ฮาเร็มวุ่นวายของนายทราเวียร์ - ตอนที่ 4: ตอนที่ 1 กลับมาปัจจุบัน
ตอนที่ 1 กลับมาปัจจุบัน
ภาพความทรงจำเมื่อหลายปีก่อนจางหายไปหมดสิ้นกลับคืนสู่ห้วงเวลาปรกติอีกครั้ง ชายหนุ่มถอนหายใจไม่คิดมาก่อนเหมือนกันว่าจะมีวันแบบนี้ด้วย วันที่ตัวเองต้องหวนกลับไปนึกถึงประสบการณ์ขมขื่น
…‘จิตใจอ่อนไหวเหมือนกับผู้หญิงไม่มีผิด’
“…” ทราเวียร์เผยรอยยิ้มเหงาหงอยพร้อมเงยหน้าขึ้นท้องฟ้า
มองทะเลก้อนเมฆก้อนกลมเคลื่อนตัวไปตามกระแสลมอบอุ่น ช่างอิสระ ไร้ข้อผูกมัด เพียงแค่เหลือบตามองก็ทำให้จิตใจเขาโปร่งใสไร้ร่องรอยขุ่นมัวหมองจากภาพความทรงจำในอดีต ใครจะไปคิดว่าหลังจากผ่านพ้นประสบการณ์ขมขื่นเมื่อหลายปีก่อน เหตุการณ์เหล่านั้นจะกลับมาอีกครั้ง
แน่นอนว่าไม่ได้กลับมาในรูปแบบพบเจอเข้ากับตัวเอง
“ได้โปรดเป็นแฟนกับฉันด้วยค่ะ!”
“…” ชายหนุ่มหน้าหล่อนิ่งค้างไปในทันที ต่อหน้าหญิงสาวแสนสวยที่กำลังก้มหน้าก้มตาปกปิดใบหน้าเขินอายสุดชีวิต ใบหน้าแดงก่ำลามไปถึงใบหนูทุกสัดส่วนล้วนแสดงออกชัดเจนเลยว่ากำลังจมอยู่กับความสุขสันต์
ทั้งยังลุ้นระทึกไม่มีที่สิ้นสุด
“ร้อนแรงเป็นบ้า”
“น่าอิจฉา”
“หนุ่มหล่อกับสาวสวยช่างเป็นอะไรที่ลงตัวเหลือเกิน” หลายคนหัวเราะสนุกสนานให้กับคู่รักที่กำลังจะเกิดใหม่ในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า แม้ว่าจะไม่ได้ประสบพบเจอเข้ากับตัวเองแต่ความหวังยังไงก็ยังดีกว่าความสิ้นหวังเป็นไหน ๆ
น่าเสียดายที่ชายหนุ่มสวมแว่นผู้ยืนอยู่วงนอกกลับครุ่นคิดไปในทิศทางแตกต่างจากใครคนอื่น
“ไม่ไหวหรอก”
“หมายความว่ายังไง?”
“ดูเอาเองละกัน”
“…นิ” คนที่เถียงไม่พอใจทราเวียร์ในตอนแรก สีหน้าเริ่มแปรเปลี่ยนมหาศาลเนื่องจากเจ้าตัวเองก็สัมผัสได้ว่าชายหนุ่มหน้าหล่อไม่ได้ตอบสนองต่อคำพูดสารภาพหญิงสาว แต่กำลังอดกลั้นบางสิ่งอย่างสีหน้าย่ำแย่กะทันหันหากมองให้ลึกก็จะเห็นร่องรอยขมขื่นเกินกว่าร่างกายเล็กน้อยจะแบกรับเอาไว้ได้
ทราเวียร์เพียงจ้องมองเฉยชาผิดกับคนข้างกายเขาที่คิดเข้าไปแทรกกลาง
“ถ้าคิดเข้าไปยุ่งเลิกเถอะ มันไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้นหรอก”
“แต่—”
“อย่างที่ได้พูดไป นอกจากไม่ช่วยให้ใครมีความสุข ยังจะทำให้สถานการณ์มันยุ่งยากกว่าเดิมไปอีกหลายเท่าตัว ช่วงเวลานี้นายต้องปล่อยให้พวกเขาทั้งสองคนเป็นตัวกำหนดสถานการณ์เอง” ทราเวียร์ยังทำตัวร้อนไม่รู้ร้อน ยังเมินเฉยต่อทุกสิ่งอย่างไม่คิดเข้าไปยุ่งเกี่ยว “ไม่งั้นทุกอย่างจะไม่มีวันจบ จะไม่มีความหมายอีกต่อไป”
และด้วยเพราะไอ้ท่วงท่าไม่ทุกข์เนี่ยแหละ ทำให้ใครคนอื่นที่พบเห็นต่างไม่ชอบใจกันทั้งนั้น
“พูดเหมือนรู้ดี!”
