เกมราชันสงครามออนไลน์ - ตอนที่ 17 ร้านขายอาวุธต้นไม้เงิน
ตอนที่ 17 ร้านขายอาวุธต้นไม้เงิน
เช้าวันต่อมาในสถาบันศาสตร์นักรบ กายลุกจากเตียงบิดตัวไปมาสองสามครั้งก่อนจะจัดการธุระส่วนตัวและแต่งตัว แต่ไม่ใช่ด้วยชุดของสถาบัน เขาใส่เสื้อผ้านำติดมาจากบ้านบนเขา
เพราะชุดของสถาบันมันหนาและร้อนเมื่อต้องทำงานในโรงตีเหล็กไร้เวลาทั้งวัน แต่ชุดที่เอามามันระบายอากาศได้ดีกว่ามาก
ด้วยวันทั้งวันกายก็ยังต้องทำงานอยู่ในโรงตีเหล็กไร้เวลา แต่วันนี้ดุเหมือนเขาจะทำได้เร็วขึ้นกว่าเล็กน้อย แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการในด้านการตีเหล็กของเขาที่มากขึ้นอย่างชัดเจนและวันนี้ก็เหมือนเมื่อวานกายเดินไปกินอาหารที่โถงอาหารและก็กลับไปพักผ่อน
ซึ่งเมื่อครบกำหนดเวลาในเกมกายก็กลับมาอยู่ยืนอยู่หน้าประตู “โลกราชัน”
“ช่างเป็นสามวันในเกมที่สมจริงมาก ล๊อคเอ้า”
……
กายที่นอนอยู่ในแคปซูลเกมค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา ตอนนี้เป็นเวลาตี 3 ของวันที่ 15 เมษายน ปี 70
หลังจากลุกขึ้นมาเขาก็ไปหาอะไรกินและกลับบ้านซึ่งแน่นอนว่าตอนเข้าเข้าบ้าน เขาต้องค่อย ๆ ย่องเข้าไปเพราะกลัวจะทำเสียงดังจนปลุกลุงกับป้า กายทิ้งตัวลงนอนภายในห้องใต้หลังคา มองผ่านหน้าต่างสกายไลน์
ตอนนี้เขารู้สึกไม่ค่อยดีเพราะการรับรู้เวลาที่ผิดไปจากเกมและโลกจริง
กายยังคงตื่นเช้ามาทำงานด้วยความเหนื่อย ไทเลอร์ถึงกับสั่งเกตว่าช่วงนี้กายดูเพลีย ๆ และมักจะไปที่ร้านเกมบ่อยฝนช่วงสองสามวันที่ผ่านมา
“นายไหวนะ อย่าติดเกมมากไปล่ะเพื่อนไม่งั้นอาจจะส่งผลเสียต่อสุขภาพได้”
“นายเป็นใคร?” กายแกล้งทำเหมือนไม่รู้จักไทเลอร์ เพราะคำพูดนี้เขาควรจะพูดกับไทเลอร์มากกว่า
“บัดซบ” ไทเลอร์รู้ว่ากายย้อนเขาจึงคิดจะเข้ามาล๊อคคอกายสักหน่อย แต่โดนกายใช้ความคล่องตัวหลบและแตะก้นกลับไปทีหนึ่ง ก่อนกายจะเดินเข้าไปทำงานตามปกติ
วันที่ 16 เมษายน ปีที่ 70 เวลา 00:00 น.
