอมตัวอยู่ชี้ไปที่ดาบ
“ดาบ?” แอชเชอร์มองไปที่ผ้าสกปรกที่ห่อดาบทั้งสามเล่มอยู่ เขารีบแกะออกอย่างรวดเร็วแล้วก็ต้องตาโต เพราะปลอกดาบพวกนี้ดูสวยงามเป็นอย่างมาก แต่ที่มากไปกว่านั้นคือมันเท่บัดซบเลย ต่างจากการออกแบบของนครดาราฟ้าเป็นอย่างมาก
“สวยงามและดูดุดัน ในขณะเดียวกันก็รูปแบบที่แปลกตา ด้ามดาบจับใหญ่กว่าปกติแต่ก็จับได้ถนัดมือเป็นอย่างยิง แถมยังช่วยไม่ให้ดาบลื่นหลุดมืออีก” แอชเชอร์วิเคราะห์อย่างรวดเร็ว
พอแอชเชอร์ดึงดาบออกมา เจ้าของร้านก็ยิ่งพอใจเข้าไปอีก เขารีบเปลี่ยนท่าที มองกายที่สวมหน้ากากเหล็กด้วยความเคารพ
“ท่านรออยู่ที่นี่สักครู่ ข้าจะรีบไปตามนักประเมินมา” จากนั้นก็ไปเชิญนักประเมินชราเชสคนเดิม
รอไม่นานนักประเมินเชสก็ออกมาตรวจสอบดาบซึ่งหลังจากนั้นชายชราก็ประเมินดาบทั้งสามเล่มได้อย่างรวดเร็ว
“2 เล่มเป็นระดับ 3 เกือบจัดอยู่ในระดับ 4”
“อีกเล่มเป็นระดับ 4 อย่างแน่นอนสามารถผนึกจิตวิญญาณลงไปได้”
“ท่านจะขายดาบทั้งสามเล่มราคาเท่าไหร่ ร้านของข้ายินดีที่จะซื้อทั้งหมด”
“พวกเจ้าเสนอราคามาได้เลย” กายต้องการดูว่าดาบทั้งสามเล่มนี้เจ้าของร้านจะเสนอราคามาเท่าไหร่
แอชเชอร์คิดสักพักก็กล่าว “สองเล่มที่เป็นดาบระดับสามจะรับซื้อราคา 300 เหรียญทอง ส่วนดาบ ระดับ 4 เล่มนี้ซื้อ 800 เหรียญทอง แต่เพราะมันสามารถบรรจุจิตวิญญาณได้ ดังนั้นราคาจึงเพิ่มเป็นสองเท่า คือ 1600 คิดว่ายังไง”
กายได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าพอใจ ก่อนที่เขาคิดจะขายดาบกายได้ไปศึกษาเรื่องนี้มาพอสมควร ดาบระดับสาม ซื้อขายกันอยู่ที่ 200-300 เหรียญทอง ดาบระดับสี่จะแพงขึ้นมาอีกเพราะเป็นของที่นักรบแท้จริงใช้กันซึ่งจัดเป็นอาวุธพื้นฐานของพวกทหาร ราคาจะอยู่ที่ 400-800 เหรียญทอง
“ราคาเหมาะสมดี แต่…” ถึงกายจะคิดแบบนั้นแต่เขาก็ยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ ซึ่งแน่นอนว่าแอชเชอร์นั้นไม่สามารถเห็นได้ เพราะเขาสวมหน้ากากเหล็กอยู่
กายคิดจะต่ออีกสักหน่อย
“ดาบระดับ 3 ข้าจะขาย 350 เหรียญทองต่อเล่ม ส่วนระดับ 4 เล่มนี้ขายที่ 1800 เหรียญทองว่าไง เจ้าจะซื้อไหม” กายเสนอราคาของตัวเองออกไป ‘ถือซะว่าเป็นค่าดาบที่เจ้าทวงคืนครั้งนั้นก็แล้วกัน’
