ฮาเร็มวุ่นวายของนายทราเวียร์ - ตอนที่ 9: ตอนที่ 6 กลับมายิ้มได้อีกครั้ง
ตอนที่ 6 กลับมายิ้มได้อีกครั้ง
เหมือนภาพลวงตาไม่มีผิดชายหนุ่มแปลกประหลาดหายลับไปจากสายตาทุกคน ไม่มีตัวตน จับต้องไม่ได้ เต็มเปี่ยมไปด้วยปริศนา สองหนุ่มหันหน้ามองกันด้วยความรู้สึกเหนือความคาดหมาย เพียงเพราะต้องการดูชมเหตุการณ์สารภาพรักดันไปเจอคนน่าหวาดหวั่นหวาดกลัวเข้าให้
ทั้งยังเกือบตายกลายเป็นเศษเนื้อประดับถนนอีก
“…”
“ครั้งต่อไป ฉันจะระวังตัวให้มากกว่านี้”
“ฉันก็เหมือนกัน” สองหนุ่มถอนหายใจเป็นไปได้ครั้งนี้ขอเป็นครั้งเดียวพอ เกิดต้องเจอหน้าคนแบบทราเวียร์หลายต่อหลายครั้งชีวิตสุขสงบเต็มไปด้วยสีสันต์คงต้องบอกลา
ขณะเดียวกันหญิงสาวอกหักก็เริ่มแสดงอาการดีขึ้นตามลำดับ ต้องขอบคุณเหล่าพลเมืองดีทั้งหลายที่ช่วยเหลือไม่ยอมแพ้คอยปลอบประโลมหล่อนไม่ขาดสาย จนกระทั่งอาการของหล่อนกลับมาเกือบปรกติสมบูรณ์
แน่นอนว่ายังหลงเหลือร่องรอยเศร้าโศกให้เห็น
“…” แต่มันก็น้อยมากเมื่อเทียบกับตอนแรก
“ขอบคุณมากค่ะ ขอบคุณจริง ๆ” เธอก้มหัวขอบคุณเหล่าพลเมืองดีที่หยิบยื่นความช่วยเหลือให้ในยามลำบาก
“ไม่เป็นไรครับ คนกันเองทั้งนั้น”
“ใช่ค่ะ ฉันเองก็เคยผ่านแปบเดียวเดี๋ยวก็หาย” หญิงสาวผู้ผ่านประสบการณ์หัวเราะเสียงหวานก่อนกล่าวหยอกล้อไปตามอารมณ์พยายามสร้างบรรยากาศสุขสงบ “แผลใจมันไม่ได้รักษายากเหมือนกับที่เห็นหรอกนะ”
“แผลใจรักษาง่าย เข้าใจพูดนิ”
“ไม่ต้องมาแดกดัน” เว้นว่างไม่ทันไรสองชายหญิงก็เริ่มหันหน้าเข้าหาพร้อมบวกกันตลอดเวลา แน่นอนว่าไม่มีใครคิดห้ามปราบเนื่องจากภาพตรงหน้ามันเกิดขึ้นบ่อยยิ่งกว่าบ่อย
บ่อยจนกลายเป็นภาพปรกติที่เกิดขึ้นได้ทุกวัน เกิดขึ้นได้ทุกนาที ทุกชั่วโมง
“ทะเลาะกันเป็นเด็ก”
“เอาน่า ผมว่าถ้าพวกเขาไม่ทะเลาะกันกลับบ้านไปอาจมีคั่นเนื้อคั่นตัวอยากระบายอารมณ์”
“เห็นฉันเป็นตัวอะไรหะ!” ทั้งสองหันหน้าพร้อมตะโกนด่ากราดใส่เจ้าผู้ชายตัวเหม็นที่กล้าแดกดันใส่ไม่เลือกเวลา แน่นอนว่าเจ้าตัวยิ้มแห้งก่อนถอยหลังไม่คิดสู้ต่อ
ปล่อยให้สถานการณ์วุ่นวายดำเนินต่อไป
“ฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่า” ส่วนใครคนอื่นที่อยู่รอบนอกต่างหัวเราะสนุกสนานชอบใจไม่มีหยุดยั้ง
เธอพึ่งเข้าใจวันนี้เองแหละว่าน้ำใจของผู้คนมีคุณค่ามากมายขนาดไหน หากไม่ได้กลุ่มคนตรงหน้ามอบความช่วยเหลือ มอบความเอาใจใส่ตลอดระยะเวลา
เธอคงพังทลายไม่มีวันย้อนกลับมาเป็นคนปรกติธรรมดาได้อีก
“…” น้ำตาที่แห้งเหือดกลับมาเจิ่งนองอีกครั้ง
“เป็นภาพที่ดีเลยใช่ไหมละ?” เสียงประหลาดดังขึ้นข้างกาย หล่อนมัวแต่จมปรักอยู่กับความรู้สึกแปลกใหม่เลยไม่ทันได้ระมัดระวังตัวหรือเหลือบมองคนข้างกายเจ้าของเสียง
“…ค่ะ” เธอพยักหน้าทั้งน้ำตา
“อย่าทำให้ความพยายามของพวกเขาต้องสูญเปล่า เธอในตอนนี้ไม่ได้อยู่คนเดียวยังมีคนพวกนี้คอยให้กำลังใจอยู่ เพราะฉะนั้นอย่าปล่อยให้เขาเป็นห่วงมากนักล่ะ” กระแสลมอบอุ่นสายหนึ่งไหลเข้ามาในจิตใจ เปิดประตูบานใหม่ขึ้นมาเป็นประตูยอดเยี่ยมปูทางให้หล่อนกลับมายืนหยัดอีกครั้งท่ามกลางความเศร้าโศกนับไม่ถ้วน
กระทั่งคำกล่าวส่งท้ายยังแฝงไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใยขั้นสุด
“เข้าใจไหม?”