กายกลับเข้ามาในเกมตอนนี้เป็นเวลาที่ดวงจันทร์ลอยขึ้นเหนือนครดาราฟ้า แต่ตัวละครของเขายังคงรู้สึกง่วงนอนอยู่ดังนั้นจึงนอนพักผ่อนต่อ
เช้าวันต่อมาภายในเกม กายเดินออกจากโถงอาหารและกำลังจะเดินไปที่ส่วนกลางของสถาบันศาสตร์นักรบ
แต่พอเขาเดินใกล้กับได้ยินเสียงตะโกนด่าทอและการต่อสู้ดังมาออกมาอยู่ไม่ไกลมากนัก
“ไอ้บ้าเอ๊ย ข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้หมด แค่ NPC กาก ๆ กล้ามาไล่ล่านายท่านผู้นี้” เสียงของชายที่มีลักษณะหนวดเคราขึ้นเต็มอยู่ทั่วใบหน้าเหมือนกับโจรไม่ผิดด่าออกมา
พร้อมกับถือขวานฟันกับกลุ่มทหารยาม แต่ยังไม่ถึงนาทีชายคนนั้นก็โดนฆ่าตายจมกองเลือด โดยมีศิษย์สถาบันศาสตร์นักรบยืนมุงสาปแช่งกันอยู่
ฟุ๊บ!
“นั้นมัน” กายมองไปที่แสงไฟที่พุ่งออกจากร่างของชายคนนั้นหายไปในท้องฟ้า ดูเหมือนว่าจะไม่มี NPC คนไหนเห็นมันนอกจากผู้เล่นด้วยกันเอง
“ชายคนนี้คงบ้าไปแล้วที่เข้ามาคิดจะข่มขืนศิษย์หญิงในสถาบันศาสตร์นักรบ”
“ใช่ ข้าได้ยินมาว่าชายคนนี้พึ่งจะฆ่าคนมาด้วย”
“ถุย โจรสวะสมควรตายแล้ว”
ศิษย์ชั้นปีหนึ่งรอบ ๆ ต่างพากันสาปแช่งศพของผู้เล่นคนนั้น กายเดินออกไปเลิกจนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็เตือนตัวเองว่าจะไม่ทำอะไรโง่ ๆ อย่างผู้เล่นคนนั้นแน่นอน นี่เกมพึ่งเปิดตัวไปแค่ไม่กี่วัน แต่กับต้องมาเสีย 1 ชีวิตไปฟรี ๆ แบบนี้
และเขาก็คิดจะเปิดเผยตัวเองว่าเป็นผู้เล่นเด็ดขาด เพราะการถูกเข้าใจผิดว่าเป็น NPC อาจจะนำความได้เปรียบมาให้เขาก็ได้ใครจะไปรู้
กายไปลงทะเบียนเรียนศิลปะการต่อสู้ตามสิทธิ์ฟรี 1 ครั้งของเขาที่อาจารย์สาวสวยคนเดิม ในระหว่างนั้นก็เจอกับมีอาที่มาลงทะเบียนเรียนศิลปะการต่อสู้เช่นกัน
“สวัสดี” กายยิ้มทักทายมีอา
“สวัสดี เจ้ามาเลือกศิลปะการต่อสู้งั้นเหรอ” เธอถามกายกลับ
“ใช่” กายตอบกลับไป ก่อนจะเดินเข้าไปเลือกลงทะเบียน
ศิลปะการต่อสู้ที่กายลงเรียนคือ ฟัน ขั้น 1 และ 2 ที่จัดมาเป็นวิชาเดียวกัน ถ้าเขาต้องการเรียนขั้นสูงกว่านี้ต้องเสียเงิน หรือหาหนังสือศาสตร์ศิลปะการต่อสู้ แต่มันเป็นของที่ถูกควบคุมและแน่นอนว่าไม่มีใครขายราคาถูก
ทันในนั้นหน้าจอของเขาก็เด้งแสดงข้อความว่า
“ฟังการสอนครบ 9 ชั่วโมง เพื่อเริ่มเรียนรู้ [ศิลปะการต่อสู้ ฟัน 0 /2 (0%) ]”
*** 0 คือไร้ขั้น / 2 คือสูงสุดที่ขั้น 2 ***
“ต้องใช้เวลา 3 วันในเกมสินะ เพราะสอนเพียงวันละ 3 ชั่วโมง อย่างนี้ถ้ารวมฝึกด้วยต่อให้ต้องฝึกด้วยจะทันได้ยังไง” กายคิดคำนวณเวลาของตัวเองและที่ว่าทัน หมายถึงแดนสงครามที่จะเปิดในอีก 3 วัน คือวันที่ 19 เมษา ปีที่70
กายลงทะเบียนเสร็จก็เข้าห้องเรียนมีอาจารย์ที่สอนวิชาศิลปะการต่อสู้ ซึ่งไม่ได้มีการแนะนำตัวอะไรมากนัก
กายนั่งฟังอยู่ 3 ชั่วโมง หลังจากฟังจนจบ ข้อความระบบก็เด้งขึ้น
“ฟังการสอนอีก 6 ชั่วโมง เพื่อเริ่มเรียนรู้ [ศิลปะการต่อสู้ ฟัน 0 /2 (0%) ] ”
“เหลืออีก 6 ชั่วโมงสองวัน”
หลังจากนั้นกายก็ไปกินอาหารมื้อกลางวันที่โถงอาหาร ก่อนจะไปที่โรงตีเหล็กไร้เวลา เพราะวันนี้เขาต้องทำเหล็กแท่ง 50 ชิ้นของวันนี้
……
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!