แอชเชอร์อึ้งกับราคาของชายสวมหน้ากากไปเล็กน้อย
“เออคือ…”
“งั้นช่างมัน” กายไม่เปิดโอกาสให้แอชเชอร์ได้พูด
กายหยิบดาบเตรียมจะไปขายร้านอื่น ๆ เขารู้ว่าดาบของตัวเองพิเศษยังไง อันที่จริงแม้จะประเมินได้ระดับ 3 แต่มันก็เหนือดาบระดับ 3 ทั่ว ๆ ไป
แอชเชอร์ลังเลจึงถามกายว่า “ท่านเป็นคนตีดาบทั้งหมดนี้เองใช่หรือไม่”
“ใช่” กายบอกไปตรง ๆ เขาไม่จำเป็นต้องปิดบัง เพราะตอนนี้เขายังปลอมตัวอยู่ อีกอย่างไม่มีใครกล้าทำร้ายช่างโลหะในนครดาราฟ้า
แอชเชอร์ไม่ลังเลอีกบอก “ตกลง”
และยังกล่าวต่อว่า “ถ้าท่านมีดาบแบบนี้อีกสามารถมาขายให้กับข้าได้เลย ข้ายินดีจะให้ราคาแบบนี้กับท่านอีก”
กายพยักหน้า เขารับเงินมาด้วยท่าทีปรกติ แต่อันที่จริงในใจของเขานั้นตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อมองดูเงินจำนวน 2500 เหรียญทองที่อยู่ในถุงใส่เงินตอนนี้มันอยู่ในมือของเขาแล้ว
‘มันหนักมาก’ 1 พยายามซุกมันไว้ในเสื้อด้วยความระมัดระวัง
“ขอตัว” กายเดินออกจากร้านหายไปในซอยหนึ่งทันที
ทั้งแอชเชอร์และนักประเมินเชสมองดูดาบสามเล่มอย่างพอใจ
“ถือว่าเจ้าฉลาดมาก ดาบสามเล่มนี้แม้จะซื้อมาราคาสูงกว่าราคาปกติ แต่เจ้าคงคิดจะนำมันไปประมูลขายใช่หรือไม่”
“แน่นอน ข้าไม่ได้โง่ แต่ที่มากไปกว่านั้นคือเราอาจจะได้เห็นดาบจากช่างโลหะลึกลับคนนี้อีก”
“อืมนั้นก็จริง ข้ายังไม่เคยเห็นสัญลักษณ์ประจำตัวนี้ของช่างโลหะคนไหนมาก่อน”
“ท่านว่ามันคือ”
“ครั้งหนึ่งข้าเคยไปเจอกับนักเดินทางที่มาจากนครทองคำ พวกนั้นมีหนังสือมากมายข้าเคยได้มาอ่านอยู่เล่มหนึ่งและก็มีสัญลักษณ์แบบนี้เขียนอยู่ ถ้าจำไม่ผิดมันคือสัญลักษณ์อินฟินิตี หรือ อนันต์ ที่มีความหมายว่าไร้ขอบเขต”
“ช่างเป็นสัญลักษณ์ที่ลึกลับอะไรแบบนี้ ไม่ยึดติดในกรอบ ไร้ขอบเขตในวิถีทาง” แอชเชอร์พยักหน้าราวกับเข้าใจในความคิดของช่างโลหะขณะที่สร้างสัญลักษณ์นี้ขึ้นมา
“ข้าจะเก็บดาบทั้งสามเล่มนี้ไว้โชว์ในร้านก่อน รอการประมูลสิ้นใหญ่สิ้นเดือนนี้ค่อยนำมันไปประมูลน่าจะสร้างความฮือฮาได้ไม่น้อย” แอชเชอร์รีบนำดาบไปทั้งที่จัดโชว์ดาบของร้านทันที