ฮาเร็มวุ่นวายของนายทราเวียร์ - ตอนที่ 7: ตอนที่ 4 ทดสอบด้วยกำปั้น กวี
ตอนที่ 4 ทดสอบด้วยกำปั้น
“ตอนนี้เธอไม่ได้ต้องการอะไรไปมากกว่าระบายความรู้สึกทั้งหมดออกมา หลังจากระบายทั้งหมดเรียบร้อยเธอจะเข้าใจเองว่าเส้นทางชีวิตต่อจากนี้จะต้องเดินไปทางไหน?” ชายหนุ่มสวมแว่นคือทราเวียร์ ผู้ซึ่งไม่รู้ว่ามาอยู่ด้านหลังทั้งสองหนุ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ มาเงียบงันไม่เปิดเผยร่องรอย ไม่อาจสัมผัสอะไรได้เลยเหมือนกับว่าโผล่มาจากความว่างเปล่าไร้ซึ่งตัวตนให้ค้นหาเป็นเหมือนเงาตามตัวตามติดตลอดเวลา
สองหนุ่มสีหน้าแปรเปลี่ยนโดยเฉพาะกับชายหนุ่มนักเรียนชาญฉลาด
…‘ตั้งแต่เมื่อไหร่? โดนเข้าข้างหลังง่ายดายแบบนี้เลยเหรอ? ผู้ชายคนนี้เป็นใคร?’
“…” อารมณ์ทั้งหมดกำลังจดจ้องมองหญิงสาวร้องไห้ไม่ขาดสาย ถูกดึงกระชากกลับเข้าสู่ร่างกายขนทั่วทั้งตัวลุกตั้งหนาวสั่นไปถึงขั้วกระบาล แววตาเบิกกว้างแข็งค้างก่อนเผยรอยยิ้มแห้งกลับไปในที่สุด
ทั้งน้ำเสียงยังสั่นเครือหวาดหวั่นอยู่หลายส่วน
“พี่ชาย พี่เข้ามาด้านหลังผมตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“นานอยู่หลายนาที”
“…” ยืนอยู่ฟังพวกเขาคุยกันอยู่หลายนาที โดยที่พวกเขาไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำเนี่ยนะ ออกจะผิดแปลกเกินไปแล้วสองหนุ่มกำหมัดตัวเองแน่นเริ่มขยับถอยหลังไปนิดหน่อย
แน่นอนว่าอีกฝ่ายก็ไม่ใช่คนใจร้ายบุกไล่ต้อนให้จนมุมบีบบังคับให้จำยอม
“เอาน่าไม่เห็นต้องเคร่งเครียดขนาดนั้นเลย”
“ฉันแค่เดินเล่นไปตามอารมณ์เท่านั้น พอเห็นว่าเป็นเรื่องน่าสนใจเลยเข้ามาพูดคุยด้วย” ทราเวียร์ยิ้มอ่อนโยนถามกลับ“รบกวนรึเปล่า ถ้ารบกวนพี่พร้อมเดินจากไปไม่รบกวนเวลาของทั้งสองแน่นอน”
“ไม่ครับ ไม่เลยแม้แต่นิดเดียว” สองหนุ่มเผลอปล่อยให้ร่างกายขยับไปตามสัญชาตญาณส่ายหน้าตอบรับคำถามทราเวียร์ บีบบังคับร่างกายไม่ได้ทำได้เพียงปล่อยผ่านอย่างเดียว นี่มันช่างเป็นอะไรที่น่าสยดสยองเหลือเกิน
เหงื่อใสไหลอาบตามใบหน้าทั้งสอง
…‘เกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของฉันวะเนี่ย’
“…”
“เหรอ นึกว่ารบกวนซะอีก ค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อย” ทราเวียร์วางมือทาบหน้าอกตัวเองพร้อมถอนหายใจโล่งอกคล้ายคนแก่รบกวนคนหนุ่มสาวขณะกำลังนั่งอ่านหนังสือใต้ต้นไม้
