ฮาเร็มวุ่นวายของนายทราเวียร์ - ตอนที่ 5: ตอนที่ 2 เคยรักฉันรึเปล่า
ตอนที่ 2 เคยรักฉันรึเปล่า
สิ้นเสียงตอบกลับเบาบางสั่นเครือแม้ว่าแทบจะไม่ได้ยิน เป็นน้ำเสียงของคนจิตใจเกือบแตกสลายเศร้าโศกเสียใจกับการตัดสินใจของตนเอง แม้ว่าจะเบาแค่ไหนแต่มันก็ดังมากพอสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับสถานการณ์โดยรวมทั้งหมด โดยเฉพาะกับหญิงสาวแสนสวย
ดวงตาหล่อนเบิกกว้างไม่คิดมาก่อนเหมือนกันว่าจะได้ยินคำตอบย้อนแย้งไม่ตรงตามคาดหมาย
“นะ นายอยากได้อยู่กับฉัน”
“ครับ” ชายหนุ่มยิ้มจนปัญญาก่อนกล่าวต่อ
“คุณเป็นเพียงคนไม่กี่คน ที่ผมอยู่ด้วยแล้วสบายใจ พร้อมแบ่งปันเรื่องราวมากมายไม่ว่าจะเป็นเรื่องทุกข์ เรื่องสุข เรื่องงานการ เรื่องเพื่อน เป็นคนในจำนวนไม่กี่คนที่ผมเชื่อใจและสามารถฝากฝังทุกอย่างเอาไว้ได้โดยไม่จำเป็นต้องเป็นกังวลเปล่าประโยชน์” พูดมาถึงขนาดนี้เธอยิ่งไม่เข้าใจเข้าไปใหญ่
อะไรเป็นสาเหตุหลักใหญ่สำคัญที่ทำให้เขาเลือกปฏิเสธคำสารภาพรัก
อะไรที่ทำให้เขาต้องปฏิเสธหล่อน
“ถ้าพูดถึงขนาดนั้นทำไมนายยังปฏิเสธอยู่อีกละ”
“เพราะผมไม่ได้อยากให้คุณอยู่ในฐานะคนรัก” ยิ่งพูดยิ่งจนปัญญาเข้าไปใหญ่ “ผมพร้อมให้ทุกสถานภาพกับคุณ พร้อมให้ได้หมดแหละครับ ยกเว้นเรื่องความรักเท่านั้นที่คุณจะไม่ได้จากผมไป ถึงแม้ว่าผมอยากให้คุณอยู่ข้างกาย อยากให้ช่วยเหลือซึ่งกันและกันมากมายเพียงใด แต่นั้นไม่ใช่ในฐานะคนรัก แต่เป็นสถานภาพอื่นมากกว่า”
เขายังคงกล่าวต่อ
“ผมรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของพวกเราสองคน ควรเป็นเพื่อนสมัยเด็ก ควรเป็นเพียงเพื่อนร่วมงานดีกว่า หรือมากที่สุดก็คงไม่พ้นต้องเป็นพี่สาวน้องสาว การคิดเกินเลยไปถึงขั้นคนรักไม่ใช่สิ่งที่ผมปรารถนา เอาเข้าจริงผมยังคิดไม่ถึงเลยด้วยซ้ำว่าผลของมันจะเลยเถิดจนมาถึงจุดนี้” ชายหนุ่มหน้าหล่อยิ้มแห้งตัวเขาเกิดรู้สึกอึดอัดจนหายใจแทบไม่ออกที่โดนสารภาพรักกะทันหันไม่ให้โอกาสเตรียมตัวเตรียมใจ
แม้จะรู้ว่าบางทีนะ
หรือไม่ก็อาจจะ
แต่ไหนจะไปคิดว่าจะโดนสารภาพรักแบบนี้
“หรือว่า!” ประกายแสงสว่างไหลผ่านเข้าหัวสมอง มันเป็นภาพหญิงสาวอีกหนึ่งที่น่าจะเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ชายหนุ่มหน้าหล่อตรงหน้าแปรเปลี่ยนการตัดสินใจหันไปเลือกใครคนอื่นที่ไม่ใช่หล่อน