“ถ้าไม่อยากจะช่วยก็หุบปากไปเลย”
“น่าขยะแขยงเป็นบ้า”
“…” เขาเพียงเหลือบมองก่อนยิ้มเบาบางให้เป็นสัญญาณบอกกล่าวให้อีกฝ่ายลงมือตามใจชอบได้เลย ยังไงเขาเพียงคนจดจ้องมอง คนเฝ้าดูจุดกำเนิดห้วงสิ้นหวังแห่งใหม่เท่านั้น
ไม่ได้เป็นคนดีคนเด่นเข้าไปช่วยเหลือเป็นพ่อพระชอบเข้าไปแทรกกลางระหว่างทั้งสอง
“ก็ได้อยากจะทำอะไรก็เชิญเลยเต็มที่ ยังไงโลกใบนี้ มันก็ไม่เคยขาดแคลนคนสิ้นหวังอยู่แล้ว มีให้เห็นเยอะแยะเต็มไปหมดเยอะยิ่งกว่ามดแมลงในท่อระบายน้ำซะอีก” ดวงตาทราเวียร์แฝงเร้นไปด้วยอารมณ์ลี้ลับนับไม่ถ้วน “และคนสิ้นหวังเหล่านั้นก็ไม่เคยขาดแคลนความหวังจอมปลอม”
ไม่ใช่เพียงคนข้างกายทราเวียร์ที่รู้สึกไม่ชอบใจต้องการเข้าไปช่วยเหลือไม่ทำให้การสารภาพครั้งนี้ต้องล้มเหลว ยังมีคนอีกมากมายทั้งผู้มีประสบการณ์โดยตรง ผู้มีสายตายอดเยี่ยมเล็งเห็นทิศทางแปลกประหลาดที่ชายหนุ่มหน้าหล่อต้องการนำพาหญิงสาวแสนสวยเดินเข้าไป
ต่างฝ่ายต่างต้องการพยายามเข้าช่วยเหลือ
“จะเข้าหยุดตอนไหนดีวะ ไม่สิ จะต้องเริ่มจากตรงไหนดีเนี่ย”
“ทำไมบรรยากาศมันแปลก ๆ”
“ดูหน้าพ่อหนุ่มคนนั้นสิ”
“…” หลายคนขมวดคิ้วสังเกตเห็นสิ่งผิดปรกติเกิดขึ้น ทราเวียร์นอกจากนิ่งเงียบไม่คิดพูดจากับใครหน้าไหนยังคงจดจ้องมองสถานการณ์ไม่คิดปล่อยผ่าน เขาอยากเห็นเหลือเกินว่าคนผู้หนึ่งเมื่อพังทลายจากความรักมันจะออกมาเป็นสภาพแบบไหน จะออกมาเป็นแบบเดียวกับตน
หรือว่าหนักหน่วงยิ่งกว่าสิ้นหวังในความรักจนกระทั่งชีวิตนี้ก็ทิ้งได้โดยไม่คิดเสียดาย
“ทำไมถึงเงียบไปละ” หญิงสาวแสนสวยถามขึ้นหลังจากเห็นอีกฝ่ายเงียบไปนาน
“ผมไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะโดนสารภาพรัก” ชายหนุ่มหล่อถอนหายใจ “มันเลยค่อนข้างประหม่าเล็กน้อยน่ะ”
“…” หล่อนยิ้มรวบรวมความกล้าทั้งหมดเอ่ยความในใจไม่มีกักเก็บ
“ฉันอยากให้นายรู้เอาไว้ว่าฉันรักนายแค่ไหน ฉันไม่อยากเป็นฝ่ายรอคอยอีกต่อไปแล้ว รอบตัวนายมีผู้หญิงเยอะแยะเป็นสาวสวย เป็นสาวฉลาด หากว่า หากว่าฉันไม่ทำอะไรให้มันเป็นเรื่องเป็นราว” ภาพหญิงมากหน้าหลายตาเข้ามาพัวพันคนที่ตนรักมันช่างบาดตาบาดจิตจนแทบอดทนอดกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ เพราะฉะนั้นวันนี้เป็นโอกาสเธอต้องระบายอารมณ์ความรู้สึกทั้งหมดให้เขาได้รับรู้ว่าตนรักเขามากแค่ไหน
ชายหนุ่มหล่อยังคงรับฟังต่อไปไม่มีขัดขวาง
“คุณก็เลยเริ่มสารภาพรักสินะ”
“..” หล่อนพยักหน้าแน่วแน่ “ใช่ ฉันเลือกสารภาพกับนาย ถ้าฉันยังคงชักช้าแบบนี้ต่อไป มัวแต่เขินอายไม่กล้าพูดความรู้สึกของตัวเองออกมา เกรงว่าฉันคงต้องเสียนายไป เสียนายให้กับคนพวกนั้น”
ทุกสิ่งอย่างกลับมาเงียบสงัดอีกครั้งแต่มันก็เป็นเพียงคลื่นลมสงบก่อนพายุโหมกระหน่ำเข้ามาทดแทน