“ค่ะ”
“…” สิ้นเสียงตอบรับความรู้สึกอบอุ่นหัวใจก็ถูกถอดถอนหายไปอย่างไร้ร่องรอย หล่อนรีบหันกลับไปมองด้านหลังก็ไม่พบเห็นใครคนอื่นยืนอยู่เลยมีเพียงสายตาผู้คนมากมายแตกต่างหลากหลายอารมณ์
จดจ้องมองฉากชายหญิงวัยกลางคนกำลังทะเลาะหยอกล้อไปสภาพ
“เมื่อกี้ใคร?”
“ระ ร้องไห้อีกแล้ว?!” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากฝูงชน
เมื่อมองกลับไปยังหญิงสาวอกหักก็เห็นน้ำตาสองสายไหลจากดวงตาคู่งาม
“…” รวดเร็วเกินกว่าจะตอบสนองได้ทัน พริบตาเดียวเท่านั้นภาพทะเลาะกันของสองหญิงชายจางหายแปรเปลี่ยนกลายเป็นล้อมวงเข้ามาปลอบประโลมหล่อนอีกครั้ง
กระทั่งชายหญิงที่ทะเลาะกันเมื่อครู่ยังพร้อมใจกล่าวตอบประโลมไม่มีหยุด
“ไม่ร้องสิ ห้ามร้องนะ ยิ้มเข้าไว้ ยิ้ม”
“ใช่ครับ ยิ้มเข้าไว้ พวกเราต้องการรอยยิ้มมากกว่าน้ำตานะ”
“ยิ้มเร็วเข้า ยิ้ม~” พี่สาวผู้ผ่านประสบการณ์มาก่อนรีบเผยรอยยิ้มเป็นแบบอย่างให้หญิงสาวอกหักทำตาม ขอเพียงยิ้มแย้มแจ่มใสโลกหล้าก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขสันต์ช่วงเวลานี้ไม่มีใครต้องการน้ำตาเศร้าโศก
แต่ต้องการรอยยิ้มความสุขสงบช่วยบำรุงชีวิตต่างหาก
ด้วยแรงกายและแรงใจของผู้คนมากมายทำให้หญิงสาวพึ่งพานพบประสบการณ์ขมขื่นกลับมายืนหยัดได้อีกครั้ง หล่อนหลับตาแน่นนิ่งค้างก่อนเผยรอยยิ้มออกมาให้ทุกคนได้พบเห็นได้รู้สึกสบายใจ
แม้ว่าจะไม่หายเต็มสิบส่วนแต่ก็ไม่มีอะไรต้องห่วงอีกต่อไป
…‘ขอบคุณอีกครั้งค่ะ ทุกคน’
“…”
“เยี่ยม!”
“เย้!”
“ในที่สุดก็กลับมายิ้มได้อีกครั้ง พระเจ้าช่วย!”