รอยยิ้มยากจะมองเห็นเจตนาแท้จริงช่างก่อกวนผู้พบเห็นเป็นที่สุด
“…คุณเป็นใครกันแน่?” ชายร่างโตเดินเข้าไปหาพร้อมกล่าวท่วงท่ากล้าหาญเตรียมท้าชน เพื่อนชาญฉลาดเพียงหรี่ตามองไม่คิดยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ แต่มือเอื้อมไปด้านหลังเรียบร้อย
เกิดมีอะไรผิดพลาดแม้น้อยนิดก็พร้อมทำอะไรที่มันสุดโต้ง
“…” ไร้ซึ่งคำตอบกลับมา
มีเพียงรอยยิ้มเท่านั้นที่เป็นคำตอบ
…‘ไม่ใช่คนปรกติธรรมดาแน่นอน’
“…” เห็นชายหนุ่มสวมแว่นไม่คิดเปิดเผยตัวตน แผนการทั้งหมดต้องปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสถานการณ์อารมณ์แปรปรวนในตอนแรกกลับมาสงบนิ่งเสมือนแม่น้ำไหลผ่านไปตามอารมณ์ นิ่งแต่ไหลลึกมากไปด้วยอันตราย
เขาเริ่มประเมินสถานการณ์ใหม่ทั้งหมด
…[กันกดดันเพิ่มอีกหน่อย]
“…” เสียงไหลผ่านกระแสแปลกประหลาดเข้าสู่หัวสมองเพื่อนร่วมชั้นโดยตรง ชายร่างโตหรือว่า “กัน” เหลือบมองชายชาญฉลาดเล็กน้อยเป็นสัญญาณต้องการคำยืนยันคำพูดอีกฝ่าย
…[นายต้องการให้ฉันเล่นบทโหด?]
“…” ชายชาญฉลาดครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนพยักหน้ายืนยัน แต่คิดเพิ่มแรงกดดันมีหลากหลายวิธีการ หลากหลายกระบวนท่าตรงจุดนี้ต้องระมัดระวังให้มากเกิดเคลื่อนไหลผิดพลาด
โอกาสโดนเล่นงานกลับโดนพลิกกลับจนหน้าหงายย่อมต้องสูงเสียดฟ้า เพราะฉะนั้นคิดลงมือทำอะไรสมควรตั้งกรอบปฏิบัติงานให้ชัดเจน จำกัดวงความเสียหายให้น้อยเท่าที่จะน้อยได้ ไม่สมควรทำให้มันใหญ่โตเกินไป
เขากลัวอีกฝ่ายเพื่อนสมองกล้ามจะไม่เข้าใจจุดประสงค์
…[ห้ามลงมือเด็ดขาด ฉันอยากรู้ว่าเขาเป็นเพียงคนปรกติธรรมดาหรือว่าเป็นแบบเดียวกับพวกเรา]
“…” เลยต้องย้ำเตือนกันอีกหน่อย
…[ได้]
“…” ปากบอกยืนยันว่าจะไม่สร้างปัญหาแต่หัวสมองกลับคิดไปในทิศทางตรงกันข้าม
ด้วยหัวสมองเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อไม่มีเล่ห์เหลี่ยม ไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผลกระทบที่จะตามมาหลังจากนั้นเพราะมันไม่มีอยู่ในหัวสมองของเจ้ากันเลยแม้แต่น้อย ตัวเขานิยมชมชอบใช้วิธีการเรียบง่ายแต่ทรงประสิทธิภาพ อาศัยกำปั้น อาศัยกำลังแถตรงเป็นที่สุดในการพิสูจน์สมมติฐาน
ใช้กำลังประหัตประหารหวังคาดเดาต้นตออีกฝาย
…‘ตาย!’