นิ้วมือทั้งสิบกำเข้าหากันแนบแน่นแสดงอารมณ์เกรี้ยวกร้าวไม่มีกักเก็บ
…‘เพราะนังนั้นใช่ไหม? ที่ทำให้นายปฏิเสธฉัน นายเลือกนังนั้นมากกว่าฉัน มากกว่าฉันที่รักนายมาตลอดสิบปี เป็นไปไม่ได้ นาย นาย’
“…” หญิงสาวยังไม่ยินยอมรับความพ่ายแพ้ง่ายดาย พอครุ่นคิดหาข้อสรุปด้วยตัวเองพอมองเห็นความเป็นไปได้ต้นสายปลายเหตุทั้งหมด อารมณ์ด้านลบเริ่มเข้าคุกคามเข้าครอบงำจิตใจ
จนเผลอใส่อารมณ์ร่วมเข้าไปมากมาย
“หรือว่าเป็นเพราะยัยนั้น!”
“…” ชายหนุ่มหล่อส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่เกี่ยวครับ ไม่เกี่ยวเลยแม้แต่นิดเดียว บางทีเหตุผลแท้จริงที่ผมเลือกปฏิเสธคุณ คุณอาจจะรู้อยู่แก่ใจ ขอร้องละครับอย่าได้ดึงคนอื่นเข้ามายุ่งวุ่นวายเรื่องของพวกเราเลย”
แทนที่จะทำให้หญิงสาวยิ้มรับยอมตามความ กลับทำให้หล่อนเดือดดาลมากขึ้นเข้าไปอีก
“ทำไม นายต้องปกป้องเธอขนาดนั้นด้วย ทั้งที่นายปฏิเสธไม่รับรักจากฉัน ทั้งที่บอกว่าไม่เกี่ยวกับหล่อน แต่ทำไม ทำไม ถึงต้องไปปกป้องนังนั้นด้วย ฉัน ฉัน—” อย่างว่าละนะเมื่ออารมณ์เข้ามาครอบงำสุดท้ายปลายทางการพูดคุยด้วยเหตุผลจึงยากยิ่งจะเข้าใจ แม้ว่าหัวสมองทำความเข้าใจเรียบร้อยแต่เลือกยอมรับปฏิบัติตามหรือไม่
มันก็ต้องดูห้วงจิตใจกันอีกอีกที
…‘ยอมรับไม่ได้เด็ดขาด!’
“…” ต่อหน้าอารมณ์เกรี้ยวกร้าวชายหนุ่มเลือกยิ้มอ่อนโยนอาศัยน้ำเย็นเข้าลูบ
“ไม่เกี่ยวกับว่าเป็นใครคนไหน ต่อให้วันนี้เป็นเธอยืนอยู่ตรงหน้าผม และหยิบคุณขึ้นมาโจมตี ว่ากล่าวเสียหาย ทำทุกสิ่งอย่างเพื่อด้อยค่าคุณ ผมก็จะออกหน้าปกป้อง” สีหน้าชายหนุ่มหน้าหล่อจริงจังยังคงยืนหยัดในแนวคิดตัวเอง “เพราะฉะนั้นไม่เกี่ยวกับว่าเป็นใครหน้าไหน มันเกี่ยวกับความถูกต้องมากกว่าครับ”
“ผมดีใจนะครับ ที่คุณชอบผม”
“…”
“แต่เรื่องราวบางครั้งมันก็ใช้ความรักอย่างเดียวมาตัดสินใจชีวิตเราไม่ได้ ผมมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ มีสายสัมพันธ์อื่นต้องรับผิดชอบ มีความรับผิดชอบมากมายที่ผมต้องไปแบกรับ” แน่วแน่ไม่ยินยอมปล่อยผ่านนี่แหละคือการตัดสินใจของเขา “ตราบใดที่ผมยังคงยึดมั่นในความคิดนี้ไม่เปลี่ยนแปลง ผมจะไม่ยินยอมให้ตัวเองบกพร่องในหน้าที่เด็ดขาด”
“แม้ว่านายจะต้องทิ้งฉัน?”
