ฮาเร็มวุ่นวายของนายทราเวียร์ - ตอนที่ 6: ตอนที่ 3 อกหัก
ตอนที่ 3 อกหัก
หากอีกฝ่ายเลือกปฏิเสธก่อนเดินจากไปไม่คิดพูดจาอีกเป็นครั้งที่สองมันก็คงดีกว่านี้เยอะ นี่นอกจากไม่จากไปทันทียังพูดคุยเปิดแผลสดพร้อมละเลงด้วยเกลือทรมานทรกรรมหญิงสาวอย่างโหดเหี้ยม
ดูท่าหลังจากวันนี้เป็นต้นไปความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคงต้องขาดสะบัดไม่มีวันต่อคืนได้อีกตลอดกาล
“ผู้ชายภาษาอะไรวะเนี่ย!”
“หงุดหงิดวะ”
“หยุดเลยนะโว้ย อย่าได้เข้าไปยุ่งวุ่นวาย!” เริ่มมีคนอดทนอดกลั้นเอาไว้ไม่อยู่คิดยื่นมือเข้าแทรกสถานการณ์ ลองได้ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือคงไม่พ้นต้องหันไปใช้กำลังเข้าคลี่คลายมากกว่าคำพูดและเหตุผล
เพราะฉะนั้นต้องหักห้ามเอาไว้ก่อนมันจะบานปลายไปกันใหญ่
“เกิดพวกแกเข้าไปยุ่งวุ่นวาย มีแต่จะสร้างปัญหาเพราะฉะนั้นอยู่ให้เงียบอย่าได้ทำอะไรเด็ดขาด”
“ใช่”
“ไม่ได้! ฉันไม่ยอม! มันกล้าทำกับเธอแบบนั้นได้ยังไง เกิดมาท้องพ่อท้องแม่ไม่เคยพบเห็น ปล่อยนะ!”
ต้องใช้กำลังคนอยู่พอสมควรกว่าจะกลับมาควบคุมสถานการณ์ได้อีกครั้ง แต่มันก็เป็นเพียงชั่วคราวหากชายหนุ่มหล่อเกิดทำร้ายทำลายจิตใจหญิงสาวทิ้งร่องรอยบาดแผลโหดเหี้ยม เกรงว่าเหล่าผู้รักความถูกต้องทั้งหลายคงไม่อาจอดทนอดกลั้นเอาไว้ได้อีกต่อไปและผลของการอดทนอดกลั้นเอาไว้ไม่ได้
เบาสุดดุด่าว่ากล่าวไปตามอารมณ์ หนักสุดก็นอนโรงพยาบาลหยอดข้าวต้มนานนับเดือน
…‘โหดร้าย ทำไมนายต้องโหดร้ายกับฉันแบบนี้ด้วย’
“…” หญิงสาวนิ่งเงียบไม่คิดพูดจา
“…นิ” มือพยายามยื่นเข้าไปปลอบประโลมหัวใจอีกฝ่าย
แต่ก็หดกลับมายับยั้งตัวเองเอาไว้ได้เสียก่อน เขารู้ว่าตอนนี้เขาไม่มีสิทธิ์เข้าไปปลอบประโลมหัวใจหล่อนอีกแล้วยิ่งหลังจากทำร้ายจิตใจโหดเหี้ยมไม่มีปราณียิ่งไม่มีสิทธิ์เข้าไปใหญ่
ในฐานะคนเคยรู้จักกันมานานมีเหรอว่าจะไม่รู้ว่าหล่อนกำลังรู้สึกยังไง แต่บางสิ่งอย่างหากไม่ทำให้จบเด็ดขาดมีแต่จะยืดยาวทำให้เจ็บปวดยาวนานมากขึ้นเท่านั้น เพราะฉะนั้นหากต้องตัดขาดก็ต้องตัดให้เด็ดขาดมากไปด้วยความโหดเหี้ยมไร้ซึ่งปราณีเมตตา
ชายกำหมัดตัวเองร้องเรียกสติตัวเองกลับมา
“ขอโทษที่ทำให้คุณต้องรู้สึกแย่กับคำพูดของผม แต่ผมไม่อยากโกหกคุณ ไม่อยากทำร้ายคุณไปมากกว่านี้”