ขณะที่กายตีและทุบเหล็กจนครบจำนวน 50 ชิ้นกว่าจะเสร็จก็เป็นเวลาช่างเย็นแล้ว ก็มีเวลาว่างช่วงเย็น
หลายวันในเกมนี้เขาได้ทำความเข้าใจอย่างหนึ่งนั้นก็คือ ชีวิตในเกมก็คือโลกอีกใบ ในเมื่ออยู่ที่นี่ก็ต้องทำตามกฎ ดังนั้นหลายวันมานี้เขาจึงเลิกบ่นและเล่นตามเกมต่อไป
กายใส่เสื้อที่ถอดไว้เพราะอากาศที่ร้อน ก่อนเดินออกจากสถาบันศาสตร์นักรบเพื่อจะไปซื้อดาบมาลองฝึกก่อน เขาเชื่อว่าแม้จะยังไม่ได้เรียนครบชั่วโมง แต่ถ้าเริ่มฝึกเลยน่าจะดีกว่าปล่อยเวลาให้สูญเปล่า
เขาเดินออกมาจากสถาบันศาสตร์นักรบลัดเลาะไปตามถนนที่ปูด้วยก้อนหินเรียงสลับตัดกันอย่างสวยงาม ตอนนี้เป็นเวลาใกล้ค่ำแล้วตลอดสองข้างทางจึงจุดตะเกียงแก๊สเพื่อให้แสงสว่าง มีผู้คนเดินสวนกันไปมาอยู่ตลอด เพราะถนนที่กายกำลังจะไปถือว่าเป็นย่านการค้าขายอยู่พอสมควร
ตุบ! ตุบ! ตุบ!
เสียงเท้าของเขากระทบกับถนนด้วยจังหวะที่เท่า ๆ กันไม่ช้าไม่เร็วเกินไป ใช้เวลาเพียงไม่นานกายก็มาถึงร้านขายอาวุธเป้าหมายของเขาในครั้งนี้
“ร้านขายอาวุธต้นไม้เงิน” เขาอ่านป้ายหน้าร้านขณะที่จับเสื้อแน่นขึ้นเล็กน้อย เพราะในตอนเย็นอุณหภูมิลดต่ำลงมาก
เอี๊ยด!