“…” กำปั้นกำแน่นจนเกิดเสียงบดกันของกระดูก รอยยิ้มโหดเหี้ยมปรากฏขึ้นเตรียมพร้อมละเลงเลือด ซึ่งยังไม่ทันได้ส่งกำหมัดปั้นทรงพลังใส่หน้าอีกฝ่ายก็โดนคลื่นเสียงเข้าแทรกแซงความคิดของเพื่อนชาญฉลาดเข้าให้
ไม่ใช่แค่แทรกแซงระดับปรกติธรรมดา
…[คิดทำบ้าอะไรวะหะ!]
“อ๊ากกก” อาการปวดหัวกะทันหันบีบบังคับหนักหน่วงให้ชายหนุ่มร่างโตต้องหยุดยั้งการกระทำทุกสิ่งอย่าง เพื่อนชายชาญฉลาดที่เห็นเพื่อนตัวเองกำลังทุกข์ทรมานนอกจากไม่สงสาร
ยังคิดเพิ่มพลังแทรกแซงหนักหน่วงหนักแน่นเข้าไปอีก
…[ทะ ทำบ้าอะไรของนาย]
“…”
“ห้าม”
“ทำไม?”
“ใช้หัวสมองคิดเองสิวะ” ต้นสายปลายทางอีกฝ่ายยังไม่ทันได้เปิดเผยให้เห็น ยังไม่ทันได้รู้เลยว่าเป็นศัตรูคู่แค้นหรือว่าเป็นมิตรสหาย ด้วยสภาพสับสนวุ่นวายสถานการณ์อ่อนไหวง่ายต่อการโอนเอียง ไอ้โง่นี่เลือกไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดีอาศัยกำลังเข้าว่าทั้งยังแสดงท่วงท่าเป็นศัตรูไม่มีกักเก็บ
มันอยากให้เขาโกรธจนตายใช่ไหมถึงได้ลงมือกระทำทั้งที่ห้ามครั้งแล้วครั้งเล่า
“…” ประกายแสงเล็กน้อยพุ่งเข้าหน้าผากชายกล้ามโต
เป็นเวลาเดียวกับที่ดวงตาชายชาญฉลาดเบิกกว้าง
“หยุด!” รวดเร็วเกินตอบสนองพลังแปลกประหลาดเข้าแทรกแซง ทั้งยังเป็นพลังแทรกแซงหนักหน่วงยิ่งกว่าเข้าปลดล็อคทุกสิ่งอย่าง ปลดปล่อยให้เพื่อนชายสมองกล้ามเป็นอิสระ
เมื่อเสือหลุดจากกรงด้วยอารมณ์เดือดดาลมันเลยพร้อมหันเข้าใส่ทุกคนที่เห็นหน้า
“ตาย!” ในกรณีของเจ้ากัน ผู้คนที่อยู่ในสายตามันในตอนนี้มีเพียงคนเดียว
นั้นก็คือทราเวียร์
“…” หมัดทรงพลังบิดเบือนอากาศโดยรอบ คลื่นพลังกำลังแพร่ขยับขยายรวดเร็วจนยากจะหักห้ามเอาไว้ได้ทันท่วงทีด้วยพลังทำลายล้างของหมัดหนักดังกล่าวมันพร้อมบดขยี้ร่างกายชายสูงเต็มวัย
ให้กลายเป็นร่างไร้กระดูกได้ในพริบตา
“อย่า!” เพื่อนชายชาญฉลาดคิดห้าม
หมับ!