“ผมรู้ว่าหลังจากวันนี้เป็นต้นไป ทุกสิ่งอย่างคงไม่มีทางหวนคืนกลับมาอีกครั้ง รู้อีกด้วยว่าคุณจะต้องทุกข์ทรมานกับความเห็นแก่ตัวของผม แต่ผมก็ยังคงยืนยันคำเดิม ยันยันว่าต้องการเลือกเส้นทางนี้ให้ได้ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม” มันคือคำกล่าวอำลาไม่คิดพบเจอหน้ากันอีกเป็นครั้งที่สองชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนกล่าวจริงจังหนักหน่วงหนักแน่น “หวังว่าหลังจากนี้คุณจะพบใครคนอื่นที่ดีกว่าผม”
“คนที่ไม่เห็นแก่ตัวเหมือนผม”
“คนที่พร้อมดูแลคุณ”
“…” ถึงกระนั้นหญิงสาวก็ยังคงนิ่งเงียบไร้การตอบสนองบางทีหล่อนอาจจมปรักอยู่กับห้วงความคิดตัวเองนานเกินไป นานจนไม่อาจรับรู้เลยว่าแสงสว่างในชีวิตดวงหนึ่งกำลังทอประกายสุดท้าย
ก่อนจะต้อนรับความมืดมิดเข้ามาในจิตใจ
“ลาก่อนครับ ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่คุณเคยทำให้กับผม ผมมีความสุขมากที่คุณสารภาพกับผมวันนี้ ทั้งยังอดทนอดกลั้นยอมรับฟังคำเห็นแก่ตัวของผมจนจบ” ร่องรอยเศร้าโศกปรากฏขึ้นบนใบหน้าชายหนุ่มหน้าหล่อ สัญญาณหนึ่งกำลังร้องเตือนให้หล่อนเหนี่ยวรั้งเขาเอาไว้ให้ได้
ก่อนชายตรงหน้าจะจางหายไปตลอดกาลไม่มีวันหวนคืนกลับมา
“…”
“ดะ เดี๋ยวก่อน” ฝ่ามือเรียวคิดคว้ามือชายหนุ่มเอาไว้ปิดกั้นไม่ให้เขาหายไปจากสายตา
เธอพยายามเหนี่ยวรั้งไม่ให้เขาจากไปไหน พยายามทำทุกวิธีทางหวังให้บางสิ่งอย่างหวนคืนกลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ใช่แตกสลายกลายเป็นฝุ่นผงแยกทางใครทางมัน
น่าเสียดายแก้วที่แตกกลายเป็นเศษยากจะหลอมรวมกลับมาเป็นหนึ่งเดียวอีกครั้ง
“คุณเอาดอกไม้ของคุณกลับไปเถอะ ผมไม่ต้องการ”
“…” ทุกคนเฝ้ามองต่างสูดลมหายใจเข้าลึกสะเทือนใจ
“อะไรกัน”
“ขอตัวก่อนครับ” พูดจบชายหนุ่มรูปงามก้าวเท้าเดินจากไปไม่ปล่อยให้หญิงสาวหรือใครหน้าไหนเข้ามาแทรกแซงยุ่งเกี่ยว ทิ้งให้หญิงสาวงดงามต้องทนทุกข์ทรมานกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ขาทั้งสองข้างสั่นสะท้านจนแทบประคองร่างกายเอาไว้ไม่ไหว
เธอเผลอถอยหลังไปหลายต่อหลายก้าว
“…” หอบหายใจรุนแรงจนแทบขาดสติ
“ไม่เป็นไรนะครับ!” เหล่าพลเมืองดีทั้งหลายรีบวิ่งเข้าไปช่วยเหลือทันที
“รีบเข้าไปดูเร็วเข้า”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่เป็นไร แค่เหนื่อยนิดหน่อย” ใบหน้าหล่อนตอนนี้เข้าขั้นซีดเซียวขาดเลือดพร้อมล้มได้ทุกเมื่อ เหล่าพลเมืองดีทั้งหลายไม่อาจปล่อยผ่านเมินเฉยรีบพาหญิงสาวไปนั่งพักสงบสติอารมณ์
“…พาเธอไปนั่งก่อน ไปซื้อน้ำมาเร็วเข้า!”