เขาผลักประตูร้านเดินเข้าไปภายในมีคนเลือกซื้อของอยู่สองสามคน กับเจ้าของร้านที่นั่งคิดเงินอยู่และพนักงานอีกคนที่ขนของขึ้นชั้นวางขายสินค้า
ร้านขายอาวุธต้นไม้เงินนั้นเป็นอาคารไม้กึ่งปูนสองชั้น รอบด้านมีตู้โชว์สินค้าเรียงรายอยู่จำนวนมาก มีทั้งดาบ โล่ และมีดสั้น ธนู หอก แทบจะอาวุธทุกชนิดที่จะจินตนาการได้ แต่ว่าสิ่งที่มีมากที่สุดนั้นคือดาบ
เพราะดาบถือเป็นราชาของอาวุธและเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากในโลกของนักรบ รองลงมาก็คือ ธนูและมีดสั้นซึ่งมีรูปแบบการใช้ที่หลากหลายต่างกันไป
“ราคาของอาวุธแพงมาก ดาบสั้นทั่วไปราคา 30 เหรียญทองขึ้นไป ดาบยาวทั่วไปอยู่ที่ 50 เหรียญทองขึ้นไป เงินในตัวที่ได้จากโรงเหล็กมี 45 เหรียญทอง หักค่ากินไปก็เหลือแค่ 43 เหรียญทองข้าต้องการดาบยาวแต่ยังขาดตั้ง 7 เหรียญทอง” กายคิดคำนวณเงินอย่างรอบคอบตามภาษาคนจน
ในตอนนั้นเองช่างโลหะทั่วไปคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในร้านลูกค้าส่วนใหญ่ก็เดินเข้าไปทักทายด้วยท่าทีนอบน้อม
แอชเชอร์ เจ้าของร้านขายอาวุธต้นไม้เงินเองก็เดินเข้าไปทักทายเช่นกัน “ท่านช่างโลหะอิกเรคัสเป็นเกียรติมากที่ท่านแวะมาร้านของข้า”
“แอชเชอร์ ท่านก็พูดเกินไปอย่างไรข้าก็ทำธุรกิจกับร้านของท่านอยู่แล้ว ครั้งนี้ดาบและโล่เหล็กที่ข้าสร้างขึ้นมาได้ราคาดีหรือไม่”
“แน่นอน ดาบระดับ 3 ห้าเล่มและโล่เหล็กระดับ 4 หนึ่งชิ้น รวมแล้วได้ราคา 1397 เหรียญ” กล่าวจบเจ้าของร้านแอชเชอร์ก็หยิบถุงที่ใส่เหรียญทองออกมาให้กับช่างโลหะอิกเรคัส
และทั้งสองก็พูดจากันอยู่สักพัก
ในขณะนั้นกายก็แอบเดินไปถามพนักงานบริการ “ข้าขอถามได้ไหม ชายคนนั้นเป็นใคร”
“นั้นคือท่านอิกเรคัส ช่างโลหะทั่วไปที่ว่ากันว่ามีโอกาสเลื่อนเป็นอาจารย์ช่างโลหะมากที่สุด” พนักงานตอบกายด้วยน้ำเสียงปกติไม่ได้มีท่าทางรังเกียจเขาที่แต่งตัวธรรมดาเลยแม้แต่น้อย
“ช่างโลหะทั่วไป อย่างนั้นเขาก็น่าจะสร้างอาวุธระดับ 4 ได้ซึ่งใช้โดยพวกนักรบแท้จริงสินะ” กายนึกถึงข้อมูลที่เรียนรู้มาในไม่กี่วันนี้
ช่างโลหะฝึกหัดก็คือคนแบบกายที่พอจะมีความรู้และสร้างงานโลหะระดับต่ำได้บ้าง