“!!!” แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา ไม่มีคลื่นลมกระชากรุนแรงปัดเป่าทุกสิ่งอย่างเบื้องหน้าให้กระเด็นไปคนละทิศคนละทาง มีเพียงสัมผัสลมอ่อนโยนเท่านั้นที่ก่อเกิดขึ้น
นอกจากสายลมอ่อนโยนก็ไม่มีใครรับรู้หรือว่ารู้สึกถึงการลงมือหนักหน่วงเอาตายของเจ้ากัน
“…” ทุกสิ่งอย่างล้วนหยุดอยู่ในฝ่ามือทราเวียร์
ไม่อาจขยับไปไหนได้อีกตลอดกาล
“ขะ ขยับไม่ได้”
“…” สายตาทราเวียร์เหลือบมองมาที่เจ้ากัน สายตาทรงอำนาจมากไปด้วยพลังทำลายล้าง สะกดให้ทุกคนที่ตกอยู่ในสายตาต้องจำยอมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่อาจขัดขืน ไม่อาจฝ่าฝืนปณิธานของอีกฝ่าย กล่าวคือขอเพียงกวาดสายตามองเล็กน้อย เพียงแค่ได้สบตาก็สามารถทะลุเกราะปกป้องทุกสิ่งอย่างพุ่งเข้าชำแหละร่างกาย
เปิดเผยทุกอย่างไม่มีกักเก็บกระทั่งสองหนุ่มยังเกิดภาพลวงตา
“…” ภาพดวงตาทั้งสองเริ่มขยับขยายจนมีขนาดเทียบเท่าดวงดาว กดขี่ข่มเหงขั้นสุดกระทั่งคนหนุ่มทั้งสองมีใจหาญกล้าท้าทายทุกสิ่งอย่างไม่หวาดหวั่นหวาดกลัวความตาย
ยังขาสั่นเทาปากซีดดวงตาขาวโพลน
“มะ ไม่!”
ภาพไหลย้อนหวนคืนทุกสรรพสิ่งสรรพชีวิตหวนคืนกลับมาจุดเดิมอีกครั้ง สองหนุ่มที่ถูกกระชากหายไปในภาพลวงตากลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง พร้อมเกิดรู้สึกคลื่นไส้กะทันหันจนอยากอ้วกเอาของเหลวด้านในออกคืนสู่ด้านนอก
ยังไม่ทันได้ปรับตัวเสียงเดิมก็ดังขึ้นอีกครั้งสุ้มเสียงเดิมที่พวกตนคิดลองดีด้วย
“เรี่ยวแรงดี แต่ใช้กำลังแก้ไขปัญหาไม่ใช่วิธีการที่ฉลาด”
“ขอโทษครับ ขอโทษแทนหมอนี้ด้วย”
“…”
“เป็นคนหนุ่มมากไปด้วยศักยภาพ” ทราเวียร์ยิ้มเล็กน้อยไม่คิดเอาความให้เหนื่อยเปล่า แค่สั่งสอนนิดหน่อยให้รับรู้ว่าท้องฟ้าช่างกว้างไกลอย่าได้คิดลองดีเด็ดขาด แน่นอนว่าชายชาญฉลาดรู้ขีดกำจัดของตัวเองดี
จึงพยายามร้องขอโทษขอให้ชายหนุ่มสวมแว่นอภัย
“…” หวังไม่เอาความหลังจากเสียมารยาทคิดทดสอบอีกฝ่าย
“เอาเถอะ” ชายหนุ่มสวมแว่นยิ้มโบกมือ “เห็นแก่ศักยภาพของพวกนาย เห็นแก่เพื่อนร่วมโลก ให้มันจบเท่านี้เถอะอย่าให้มันเกินเลย”
ตุบ!
“…เจ็บนะโว้ย!” เจ้ากันสะดุ้งเมื่อโดนทุบตีเรียกสติ ยังไม่ทันได้เข้าใจสถานการณ์ก็โดนกดหัวลงต่ำด้วยน้ำมือของเพื่อนชาย เพื่อนสนิทเพียงไม่กี่คน นอกจากกดหัวให้จำยอมยังบีบบังคับให้ขอโทษอีก
ตอนแรกมันก็งุนงงไม่เข้าใจเหมือนกันแต่พอมองเห็นทราเวียร์
“…” มองเห็นดวงตาดำมืดน่ายำเกรง
“มัวรออะไรอยู่ แกอยากตายกลายเป็นศพให้หนอนมันแทะเล่นรึยังไง รีบขอโทษเขาเร็วเข้าสิ”
“ขะ ขอโทษครับ” เจ้ากันยิ้มแห้งรีบขอโทษต่อเนื่องทันที