“…” เห็นผู้อื่นโห่ร้องตะโกนลั่นแข่งกันไม่มีอายใครคนอื่น ทำเอาริ้วแดงเริ่มปรากฏบนพวงแก้มทั้งสองของหญิงสาวอกหัก หล่อนกัดปากตัวเองพลางส่ายหน้าให้กับพลังกายพลังใจกลุ่มตรงหน้าที่มันมากล้นเกินไป
ล้นเกินพอดีก่อนรีบตัดบทไม่ปล่อยให้เกินเลยไปมากกว่านี้
“นี่ นี่น่ะ ไม่ใช่น้ำตาสักหน่อย แค่ฝุ่นเข้าตาเท่านั้น”
“ใช่ ฝุ่นเข้าตาเท่านั้น โตเป็นผู้ใหญ่เขาไม่ร้องไห้กันหรอกนะ”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” ขณะคนกำลังหัวเราะสนุกสนานเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“เป็นผู้ใหญ่ก็ร้องไห้ได้ไม่ใช่เหรอ?” รอยยิ้มพี่สาวแข็งค้างหัวสมองขาวโพลนกะทันหันเมื่อเจอเพื่อนชายแทรกเข้ามาด้วยคำพูดหยาบกระด้างไม่เข้าใจหัวอกผู้หญิงกำลังอ่อนไหว
หล่อนเลยจัดให้หนึ่งชุดคิดด่าให้สำนึก
“หุบปากไปเลย”
“มันเจ็บนะ”
“พูดมาก เก็บปากเดี๋ยวนี้เลย”
“พวกเธอเนี่ยนะ” หญิงชราอ่อนโยนถอนหายใจเหนื่อยหน่ายกับคนพวกนี้ที่ทะเลาะกันไม่ดูสถานการณ์ แม้ว่าตัวจะโตเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้วแต่ก็ยังหลงเหลือร่องรอยความเป็นเด็กไม่มีเปลี่ยนแปลง
ผ้าเช็ดหน้ายื่นให้กับหญิงสาวแสนสวยได้ซับน้ำตา
“ซับน้ำตาเถอะลูก เดี๋ยวไม่สวย”
“ขอบคุณค่ะ”
“เหมือนว่าจะไม่เป็นอะไรแล้วนะ”
“ค่ะ” หญิงสาวอกหักพยักหน้า เมื่อครู่เกือบไปแล้วเหมือนกันเกิดไม่มีคนพวกนี้คอยช่วยเหลือ คอยปลอบประโลมหัวใจที่แตกสลายคงยากจะหวนคืนกลับมาอีกครั้ง แม้ว่าอาจมีโอกาสหวนคืนกลับมาแต่มันก็ต้องอาศัยเวลาที่เนิ่นนาน
ดีไม่ดีชั่วชีวิตนี้หล่อนอาจกลัวเกรงความรักไปเลยก็ได้
“ดีแล้ว หนูต้องเข้มแข็งให้มากนะ”
“ชีวิตนี้ยังมีอะไรอีกเยอะ มันไม่ได้มีแค่ผู้ชายอย่างเดียวหรอก เอาเวลาเสียใจไปทำอย่างอื่นดีกว่า” พี่สาวผู้ผ่านประสบการณ์หันมาให้คำแนะนำอีกครั้ง ขณะมือทั้งสองยังคงวุ่นวายกับชายร่างโตคู่ปรับเก่าก่อน แน่นอนว่าศึกทั้งสองไม่มีท่าทีจบลงง่ายดาย
ในเมื่อเจ้าผู้ชายร่างโตยังปากหมาไม่คิดเลิกรา
“ใช่ ผู้ชายมันหาใหม่ได้เสมอแหละ อย่าไปคิดมาก”
“พูดอะไรแบบนี้เป็นด้วยเหรอ?”
“จำมาจากตอนเธอร้องไห้”
“นิ!”
“เลิกเลย จะทะเลาะกันไปถึงไหน อายคนอื่นเขาบ้างไหมเนี่ย”
“ก็มัน”
“…” แววตาแหลมคมกดให้ทั้งสองนิ่งเงียบไม่กล้าขัดขืน
“เหมือนกับที่ลุงป้าทั้งสองบอกนั่นแหละ” เฒ่าชรายิ้มอ่อนโยน
“…” คล้ายอีกฝ่ายเข้าใจว่าหล่อนกำลังคิดอะไรอยู่ เลยเผยรอยยิ้มอบอุ่นหัวใจให้เป็นของแถม “ผู้ชายหาใหม่ได้เสมอ ไม่จำเป็นต้องไปคิดมากเข้าใจไหม? เธอกับเขาแค่ใจไม่ตรงกัน เดินคนละเส้นทาง ดีเสียอีกรู้ตัวตอนนี้ดีกว่าถล้ำลึกลงไปกว่าเดิม เกิดไปถึงจุดยากจะถอนตัวกลับ สภาพของเธอคงไม่พ้นตายทั้งเป็น ตายเสียดีกว่าอยู่”
แววตาเฒ่าชราภาพผู้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือดำมืดรวดเร็วแปรเปลี่ยนอารมณ์ชนิดที่ว่าพลิกฟ้าดิน หญิงสาวอกหักเหม่อลอยไปชั่วขณะก่อนเผยรอยยิ้มแปลกประหลาดให้กับคำพูดของอิสตรีเบื้องหน้า
“ฟังดูน่ากลัวยังไงก็ไม่รู้”
“…ยายล้อเล่นน่ะ อย่าไปคิดมาก” เฒ่าชราพยายามเปลี่ยนเรื่องไม่คิดเข้าประเด็นเดิมอีกครั้ง ไม่ใช่เพียงตัวของหญิงสาวผู้อกหักกระทั่งเหล่าเพื่อนฟูงคนค้าขายร่วมกันยังเงียบปาก
ไม่คิดเข้าแทรกแซง
“ใช่ บนโลกใบนี้ยังมีอะไรหลายสิ่งอย่างให้คิด ให้ไปค้นหา มันไม่ได้มีเพียงความรักอย่างเดียว เชื่อฉันเถอะเอาเวลาที่เธอมานั่งร้องไห้ มานั่งเสียใจสู้เปลี่ยนแปลงตัวเองทำให้ตัวเองกลายเป็นยอดหญิงสาวงาม” รอยยิ้มพี่ชายคนหนึ่งฉีกยิ้มกว้างเริ่มแนะนำแนวคิดแปลกประหลาดให้สาวอกหักฟัง “เมื่อเธอทำได้สำเร็จหากต้องการให้ผู้ชายคนไหนอยู่ใต้กระโปรงก็ง่ายดายเหมือนกับกระดิกนิ้ว”
“นายไปแนะนำอะไรให้น้องเขาเนี่ย?”