“…ครับ”
เจ็บปวดรวดร้าวจนแทบยืนอยู่ต่อไปไม่ไหว
…‘อะไรกัน’
“…” หล่อนพยายามโต้เถียงกลับไปน่าเสียดายที่มันทำได้ยากยิ่งนัก
บรรยากาศเข้าขั้นมากไปด้วยแรงกดดันที่มองไม่เห็น ไม่มีสุ้มเสียงกล่าวแทรกเข้ามาทุกสิ่งอย่างล้วนเงียบนิ่งสนิทขณะผู้คนจำนวนไม่น้อยกำลังจดจ้องมองไม่คิดปล่อยผ่านเหตุการณ์ตรงหน้า
เฝ้ามองเหตุการณ์สารภาพเต็มไปด้วยเรื่องราวเจ็บปวดรวดร้าวของทั้งสอง
…‘เหมือนกับตอนของฉันไม่มีผิด เพียงแต่ว่าเปลี่ยนเพศกันเท่าน้ันเอง’
“…” ทราเวียร์กระพริบตาเรียกสติตัวเองกลับมาก่อนถอนหายใจเจือปนไปด้วยอารมณ์มากมาย
ฉากเบื้องหน้าตนที่กำลังเปิดเผยให้โลกหล้าได้รับรู้อยู่ตอนนี้ คือหญิงสาวกำลังกล่าวคำสารภาพรักบอกความรู้สึกทั้งหมดหวังเปลี่ยนถ่ายสถานภาพหนึ่งไปยังสถานภาพหนึ่ง
น่าเสียดายที่ไปไม่ถึงฝั่งฝัน
“…” ผู้คนมากมายที่กำลังเฝ้ามองต่างสูดลมหายใจหนาวเหน็บเข้าสู่ร่างกาย หลายคนหนักหน่วงยิ่งกว่าร้องอุทานขึ้นมาเบาบางเสียใจกับเหตุการณ์ที่กำลังขึ้นต่อหน้าต่อตา
“น่าสงสาร”
“ทำไงได้ บางครั้งโลกก็ไม่ได้อ่อนโยนกับทุกคนหรอก”
“จริง” โลกไม่เคยอ่อนโยนกับทุกคนช่างเป็นคำพูดทรงพลังซุกซ่อนความนัยเอาไว้เยอะแยะมหาศาล หลายคนคิดตาม หลายคนงุนงงไม่เข้าใจ ทราเวียร์มองหญิงสาวนิ่งแข็งสะเทือนไปทั่วทั้งร่างกายไม่ขยับเขยื้อนไปไหน
…‘โลกมันไม่เคยอ่อนโยนกับใครหน้าไหนทั้งนั้นแหละ’
“…” ทราเวียร์เองก็เป็นหนึ่งในนั้นที่เห็นด้วยกับคำพูดโลกไม่เคยอ่อนโยนกับผู้คน ไม่ใช่เพียงเข้าใจเบื้องต้นเรียบง่ายแต่ประสบพบเจอเข้ากับตัวเองอย่างจังจึงเข้าใจทันทีว่าหญิงสาวผู้ไปไม่ถึงฝั่งฝันตอนนี้กำลังรู้สึกเฉกเช่นไร เรียวปากอมชมพูพยายามพูดจาระบายเอาความในใจทั้งหมดออกมาแต่มันช่างยากเย็นเหลือเกิน
ยากเย็นจนหัวใจบีบรัดแน่นหน้าอกไปหมด
“…คำถามสุดท้าย?”