“ดะ ได้”
“รอแปบนะ”
“ไม่ดีกว่า—” เธอโบกมือคิดปฏิเสธไม่อยากเป็นภาระให้ใครคนอื่นเข้ามาดูแล แม้ว่าหล่อนจะพยายามทำตัวเข้มแข็งเผยรอยยิ้มแย้มกลบเกลื่อน แต่ในสายตาผู้คนพบเห็นหล่อนในตอนนี้กำลังฝืนตัวเอง
ฝืนไม่คิดปลดปล่อยทุกสิ่งอย่างออกมาให้โลกหล้าได้รับรู้
“ช่างเถอะ เธอนั่งไปทั้งแบบนั้นแหละ ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว” มือเรียวงามกดไหล่หล่อนเอาไว้แน่นไม่ปล่อยให้ลุก
“แต่”
“ไม่เป็นไร ฉันรู้ว่ามันเจ็บปวด” ผู้ก้าวข้ามผ่านโลกหญิงสาวตรงเข้ามาจับมือหล่อนเอาไว้แนบแน่นไม่คิดปล่อยให้อยู่ตัวคนเดียวสัมผัสอ่อนโยนอบอุ่นตรงเข้าปลอบประโลมดวงจิตดวงใจโดยตรง
ไม่ใช่เพียงผู้ก้าวข้ามผ่านโลกผ่านประสบการณ์คนเดียวยังมีอีกหลายคนคอยให้กำลังใจอยู่เคียงข้าง
“เธอจะร้องไห้ก็ได้นะ” สิ้นเสียงบอกกล่าวจบ
“…” ราวกับประตูจิตใจถูกพังทลายปลดปล่อยอารมณ์ด้านลบทั้งหมดพร้อมทั้งระบายน้ำตาสีใสอาบไปทั่วทั้งใบหน้าเครื่องสำรางเริ่มละลายไหลเปรอะเปื้อนช่างน่าสงสารเหลือเกินสำหรับผู้พบเห็นเข้า
มีผู้ชายบางคนที่ร่วมกันปลอบประโลมเริ่มทำตัวไม่ถูก
“นะ นี่”
“ฉะ ฉัน ฉันรักเขา ทำไมเขาถึงไม่รักฉันกลับบ้างละ” น้ำตาแทบกลายเป็นสายเลือดไหลไม่ขาดสายมาพร้อมกับเสียงร่ำไห้ปานจะขาดใจ หล่อนปลดปล่อยทุกสิ่งอย่างไม่มีกักเก็บระบายไม่สนเลยว่าใครหน้าไหนจะรู้สึกยังไง
ขอเพียงแค่ได้ระบายเป็นพอในตอนนี้
…‘ถ้าเธอรักฉันกลับบ้าง รับคำบอกรักของฉันมันจะดีขนาดไหนกันนะ’
“…” ทราเวียร์จดจ้องมองหญิงสาวกำลังนั่งร้องไห้ปล่อยระบายความเศร้าโศกทั้งหมดผ่านน้ำตาสีใส เหล่าผู้คนมากมายไม่มีแร้งน้ำใจต่างเข้ามาช่วยปลอบโยนคอยทะนุถนอมไม่ปล่อยให้หล่อนต้องพังทลาย
แต่ยิ่งปลอบโยนมากเท่าไหร่ น้ำตาหล่อนยิ่งไหลทะลักมากขึ้นเท่านั้น
“ฉันขอโทษ มะ ไม่ว่าฉันเคยทำอะไรกับนายเอาไว้ จนทำให้นายไม่ชอบใจ ฉันขอโทษ”
“ขอร้องละ กลับมาหาฉันเถอะนะ”
“ฉัน ฉันน่ะ”
“ลูกเอ๋ยใจเย็นก่อนนะ” ฝ่ามือชราภาพลูบเส้นผมเบาบาง