“นิดหน่อยเอง”
“นิดหน่อยก็ไม่ได้!”
“…ฮ่าฮ่าฮ่า” สาวอกหักยิ้มหัวเราะครั้งแรกหลังจากนั่งร้องไห้มาหลายต่อหลายนาที เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะไม่มีใครต่อว่ามีเพียงลมหายใจถอดถอนออกโล่งอกราวกับยกของบางสิ่งอย่างในจิตใจขจัดมันหายไปไม่มีหลงเหลือ
หากหล่อนไม่เลือกหัวเราะเสียงหวานพวกเขาคงปวดหัวหนักหน่วงกว่านี้เป็นแน่
“…”
“โล่งอก”
“…คือได้เวลาทำงานของหนูแล้วด้วย” สายตาดันเหลือบมองไปยังนาฬิกาตรงข้อมือ หล่อนใช้เวลาไปหลายสิบนาทีโดยเปล่าประโยชน์ไปกับการร้องไห้เสียใจ ถึงเวลาต้องกลับไปทำงาน ทำหน้าที่ของตัวเองตามงานการที่ได้รับมอบหมาย รอยยิ้มอ่อนปรากฏขึ้นบนใบหน้าผู้พบเห็น
ก่อนบอกกล่าวให้หล่อนก้าวเดินหน้าต่อไปไม่จำเป็นต้องจมปรักอยู่กับที่
“ไปเถอะ”
“ขอบคุณสำหรับทุกอย่างค่ะ”
“ครั้งหน้าถ้าจะร้องไห้ กลับไปร้องที่้ห้องนะ แต่ถ้าอยากได้ใครเป็นเพื่อนคอยซับน้ำตาก็บอกมาได้เลย”
“ค่ะ” หญิงสาวผู้อกหักไม่อาจพบรักสูดลมหายใจเข้าลึกก้มหัวขอบคุณเหล่าผู้มีเมตตามากมาย ก่อนจากไปพร้อมกับช่อดอกไม้ในมือใบหน้าปราศจากร่องรอยเศร้าโศกต้องการจบชีวิตดับลมหายใจ มีเพียงความรู้สึกเศร้าหมองหลงเหลือนิดหน่อยพอทานทนได้
เหล่าผู้ใจดีทั้งหลายยิ้มสุขหัวใจเมื่อได้ช่วยเหลือใครคนหนึ่งเอาไว้
“ไปซะแล้ว”
“คนหนุ่มสาวมักมีเรื่องให้คิดเยอะแยะเต็มไปหมด”
“ทำตัวเป็นคนแก่ไปได้”
“หึ ว่าฉันแก่ไม่ดูหนังหน้าตัวเอง”
“อะไรนะ”
“จะเอาเหรอ?”
“กลับไปทำงานของตัวเองได้แล้ว” เฒ่าชราอายุเยอะสุดเข้ามาห้ามปรามไม่ปล่อยให้สถานการณ์วุ่นวาย
“…รอยยิ้มยังไงก็ดีกว่าคราบน้ำตาละนะ” ทราเวียร์ยิ้มหัวเราะเบาบาง โลกหล้าไม่ได้มีคนเลวร้ายเยอะแยะเต็มไปหมด ไม่ได้มีเศษสวะสังคมเดินป้วนเปี้ยนเต็มท้องถนนยังหลงเหลือคนดีคอยช่วยเหลือปลอบประโลมไม่ปล่อยให้โลกหล้ากลายเป็นถังขยะใบใหญ่แปดเปื้อนไปด้วยสิ่งเสื่อมโสม ขอเพียงคนพวกนี้ยังอยู่สังคมก็ยังคงเป็นสังคมคนปรกติไม่อาจมีสิ่งใดมาสั่นคลอน