“ว่ามันเลยครับ”
“นายเคยรักฉันรึเปล่า?”
“…” ชายหนุ่มหน้าหล่อดวงตาหวั่นไหวเล็กน้อย
“จะตอบแบบไหน?” สายตาทุกคนกำลังจดจ้องมองผู้ชายหน้าหล่อ สถานการณ์เต็มเปี่ยมไปด้วยเสียงหัวเราะในตอนแรกแปรเปลี่ยนกลายเป็นมืดครึม ทิศทางสถานการณ์ล้วนขึ้นอยู่กับคำตอบของอีกฝ่ายแล้วตอนนี้
ว่าจะดำเนินไปทิศทางไหนจะกลายเป็นเหตุสงบสุข หรือจะกลายเป็นทุกข์ทรมาน
“…” กล่าวสำหรับทั้งสอง
คำถามสุดท้ายคือตัวตัดสินโชคชะตา ตัดสินทุกสิ่งอย่าง ตัดสินความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองต่อจากนี้ว่าจะกลายเป็นเพียงคนแปลกหน้าเคยรู้จัก หรือยังคงร่องรอยเยื่อใยเอาไว้ได้บางส่วน หนักหน่วงยิ่งกว่าเลยคือชาตินี้อย่าได้พบเจอหน้ากันอีกต่างคนต่างอยู่ห้ามพบเจอกันอีกตลอดกาล
ไม่ว่าชายหนุ่มจะให้คำตอบแบบไหนหากไม่ใช่คำตอบยอมรับหล่อนมาไว้ข้างกายในฐานะคนรัก ความสัมพันธ์ต่อจากนี้จะมีแต่ถดถอยไม่มีเท่าเดิมหรือว่าก้าวหน้าเดินต่อไปได้อีกแน่นอน
หัวสมองครุ่นคิดอยู่นานก่อนเปิดปากพูดเบาบาง
“เคยครับ”
“…” เรือนร่างงดงามสั่นสะท้านเล็กน้อย
“เคยรักสุดหัวใจ เคยกระทั่งเฝ้ารอโอกาสเพื่อที่จะสารภาพรักกับคุณ กระทั่งอยากแต่งงานสร้างครอบครัว อยู่กันไปจนถึงแก่เฒ่า” รอยยิ้มอ่อนโยนเต็มเปี่ยมไปด้วยเรื่องราวจางหายทดแทนด้วยรอยยิ้มแข็งกระด้างแข็งกร้าวเหมือนกับเหล็กกับหินไม่มีหวั่นไหว
“แต่ตอนนี้ผมไม่ได้รักคุณแล้ว” โหดเหี้ยมยิ่งนักให้ความหวังก่อนบดขยี้ด้วยถ้อยคำ เสมือนมอบน้ำดับกระหายให้ก่อนรู้สึกตัวอีกทีมันคือยาพิษพร้อมฆ่าชีวิตได้ทุกเมื่อ
ดวงตาสองข้างเจิ่งนองไปด้วยน้ำตาสะท้านสะเทือนใจเป็นที่สุด
“นะ นายเคยรักฉัน”
“ครับ”
“แต่ตอนนี้นายไม่ได้รักฉันแล้ว”
“…ครับ” น้ำเสียงแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยินต่อให้เขากล้าแกร่งยังไง ก็ยากจะต้านทานพอได้เห็นดวงตาผู้ที่เคยหลงรักครั้งหนึ่งต้องอาบไปด้วยน้ำตาเศร้าโศก เขารู้อยู่ว่ามันต้องเกิดอะไรขึ้นครุ่นคิดมาหลายต่อหลายครั้ง
แต่พอเจอเข้าจริงทุกคำพูดปลอบประโลมต่างเงียบหายไม่มีหลงเหลือ
“…” มีเพียงความเงียบเท่านั้นที่แสดงออกให้เห็น