“…” หญิงสาวสวยแปรเปลี่ยนกลายเป็นอกหักกอดหญิงสาวชราเต็มเรี่ยวแรงระเบิดทุกสิ่งอย่างที่อดทนอดกลั้นมาตลอดไม่มีกักเก็บ เสียงร้องไห้ดังสะนั่นไปทั่วบริเวณไม่มีใครกล้าเสียดสีดูถูกหรือว่าหยอกล้อไปตามอารมณ์ ทุกคนในบริเวณพื้นที่แห่งนี้ต่างถูกฉุดกระชากให้เศร้าดำดิ่งจนแทบหายใจไม่ออก
หลายคนเริ่มมีน้ำตาซึมอยู่ตรงหางตาพอเห็นหญิงสาวร้องไห้ปานจะขาดใจตาย
“ฉันเกลียดต้องมาเห็นคนอื่นเสียน้ำตา โดยเฉพาะกับผู้หญิง” ชายกล้ามโตสายตาแหลมคมกล่าวพลางถอนหายใจ บิดเบือนไม่คิดเหลือบมองฉากตรงหน้า ทุกครั้งที่มองมันมักทำให้สติอารมณ์ของตนเริ่มหลุดจากการควบคุม
ผิดกับเพื่อนหนุ่มข้างกายที่มองไม่คิดปล่อยผ่าน
“ฉันเองก็ด้วย ฉันก็เกลียดเหมือนกัน” น้ำเสียงเย็นชาแฝงไปด้วยความจนเกล้า
“เราทำอะไรไม่ได้เลยเหรอ?”
“ไม่ได้ ต่อให้แกอยากทำใจจะขาด แต่แกจะทำอะไรได้ คิดบีบบังคับให้คนรักกันด้วยวิธีไหน ใช้เงินฟาดหัวเลยดีไหมจัดให้สัก 20 ล้าน หรือว่า 30 ล้าน มันอาจจะได้ผลแต่สุดท้ายมันก็เป็นเพียงเลียแผลรอวันมันอักเสบเท่านั้นเอง” ชายหนุ่มชาญฉลาดเข้าใจว่าเพื่อนนักกล้ามต้องการช่วยเหลือ แต่บางสิ่งอย่างใช่ว่าจะอาศัยกำลังเข้าจัดการปัญหา
สถานการณ์เฉกเช่นนี้มันต้องอาศัยหลากหลายมากกว่ากำลังอย่างเดียว
“แกช่วยเหลืออะไรไม่ได้หรอกนอกจากนิ่งเงียบปากเข้าไว้”
“…ให้ฉันเงียบต่อหน้าผู้หญิงที่กำลังร้องไห้เนี่ยนะ”
…‘ยอมไม่ได้หรอก เรื่องอะไรจะยอมวะ’
“…” นักกล้ามเห็นเพื่อนชาญฉลาดนิ่งเงียบเป็นคำตอบ ร่างกายสั่นสะท้านคล้ายต้องการทำตามใจตัวเองเป็นที่สุดระหว่างกำลังชั่งใจเลือกเส้นทางตัดสินใจครั้งสุดท้ายว่าจะลงมือหรือว่าจำยอมปล่อยผ่านไม่คิดเข้าไปยุ่งเกี่ยว
ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง
“เป็นฉัน ฉันจะเงียบอยู่นิ่ง ๆ เหมือนกับเพื่อนของนาย”
“…” ร่างเนื้อเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อสั่นสะท้านตื่นตระหนกตกใจเป็นที่สุด ราวกับพบเจอสิ่งแปลกประหลาดเข้าให้ สิ่งแปลกประหลาดที่แฝงไปด้วยอันตรายมากมายมหาศาลระดับที่สามารถเก็บเกี่ยวชีวิตได้ตามใจอีกฝ่าย
กระทั่งกล้ามเนื้อทั่วทั่งร่างกายยังแข็งเกร็งไม่อาจขยับไปไหนได้
“ใช่ เงียบเข้าไว้แหละดีแล้ว” รอยยิ้มผู้มาใหม่ฉีกกว้าง