“…” แม้จะเป็นช่วงเวลาเพียงไม่กี่วินาทีหลังจากสารภาพรัก แต่มันก็นานมากพอทำให้หญิงสาวแสนสวยอึดอัดหัวใจเหลือเกินสัญชาตญาณของหล่อนกำลังร้องเตือนเมื่อเห็นสีหน้าชายหนุ่มคนที่ตนหลงรัก
เริ่มแสดงสีหน้าแปลกประหลาดต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
“…ขอโทษครับ ผมขอโทษจริง ๆ”
“…”
“นายปฏิเสธ”
“…ครับ”
“…” ไม่ใช่เพียงแค่หญิงสาวแสนสวยตื่นตระหนกตกใจ กลุ่มคนเฝ้ามองทั้งหลายยังตื่นตระหนกตกใจไม่แพ้กันทุกสิ่งอย่างดำเนินมาปรกติไม่มีอะไรผิดพลาดกลับมาสะดุดส่วนท้าย
ช่างเป็นอะไรที่ยากจะยอมรับ
“ถึงจะไม่ได้โดนกับตัวเอง แต่มันก็สร้างผลกระทบให้ฉันไม่น้อย” มือซ้ายสัมผัสหน้าอกข้างซ้าย สัมผัสหัวใจดวงน้อยที่กำลังเต้นเป็นจังหวะเงียบเหงา หัวใจที่ตายด้านไร้ซึ่งความรู้สึกโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับความรัก
ทราเวียร์ถอนหายใจเฝ้ามองฉากตรงหน้า
“ให้ตายสิ ต่อให้หัวใจด้านชาไปแล้วแต่ก็ยังมีบาดแผลให้ขุดคุ้ยขึ้นมาเล่นงานสินะ”
“ทำไมละ” เธอกำหมัดตัวเองแน่น
“…” นิ่งเงียบไม่ต้องการตอบ แม้จะเตรียมใจอยู่ก่อนแล้วว่าความรักมันไม่มีทางสมหวังกันทุกคน แม้ว่าจะมีโอกาสน้อยนิดหรือว่ามากกว่าครึ่งเธอก็เตรียมใจโดนปฏิเสธอยู่แล้ว แต่พอมาโดนเข้ากับตัว โดนเข้าจริง ๆ ถึงได้รับรู้ว่าไอ้ที่เตรียมใจทั้งหมดมามันช่างเปล่าประโยชน์เหลือเกิน
หล่อนกัดปากร้องตะโกนถามกลับไป
“นาย!”
“นาย” ชายก็ยังนิ่งเงียบเหมือนเดิม
ท่าทีอึดอัดไม่ต้องการตอบรับคำสารภาพรักของชายหนุ่ม ทำเอาหญิงสาวผู้เฝ้ารอโอกาสมาเนิ่นนานเค้นความกล้าทั้งหมดเพื่อวันนี้โดยเฉพาะต้องใจสลาย หล่อนกัดปากตัวเองแน่นนิ้วมือทั้งสิบชักเกร็งไปหมดยังไม่รวมหัวใจที่แทบหยุดเต้นเจ็บปวดไปถึงขั้ววิญญาณ
กระทั่งคำถามยังเบาบางจนแทบไม่ได้ยิน
“…ไม่อยากอยู่ด้วยกันเหรอ?”
“…” ทำไมถึงยังเงียบได้ไม่คิดพูดอะไรโต้ตอบกลับมาเอาแต่เบี่ยงหน้าหลบ
ปัง!
มือปัดแก้วในมืออีกฝ่ายหลุดกระแทกลงพื้น
“ถ้าเงียบแบบนี้แล้วฉันจะเข้าใจเหรอ! พูดออกมาสิ ฉันอยากให้นายพูด ถ้านายเอาแต่เงียบฉันไม่มีทางเข้าใจหรอก ว่านายต้องการพูดอะไรออกมา คิดอะไรอยู่ในใจ” น้ำเสียงหล่อนมันช่างบาดหัวจิตหัวใจผู้รับฟังเหลือเกิน
“พูดออกมาเถอะ อย่าเงียบแล้วปล่อยให้ฉันต้องคิดคนเดียว”
“มันทรมานนะ”
“…” หลายต่อหลายคนต้องสะกดใจตัวเองไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวเกินควร เกิดยื่นมือเข้าไปยุ่งยากเกินจำเป็นนอกจากไม่ช่วยให้สถานการณ์คลี่คลายยังจะทำให้สถานการณ์มันยิ่งวุ่นวายกว่าเดิม
เพราะฉะนั้นมีเพียงรอคอยอย่างอดทนอดกลั้นคอยให้กำลังใจทั้งสองอยู่ห่าง ๆ เท่านั้นในตอนนี้
“…” ชายหนุ่มกัดปากตัวเองกล่าวเบาบางน้ำเสียงสั่นเครือ
“…อยากครับ”