ส่วนช่างโลหะทั่วไปวัดจากอาวุธที่สร้างคือมีตั้งแต่ระดับ 1-4 และอาจารย์ช่างโลหะว่ากันว่าตีอาวุธระดับ 5 ขึ้นไป ซึ่งอาวุธเหล่านี้แต่ละชิ้นก็มีราคาที่สูงมาก แต่กว่าจะไปถึงระดับนั้นก็ต้องใช้ทรัพยากรในการฝึกฝนที่มากตาม
“นี่สินะเขาว่าการลงทุนกับความรู้ไม่มีคำว่าขาดทุนถ้าเราใช้มันเป็น”
แต่แล้วกายก็นึกอะไรขึ้นได้ ในเมื่อ NPC เหล่านี้เคารพช่างโลหะถ้างั้นเขาก็พอจะมีแผนในการได้ดาบมา ‘ในเมื่อเงินไม่พองั้นยืมดาบไปก่อนก็ได้ ฮิ ๆ ๆ’
กายรอจนกระทั่งลูกค้าในร้านเริ่มทยอยกันอาวุธและออกไป จึงเดินไปหาเจ้าของร้านแอชเชอร์
“สวัสดีครับ คุณเป็นเจ้าของร้านใช่ไหม พอดีผมได้คำสั่งจากอาจารย์ช่างโลหะจอห์น คาธาเรีย มาขอยืมดาบในร้านสักเล่มไปเพื่อทำงานทดสอบบางอย่าง” เขาหยิบหนังสือยืนยันตัวของตัวเองออกมาส่งให้กับแอชเชอร์ดู
“เออ…” แอชเชอร์งงงวยกับเรื่องที่เกิดขึ้นแต่เมื่อเปิดดูก็รู้ว่ากายเป็นศิษย์ของสถาบันศาสตร์นักรบ “เจ้าเป็นศิษย์ของสถาบันศาสตร์นักรบเหรอ”
“ใช่แล้ว ไม่เพียงแค่นั้นแต่ข้ายังเป็นช่างโลหะฝึกหัดแห่งโรงตีเหล็กไร้เวลาอีกด้วย” กายตอบออกมาด้วยท่าทางภูมิใจสุด ๆ แม้ในใจเขาจะไม่ได้เป็นแบบที่ปากว่าก็ตาม
‘อาจารย์ช่างโลหะจอห์น คาธาเรียข้าพอใจได้ยินมาบ้าง อีกอย่างสถานะเด็กหนุ่มนี่ก็ของจริง แต่ไม่ยักจะรู้มาก่อนว่าอาจารย์ช่างโลหะจะมาขอยืมดาบไปทำการทดลอง’ แอชเชอร์รู้สึกลังเลจึงลองถามทดสอบดูว่า
“ท่านอาจารย์จอห์นต้องการดาบไปทำอะไร เจ้าพอจะบอกข้าได้ไหม”
“เออ…เรื่องนั้นข้าก็ไม่รู้ปกติเขาก็เมาอยู่บ่อยครั้ง ข้าที่เป็นศิษย์รักจึงต้องออกมาทำธุระแทนท่านอาจารย์จอห์นบ่อยครั้ง ว่าแต่ท่านจะให้ข้ายืมดาบได้หรือยัง” กายไม่รู้จะชักแม่น้ำอะไรอีกจึงรีบจี้ถามทันทีและก็เดินหยิบดาบมา 1 เล่ม
“ถึงช่างโลหะจอห์นจะยืมดาบแต่ก็ยังจ่ายค่าเช่าด้วย ข้าต้องรีบไปแล้วเดียวท่านอาจารย์จอห์นจะว่าเอาได้ ขอตัว” จากนั้นก็วางเงิน 20 เหรียญทองไว้บนโต๊ะและตัวเขาก็รีบออกไปจากร้านทันที
ทิ้งให้แอชเชอร์มองเหรียญทองแบบงง ๆ แต่พอวิ่งตามไปก็ไม่เห็นกายแล้ว แอชเชอร์จึงได้แต่จำใจยอมเชื่อว่าเด็กหนุ่มนั้นมาขอยืมดาบไปให้อาจารย์ช่างโลหะจริง ๆ
แต่แอชเชอร์ก็ยังสงสัยอยู่ดีว่าเป็นเรื่องจริงไหม “ช่างมันเถอะ ถ้าเกิดข้าโดนหลอกก็แค่ไปร้องเรียนกับสถาบันศาสตร์นักรบเอาได้อยู่แล้ว”
แอชเชอร์เชื่อว่าสถาบันศาสตร์นักรบต้องรักษาชื่อเสียงถ้ามีคนมาหลอกลวงเขา